ข้อที่ 21. ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิทและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
สำหรับพระเจ้าทุกส่วน ตั้งไว้ให้ติดต่อกัน สนิทกัน แล้วเราทุกวันนี้สนิทกันไหม? อันนี้เป็นคำถามที่ผมอยากถามพวกเราทุกคน
เมื่อเรารับมานาแล้ว และเราสร้างกลุ่มไลน์ เรามาอยู่รวมกัน เราติดต่อสนิทกันไหม ถ้าสนิทก็เอเมนนะครับ
ถ้าแยกกันอยู่ก็มาสนิทกันใหม่ เราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เพราะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีพระกาย พระเจ้าต้องการให้พระกายของพระองค์ ติดต่อกัน สนิทสนม สนิทชิดเชื้อ รักกัน แล้วก็ประสานงาน สามัคคีธรรมไม่ขาด
เข้ามาใครพูดได้ก็พูด ใครพูดไม่ได้ก็ฟังก็เอเมนด้วย ไม่มีความคิดที่แบ่งแยกแตกแยก ไม่ไปกระซิบบอกคนนู้นคนนี้บอกว่าคนนี้ไม่ดี คนนี้ใช้ไม่ได้ คนนี้เป็นแบบนี้ คนนั้นเป็นแบบนั้น อันนี้คือเราไม่ได้ต่อติดไม่ได้ต่อสนิทกันและกัน ถ้าเรายังทำไม่ได้ขอพระเจ้าชำระเราให้ทำได้
ข้อที่ 22. เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคริสตจักรในเมืองเอเฟซัส ประมาณปี ค.ศ. หกสิบกว่าๆ หลังจากนั้นต่อมา คริสตจักรของพระเจ้าก็ได้ถูกก่อขึ้นทั่วโลก ผู้เชื่อถูกนับเป็นครอบครัว
พระบิดา และคนใหม่คนเดียว และเป็นที่สถิตของพระเจ้า เมื่อมีการประชุมสามัคคีธรรมร่วมกันในพระนามพระเยซู พระองค์ก็อยู่ที่นั่นท่ามกลางเขาทั้งหลาย
...
สำหรับเอเฟซัสบทที่ 2 พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการเปิดเผยให้พวกเราได้เข้าใจและได้ตระหนักว่า คริสตจักรแท้ที่จริงก็คือครอบครัวของพระบิดา เราเป็นครอบครัวของพระเจ้าแล้ว เราเป็นครอบครัว
คือเมื่อก่อนเราถือเบาใช่ไหม เรามาคริสตจักร เป็นสมาชิกคริสตจักรเท่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้นะครับขอให้เราตระหนัก เห็นความสำคัญของคำว่าครอบครัวของพระเจ้า เราเป็นน้องๆ ของพระเยซู เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เรามีพระเยซูเป็นพี่ชายคนโต แล้วสิ่งที่สองก็คือคนใหม่คนเดียว ตอนนี้คุณมีส่วนในคนใหม่คนเดียวนี้ แล้วศีรษะของคนใหม่นี้ก็คือพระเยซูเอง แล้วเราทุกคนเป็นมือ เป็นแขน เป็นคอ เป็นหน้าอก เป็นทุกสิ่ง เป็นอวัยวะของกายใหม่ของคนใหม่
อย่าเอาอะไรนะครับที่เป็นหนาม มาทิ่มแทงร่างกายของพระเยซู หรือว่าอย่าเอาคำพูดไหนที่มากระทบกระแทกประชดประชันทำให้เราเสียใจ เราเอาอกเอาใจกันและกัน เราดูแลกันดีใช่ไหม? ถ้าหากมือเราไปโดนอะไรนิดๆหน่อยๆ โดนไฟ เรารู้สึกยังไง เรากระโดดไปทั้งตัวใช่ไหม ปากก็ร้อง
....
ถาม.
ผมขอถามหน่อย ที่พูดถึงครอบครัว เราคือครอบครัว เมื่อเราใช้คำว่าครอบครัว คือเราต้องห่วงใยกันดูแลกันใช่ไหมครับ
ตอบ.
แน่นอนครับ เราต้องรักครอบครัวครับ พ่อแม่รักลูก ลูกรักพ่อแม่ พี่น้องรักกันและกัน คือต้องรัก ต้องดูแล เอาใจใส่กันและกัน
...
ถาม.
คือเราควรจะช่วยเหลือกัน ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ ทั้งการให้ การถวายอะไรพวกนี้ใช่ไหมครับ ทุกอย่างรับภาระของพี่น้องกันและกัน
ตอบ.
ถูกแล้วครับ
...
ถาม.
ที่นี้ถ้าพี่น้องเรา คือเป็นครอบครัวเรา แต่เขานิสัยไม่ดี หมายถึงว่าไม่ยอมทำมาหากินแต่จะขออย่างเดียวอย่างนี้ ทำยังไงกับเขาดีครับ ตักเตือนหนุนใจหรือช่วยเหลือเขาไป หรือยังไง
ตอบ.
มีพระคัมภีร์บางตอนที่เปาโลพูดว่า คนที่เกียจคร้านอย่าให้เขากิน (2 เธสะโลนิกา 3:10) เปาโลพูดตรงนะครับ คือมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สำหรับการช่วยเหลือพี่น้องที่ยากจน ที่ขัดสน พี่น้องที่ขอความช่วยเหลือบ่อยๆ เราพิจารณา เราอธิษฐาน ขอการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราดู เราสังเกต บางคนมีของประทานสังเกตได้ บางคนมีของประทานที่จะดูได้ว่าใครควรจะช่วยเหลือ ใครไม่ช่วยเหลือ ช่วยเหลือมากน้อยเท่าไหน มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต้องนำแต่ละเรื่องมาพูดคุย มาสามัคคีธรรมกัน แล้วขอให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินนะครับ
ไม่ใช่ว่ามีคนขอความช่วยเหลือเราก็ช่วยไป ช่วยไปเลยๆ อันนั้นก็ไม่ถูก เปาโลบอกว่าถ้าใครที่ขัดสนจริงๆ เราช่วยเขา แต่ใครเป็นคนที่ขี้เกียจอย่าให้เขากิน คือเราต้องสอนให้เขาตกปลาด้วยใช่ไหม ไม่ใช่เอาปลาให้เขาตลอดเวลา สำหรับคริสเตียนเราใช้วิธีนี้เหมือนกันครับ คือช่วยเหลือคน เราช่วยให้เขามีความรู้ ช่วยให้เขาทำงานได้ ช่วยให้เขาทำทุกสิ่งได้ แล้วก็เป็นภาระของคริสตจักรให้น้อยลง แต่เราก็ไม่ขาดการช่วยเหลือต่อเขา
...
ถาม.
ครับขอรายละเอียดอีกนิดนึง ในฐานะที่เราต่างเป็นครอบครัวกันและกัน คือตอนนี้เท่าที่เห็นพี่น้องไม่ว่าจะอยู่ต่างประเทศ อยู่ในไทย อยู่ภาคเหนือ ใต้ อีสาน อะไรอย่างนี้ พวกเราเวลาพอมีใครบางคนบอกว่าลำบากอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็สืบสอบเสาะ แล้วก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง น่าช่วยเหลือ เราก็โพสต์พี่น้องก็ช่วยกัน ผมก็เห็นว่าพี่น้องก็ช่วยกันนะ ก็ขอบคุณพระเจ้านี้ก็ดีอยู่
มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับ ที่ว่าในฐานะครอบครัวเราควรจะช่วยเหลือกันในด้านไหนอีกครับ
ตอบ.
สำหรับการช่วยเหลือจริงๆ แล้วนะครับ พระเจ้าให้เราทำเป็นงานหลักก็คือ การเสริมสร้าง การช่วยชีวิตเขา ในฝ่ายวิญญาณให้เติบโต สู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู เพื่อเขาจะได้รับพระพร เพื่อพระเจ้าจะดูแลเขาให้มากกว่าที่เคยดูแลมานะครับ
แล้วงานรองก็คือ การช่วยเหลือทางด้านร่างกายนะครับ อย่าลืมนะครับว่าเคล็ดลับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของการประสบความสำเร็จของชีวิตแต่ละคน ที่ไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือบ่อยๆ ก็คือ ให้เขาสนิทในพระเยซู ให้เขาใกล้ชิด ให้ความรู้ให้บทเรียนแก่เขา แนะนำเขา ล้างเท้าเขา ให้ตาเขาสว่าง แล้วเมื่อเขานำไปฝึก พระเจ้าก็อวยพร ก็นำพระพรเข้ามาสู่ชีวิตของเขา
ทุกวันนี้เรามีปัญหา ก็คือหลายเหตุผลใช่ไหม แต่เหตุผลหนึ่งนะครับก็คือ พระเจ้าทดสอบ พระเจ้าตีสอน แล้วพระเจ้าใช้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อให้เราและให้เขา เข้าใกล้พระเจ้า แต่เขาไม่ยอมเข้าใกล้พระเจ้า เขาจึงยากจน ขัดสน
เพราะฉะนั้นพระเจ้าก็เลย คือให้เราเป็นคนที่จะแนะนำเขา เตือนเขา สะกิดเขาให้กลับเข้ามาอยู่ใกล้พระเจ้ามากเท่าที่จะมากได้ เพื่อรับพระพรครับ
อันนี้ผมเชื่อนะครับในต่างประเทศมีหลายคริสตจักรเขาพูดกันนะครับว่า เป็นคริสเตียนแล้วไม่มีขอทาน คริสเตียนจะไม่ขอทานเป็นอันขาด แล้วก็คริสเตียนปกตินะครับพระเจ้าจะไม่ให้ขัดสน ปกตินะ แต่นานๆที พี่พระเจ้าจะให้ขัดสน ถามว่าทำไม? เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้เราเข้าใกล้พระเจ้าครับ อย่าลืมงานของครอบครัว งานของพี่ของน้อง ที่มีต่อกัน ก็คือสะกิดเรา สะกิดกันและกัน ให้สนิทในพระเยซู เข้าใกล้พระเยซู
** สำหรับเรื่องการช่วยเหลือ การช่วยเหลือพี่น้อง ขอบคุณพระเจ้านะครับที่พระเจ้าใส่ใจ ใส่ความเมตตาในหัวใจของเราเป็นสิ่งที่ดี แต่การช่วยเหลือต้องระมัดระวัง ต้องอยู่ในการดลบันดาล อยู่ในการนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลายครั้งที่เราช่วยเหลือคน เราอาจจะคิดว่า เออ.. ช่วยไปๆๆ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่พระเจ้าทรงนำและเราจะขาดบำเหน็จนะครับ ขอให้ระมัดระวัง
**สำหรับผมผมขอบคุณพระเจ้า ทุกครั้งที่มีความกระตือรือร้น มีอาการร้อนรนผมช่วยนะครับเราให้ แต่ถ้าหากรู้สึกเฉยๆ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับว่า "พระองค์ เห็นใจคนนี้มากเขามีปัญหาอยู่ เขากำลังต้องการการช่วยเหลือมาก" แต่เมื่อไม่มีคำตอบนะครับก็รอ เราก็รอ สุดท้ายเราก็รู้นะครับว่าทำไมพระเจ้าไม่ให้ช่วย เพราะว่าเขาเป็นแบบนี้แบบนั้น คือพระเจ้ารู้นะครับ เราไม่รู้แต่พระเจ้ารู้ครับ แล้วสำหรับความเมตตาเรามีจิตใจที่เมตตาอยู่แล้วครับ
....
ถาม.
มีอีกเรื่องหนึ่งคือฝากพี่น้องทุกคนด้วย เมื่อเช้านี้มีพี่น้องท่านหนึ่งอยู่ต่างจังหวัด เขาบอกผมว่าช่วยอธิษฐานเผื่อลูกชายเขาหน่อย ตอนนี้เลิกเชื่อพระเยซู จริงๆเชื่อพระเยซูมานาน แล้วก็เขาอายุ 30 แล้ว เขาอยากจะแต่งงาน แล้วไม่ได้แต่ง เขาก็เลยบอกเลิกเชื่อพระเยซูอะไรอย่างนี้ ก็เลยอยากจะหนุนใจพี่น้องท่านนั้นว่ายังไงดีครับ รับมานาด้วยนะ เขารับมานาด้วยแต่ว่าไม่ได้ดั่งใจ
ตอบ.
มันจะมีบางช่วงนะครับ ที่แม้แต่คริสเตียนที่รับมานาหรือไม่รับมานาก็ตาม จะมีบางช่วงที่หนีจากพระเจ้า แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าเขาได้บังเกิดใหม่แล้ว และเขาเข้าสู่แผนการงานของพระเจ้าแล้ว เข้าไปไม่ไกลนะครับ แล้วอีกไม่นานก็จะกลับมา
หนุนใจคนที่เป็นญาติเขานะครับให้อธิษฐานเผื่อ แล้วเราทุกคนก็อธิษฐานเผื่อเขาด้วย ขอชื่อเขา แล้วก็เอาเขามาใส่ใจเป็นภาระ เพราะว่าเขาเป็นครอบครัวของพวกเราใช่ไหม เอเมน
เพราะฉะนั้นการอธิษฐานเผื่อเป็นงานที่สำคัญ แล้วเป็นสิ่งที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน พระเจ้าจะทำงานมาก ถ้าเราอธิษฐานมากครับ เขาไปไม่ไกลเขาได้บังเกิดใหม่แล้ว พระเจ้าจะดึงเขากลับมาไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ
ผมเองก็ยังเคยบอกกับตัวเองนะครับว่าจะเลิกเชื่อ แต่จริงๆ แล้วเลิกไม่ได้ เราอยู่ในพระเยซูหลายปี เราแค่โกรธ โมโห เรางอนใช่ไหม เราหนีไปไกลๆ เพราะว่าเราเจอชีวิตที่มันเป็นมรสุมที่หนักมาก เราก็บอกว่าไม่เชื่อแล้ว ไม่เอาแล้วพระเจ้า แต่จริงๆ แล้วเชื่อผมเถอะ คนๆนั้นนะครับยังมีพระเยซูในหัวใจทิ้งไม่ได้แน่นอน
...
ถาม.
อาจารย์คะที่บอกว่าอธิษฐานหมายถึงว่าที่เราพูดคุยกับพระเจ้าใช่ไหมคะ ไม่จำเป็นต้องแบบทำเป็นพิธีอะไรอย่างงี้ใช่ไหมคะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนในยุคพระคุณ เราจะไม่นั่งคุกเข่าหรือทำเป็นพิธี หรือทำเป็นเหมือนแบบที่เราเคยทำมาเมื่อก่อน เราพูดคุยกับพระเยซูตอนไหนก็ได้ ยืนก็ได้ นั่งก็ได้ เดินก็ได้ นอนก็ได้ อยากคุกเข่าไม่เป็นไรครับทำได้ แต่ขอให้คิดทำเป็นในรูปแนวแบบชีวิต ไม่ใช่เป็นพิธีว่าทุกครั้งที่จะอธิษฐานต้องคุกเข่า ไม่ต้องครับ แล้วก็ไม่ต้องพนมมือด้วย คือบอกพระเยซูไปเลย "พระเยซูตอนนี้ข้าพระองค์มีปัญหา มีน้องชายคนหนึ่งที่เลิกเชื่อ ขอพระองค์นำเขา ช่วยเขา ทำให้แผนการงานของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเขา เอเมน" เท่านี้ครับ
แล้วพรุ่งนี้ถ้าคิดถึงเขาก็อธิษฐานอีกครับ สำหรับผม คือเราอธิษฐานไม่ซ้ำซากนะครับ ก็คือวันละครั้ง พรุ่งนี้เราทำใหม่ เพราะว่ามันเป็นวันใหม่แล้วครับ จริงๆ แล้วเราจำกันได้ใช่ไหม มีบางบทเรียน บางคลิปที่ผมทำ คือคำว่าอธิษฐานแท้ที่จริงเป็นการพูดคุยสนทนา ความหมายจริงๆ ของภาษากรีกก็คือ ต้องการสื่อให้พวกเราเข้าใจว่า เป็นการพูดคุยสนทนา แล้วมันจะต้องมีสองคนอยู่ร่วมกัน ถึงพูดคุยสนทนาได้ เปาโลพูดโดยพระวิญญาณนะครับว่า เมื่อไหร่ที่เราพูดกับพระเจ้า พระเจ้าก็อยู่ที่นั่นและฟังเราอยู่ แล้วพระเจ้าก็หาทาง หาวิธีที่จะตอบเราตามความเหมาะสมครับ