พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี
มีสามีภรรยานั่งอยู่หน้าบ้าน "สามีถามภรรยาว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง ค้าขายดีไหม ภรรยาบอกว่าก็โอเคก็ขายได้"
"แล้วคุณสามีละขายรถได้กี่คัน (สามีเปิดร้านขายรถ) สามีก็บอกว่าขายรถได้ 2 คันก็โอเค"
ปรากฏว่าลูกเล็กๆ นะครับวิ่งออกไปถนนกำลังจะวิ่งไปอยู่กลางถนน
แล้วปรากฏว่าสามีก็หัวเราะ ดูสิที่รักลูกเรากำลังวิ่งออกไปกลางถนน ภรรยาก็หัวเราะเห็นแล้วๆ ช่างหัวมัน
...
มีพ่อแม่คนไหนที่เป็นแบบนี้ไหม?
เราเข้าใจคำว่า พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ไหมครับ ไม่นะผมว่าไม่. พูดถึงเมื่อก่อนนะ เราเคยบ่นไหม
"พระเยซูทำไมไม่ดูแลข้าพระองค์เลย พระเยซูดูสิชีวิตตอนนี้เหลวแหลก ชีวิตตอนนี้ล้มเหลว ชีวิตตอนนี้มีปัญหามาก เยอะเหลือเกิน พระเจ้าไม่รักข้าพระองค์เหรอ" ใช่ไหมครับ บางคนถึงขั้นด่าพระเจ้าเลยก็มี เพราะว่าเขาไม่เข้าใจคำว่า พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีนะครับ
พระเยซูรักเรา พระเยซูไม่เคยละสายตาของพระองค์ สายตาของพระองค์จะจับจ้องเราอยู่ทุกวันทุกเวลา ในพระคัมภีร์ก็ยังบอก พระเจ้ามองเรา ดูเราอยู่ เฝ้าดูเราอยู่ แล้วพระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา เป็นผู้เลี้ยงที่ดีด้วย ไม่ใช่ผู้เลี้ยงเฉยๆ นะครับ ผู้เลี้ยงที่ดี
เพราะฉะนั้นทำยังไงถึงจะให้พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา วางใจ วางใจในพระเยซูครับ
...
อยากดูภาพตัวอย่างของการวางใจในพระเยซูไหม การวางใจในพระเยซูจะเป็นแบบนี้
การวางใจในพระเยซูในสมัยก่อน ในสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาเราทำยังไงครับ
อธิษฐาน "พระเยซูขอบคุณพระองค์ พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ (ในมือก็ยกเก้าอี้อยู่ด้วย)
วางใจมาก มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นภาระของพระองค์ ข้าพระองค์จะไม่แบกอะไรทั้งนั้น ให้พระองค์เป็นผู้รับผิดชอบ เอเมน" (แต่ก็ยังยกเก้ากี้อยู่) นี่คือการวางใจของคริสเตียนของพวกเราในสมัยก่อน
เราไม่ทิ้งปัญหา เราไม่ปล่อย เราไม่วาง เราจับมันไว้ นี่คือการวางใจที่ไม่ถูกต้อง พระเจ้าก็เลยไม่เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา เพราะฉะนั้นวางลงเลยครับ วางลงเลย
แล้วอธิษฐาน "ขอบคุณพระเยซูที่สอนข้าพระองค์ให้เข้าใจความจริง ให้รู้วิธีการวางใจและพระองค์จะเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของข้าพระองค์ เอเมน" นี่นะครับคือการวางใจ ก็วางลงนะครับ (วางเก้ากี้ลง) วางใจ ก็วางลงเลย ไม่ต้องไปแบก ไม่ต้องไปจับไว้ ไม่ต้องไปคิด ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องไปกระวนกระวาย
พระเยซูสั่งใช่ไหม อย่ากระวนกระวาย แล้วพระเยซูพูดถึงเรื่องอื่นต่อไปนิดนึงนะครับ พระเยซูก็กลับมาพูดอีกคำว่า อย่ากระวนกระวาย แล้วพระเยซูก็อธิบายต่อไป แล้วกลับมาพูดอีกครั้งที่สาม พระเยซูบอกว่า อย่ากระวนกระวาย พระเยซูเข้าใจว่าเรามีปัญหา พระเยซูรู้นะครับว่าเรากำลังเจอะเจออะไรอยู่ พระเยซูรู้ พระเยซูก็เลยบอกว่าอย่ากระวนกระวาย
ให้เสียงคำนี้นะครับ อย่ากระวนกระวาย ให้มันดังก้องอยู่ในหัวใจของเราตลอดเวลา เอเมนไหม ให้จำไว้นะครับ ให้เราจำพระคำข้อนี้ มธ 6:25-34 เพราะว่าพระเยซูสัญญาแล้ว พระเยซูต้องทำถูกไหมครับ มนุษย์เรานะครับสัญญากันเนี่ย มันผิดสัญญาตลอด
แต่พระเจ้าสัญญาเมื่อไหร่ พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญา พระเจ้าต้องทำในสิ่งที่พระองค์สัญญาแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ากระวนกระวาย ขอบคุณพระเยซูนะครับพระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา