เรื่องราวความเป็นมาของ "คริสเตียนและการแตกแยก"
...
(ขอให้พี่น้องอ่านด้วยหัวใจที่เป็น + นะครับ ข้าพเจ้าไม่ได้ตัดสินใครแต่ตอบตามความจริงด้วยรัก)
...
ถาม.
อยากรู้ว่าความเป็นมาของศาสนาคริสต์ค่ะ และการแตกนิกายด้วยค่ะ
ตอบ.
1. ตอนแรกพระเยซูเสด็จมาประกาศเรื่องความรอดและตายไถ่โลก
---
2. พระเยซูมีสาวก 12 คนที่ไปมาอยู่กินกับพระเยซูทุกวันเป็นเวลาประมาณ 3 ปีกว่า
---
3. พระเยซูมีสาวกอีกมากมายแต่จะกลับไปบ้านและกลับมาติดตามแบบไม่ปกติ เหมือนสาวก 12 คน
---
4. เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นจากตาย สาวกประกาศข่าวประเสริฐ เกิดมีคริสเตียนมากมาย
---
5. คริสเตียนยังอยู่ในความเชื่อที่ผิดๆ ถูกๆ จนกว่าพระเจ้าใช้เปาโลมาช่วยเปิดตาสาวกและผู้เชื่อทั้งหลายจากการเป็นคริสเตียนหลงทาง สับสน เป็นศาสนาคริสต์ ให้เข้าสู่ฝ่ายวิญญาณ แต่ก็มีผู้เชื่อมากมายที่ไม่รับความจริงแห่งพระคำล้ำลึกที่ผ่านเปาโลนี้
---
6. สามร้อยกว่าปีต่อมา อาณาจักรโรมมันกลายเป็นคริสเตียนทั่วทั้งอาณาจักร คริสเตียนกลายเป็นแค่เพียงศาสนา คนที่เข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณจริงๆ มีน้อยมาก
---
7. ไม่นานต่อจากนั้น คริสเตียนกลายเป็นคริสตังหรือคาทอลิก มีผู้เชื่อจำนวณหนึ่งไม่รับสิ่งที่คาทอลิกเชื่อและสั่งสอน จึงหลบหนีและก่อตั้งกลุ่มใต้ดิน แต่ก็ถูกคาทอลิกไล่ล่าฆ่าฟัน มีผู้เสียชีวิตมากมายเพราะการเข่นฆ่าในครั้งนั้น แต่ยิ่งฆ่าก็ยิ่งขยายตัวอย่างรวดเร็ว
---
8. สุดท้ายคริสเตียนจึงแพร่ขยายและเกิดมีสองกลุ่มคือคริสเตียน (โปรแต้สแตน) และคริสตัง (คาทอลิก)
---
9. ทุกวันนี้คริสเตียนเกิดมีมากมายหลายร้อยองค์กรคณะนิกายโดยเฉพาะในอเมริกา เพราะร่วมเป็นหนึ่งเดียวไม่ได้ ต่างก็ว่าของเราถูกของเขาผิด สุดท้ายกลายเป็นศาสนาคริสต์ เชื่อ-พูดแต่ไม่มีการกระทำที่ได้มาตรฐานของคำสั่งสอนของพระเยซู เพราะไม่ได้พบพระคำล้ำลึกที่พระวิญญาณเคยถ่ายทอดให้เปาโล โบสถ์ทั่วโลกจึงกลายเป็นโรงละครโรงใหญ่และนักแสดงก็คือผู้เชื่อ พอออกจากโบสถ์ก็กลับมาเป็นตัวละครเดิม
---
10. คริสเตียนแตกแยกเนื่องมาจากหลายสายเหตุ ผลประโยชน์ฝ่ายร่างกายบ้าง และเรื่องความเชื่อที่ไม่เหมือนกันและยอมรับของคนอื่นไม่ได้จึงต้องแยกจากกันไปก็มี
- ความเชื่อที่แตกต่างจนทำให้ต้องแยกกันคือ
1. เชื่อเท่านั้นก็รอด - เชื่อไม่พอต้องรักษาพระบัญญัติจึงจะรอด
2. เชื่อ - รักษาพระบัญญัติไม่พอ - ต้องรักษาจนครบเหนือกว่าฟาริสีและธรรมมาจารย์จึงจะรอด
3. กลุ่มเน้นไฟแห่งพระวิญญาณ - กลุ่มไม่เน้นไฟแห่งพระวิญญาณ
4. และอีกมากมาย
- สองกลุ่มใหญ่ดังกล่าวต่างก็กล่าวหาว่าอีกฝ่ายผิด กลุ่มไฟก็หาว่ากลุ่มไม่ไฟไม่มีพระวิญญาณพระเจ้าไม่สถิตอยู่ด้วย ไม่ร้อนรนเหมือนพวกเขาไม่เอาภาษาแปลกๆ นั่งนิ่งอย่างกะอยู่ในป่าช้า โอกาสรอดมีน้อยมาก กลุ่มไม่ไฟก็หาว่ากลุ่มไฟถูกผีเข้า บ้าๆ บอๆ ไม่สำรวมกระโดดกลิ้งไปมาสั่นศรีษะเห่าหอนแข่งกันอวดความเข้มแข็งของประทาน ฯลฯ การแตกแยกเป็นเหตุให้พ่อแม่ลูกครอบครัวต้องพรากจากกันหรือบางที่/ประเทศถึงขั้นต้องแตกหักและเกิดมีสงครามเพราะความเชื่อเป็นเหตุ
---
11 . ท่ามกลางผู้เชื่อสองกลุ่มใหญ่นี้ มีกลุ่มผู้เชื่อส่วนน้อยที่รับการเปิดเผยจากพระเจ้าให้มาถึงพระคำล้ำลึกกลับมาสู่คำสอนที่เปาโลเคยเปิดเผย เมื่อรับเขาจะสุขได้ทุกวันทุกเวลานาที และเข้าสู่กระบวนการการเติบโตอย่างแท้จริง ไม่ต้องใส่หน้ากากและชีวิตไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ๆ ดีบาปๆ ความเชื่อและการรับใช้ไม่ไปถึงไหน ชีวิตแห้งแล้ง ยิ่งมีความรู้มากมายแต่ชีวิตเปลี่ยนยังไม่ได้ถึงครึ่งหนึ่งของคำสั่งสอนที่พระเยซูสั่งเอาไว้ในมัทธิวบทที่ 5 - 6 และ 7
- กลุ่มนี้แสวงหาและพบอาณาจักรของพระเจ้า เขาแสวงหาและได้พบความชอบธรรมของพระเจ้า พระคำพระเจ้าไม่มีขัดแย้งเลย และทุกคนหลงรักพระเยซู แสวงหาการเป็นหนึ่งเดียว ปัญหาก็พอมีแต่น้อยมากเพราะเราเน้นที่ต่ำถ่อมและยอมเสียเปรียบ ใส่ใจที่การสนิทกับพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของฤทธิ์เดชอำนาจ ไม่ใส่ใจที่สิ่งอื่น เพราะเมื่อได้อยู่ใกล้และรักพระเยซู ทุกสิ่งจะตามมาเอง
- ซาตานประสบความสำเร็จเมื่อเราล้มเหลวในการเป็นหนึ่งเดียว และเคล็ดลับในการเป็นหนึ่งเดียวได้ก็คือต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบ ง่ายๆ แต่เราต้องให้พระเยซูทำแทนครับ