เราขอบพระคุณพระเยซูสำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียน ทั้งเรื่องบัพติศมา ความรู้ที่ทำให้เราต้องเข้าใจ ต้องเรียนรู้ และเรื่องความรอดที่พระเจ้าวางแผนเอาไว้ว่าจะให้ชาวยิวซึ่งเป็นประชากรของพระองค์ได้รอดก่อนเพื่อน จากนั้นก็คือลูกครึ่ง (ชาวสะมาเรีย) และต่อมาก็คือคนต่างชาติ (เอธิโอเปียและชาติอื่นที่ไม่ใช่ยิว) เป็นแผนการของพระเจ้าที่กระทำสำเร็จ
และสิ่งสำคัญ คือขันทีคนนี้เดินทางกลับมาจากไปนมัสการพระเจ้าที่พระวิหาร เขาได้ฟังได้ยินถ้อยคำของปุโรหิตที่สอนเรื่องคำทำนายในอิสยาห์ แล้วเขาก็อ่าน
เดินทางกลับบ้านเขาก็อ่านไปอ่านมาคิดไปคิดมา แต่ไม่เข้าใจไม่รู้ว่าเป็นเรื่องของใคร แม้กระทั่งปุโรหิตเองแล้วก็ชาวยิวเขาก็ไม่เข้าใจ เขาก็แค่อ่าน
แต่สุดท้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยผ่านฟีลิป ขันทีคนนี้จึงได้รู้ว่าคือพระเยซูคริสต์
สิ่งที่สำคัญ ถามว่าทำไมขันทีคนนี้ต้องการ มีความต้องการอย่างมากที่อยากจะรับบัพติศมา
คนที่พระเจ้าให้ของประทานในการประกาศข่าวประเสริฐ เขาจะรู้จัก การพูด การเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ และจากนั้นก็คือให้ความสำคัญของการบัพติศมาในน้ำ เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่เราพูด เมื่อเราอยากให้ใครมีความต้องการแบบไหน ทางไหน ด้านไหน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราให้พูดกับเขาแบบนั้น ด้านนั้น ทางนั้น สุดท้ายเขาก็เกิดมีความอยากมีความปรารถนา
เพราะฉะนั้นเราให้ความสำคัญเรื่องบัพติศมาในน้ำ เราให้ความสำคัญเรื่องการเชื่อในพระเยซูคริสต์ เรื่องการเป็นพยาน อะไรที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อเราเชื่อ และพระเยซูคริสต์เป็นใคร หลังจากนั้นคนที่ได้ยินได้ฟังเขาก็จะมีความประสงค์มีความปรารถนามีความต้องการที่จะรับเอง
เห็นไหมว่า.. ฟีลิปไม่ได้ชวนเขาที่จะรับบัพติศมา แต่เขาคือเอ่ยปากขึ้นมาเอง (อ๋อ นี่มีแม่น้ำขอรับบัพติศมาได้ไหม) นี่คือสิ่งที่พระเจ้าให้และพระเจ้าใช้คนที่มีของประทาน
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้เราได้มาถึงกิจการบทที่ 8 แล้วก็ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมากมายหลายเรื่อง ที่พระองค์ให้เราเห็นความสำคัญของบัพติศมาในน้ำ การรับบัพติศมาในน้ำ ก็คือการแสดงการกลับใจ หรือเป็นการยืนยัน ยืนยันว่าเรากลับใจแล้ว เราเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าและเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เอเมน
และการรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือพระเยซูจะมาเอง และรับเราเข้าไปมีส่วนในพระกาย เข้าไปมีส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า และเข้าไปมีส่วนในชีวิตของพระคริสต์ เราอยู่ในพระคริสต์แล้ว สรรเสริญพระเยซูเอเมน
มีสิ่งหนึ่งที่อยากจะเน้นอยากจะขอย้ำก็คือ สำหรับพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยมองว่าโลกนี้ผิดปกติ โลกนี้มีปัญหา โลกนี้เป็นแบบไหนยังไง คือพระเจ้ามองที่การช่วยเหลือ การไถ่มนุษย์ พระเจ้าไม่ได้สนใจว่าใครดี ใครชั่ว ใครเป็นยังไง เป็นแบบไหน เป็นอะไร ไม่สำคัญ ซึ่งพระเจ้ารักทั้งผู้ชายเพศชาย รักผู้หญิง แล้วก็รักคนที่มีปัญหาเรื่องทางเพศ ก็คืออีกประเภทหนึ่ง เราเข้าใจกันดีน่ะ ซึ่งพระเจ้าไม่ได้สนใจใช่ไหม พระองค์ใช้ฟีลิปเดินทางมาไกลเพื่อช่วยขันทีคนนี้
เพราะฉะนั้นเราคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ พระกายของพระเยซู เราไม่ถือสา เราไม่ขัดขวาง เราไม่กำจัด เราไม่ตำหนิ เราไม่คือไม่ป้องกันคนเหล่านั้นที่จะเข้ามาในคริสตจักร และมามีส่วนในพระกายของพระเจ้า เอเมน
อันนี้เราเข้าใจกันดีใช่ไหม ก็คือพระเจ้ารักทุกเพศ มีบางคริสตจักรห้ามน่ะ ไม่ให้เพศอื่นเข้ามาในคริสตจักร นอกจากผู้ชายผู้หญิง อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า และกิจการบทที่ 8 ในวันนี้เป็นคำตอบ
ถาม.
คือไม่ใช่ว่าต้องให้เขากลับใจใหม่ก่อน แล้วก็สามารถที่จะมาร่วมกับเราได้ใช่ไหมครับ
ตอบ.
เราเห็นใช่ไหมคริสตจักรส่วนมากทุกวันนี้ คือบอกว่าต้องกลับไปเป็นผู้ชายก่อน กลับไปเป็นผู้หญิงก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ต้อนรับ อันนี้เราได้ยินอยู่บ่อยๆ ใช่ไหม
และคริสตจักรที่ผมเคยร่วมนะครับก็มี
ซึ่งเราเห็นฟีลิปพูดยังไง (ท่านขันทีเอ๋ย ท่านจงกลับไปแปลงร่าง ไปกลายเป็นผู้ชายก่อน ผู้หญิงก่อน) คำตอบคือไม่นะครับ คือท่านพูดเรื่องพระเยซูคริสต์ แล้วก็เรื่องการเป็นพยาน แล้วจากนั้นก็พูดเรื่องความสำคัญของการรับบัพติศมา เพื่อให้ได้รอดและเพื่อให้ได้เข้าส่วนในอาณาจักรของพระเจ้า ในพระกายของพระเยซู เท่านั้นเอง แล้วจากนั้นไม่นานนะครับ พระเจ้าจะเป็นคนทำงานเป็นคนทำกิจของพระองค์เป็นหน้าที่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
...
ถาม.
สิ่งสำคัญ คือขอให้มีความเชื่อแบบเดียวกัน แล้วก็มีใจแสวงหาพระเจ้า แล้วก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ใช่ไหมครับ
ตอบ.
ขอเพียงแค่เขากลับใจ เขากลับใจ เขารับพระเยซูเป็นพระเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา แล้วก็เชื่อในถ้อยคำเกี่ยวกับเรื่องบัพติศมา เกี่ยวกับเรื่องหลักความเชื่อทั้งหลาย แล้วให้เขาอยู่ร่วมกับพวกเราเป็นพี่เป็นน้องปกติทุกอย่างนะครับ
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงนะครับพระเจ้าจะเป็นคนเปลี่ยนไม่ใช่เราใช่ไหม จำกันได้ไหมโรม 12:2 จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่โดยเริ่มด้วยการเปลี่ยนแปลงความคิดของท่าน จงรับการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่จงเปลี่ยนแปลงนะครับ (การเปลี่ยนแปลงมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์) เอเมน
ผู้นำส่วนมากจะรีบไปบอกเขานะครับ (แกต้องแก้ไข เปลี่ยนแปลงก่อน จึงจะมาร่วมกับคริสตจักรเป็นสมาชิกโบสถ์เราได้ ไม่งั้นไม่ต้อนรับ) ที่อเมริกามีเยอะมากนะครับ เขาจึงเริ่มมีคริสตจักรของเกย์บ้างของอะไรบ้าง เต็มไปหมดเลยนะครับ คือเขาไม่มาร่วมกับคริสตจักรทั่วไป
สำหรับพระคำพระเจ้าในวันนี้เป็นคำตอบ เรารู้ว่าพระเจ้าให้เขาร่วมกับคริสตจักรทั่วไปได้ แล้วก็คริสตจักรไม่ควรกีดขวางนะครับ คือเรารักทุกคน เราให้ทุกคนมีส่วนในพระกายของพระเจ้า
...
ถาม.
ฟีลิปคือใครครับ ฟีลิปใช่คนที่เขียนหนังสือฟีลิปปีหรือเปล่าครับ เอเมนครับ
ตอบ.
หนังสือฟีลิปฟี เป็นหนังสือที่เปาโลเป็นคนเขียนนะครับเป็นจดหมายฝากของเปาโลส่งไปยังคริสตจักรในเมืองฟีลิปปี
ส่วนฟีลิปนะครับ เราเชื่อกันนะครับ เราเชื่อกันว่าเป็น 1 ในสาวก 12 คน อันนี้เราเชื่อกันนะครับ แต่ไม่ 100% นะครับ เพราะว่าไม่มีหลักฐาน เพียงแต่ว่าเราเห็นว่าเขาชื่อฟีลิป แล้วก็เขาเป็นคนที่มีบทบาทในคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม ก็เลยเชื่อว่าเขาเป็น อาจจะเป็น 1 ในสาวก 12 คนนะครับ
ก่อนที่เปาโลจะมาเพื่อประกาศกับคนต่างชาติ เขาเป็นคนรับหน้าที่ก่อนเปาโลนะครับ ซึ่งเขาใช่ไหมที่ไปประกาศกับชาวสะมาเรีย แล้วจากนั้นไม่นานก็คือมาประกาศกับคนต่างชาติ ก็คือขันทีคนนี้
แล้วขันทีคนนี้แน่นอนครับ เมื่อเขารับข่าวประเสริฐจากฟีลิป แน่นอนพอเขากลับไปถึงบ้าน คือประเทศเอธิโอเปีย เขาก็จะต้องประกาศข่าวประเสริฐต่อนะครับ ไม่มีคริสเตียนคนไหนที่ได้ยินข่าวประเสริฐแล้วจะเก็บไว้เงียบไว้ คือทุกคนจะมีความกระตือรือร้นโดยพระวิญญาณ กระตือรือร้นอยากบอก อยากประกาศ อยากให้คนอื่นรู้ว่าพระเยซูเป็นใคร เอเมน
สำหรับคริสตจักรของพระเจ้าเราเห็นความสำคัญตรงนี้ ผมไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาพวกเราทำกันหรือไม่
เมื่อเราสามัคคีธรรมร่วมกัน แล้วก็ผู้เผยพระวจนะก็แบ่งปัน แล้วพี่น้องก็เสริมสร้างกันและกันล้างเท้ากันและกัน เมื่อเราจบการสามัคคีธรรมนะครับ แต่พระคำพระเจ้ายังไม่จบ ในความคิด ในสมอง ในทุกสิ่ง เราจะกินพระคำพระเจ้าที่เราได้รับมาในวันนี้
เราไม่เพียงแต่เชื่อว่าเป็นความรู้ แต่ขอบคุณพระเจ้าเราได้เห็นว่าเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณเป็นอาหารที่มาจากสวรรค์ ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ป้อนเราให้ได้กิน เรารับเข้าไป
แต่การสามัคคีธรรมจบนะครับ ยังไม่พอน่ะ เราเอามาตรึกตรอง ใคร่ครวญ กินต่อไป กินต่อ ด้วยการอ่าน แล้วก็อธิษฐาน
“ขอบคุณพระเยซูสำหรับอาหารวันนี้ ขอบคุณที่พระองค์เปิดเผยเท่านี้ อยากให้พระองค์เปิดเผยมากกว่านี้ ขอบคุณพระองค์สำหรับอาหาร”
แล้วก็อ่านไปอ่านมา อ่านไปมา เมื่อเราทำแบบนี้บ่อยๆ เป็นประจำ ความเคยชินก็จะเกิดขึ้น แล้วก็พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะช่วยเราให้เราได้เห็นมากกว่าเก่า แล้วก็เติบโตมากกว่าเดิม โดยผ่านการกินแบบนี้
อันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นะครับชาวยิวเขาก็ทำกันมาตั้งนานแล้วครับผม