a. เมื่อพระสัญญาแห่งพระพรมาถึงโดยพระเยซู พระบัญญัติก็หมดหน้าที่
b. “พระเยซู” เป็นจุดจบของพระบัญญัติเดิม (โรม 10:4)
c. พระบัญญัติเดิมมีไว้สำหรับเนื้อหนังรักษา (โรมบทที่ 7)
d. เนื้อหนังของเราตายต่อพระบัญญัติแล้ว (โรม 7:4 และ 6)
e. “Justify by Work” (การชำระด้วยการทำดี) กับ “Justify by Faith” (การชำระด้วยความเชื่อ) แตกต่างกันอย่างไร
f. ทุกวันนี้พระบัญญัติเดิมกลายเป็นใหม่แล้ว พระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ที่ยากขึ้น เมื่อก่อนเรียกว่า “พระบัญญัติของโมเสส” แต่เดี๋ยวนี้เรียกว่า “พระบัญญัติของพระเยซู“
g. ผู้ที่รักษาพระบัญญัติเดิม คือชาวยิว แต่ผู้ที่รักษาพระบัญญัติใหม่ คือพระคริสต์ในเรา
a. เปาโลกล่าวว่า “คริสเตียนยิวที่สอนและเชื่อว่า เชื่อไม่พอ ต้องรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมและได้รอด ถ้าไม่รักษาพระบัญญัติ และเชื่อฟังไปจนตายจะไม่รอด” คือ…
b. พวกที่รับข่าวประเสริฐอื่น
c. บิดเบือนข่าวประเสริฐของพระเยซู
d. พี่น้องจอมปลอม
e. แยกออกจากพระเจ้า และหล่นจากพระคุณ (ไม่ได้อยู่ภายใต้การทำงานของพระวิญญาณในเรา)
f. ผู้สอนและเชื่อคำสอนนี้จะถูกสาปแช่ง (ไม่ได้รับการเปิดตาฝ่ายวิญญาณในชีวิตนี้ และถูกตีสอนเป็นเวลาพันปี)
g. เปาโลรับคำสอนมาจากพระเยซูโดยตรงที่ถิ่นทุรกันดาร ที่ประเทศอาระเบีย ระยะเวลาสามปีกว่า ท่านไม่ได้เรียนรู้จากใครเลย
h. เปาโลก่อนเชื่อ ท่านเป็นฟาริสีที่เคร่งศาสนามาก
i. พระเจ้าทรงเลือกท่านเป็นอัครสาวก เพื่อประกาศความจริง และต่อต้านข่าวประเสริฐอื่น
j. ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ข่าวประเสริฐอื่นถูกสอนในทุก คจ. โดยผู้นำที่ไม่ได้ถูกเปิดตา
a. เปาโลไปเยรูซาเล็ม เพื่อเตือนพี่น้องเรื่อง ข่าวประเสริฐของพระเยซู (เชื่อเท่านั้น ก็ได้รับการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว — Justify by Faith)
b. คริสเตียนที่เชื่อว่า “เชื่อเท่านั้นก็ได้รอด” ก็หลุดพ้นจากการเป็นทาส คริสเตียนที่ไม่เชื่อก็ยังเป็นทาส คือชีวิตและการรับใช้ต้องแบกภาระหนัก แอกก็หนัก และกางเขนก็หนักมาก
c. อัครสาวกหลายคน และเปโตรยังเกรงกลัวคริสเตียนยิว ไม่กล้านั่งร่วมโต๊ะกับชาวต่างชาติ เนื่องจากว่า ชาวยิวถือว่า ชาวต่างชาติเป็นคนบาป และพวกตนชอบธรรม
d. ไม่ว่ายิวหรือต่างชาติ ทุกคนก็เป็นคนบาปทั้งนั้น ถ้าหากไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์ การรักษาพระบัญญัติ ไม่ได้ช่วยให้ชาวยิวได้กลายเป็นคนชอบธรรมเลย เนื่องจากว่า ไม่มีใครรักษาพระบัญญัติได้ครบ ถ้าทำผิดข้อเดียวก็ถือว่า เป็นโมฆะ (ยก 2:10 เพราะว่า ผู้ใดรักษาพระราชบัญญัติได้ทั้งหมด แต่ผิดอยู่ข้อเดียว ผู้นั้นก็เป็นผู้ผิดพระราชบัญญัติทั้งหมด)
e. พระเยซูทรงนับเราเข้าในการตายของพระองค์ เราจึงตายต่อพระบัญญัติแล้ว และเมื่อเราได้บังเกิดใหม่เป็นคนใหม่ เราจึงมีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า
f. เราถูกตรึงกับพระคริสต์ เราไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา นี่คือหลักการการดำเนินชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน
ถาม:
พระบัญญัติใหม่ที่ยากขึ้น คือยากอย่างไร ในเมื่อพระบัญญัติเดิมยังทำไม่ได้ แล้วพระบัญญัติใหม่ทำได้หรือ
ตอบ:
- ยุคพระบัญญัติ ชาวยิวคิดจะฆ่าใครก็ไม่ผิด แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้ลงมือกระทำจึงผิด และต้องถูกพิพากษาจากพระเจ้า แต่ในยุคนี้ แค่คิดจะฆ่า หรือแม้แต่โกรธโมโห ก็มีโทษเท่ากับได้ฆ่าคนแล้ว (มธ 5:21-22)
- ยุคพระบัญญัติ ชาวยิวคิดจะเล่นชู้กับใครก็ไม่ผิด แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้ลงมือกระทำจึงผิด และต้องถูกพิพากษาจากพระเจ้า แต่ในยุคนี้ แค่มองผู้หญิงด้วยใจกำหนัด ก็เท่ากับมีโทษฐานเล่นชู้กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว (มธ 5:27-28)
- ยุคพระบัญญัติ ชาวยิวคิดจะทำอะไรให้ใครเดือดร้อนก็ไม่ผิด แต่เมื่อไหร่ที่เขาได้ลงมือกระทำจึงผิด และผู้นำยิวจะลงโทษคนที่ทำผิด แต่ในยุคนี้ เราจะยกโทษให้คนที่ทำผิดต่อเรา ไม่เอาเรื่อง และยอมเสียเปรียบเขา (มธ 5:38-42)
- ยุคพระบัญญัติ ชาวยิวรักเพื่อนบ้าน และเกลียดชังศัตรูได้ แต่ในยุคนี้ เรารักเพื่อบ้าน รักศัตรู และรักทุกคน เราอยู่เพื่อ “รัก” ครับ เพราะว่า แม้ว่า เราทำอะไรได้มากมายเพื่อพระเจ้า แต่ไม่มีความรัก สิ่งที่เราทำก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย (มธ 5:43-48; 1 คร 13:1-3)
...
ถาม.
ในเมื่อพระบัญญัติเดิมยังทำไม่ได้ แล้วพระบัญญัติใหม่ทำได้หรือ
ตอบ.
คำตอบก็คือได้ครับ เพราะว่า เรามีพระคริสต์สถิตอยู่ภายในเรา ผู้ดำเนินชีวิต และเกิดผลแห่งความชอบธรรมในเราแทนเรา เราตายแล้ว แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในเรา (กท 2:20; คส 1:27)
เราผู้เชื่ออยู่ในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ เพื่อให้มาถึงการดำเนินชีวิต และนิสัยของพระคริสต์ในแต่ละวัน (เป็นผู้ชนะ)
ถาม:
คุณรู้ได้อย่างไรว่า ผู้รักษาพระบัญญัติ เชื่อพระเยซู เป็นพี่น้องจอมปลอม คุณเอาตรงไหนมาสรุปครับ
ตอบ:
พี่น้องลองอ่านหนังสือกาลาเทียทั้งเล่มนะครับ จะเห็นคำตอบอย่างชัดเจน เปาโลย้ำบ่อยมากว่า การได้รอด, การได้รับพระพรที่ทรงสัญญาแก่อับราฮัม, การได้กลายเป็นคนชอบธรรม และการได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น คือได้มาโดยทางความเชื่อเท่านั้น (ยน 3:16; โรม 10:9-10; กท 3:6-9)
คำว่า “พี่น้อง” ก็คือผู้เชื่ออย่างแน่นอน เปาโลจะไม่เรียกคนที่ไม่เชื่อว่า พี่น้องเป็นอันขาด ส่วนคำว่า “จอมปลอม” เปาโลใช้เรียกเขาก็เพราะว่า พวกเขาสอนผิด แต่ไม่ร้ายแรงถึงขนาดต้องเรียกว่า เทียมเท็จ เนื่องจากว่า พวกเขาไม่ได้บิดเบือนหลักความเชื่อ ถ้าหากใครที่เป็นพวกเทียมเท็จ เราจะไม่เรียกว่า พี่น้องเป็นอันขาด
สมัยนั้นชาวยิวเท่านั้นที่รักษาพระบัญญัติ เพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรมและได้รอด ชาติอื่นไม่รักษาพระบัญญัติเดิมอย่างแน่นอน
เนื่องจากว่า การรักษาพระบัญญัตินั้น “ต้องรักษาทุกข้อ” ถ้าเลือกที่จะรักษาบางข้อก็จะต้องถูกสาปแช่ง (กท 3:10) และเนื่องจากว่า ไม่มีใครทำได้ เราจึงรับพระพรของอับราฮัมโดยทางความเชื่อ เพราะว่า พระเจ้าทรงมีพระเมตตาต่อเราทั้งหลาย (กท 3:11)
หนังสือกาลาเทีย… เปาโลเป็นทุกข์เนื่องจากว่า สิบสี่ปีผ่านไป ผู้เชื่อมากมายหลงเชื่อหลักคำสอนที่ผิด จึงเขียนจดหมายมาเตือนพวกเขาว่า การรักษาพระบัญญัติ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม เรากลายเป็นคนอบธรรมได้ โดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์ ถ้าหากเราจะเป็นคนชอบธรรมโดยการรักษาพระบัญญัติ พระเยซูก็ตาย และพระโลหิตหลั่งไหลก็ไม่มีประโยชน์อะไร (กท 2:21)
ถาม:
ถ้าในพระคัมภีร์ทั้งเล่มยังสนับสนุนให้รักษาพระบัญญัติเดิมอยู่ คุณจะว่าอย่างไร
ตอบ:
ไม่จริงครับ
เมื่อพระเยซูตรัสว่า “เราไม่ได้มาเพื่อทำลายพระบัญญัติ แต่เรามาเพื่อทำให้สำเร็จ” คำว่า “ทำให้สำเร็จ” ความหมายก็คือพระองค์เพิ่ม เติม เสริม ตัดเพื่อให้พระบัญญัติครบถ้วนและยากขึ้น จากมาตรฐานของมนุษย์ สู่มาตรฐานของพระเจ้า จากนั้นพระเยซูเรียกพระบัญญัติเดิมนี้ว่า “พระบัญญัติใหม่” (ยน 13:34-35) และเรียกพระบัญญัติของโมเสสว่า “พระบัญญัติของเรา” (ยน 14:15-16)
พระเยซูเป็นพระเจ้าที่มาในสภาพของมนุษย์ พระองค์รักษาพระบัญญัติได้ครบแล้ว และพระองค์ได้รับสิทธิจากพระบิดา ให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขพระบัญญัติ
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมอ่อนแอ (ฮบ 7:18)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมไม่มีประโยชน์อะไร (ฮบ 7:18)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ต้องถูกยกระดับขึ้น (มธ 5:22, 28, 32, 39, 44)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมไม่อาจให้ชีวิตแก่เราได้ (กท 3:21)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมมาเพื่อที่จะประหารเรา และลงโทษเราเท่านั้น (2 คร 3:4-6)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมมีหน้าที่ควบคุมชาวยิวเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น (กท 3:23)
- เพราะว่า พระบัญญัติเดิมถูกยกเลิกเสียแล้ว (สำหรับคริสเตียน) เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระเยซูจบอันเดิม และนำมาเรียกว่า “พระบัญญัติใหม่” (โรม 10:4; กท. 3:24)
พระเยซูให้เราได้อยู่ใต้พระคุณ คือ “ตายจากพระบัญญัติ” (โรม 7:4) และพระคริสต์ทำแทนในตัวใหม่นี้ (โรม 6:14) การรักษาพระบัญญัติใหม่ คือ “เรามีพระคริสต์ในเราเป็นคนทำแทน” เราจึงแบกภาระเบา แอกก็เบา และเหตุผลที่สอง ที่พระเยซูมีสิทธิอำนาจแก้ไขพระบัญญัติเดิมได้ เป็นเพราะว่า พระเยซูยอมตายเพื่อไถ่บาปคนที่รักษาไม่ได้ และตายแทนที่เราทุกคนที่กางเขน เนื่องจากพระบัญญัติลงโทษคนที่รักษาไม่ได้ครับผม
ถาม:
ถ้าเราได้เป็นคนชอบธรรมโดยเชื่อเท่านั้น แล้วทำไมเปาโลยังบอกว่า ชอบธรรมโดยพระบัญญัติ (โรม 2:13)
ตอบ:
โรม 2:13 เปาโลพูดถึงชาวยิวที่รักษาพระบัญญัติก่อนพระเยซูเสด็จมา
ท่านกล่าวว่า คนที่มีและฟังพระบัญญัติเท่านั้นไม่พอ ต้องรักษาจึงชอบธรรมได้ ถึงแม้ว่า ชาวยิวจะรักษาไม่ได้ พระเจ้าก็เมตตาพวกเขาให้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาปทุกครั้งที่รักษาไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เขารักษาให้ครบนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ลองอ่านโรมบทที่ 2 จนถึงบทที่ 7 นะครับ
ตอบ:
คือการรับด้วยปาก และเชื่อด้วยใจว่า พระเยซูเป็นพระผู้เป็นเจ้า และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แค่นี้ครับ
...
ถาม:
แล้วมีมากกว่านี้ไหมครับ
ตอบ:
ไม่มีครับ แต่เมื่อเราเชื่อ พระเจ้าจะเป็นผู้กระทำกิจในเรา ให้เรา
ได้บังเกิดใหม่
รับพระวิญญาณเข้ามาอยู่ในเรา
เริ่มหิวกระหาย อยากรู้ อยากเชื่อฟัง ทำดีเพื่อพระเจ้า
เหล่านี้ไม่ใช่ส่วนประกอบของความเชื่อ แต่มันคือผลที่เกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อ
ถาม:
เรื่องความเชื่อที่ต้องรักษาพระบัญญัติ… แล้วในพระธรรมยากอบ คุณจะว่าอย่างไรครับ
ตอบ:
ยก 2:14 ท่านยากอบกล่าวว่า “ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำ” ท่านไม่ได้กล่าวว่า “ความเชื่อที่ไม่มีการรักษาพระบัญญัติ” ครับ