การพักผ่อนในร่างกายคือ สบาโตในยุคพระบัญญัติ
การพักผ่อนภายในจิตใจทุกเวลานาที คือสบาโตใหม่ในยุคพระคุณ
ชีวิตคริสเตียนรู้สึกว่าสันติสุขและความสงบสุขภายในจิตใจเราไม่ค่อยจะมีกันพี่น้องส่วนมากยังมาไม่ถึงชีวิตของผู้ชนะยังไม่เข้าใจการรับสุขว่าจะรับยังไงเรามักจะคิดว่าการเชื่อฟังพระเจ้านำมาซึ่งสันติสุข
เรื่องสันติสุขความสงบสุขภายในจิตใจเป็นสิ่งที่จำเป็นมากและเป็นสิ่งที่เราต้องมีสันติสุขและความสงบสุขภายในจิตใจ เป็นคุณสมบัติประการหนึ่งในคุณสมบัติ 9 ประการ ของราษฎรแห่งอาณาจักรและความสงบสุขภายในจิตใจสันติสุขเป็นสบาโตใหม่ของพระเยซู
ถ้าหากเราไม่มีสันติสุขและความสงบสุขภายในจิตใจ เราละเมิดกฎสบาโตของพระเยซู เป็นความเข้าใจผิด หากเรายังคิดว่าการได้รับสันติสุขและการรับความสงบสุขภายในจิตใจจากพระเจ้าเป็นสิ่งที่เราต้องเชื่อฟัง รักษาชีวิตให้บริสุทธิ์และชอบธรรมอันนี้ไม่ครับ
สันติสุขและความสงบสุขภายในจิตใจได้มาโดยทางความเชื่อ เป็นของขวัญหรือเป็นของแถม ทันทีที่เราเชื่อพระเยซูคริสต์เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และเรามีสันติสุขกับพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์ ในโรมบทที่ 5 ข้อ 1 (เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา) เเละสันติสุขนี้ เกิดขึ้นจากภายในของเราไม่ได้เกี่ยวว่าเราจะได้ยินข่าวดีได้รับข่าวดี ได้ในสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตแล้วเราค่อยมีความสุขหรือมีสันติสุขได้
อันนั้นเป็นความสุขทางโลกเป็นความสุขทางฝ่ายเนื้อหนัง พี่น้องคริสเตียนเรามักจะสับสนเมื่อเราได้รับในสิ่งที่ดีๆเข้ามาก็ดีก็มีสันติสุขมีความสุขแต่พอสิ่งที่ไม่ดีข่าวร้ายสิ่งที่เลวร้ายเข้ามาในชีวิตของเรา เราก็ไม่ยินดีไม่มีสันติสุขอันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดครับ
...
สันติสุขในพระเจ้า มี 2 แบบด้วยกัน มี 2 ขั้นตอน
ขั้นตอนแรกก็คือ (You heart is at peace with God)
จิตใจของเราหัวใจของเราอยู่ในความสงบสุขกับพระเจ้า คือเป็นฝ่ายเดียวกับพระเจ้าไม่เป็นศัตรูต่อกันอีกต่อไป เราคืนดีกับพระเจ้าแล้วสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำก็คือ เลิกกลัวพระเจ้า การที่จะเลิกกลัวพระเจ้าและมีความสงบสุขภายในจิตใจในแต่ละวันทุกวันทุกเวลานาทีได้ ก็คือการเข้าใจ 2 เรื่อง
-เรื่องแรกก็คือ การได้รู้และเข้าใจเรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้าต่อเราในแต่ละวัน
-และเรื่องที่สองก็คือ การเข้ามาหาพระเจ้าทางไหน
เอาเรื่องแรกก่อน เรื่องแรกการยกโทษบาปของพระเจ้าต่อเรา 1 ยอห์นบทที่ 1 ข้อ 9 กล่าวว่าถ้าหากเราสารภาพบาปของเราพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม จะยกบาปของเราทุกชนิด (Every Sin) ในพระคัมภีร์ข้อนี้ ใช้คำว่าถ้าหาก ถ้าหากก็คือ เรายังไม่ได้ทำใช่ไหม ? และหากเราทำ พระเจ้าก็จะยกโทษให้พระองค์เอาความสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมเป็นเดิมพันรับประกันเลยว่าพระเจ้าจะยกโทษให้แน่นอน และการยกโทษของพระเจ้าต่อเรา ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ สภาพการณ์ ปริมาณของความบาปที่เรากระทำแต่โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์เป็นสาเหตุที่พระเจ้าจะยกโทษให้เรา
ไม่เกี่ยวอะไรกับเราไม่เกี่ยวกับการกระทำของเราไม่เกี่ยวอะไรกับฝ่ายชีวิตของเราแต่เกี่ยวข้องกับพระโลหิต ทุกครั้งที่เราสารภาพบาปพระเจ้าไม่มองมาที่บาปของเราพระเจ้าไม่มองดูปริมาณพระเจ้าไม่มองดูคุณภาพ พระเจ้าไม่มองดูว่าเล็กใหญ่สถานการณ์สภาพการณ์ของความบาปมันจะเป็นอย่างไร แต่พระเจ้ามองไปที่พระโลหิตสมมุติว่าวันนี้ผมทำบาปผมสารภาพปุ๊ก พระเจ้าจะไม่มองมาที่ความบาปของผมแต่มองที่พระโลหิต
พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ตั้งไว้แล้วเพื่อการไถ่บาปนิรันดร์พระเจ้าก็จะยกโทษให้และการยกโทษของพระเจ้าก็คือทันทีเดียวนั้นเลยเมื่อไหร่มีการสารภาพเมื่อนั้นก็มีการยกโทษ พระเจ้าตั้งเป็นระบบไม่ใช่ว่า โอ้ วันนี้มีคนสารภาพบาป พระเจ้าก็ตามไปดูก่อนและพิจารณาก่อนว่ายกโทษให้หรือไม่ ไม่ครับ การที่พระเจ้าจะยกโทษให้ก็คือ ยกโทษแล้วสารภาพปุ๊บก็ยกปั๊บ (การสารภาพอยู่ที่ไหน การยกโทษก็อยู่ที่นั่น)
เมื่อเราสารภาพเสร็จเราขอบพระคุณพระเจ้าทันทีให้เราเชื่อก่อนว่าพระเจ้ายกโทษให้เราแล้ว เราไม่เห็นแต่พระเจ้าสัญญาคำสัญญาของพระเจ้าเป็นความจริงเพราะว่าพระคำของพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริงพระเจ้าไม่เคยโกหกถ้าหากพระเจ้าบอกว่าจะยกโทษก็คือยกโทษไม่มีข้อแม้ไม่มีการหลีกเลี่ยง
พี่น้องผู้เชื่อมากมายไม่เข้าใจความรักของพระเจ้าเรามักจะคิดว่าถ้าการทำบาปบ่อยๆ เหมือนกับเล่นเกมกับพระเจ้าการทำบาปแบบตั้งใจด้วยเจตนาแล้วพระเจ้าคงจะไม่ยกโทษให้ ไม่ครับ ในชีวิตนี้ยุคนี้เป็นยุคพระคุณซ้อนพระคุณพระเจ้าตั้งพระโลหิตไว้เพื่อไถ่บาปให้เราเข้ามาสนิทใกล้ชิดผูกพัน กับพระเจ้าเพื่อรับการสร้างขึ้น แต่ถ้าหากชีวิตของเราเปลี่ยนไม่ทันผลของชีวิตใหม่ยังไม่เกิดพระเจ้าทำงานไม่สำเร็จในชีวิตเราเพราะว่าเราเป็นต้นเหตุ ผลที่ตามมาก็คือเราจะไม่ได้เข้าไปในราชอาณาจักรในยุคหน้า (มธ 7:21-27 มธ 5:13-15 , 19-20 1 คร 3:12-15)
เราจะต้องถูกตีสอนให้อยู่นอกอาณาจักรเพื่อรับการบ่มให้สุก กับการบังคับให้สุกงอมเพื่อที่จะรอดในวันสุดท้ายคือรอดในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่พี่น้องส่วนมากไม่เข้าใจ คุณค่าของพระโลหิตของพระเยซูคริสต์มีคุณค่ามากมายมหาศาลเหลือเกินและเรามักจะดูถูกดูหมิ่นพระโลหิตของพระเยซูคริสต์และเรามักจะเข้าใจความรักของพระเจ้าในทางที่ผิด ความรักของพระเจ้ามีมากมายเกินที่เราจะเข้าใจ มนุษย์เข้าใจความรักของพระเจ้าไม่ได้
การยกโทษของมนุษย์การมองของเราความรักของมนุษย์ มักจะมีเหตุมีผลตามมา เออ ฉันต้องรักต้องน่ารักได้ ต้องเป็นแบบนั้นนะ ต้องเป็นอย่างนี้นะไม่งั้นไม่รัก หรือว่าความรักของเราที่ส่งให้เขาไปมีขีดจำกัดแต่สำหรับพระเจ้าไม่มีขีดจำกัดไม่มีข้อแม้ไม่มีเหตุผลก็คือความรักที่ไม่มีเหตุผลไม่มีขีดจำกัดไม่มีขอบเขต ไม่ว่าบาปของเราจะใหญ่หรือเล็กพระเจ้าก็จะยกโทษให้ทันทีถ้าหากเราสารภาพบาปด้วยความเสียใจ ยอม ขอพระเจ้าเปลี่ยนด้วย แต่กลับไปทำใหม่ก็กลับมาสารภาพอีก พระเจ้าจะทำงานในเราได้รีบมาสารภาพทันทีถึงจะกลับไปทำใหม่ ก็สารภาพใหม่ เราจะทำบาป 7 ครั้ง หรือ 70 ครั้งในวันหนึ่งก็มาหาพระเจ้าและสารภาพต่อพระเจ้า
ถึงแม้ว่าบาปที่เราจะทำบ่อยๆในวันหนึ่งหรือนานๆที ก็ไม่เป็นไรสารภาพเลยและบาปอีกอย่างหนึ่งก็คือบาป ในที่ลับ และในที่เปิดเผย เป็นบาปยังไงก็ตามพระเจ้าก็จะยกโทษ และบาปที่มนุษย์ไม่ยกโทษให้เรา สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากการยกโทษระหว่างมนุษย์โดยเฉพาะคริสเตียนมีการยกโทษแต่ไม่มีการอภัย มีการอภัยแต่ยังมีการจดจำความผิด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมากในสังคมคริสเตียนอย่าไปทำผิดกับใคร ถ้าทำผิดแล้วเขาจำจนตายนะครับอันนี้ไม่ได้ตัดสิน พูดตามความจริงที่เราเห็นกันอยู่ในคริสตจักรทั่วไปไม่ว่าจะชาติไหน
แต่เราขอบพระคุณพระเจ้าบาปของเราถึงแม้มนุษย์จะไม่ยกโทษให้เรา แต่พระเจ้ายกโทษให้เราเสมอเมื่อเราเข้าใจความรักของพระเจ้าคุณค่าของพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ที่จะช่วยเราให้สามารถรับการยกโทษของพระเจ้าได้เราก็เลิกกลัวพระเจ้าได้แล้ว
เราสนิทกับพระเจ้าเมื่อเรามีบาปเราสารภาพทันทีไม่ต้องกลัวพระเจ้า พระเจ้าเปิดผ้าม่านผ้าม่านในพระวิหารถูกฉีกขาดหมดแล้ว ขาดแล้วพระเจ้าเปิดแล้วและให้เราเข้าไปอยู่ในพระเจ้า พระเจ้าก็เข้ามาอยู่ในเรา เราสามัคคีธรรมกับพระเจ้าได้ทุกวันทุกเวลา
...
และสิ่งที่ 2 ที่เราควรจะเข้าใจก็คือการมาหาพระเจ้า
พี่น้องคริสเตียนส่วนมากไม่เข้าใจเรื่องการมาหาพระเจ้า ..เอ่อ.. เราจะไปโบสถ์วันนี้เราจะอธิษฐานวันนี้เราจะอ่านพระคัมภีร์วันนี้จะสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้อง เรามักจะมองที่ตัวเราเองนะว่า ..เอ๋...ฉันชอบธรรมหรือเปล่าฉันบริสุทธิ์หรือไม่ ฉันเชื่อฟังพระเจ้าหรือไม่ มีบาปหรือเปล่านะ ก่อนที่จะเข้าหาพระเจ้าต้องสารภาพก่อนจะเข้าหาพระเจ้าต้องรักษาชีวิตให้ดีๆก่อน ถ้าตอนนี้ยังบาปอยู่เข้ามาไม่ได้ไปโบสถ์ไม่ได้...เอ่อ.. อารมณ์ไม่ดี สามีภรรยาถกเถียงกันอยู่
แต่การเข้ามาหาพระเจ้าที่ถูกต้อง คือ ทางที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้สำหรับธรรมิกชนทั้งหลาย ก็คือ การเข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระโลหิตเท่านั้นไม่มีทางอื่นถ้าเราดีมากมายแค่ไหน เราก็เข้ามาหาพระเจ้าไม่ได้ถ้าไม่มาทางพระโลหิตและถ้าหากเรามีบาปมากมายเท่าไรแต่ถ้าเรามาทางพระโลหิต พระเจ้าก็จะต้อนรับเราทันที เพราะเห็นแก่พระโลหิตไม่ใช่เพราะเห็นแก่เรา
พี่น้องผู้รับใช้คริสตจักรมากมาย สอนว่าระวังนะถ้ามีบาปอย่าเข้าใกล้พระเจ้าคริสตจักรเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม โบสถ์เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์การที่จะเข้ามาหาพระเจ้าได้ต้องชอบธรรม ต้องทำดีต้องเชื่อฟังก่อนใช่ไหม ? แต่ความจริงของพระเจ้าก็คือสำหรับการที่จะเข้ามาหาพระเจ้า สมมุติว่าตอนนี้ผมยังโกรธผมโกรธมากๆ มีปัญหากับเพื่อนที่ทำงาน....แต่เราบอกว่าพระบิดาข้าพระองค์โกรธมากๆเลยตอนนี้ แต่ข้าพระองค์อยากอธิษฐานอยากสามัคคีธรรมกับพระบิดาข้าพระองค์มาพระองค์ทางพระโลหิต
พระเจ้าบอกว่ายินดีต้อนรับเข้ามาเลย มาหาเราสิมาหาเรา เราจะสัมผัสเจ้ามาหาเรา เราจะแตะเจ้า มาหาเรา เราจะกระจายขยายเคลื่อนไหวให้เจ้าเพื่อให้เจ้าเติมด้วยน้ำแห่งชีวิต เต็มล้นด้วยน้ำมันแห่งพระวิญญาณ เพื่อสันติสุขเพื่อเราจะกับกายฟื้นคืนจากสภาพที่ตายจากสภาพที่มีอาการโกรธและอยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง เข้ามาสู่ฝ่ายวิญญาณได้
พี่น้องมากมายมักจะคิดว่าคริสตจักร เป็นที่บริสุทธิ์ Holy มากๆ มีแต่คนที่ Holy มีแต่คนบริสุทธิ์ไปอยู่เดินไปเดินมาไม่ครับ
คริสตจักรสำหรับพระเจ้าเป็นหลายแง่หลายมุมและแง่หนึ่ง ก็คือ คริสตจักรเปรียบเสมือนโรงพยาบาลที่บำบัดรักษาคนป่วยและเรามาหาพระเจ้าเรามาหาทางพระโลหิต เราไม่สบายเราโกรธเราโลภเราหลง เราหยิ่งผยองพองตัว เราจะเป็นอะไรก็ตาม พระเจ้าจะต้อนรับเราถ้าหากเรามาหาพระเจ้าทางพระโลหิต
ฮีบรู บทที่ 10:19 กล่าวไว้ชัดเจนมาก เราจึงมีใจกล้าที่จะเข้ามาหาพระเจ้าโดยทางพระโลหิต เอเมนนะครับ และถ้าหากเราได้รู้ได้เข้าใจความจริงเกี่ยวกับเรื่องความสงบสุขภายในจิตใจ ที่ได้รับการได้เรียนรู้ได้เข้าใจเรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้าที่ไม่มีขีดจำกัดและการยกโทษของพระเจ้าเป็นมาทางพระโลหิต ไม่เกี่ยวกับเรา แต่เพราะเห็นแก่พระโลหิตเรารู้แล้วว่าการมาหาพระเจ้ามาได้ทางเดียวเท่านั้นคือทางพระโลหิต พระเจ้าก็จะต้อนรับเราครับ
และส่วนเรื่องสันติสุขละ สันติสุขการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเติมน้ำแห่งชีวิตให้เรามีสันติสุขมากมายขึ้น สันติสุขเคลื่อนไหวในเรา Joy Flow อยู่ในเราก็คือ
ในขณะที่เราเจอปัญหามีข่าวร้ายมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น อยู่ในสภาพเป็นด้านลบทุกอย่าง เราอธิษฐานเราขอบพระคุณเรายกย่องเรายิ้ม ทั้งๆที่เราไม่มี เรายิ้มมากเท่าไหร่ สันติสุขที่เกินความเข้าใจจะครอบครองจิตใจของเราและทำให้เราผ่านพ้นสถานการณ์เรานั้นได้
ด้วยความรักด้วยความเมตตาและความดีถ้าหากเรายังไม่ผ่านเราเอาใหม่เริ่มต้นใหม่ คือการฝึกชีวิตฝ่ายวิญญาณสำหรับผม ผมวางทุกสิ่งไว้เป็นชั่วโมงๆถ้าหากชั่วโมงนี้ผมเผลอออกไปอยู่ในเนื้อหนังกลับเข้ามาใหม่การสนิทในพระเจ้า พระเจ้าเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่เรา เรามักจะปิดตลอด ขอพระเจ้าช่วยเราที่จะเข้าใจความหมายของคำว่าการได้รับสุขภายในจิตใจความสงบสุขที่มีต่อพระเจ้าเป็นฝ่ายเดียวกับพระเจ้าไม่กลัวแล้ว และประการที่สองก็คือการมีสันติสุขที่พุ่งขึ้นเต็มล้นในชีวิตจิตใจของเราครอบครองจิตใจของเราอยู่เพื่อการที่เราจะสามารถรักเมตตาสงสารยกโทษทำทุกสิ่งได้และเราจะผ่านสถานการณ์ด้านลบทุกด้าน ได้โดยการมีสันติสุขนี้