Spiritual progress is to discovering God’s standard or God’s fact which he has done in Christ.
การเติบโตชีวิตฝ่ายวิญญาณ คือการได้ค้นพบความจริงของพระเจ้า หรือมาตรฐานของพระเจ้าที่พระองค์ได้กระทำสำเร็จแล้วในพระคริสต์
...
Spiritual progress is by finding out what you are after you accepted Christ, not by trying to be what you hope to be.
การเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณ คือการค้นหาความจริงหลังจากท่านได้ต้อนรับพระเยซูแล้ว การเติบโตไม่ได้มาจากการพยายามเป็นในสิ่งที่ท่านหวังไว้ว่าจะเป็น
...
Life progress is to see that you are already good not by trying to be good.
การเติบโตที่แท้จริงนั้น คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า ท่านเป็นคนดีแล้ว ไม่ใช่ด้วยการพยายามเปลี่ยนชีวิตท่านให้เป็นคนดี
...
To see you’re righteous not by trying to be righteous.
คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า ท่านคือคนที่ชอบธรรมแล้ว ไม่ใช่ด้วยการพยายามทำตนให้เป็นคนชอบธรรม
...
To see you’re holy not by trying to be holy by stop sinning.
คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า ท่านบริสุทธิ์แล้ว ไม่ใช่ด้วยการพยายามรักษาตนเองให้บริสุทธิ์โดยไม่ทำบาป
...
To see you’re dead not by trying to die in the old man.
คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า ท่านตายแล้วในตัวเก่า ไม่ใช่พยายามทำให้ตัวเก่าตาย
...
To see you’re risen not try to rise from death.
คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า ท่านเป็นขึ้นแล้ว ไม่ใช่ด้วยการพยายามทำตัวให้เป็นเหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว
...
To see the Holy Spirit be in you always not try to be Holy to make the Holy Spirit stay as always.
คือการได้รู้ หรือค้นพบว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในท่าน และจะอยูในท่านตลอดไป ไม่ใช่ด้วยการรักษาตนเองไม่ให้ทำบาป เพื่อพระวิญญานจะไม่พรากจากท่านไป
...
It is when you see you’re dead that you died.
เป็นเพราะว่าคุณได้รู้ว่า คุณตายแล้ว คุณจึงตายแล้ว
...
It is when you see you’re risen that you rise.
เป็นเพราะว่าคุณได้รู้ว่า คุณเป็นขึ้นแล้ว คุณจึงเป็นขึ้นแล้ว
...
It is when you see you’re holy that you become holy.
เป็นเพราะว่าคุณได้รู้ว่า คุณบริสุทธิ์แล้ว คุณจึงเป็นคนบริสุทธิ์แล้วจริงๆ
There is only one possibility in spiritual progress that is by discovering God’s fact.
มีทางเดียวเท่านั้น ที่คุณจะพบการเติบโตของชีวิตใหม่ฝ่ายวิญญาณ นั่นก็คือการได้ค้นพบความจริงของพระเจ้าที่ซ่อนไว้ในพระคัมภีร์
...
Our great need is just to see the truth as God sees it.
ความต้องการที่สูงสุดของเรา ก็คือการได้เห็นความจริง ในด้านเดียวกันดังที่พระเจ้าเห็นนั้น
...
The truth concerning Christ, the truth concerning ourselves in Christ and the truth concerning the church the body of Christ.
ซึ่งเป็นความจริงเกี่ยวกับพระคริสต์ ชีวิตของเราในพระคริสต์ และคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์
The fact is the church has been glorified to God and anything else is faults.
ความจริงเกี่ยวกับคริสตจักร ก็คือคริสตจักร (ผู้เชื่อทุกคน) ได้รับการชำระให้มีสง่าราศีแล้ว และถ้ามีความเชื่ออย่างอื่นก็ผิดต่อพระเจ้า
...
When we say so we’re not philosophizing, but we’re stating the truth.
เมื่อเรายอมรับความจริงนี้ เราไม่ได้พูดในหลักปรัชญาซึ่งไม่เห็นความเป็นจริง แต่เราพูดเพื่อยืนยันความจริงของพระเจ้า
...
The ultimate reality is before God all the time and God speaks in the light of the reality.
ความเป็นจริงที่สูงสุด อยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าตลอดมา และพระเจ้าทรงตรัสในความสว่างและความเป็นจริง
...
The time factor in the bible is one of the greatest problems to the human mind.
ลำดับแห่งการเวลาในพระคัมภีร์ คือปัญหาที่ใหญ่ยิ่งสำหรับความคิดของมนุษย์
...
How do you account for the statement that the church is sanctified or purified by the washing of the water with the blood?
เราจะกล่าวยืนยันได้จากที่ใหนว่า คริสตจักร คือผู้เชื่อทุกคน ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยน้ำ และพระโลหิตแล้ว
The question is not how to be a husband or how to be a wife, but being husband how you should live or being a wife how you should live.
พระคัมภีร์ข้อนี้บอกให้เรารู้ว่า ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำยังไงเราจึงจะเป็นสามี หรือภรรยา หรือเราจะเป็นสามีที่ดี หรือภรรยาที่ดีในการดำรงชีวิต
...
You’re husband or wife already. It’s not that you have to love and to live as good husband or good wife so you can be husband or wife.
ท่านเป็นสามีหรือภรรยาแล้ว และไม่ใช่ว่า ท่านต้องเป็นคนดีมีความรักก่อน แล้วท่านจึงจะได้เป็นสามีหรือภรรยา
...
The same principle applies in relation to the church. The church is already the church which is us.
ในหลักการเดียวกันเกี่ยวกับคริสตจักร หรือผู้เชื่อทุกคน คริสตจักร์ไม่ต้องทำอะไรก็เป็นคริสตจักรแล้ว
...
God doesn’t require church to be glorified or purified but he already done it and call us the sanctified church.
พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเรา หรือเราต้องสะอาดบริสุทธิ์ก่อน เพื่อให้เราได้กลายเป็นคริสตจักรของพระเจ้า แต่พระองค์ได้ทรงกระทำแล้ว คือได้ชำระเราแล้ว และทรงเรียกเราว่า คริสตจักรที่บริสุทธิ์ ไร้จุดด่างพร้อยของพรองค์
...
The church (us) are washed because we’re the church not that we need to wash to be the church.
คริสตจักร หรือผู้เชื่อทุกคนได้รับการชำระ เพราะว่าเราทุกคนเป็นคริสตจักร ไม่ใช่ต้องชำระก่อนจึงจะได้เป็นคริสตจักร
...
God sees the church utterly pure and utterly perfect.
พระเจ้าเห็นคริสตจักรของพระองค์ (ซึ่งก็คือเราทุกคน) สะอาดบริสุทธิ์ และครบบริบูรณ์ที่สุดสำหรับพระองค์
...
By seeing what God sees in the church and in us in heaven, we can live in the power of the reality on earth.
โดยการมองเห็นในสิ่งที่พระเจ้าทรงมองเห็นในคริสตจักรจากสวรรค์ เราจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในอำนาจอันยิ่งใหญ่ของความเป็นจริงในโลกนี้ได้
Today God sees us as perfect because of Christ and no longer about what we did.
ทุกวันนี้พระเจ้าเห็นเราดีพร้อมก็เพราะพระเยซู ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เราทำ
...
God sees us perfect because of Jesus.
พระเจ้าทรงเห็นท่านเป็นคนดีพร้อมเพราะพระเยซู ไม่เกี่ยวกับการกระทำของเรา
...
The wrong things that you did before, God doesn’t see them.
สิ่งที่ไม่ดีที่ท่านทำ พระเจ้ามองไม่เห็นอีกแล้วในพระคริสต์
...
God never see you’re sick when you’re sick, but he sees you’re well in Christ.
พระเจ้าไม่เห็นท่านป่วยไข้เมื่อท่านป่วยไข้ แต่พระองค์ทรงเห็นท่านหายดีแล้วในพระคริสต์
...
All the depths you have, God see you been paid in full in Christ.
หนี้สินที่ท่านมีอยู่พระเจ้ามองไม่เห็น แต่พระเจ้าทรงเห็นว่า ท่านจ่ายครบหมดแล้วในพระคริสต์
...
The relationship that you have with kids, husband or wife, friend and co-workers. God sees you as huge as well.
ความสัมพันธ์ (ซึ่งไม่ดีเท่าไหร่) ที่ท่านมีกับบุตร ภรรยา สามี และเพื่อนร่วมงาน พระเจ้าทรงเห็นคุณดีแล้วในสายพระเนตรของพระองค์
...
Today we’re whole in Christ not just this area or that area, but whole.
ทุกวันนี้เราเป็นทุกสิ่งที่ดีพรอมแล้วในพระคริสต์ ในทุกซอกทุกมุมของชีวิต ไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะบางที่เท่านั้น
...
Don’t ever see yourself as incomplete.
อย่ามองตัวท่านเองเป็นคนดีไม่ครบหรือไม่พร้อม
...
Don’t see yourself as lack or as being lack.
อย่ามองตัวท่านเองว่า เป็นคนที่ขาดตกบกพร่องอยู่
...
Because today you’re really complete in Christ.
เพราะว่าทุกวันนี้ท่านครบบริบูรณ์แล้วในพระคริสต์
...
It’s finished.
ทุกอย่างในชีวิตของท่านสำเร็จแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า
...
You’re the huge of the Lord.
ท่านเป็นผู้ใหญ่โตสำหรับพระเจ้า
...
You’re perfectly provided one of the Lord.
ท่านคือผู้ที่ครบบริบูรณ์ในพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้ประทานให้
...
You’re beloved sons and daughters of the Lord as the promised of Abraham, kings, and priests, and you rule at the right hand of the Lord Jesus.
ท่านคือบุตรที่รักของพระเจ้า ดังที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม เราทั้งหลายเป็นกษัตริย์และปุโรหิต และท่านได้ปกครองอยู่เบื้องพระพักตร์ข้างขวาของพระคริสต์เยซูของเรา
...
By trying to be what you hope to be will never reach your goal, no matter how hard you try.
โดยการพยายามเป็นในสิ่งที่ท่านหวังว่าจะเป็นนั้น ท่านจะไปไม่ถึงจุดหมายได้โดยเด็ดขาด ไม่ว่าท่านจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม
อ่านเพิ่มเติม: