1. ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ / การเต็มล้นภายนอก
- ทุกคนมีอย่างน้อยหนึ่งชิ้น บางคนมีน้อย บางคนมีมาก
- ตามการทรงประทานให้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเลือกเองหรือขอไม่ได้
- เพื่อการเติบโตของพระกาย ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง (1 คร 12:7)
- ของประทานเท่าที่บันทึกในพระคัมภีร์ (1 คร 12:8-11)
a. มีถ้อยคำแห่งสติปัญญา the word of wisdom
b. มีถ้อยคำแห่งความรู้ the word of knowledge
c. มีความเชื่อที่ไม่ธรรมดา/เป็นความเชื่อที่ย้ายภูเขาได้ faith that can move the mountain
d. รักษาโรคได้ healing
e. กระทำการอัศจรรย์ต่างๆ ได้ do the works of power
f. เผยพระวจนะ ที่เป็นพระคำแห่งความจริงที่ไม่มีเชื้อยีสต์ได้ prophecy
g. รู้จักสังเกตุวิญญาณต่างๆ ได้ discerning of spirits
h. พูดภาษาต่างๆ ได้ (ภาษาต่างประเทศ) speak in tongues
i. แปลภาษาต่างๆ ได้ (ภาษาต่างประเทศ) interpret of tongues
* ของประทานที่ดีกว่าภาษาต่างๆ คือการเผยพระวจนะ ทำไม?
2. ผู้เชื่อที่มีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์และสนิทในพระองค์จะไม่กลัวต่อสิ่งใด และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาแห่งการข่มเหง พระวิญญาณจะครอบครองจิตใจไม่ให้กลัวและผ่านความทุกข์ทรมานไปได้
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่มาถึงเรื่องเกี่ยวกับของประทานซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สำหรับของประทานในพระคัมภีร์มี 2 ของประทานด้วยกัน ซึ่งพี่น้องก็อาจจะทราบมาแล้วบางส่วนบางคน คือของประทานแห่งพระคุณ และของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
ของประทานแห่งพระคุณ ก็คือการที่พระคริสต์เข้ามาอยู่ในเรา แล้วเป็นพระคุณอยู่ในเรา ทำแทนเรา ดำเนินชีวิตแทนเราทุกสิ่ง เราไม่ต้องทำอะไร เราให้พระองค์ใช้อวัยวะของเรา อันนี้เรียกว่าของประทานแห่งพระคุณ
ส่วนของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเพื่อคริสตจักร ไม่ใช่เพื่อเรา
ขณะที่ของประทานแห่งพระคุณเพื่อตัวเราเองเพื่อการเติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซู
แต่ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเพื่อคริสตจักรให้เติบโต
อีกครั้ง ของประทานแห่งพระคุณเพื่อเราเติบโต
แต่ของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อคริสตจักรเพื่อพระกายเติบโต ก็คือนำคนมาเชื่อได้เยอะ และเพื่อให้พระกายได้รับการเลี้ยงดูดูแล ก่อขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซูให้มากขึ้น ซึ่งเราจะต้องมีการสั่งสอน มีการเผยพระวจนะ มีการรักษาโรค มีการบริหารคริสตจักร มีการดูแล มีผู้ปกครอง มีการใช้สติปัญญาของพระคริสต์ และมีการใช้ความรู้แห่งถ้อยคำของพระเจ้า เพื่อให้คริสตจักรเติบโตสู่น้ำพระทัยของพระบิดา
ทุกวันนี้เราพบว่าของประทาน 2 สิ่งนี้ ก็คือไม่มีในคริสตจักรทั่วไป ก็คือของประทานแห่งสติปัญญาถ้อยคำแห่งสติปัญญา และถ้อยคำแห่งความรู้
อีกครั้ง ถ้อยคำแห่งสติปัญญา ของประทานนี้ภาษาอังกฤษก็คือ the word of wisdom / wisdom ก็คือสติปัญญา
อันนี้มาจากไหน คือการเปิดเผยโดยตรงจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราได้รู้เรื่องพระคริสต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ล้ำลึก เป็นสิ่งที่ลึก ภาษาอังกฤษก็คือ deeper things of God / deeper ก็คือสิ่งที่ล้ำลึก ลึกล้ำ ลึกลับ เกี่ยวกับพระคริสต์ที่พระองค์เป็นเหตุพระองค์เป็นคนกลางพระองค์เป็นคนทำให้พระเจ้าได้เข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์
อีกครั้ง ถ้อยคำแห่งสติปัญญา ใครที่มีถ้อยคำแห่งสติปัญญาเป็นของประทาน เขาจะพูดชัดเจน เขาจะพูดให้ทุกคนได้รู้ได้เข้าใจว่า พระคริสต์คือผู้ที่ให้พระบิดาเข้ามาอยู่ในมนุษย์อยู่กับมนุษย์และเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ได้ คือพระคริสต์เป็นความล้ำลึก เป็นความลึกลับลึกล้ำของพระเจ้า
ใครที่มีของประทานนี้ ก็คือนำพระเจ้ามาสู่มนุษย์ได้ ใครที่มีของประทานนี้ ก็คือเปิดตาให้เราได้พบว่าพระคริสต์อยู่ในเรา และไม่ใช่แต่เฉพาะพระคริสต์เท่านั้น ก็คือพระคริสต์เป็นตัวแทนของพระเจ้าพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในเรา เพราะฉะนั้นอยู่ในเราตอนนี้ก็คือมีพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
ถ้าหากเราเข้าใจ เราได้ฟังคนพูด แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เปิดตาเรา เรียกว่าคนนั้นมีของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญา อันนี้อยู่ใน 1 คร 1:24, 30 / 1 คร 2:6-10
อีกอันหนึ่งของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญา ก็คือนำเราให้พบทางออก การแก้ปัญหาที่เข้ามาในแต่ละวัน เข้าใจไหมครับ คือการให้เราพบทางออก มีสติปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในแต่ละวัน คือคนๆ นั้นจะบอกเราว่าต้องแก้ไขแบบนี้ ต้องแก้ไขแบบนั้น ต้องหาทางออกแบบนี้ เมื่อทำก็ประสบความสำเร็จก็แก้ไขปัญหาได้ อันนี้เรียกว่าผู้ที่มีของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญา
ทีนี้มาถึงเรื่องของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ คนที่มีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ ก็คือคนที่แปล คนที่อธิบาย ที่นำความจริงให้เราได้เกิดมีความเข้าใจในความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องบางคนที่มีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ เพื่อนำความจริงมาเปิดเผยเราจึงได้รับการเปิดตาจนถึงทุกวันนี้ว่า พระคัมภีร์มัทธิวแปลว่ายังไง มาระโก ลูกา ถ้อยคำที่เปาโลเขียนมีความหมายที่แท้จริงคืออะไร
ซึ่งเราพบว่าทุกวันนี้มนุษย์แปลไม่ได้อาศัยผู้ที่มีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ จึงกินเชื้อยีสต์ จึงแปลตามความเข้าใจของเขาเอง เกิดมีคำสอนปลอม เกิดมีคำสอนที่ออกจากพระคำแห่งความจริงนี้เยอะแยะเต็มไปหมดเลย อันนี้เรียกว่าคริสตจักรตกขอบ หลงทาง เพราะว่าหาคนที่มีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ ไม่มีในคริสตจักรเขา
แต่ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าให้มีผู้ที่มีของประทานนี้ท่ามกลางพี่น้องที่รับมานาฯ ท่ามกลางพี่น้องที่เข้าใจความรู้ฝ่ายวิญญาณ เอเมน
เราเข้าใจชัดเจนแล้วนะครับเกี่ยวกับเรื่องของประทาน 2 อย่างนี้ ก็คือของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญา และของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้
อีกครั้ง ของประทานสำหรับถ้อยคำแห่งสติปัญญา ก็คือการเปิดเผยจากพระวิญญาณโดยตรงให้บางคนได้บอกผู้อื่นเรื่องพระคริสต์คือสิ่งล้ำลึก ลึกลับ ลึกล้ำ ของพระเจ้า Christ is the deeper things of God เกี่ยวกับการมามีส่วนเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ พระเจ้าต้องการที่จะเข้ามาอยู่ในมนุษย์ พระเจ้าต้องการที่จะมาเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการและคนที่ทำให้เกิดขึ้นได้สำเร็จได้ ก็คือพระคริสต์ สิ่งนี้เรียกว่าถ้อยคำแห่งสติปัญญา
และอีกอันหนึ่งถ้อยคำแห่งสติปัญญาก็คือ ใครทางตัน พบปัญหา แก้ไม่ได้ ไม่รู้ คิดไม่ออกว่าจะทำยังไง แล้วก็ไปขอให้ผู้ที่มีของประทานแห่งสติปัญญานี้อธิษฐานเผื่อ แล้วปรากฏว่าเขาก็ได้รับนิมิตจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ให้ไปบอกเขาว่าต้องแก้ไขแบบนี้ ต้องทำแบบนี้แบบนั้น สรุปก็คือนี่คือถ้อยคำแห่งสติปัญญา
ส่วนถ้อยคำแห่งความรู้ อีกครั้ง ถ้อยคำแห่งความรู้ ก็คือนำความจริง พระคำแห่งความจริงโดยพระวิญญาณแห่งความจริงมาเปิดเผยมาเปิดตาให้เราได้พบคำสอนที่เป็นพระคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงนี้ให้เราได้รับการเปิดตา ให้หายจากอาการตาบอด หายจากอาการหล่นจากพระคุณ กลับเข้าสู่ความจริงของพระเจ้า และเดินไปกับพระเยซูในแต่ละวันตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ส่วนของประทานเรื่องความเชื่อ รักษาโรค การทำการอัศจรรย์ ผู้เผยพระวจนะ การรู้จักสังเกตวิญญาณ พี่น้องก็ได้อธิบายไปได้แล้วก็ทำได้ดี เอเมนขอบคุณพระเจ้า
และสำหรับเรื่องการเผยพระวจนะ พระเจ้าให้คริสเตียนมากมาย พระเจ้าต้องการให้คริสเตียนมากมายมีของประทานนี้ เพื่อจะช่วยกันในการเผยพระวจนะ และโดยเฉพาะพี่น้องที่ได้รับการเปิดตาแล้วจะมีโอกาสได้รับของประทานนี้อย่างมาก
เพราะว่าพระเจ้าให้ทุกคนไม่อยากให้ใครนิ่งเฉย ให้ทุกส่วนในอวัยวะของพระเยซูเคลื่อนไหว เราจึงควรที่จะฝึกใช้ของประทานนี้ พูดเลยพูดอะไรก็ได้ พูดเลยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา และเชื่อว่าพระองค์จะใช้เราในการที่จะเสริมสร้างพระกาย ล้างเท้ากันและกัน เพื่อให้มีส่วนให้พระกายของพระองค์เติบโต เอเมน
และสำหรับพี่น้องที่เข้ามาใหม่ หรือบางคนยังสับสนเรื่องเกี่ยวกับภาษาแปลกๆ กลุ่มพวกเรานะครับไม่เชื่อเรื่องภาษาแปลกๆ เพราะว่าคำว่า ภาษาแปลกๆ แปลมาจากภาษาไทยหรือภาษาลาวหรืออีกหลายภาษา แปลภาษารากศัพท์ รากศัพท์ก็คือภาษากรีก ใช้คำว่าภาษาอื่นๆ ภาษาต่างๆ ความหมายก็คือเป็นภาษาต่างประเทศ ไม่ใช่กระตุกลิ้นไม่ใช่ลั่นลิ้น ไม่มีนะครับ ในพระคัมภีร์ไม่มีการกระตุกลิ้นหรือลั่นลิ้น
ซึ่งอันนี้คริสเตียนชาวเมืองโครินธ์ได้มาจากศาสนาเดิมของพวกเขา พวกเขากราบไหว้รูปเคารพนับถือผี และเมื่อเขามาร่วมกันทำพิธีเขาจะมีการกระตุกลิ้นนะครับ เหมือนที่เราเห็นในคริสตจักรมากมายทุกวันนี้ที่เอามาใช้ จริงๆ แล้วเขาทำกันมาก่อนที่คริสเตียนจะเกิดมี ก็คือการกระตุกลิ้น โดยที่เขาทำพิธีบวงสรวง ทำพิธีกราบไหว้พระอื่นของเขาเป็นศาสนาของดั้งเดิมของเขา เข้าใจชัดเจนแล้วนะครับ
เพราะว่าคริสตจักรมากมายคือไม่มีใครทำ แต่ปรากฏว่าชาวเมืองโครินธ์เมื่อกลับใจเป็นคริสเตียน เขาจึงเอาสิ่งนี้เข้ามาในคริสตจักร เปาโลจึงเตือนเขาบอกว่าอันนี้ไม่ใช่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่แล้ว ถ้าหากว่าพวกท่านจะพูดภาษาพระวิญญาณ ภาษาพระวิญญาณก็คือภาษาที่ทูตสวรรค์เขาใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าจะพูดเนี่ยก็คือต้องมีคนแปล แล้วถ้าพูดไม่มีคนแปลมาพูดที่บ้าน คุยกับพระเจ้า คุยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ดีกว่า ห้ามพูดในคริสตจักร ใน 1 โครินธ์บทที่ 14 นะครับ
ถ้าจะพูดต้องมีคนแปล ถ้าไม่มีคนแปลอย่าพูด เผยพระวจนะดีกว่า การพูดภาษาต่างๆ ต่างประเทศ ได้ผลประโยชน์จากคนที่มาฟังที่เป็นชาวต่างชาติ แต่การพูดเผยพระวจนะแบ่งปันพระคำ ล้างเท้ากันและกัน เสริมสร้างกันและกัน อันไหนได้รับประโยชน์มากกว่า อันไหนก่อคริสตจักรให้เติบโตมากกว่าครับ (ล้างเท้า เผยพระวจนะ) ใช่แน่นอนครับ
เพราะฉะนั้นเราพบว่ามี 3 แห่งในพระคัมภีร์ที่พูดถึงเรื่องของประทาน เราจะเห็นว่าของประทานในการเผยพระวจนะ คือมาก่อนของประทานในการพูดภาษาต่างประเทศ เพราะว่าการพูดภาษาต่างประเทศ ไม่ได้สำคัญอะไรนะครับ อยู่ลำดับสุดท้ายของของประทานต่างๆ เนื่องจากว่านานๆ ทีจะมีทีนึงที่มีชาวต่างชาติมาร่วมและไม่เข้าใจภาษาในท้องถิ่นที่เขานมัสการอยู่ จึงต้องมีคนแปลให้ แล้วจึงต้องมีคนพูดแล้วก็แปลให้ด้วย ถ้าไม่มีคนแปลคนคนนั้นก็เข้าใจเอง
แต่สำหรับการเผยพระวจนะทุกคริสตจักรต้องมี เพราะว่าอาศัยพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อเปิดเผย เพื่อล้างเท้า เพื่อเสริมสร้าง เพื่อก่อพวกเราขึ้น การกินอาหารเราไม่ได้พูดแค่ลมปาก แต่ทุกครั้งที่เราพูดทุกครั้งที่ผมพูดพี่น้องพูด ขอให้เชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนพูดแทนเรา พี่น้องก็จะได้รับอาหารที่มาจากสวรรค์เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ กินพระคริสต์เข้าไป เติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระองค์ เอเมน
สำหรับข้อ 10 จนถึง 13 คืออย่างที่ผมพูดก็คือมีสรุปมี 2 ข้อที่เป็นเรื่องที่สำคัญ
เรื่องแรกก็คือเรื่องของประทาน และเรื่องที่สองก็คือเรื่องผู้ที่เชื่อที่มีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ และสนิทในพระองค์ เขาจะไม่กลัวต่อสิ่งใดทั้งนั้น ไม่กลัวเพราะว่าเขาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาแห่งการข่มเหงพระวิญญาณบริสุทธิ์จากครอบครองจิตใจ ครอบครองร่างกายของเขาไม่ให้กลัวไม่ให้เจ็บปวดมากเกินไป และเขาสามารถผ่านความทุกข์ทรมานไปได้โดยการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์
สำหรับเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นสาวกที่อยู่กรุงเยรูซาเล็ม ชื่ออากาบัส คนๆ นี้ขอบคุณพระเจ้าเขามีของประทานเรื่องการพยากรณ์ ก็คือการทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้เชื่อกับบ้านเมือง ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ก่อนที่จะถึงบทที่ 21 เขาเคยเตือนพี่น้องในบางแห่งบอกว่าจะเกิดการกันดันอาหารต้องเตรียมตัวรับมือกับสิ่งนั้นแล้วพี่น้องก็ทำตาม แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงในกิจการบทที่ 11 (กจ 11:28 พระเจ้าใช้ท่านมาเตือนพี่น้องว่าจะบังเกิดการกันดารอาหารมากยิ่งตลอดทั่วแผ่นดิน แต่ในข้อนี้ท่านถูกใช้ให้มาเตือนว่าเปาโลจะถูกจับมัดมือมัดเท้า)
ส่วนข้อนี้ก็คือเขาพบว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ของประทานแก่เขา แล้วเขาก็ได้เห็นนิมิตว่าเปาโลจะถูกมัดมือมัดเท้า ก็คือถูกจับถูกข่มเหง แต่เปาโลบอกว่าขอบคุณพระเยซูที่เตือน แล้วท่านก็ต้องไปอยู่ดี
คือการเตือนเนี่ยไม่ใช่ว่าจะเอาปัญหาไป แต่เพื่อให้เราทำใจ ขอให้เข้าใจตรงนี้ เมื่อพระเจ้าให้นิมิตเราว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเรา เพื่อเราจะทำใจ และเพื่อเราจะมั่นใจในความรัก พึ่งพระเจ้าให้อยู่ในการปกป้องปกครองคุ้มครองของพระองค์
ซึ่งอาการเจ็บปวดอาจจะมีอาการมึนชาเข้ามาแทนที่
ซึ่งบางครั้งหนักมากก็จะกลายเป็นหนักน้อย หรือเบาลง
ร้ายก็จะกลายเป็นร้ายแรงนิดหน่อย แต่ปัญหาที่จะมาเนี่ยก็คือพระเจ้าอนุญาตให้เกิดและต้องเกิด
และสำหรับพี่น้องที่อ้างนะครับว่า ดิฉันมีของประทานชิ้นนี้ ดิฉันมีของประทานชิ้นนั้น พี่น้องพวกเราอย่าเพิ่งเชื่อและเราเองก็อย่าเพิ่งด่วนไปคิดว่าเรามีของประทาน เพียงแต่บางครั้งพระเจ้าอาจจะใช้เราเฉพาะบางครั้ง
แต่ถ้าหากว่าอยากรู้ว่าเรามีของประทานอะไรจริงๆ ก็คือเราไปทำ ไปรักษาโรค ถ้าไปทำกับ 10 คน ไปวางมือให้ 10 คน แล้วปรากฏว่ามี 7-8 คนที่หายดี แสดงว่าเรามีของประทานแน่นอน
ถ้าสมมุติว่าเรามีของประทานแห่งสติปัญญาถ้อยคำแห่งสติปัญญา เราไปบอกคนเรื่องพระคริสต์อยู่ในเรา เรื่องพระเจ้าต้องการมาเป็นหนึ่งเดียวกับเรา ทุกวันนี้พระบิดาอยู่บนสวรรค์แต่ขณะเดียวกันพระองค์ก็อยู่กับพวกเราแล้ว เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเราแล้ว พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์พระเจ้าอยู่ในมนุษย์ มนุษย์เป็นวิหารของพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในเรา ถ้าเขารับฟังถ้าเขาเปิดใจแล้วถ้าเขาพบความจริงนี้ เขาบอกว่าโอ้ขอบคุณพระเจ้าไม่เคยเจอไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อน สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระองค์แสดงว่าเรามีของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญา
และถ้าเราไปเปิดตาพี่น้องไปบอกพี่น้องเรื่องความจริงแห่งพระคำพระเจ้า เราพูดๆๆ ไป แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็นำเรา 10 คนนะครับอย่างน้อยมี 7 คน 8 คนที่ได้รับฟังก็ได้รับการเปิดตาเข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ อันนี้เรามีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้
แล้วเราไปวางมือเพื่อไล่ผี ไปไล่ผีนะครับถ้า 10 คน มี 7-8 คนที่ออก ก็คือแสดงว่าเรามีของประทาน
เป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ คริสตจักรสำคัญมากก็คือเรื่องของประทาน เราทุกวันนี้ไม่ได้ใช้ความรู้ของเราเอง เราทุกวันนี้ในคริสตจักรพวกเราไม่อนุญาตให้ใช้เนื้อหนัง สติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจของมนุษย์ตัวเก่าของอาดัม เราพึ่งสติปัญญาความรู้ทุกสิ่งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น คริสตจักรเคลื่อนไปโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
ถาม.
ขออนุญาตถามค่ะ พวกเรานะคะที่ได้รับการเปิดตาจากพระวิญญาณผ่านอาจารย์เนี่ยค่ะ เราได้รับความรู้ความเข้าใจในฝ่ายวิญญาณ แล้วก็การฝึกฝนชีวิตและพบประสบการณ์ เมื่อเราเอาไปฝึกเอาไปใช้แล้วมันเกิดผล แล้วเราไปบอกต่อเราไปส่งต่อให้กับพี่น้องคนอื่นอย่างเนี้ ยเราไม่ได้มีของประทานถ้อยคำแห่งสติปัญญาแล้วก็ถ้อยคำแห่งความรู้ใช่ไหมค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้รับการเปิดเผยโดยตรงจากพระวิญญาณ แต่เรารับมาต่อจากอาจารย์อีกทีแบบนี้ค่ะ อันนี้เราไม่ได้มีตรงนี้ใช่ไหมค่ะ หรือยังไง เอเมนค่ะ
ตอบ.
คือถ้าสมมุติว่า สมมุติว่าเราได้รับการเปิดตาแล้ว เรารักในพระคำแห่งความจริง เรารักในมานาที่ซ่อนไว้ ปรากฏว่าเรานำคลิปไปแชร์ หรือนำความรู้ที่ผมเขียนที่แปลแล้วก็เอาไปแชร์ต่อ อันนั้นไม่เรียกว่าเรามีของประทาน
แต่การที่จะมีของประทานแห่งถ้อยคำแห่งความรู้ก็คือ เราเองนะครับเดินไป แล้วไปพูดกับคนนั้น หรือทักใน Messenger ก็ได้ ใน LINE ก็ได้ แล้วคุยกันไปคุยกันมา ปรากฏว่าเขารับได้เขาเปิดใจเขาฟัง เขาเห็นเขาเห็นในสิ่งที่เราแบ่งปัน แล้วเขายอมรับ แสดงว่าเรามีของประทานครับ
แต่ถ้าใครนะครับที่เอาคลิปไปแชร์ แล้วก็เอาความรู้ในบทเรียนเอาส่งไปให้เขา ก็แสดงว่าอันนั้นก็คือเราเป็นคนส่งผ่าน เอเมน
...
ถาม.
คือหมายความว่าเรารับมาจากพระวิญญาณผ่านอาจารย์ใช่ไหมค่ะ คือความรู้พวกเนี้ยเราได้รับผ่านจากอาจารย์มา เรามีความเข้าใจแล้ว แล้วเราก็ไปบอกต่อ ไม่ได้ส่งเป็นคลิปเป็นอะไรนะ เพียงแต่เราพูดต่อบอกต่อ ไปประกาศต่อ แล้วมีคนเข้าใจแล้วมีคนได้รับการเปิดตา อันนี้เรามีของประทานนี้ไหมหรือว่าเรารับมาจากคำสอนจากอาจารย์อีกทีหนึ่งแบบเนี้ยค่ะ อันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ
ตอบ.
แสดงว่าเรามีของประทานแห่งความรู้ ถ้อยคำแห่งความรู้ ใช่ครับผม
...
ถาม.
ทั้งที่เราไม่ได้รับมาเองใช่ไหมค่ะ แต่เรารับมาจากอาจารย์อีกทีหนึ่งอย่างเงี้ยค่ะ เราก็มีใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
ใช่ครับ ถ้าเราไปพูด 10 คน มีประมาณ 6 -7 หรือ 8 ที่รับได้ แสดงว่าเรามีของประทาน
อย่าลืมนะครับทุกสิ่งทุกของประทาน จริงๆ แล้วคือในโรมบทที่ 12 ที่ผมเอามาแบ่งเกี่ยวกับของประทาน เป็นพื้นฐานเพื่อคริสตจักรนะครับ ยังมีของประทานอีกเยอะแยะมากมาย
เพราะฉะนั้นเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีของประทานอะไร ก็คือเราไปทำ เราไปทดลองไปทำ แล้วปรากฏว่า 10 คน มีเยอะกว่ามีจำนวนเยอะกว่ารับ แสดงว่าเรามีของประทานแล้วครับ
ยังมีของประทานอีกบางอย่าง ซึ่งมีน้อยคนที่จะมีก็คือ อัครสาวก ศิษยาภิบาล ครู และคนที่ให้การช่วยเหลือ คนที่ชอบให้ มีหัวใจที่จะรักในการให้ในการช่วยเหลือ และของประทานแห่งการบริหารคริสตจักร และของประทานแห่งการหนุนใจ ของประทานแห่งการเป็นผู้นำ ของประทานที่มีจิตใจเมตตา และของประทานในการเป็นโสด อันนี้คือของประทานที่หายากที่คนส่วนมากไม่ค่อยจะมี ซึ่งตรงข้ามกับของประทานที่ผมได้พูดถึงใน 1 โครินธ์บทที่ 12 เอเมน
อีกครั้ง ของประทานที่หายากที่น้อยคนที่จะมี ไม่ใช่ทุกคน ก็คืออัครสาวก ศิษยาภิบาล ครู คนที่ชอบให้ และคนที่รู้จักในการบริหารคริสตจักร คนที่หนุนใจเป็น แล้วก็คนที่เป็นผู้นำได้ คนที่มีจิตใจเมตตาสูงมาก และคนที่เป็นโสด พระเจ้าอนุญาตให้คนเหล่านี้มีของประทานเพื่อที่จะอยู่เพื่อการรับใช้พระเจ้าอย่างมากมาย
ถาม.
รบกวนอาจารย์ช่วยขยายความของประทานในการบริหารคริสตจักรหน่อยนะคะ คือเป็นแบบไหนอย่างไรค่ะ แล้วก็พวกเราเนี่ยเป็นคริสตจักรฝ่ายวิญญาณใช่ไหมคะ แล้วส่วนใหญ่ก็คือเรายังไม่มีคริสตจักรในท้องถิ่น ก็จะมีแค่กรุงเทพพัทยาแล้วก็อาจจะมีที่เพชรบูรณ์ใช่ไหมคะ แต่อย่างดาวอยู่ปากช่องก็มีคนเดียว แล้วเราจะใช้การบริหารแบบไหนอย่างไรคะ ซึ่งเราเป็นแบบในวิญญาณอย่างเงี้ยค่ะ อย่างในคริสตจักรที่พัทยาก็ด้วยค่ะ คืออยากให้อาจารย์อธิบายขยายความว่ามันคืออะไรยังไงคะ
ตอบ.
คำตอบนี้ค่อนข้างจะยาวนะครับ คำถามสั้นๆ แต่คำตอบจะยาว ผมขอหนุนใจน้องสาวแล้วก็พี่น้องนะครับ เข้าไปดูคลิปเกี่ยวกับเรื่องคริสตจักร ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 10 กว่าคลิป เกี่ยวกับเรื่องคริสตจักร
(https://youtube.com/playlist?list=PLaNoGc-tPMtkgsgR9lNfaKHjQTvFlXQV4&si=HUdxS_ojJQvRoVKx)
คนที่มีของประทานในการบริหารคริสตจักร เขาจะรู้นะครับว่าการอธิษฐานแบบไหน การสามัคคีธรรมร่วมกันแบบไหน การพูดในการเผยพระวจนะแบบไหน ลักษณะไหน คือการจัดการกับคริสตจักรทั้งเรื่องฝ่ายวิญญาณ และเรื่องฝ่ายร่างกายครับ
คือรู้หน้าที่ แล้วก็รู้หน้าที่ รู้วิธีการต่างๆ ในการดูแลคริสตจักรเป็นอย่างดี ซึ่งอันนี้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนให้ แล้วเขาก็ถ่ายทอดเข้าไปในคลิปนะครับ แล้วก็ส่งให้พวกเรา อยู่ใน YouTube เข้าไปอ่านเข้าไปฟังกันนะครับ
...
ถาม.
เอเมนครับ ศิษยาภิบาลจะเป็นแบบไหนครับ ถ้าคนนั้นถูกเลือกให้มีของประทานครับ
ตอบ.
คนที่มีของประทานในการเป็นศิษยาภิบาล ก็คือคนที่เขาดูแลคริสตจักร แล้วเขาสามารถเลี้ยงดู เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่พระเยซูใช้เขาให้เป็นผู้เลี้ยงที่ดีได้ ก็คือเป็นคนที่ถ่อมใจ เป็นคนที่ดูคิดว่าเขาเองเป็นคนที่ต่ำ เป็นคนที่ไม่มีค่าอะไร เป็นคนขอทาน เป็นคนเป็นเด็กเลี้ยงแกะ
แล้วก็เลี้ยงดูคริสตจักร ก็คือให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแลแกะ จับแตะต้องแกะ กอดแกะ รักแกะมาก แล้วก็ทุกสิ่งที่เขาให้แกะก็คือสิ่งที่จะทำให้แกะเติบโตสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณได้ นี่คือศิษยาภิบาลที่แท้จริงของพระเยซู
ซึ่งทุกวันนี้เราหาไม่ค่อยมีนะครับ ไม่ค่อยมี ส่วนมากข่มเหงแกะรังแกแกะ
อีกครั้ง คริสตจักรต้องการของประทานทั้งหลาย เพื่อดำเนินการในคริสตจักรในพระกายของพระเยซู พระกายของพระเยซูเป็นพระกายฝ่ายวิญญาณ และเป็นพระกายที่เหนือธรรมชาติ เราเป็นมนุษย์วิญญาณ
เพราะฉะนั้นสติปัญญาก็ดี การดำเนินการทั้งหลายของคริสตจักร การบริหารคริสตจักร การดูแลคริสตจักร การเลี้ยงดูคริสตจักร ทุกสิ่ง ขึ้นอยู่กับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์
สรุปก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเอกในงานนี้ เพื่อทำให้คริสตจักรเป็นหนึ่งเดียวได้ เพื่อทำให้คริสตจักรเติบโตได้
...
ถาม.
ขออนุญาตถามอาจารย์ในการที่ว่าของประทานนี้ ยังไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองมีมากเท่าไหร่ อะไรเท่าไหร่ และทีนี้มีอยู่เคสหนึ่งคือว่า มีคนมาส่งของแล้วเขามือเคล็ด ยกแขนไม่ได้ เอียงตัวไปไม่ได้ คือว่าเคยเป็นอาจารย์สอนนวดอยู่แล้วนะคะ แล้วทีนี้จะรักษาเขา แล้วกระต่ายก็เลยพูดว่า ในนามพระคริสต์เยซูรักษาให้น้องคนนี้ ได้ไหมค่ะหรือว่ายังไง แล้วก็รักษาแล้วก็คือเขาหายนะคะ ในนามพระคริสต์เยซู แล้วก็ให้น้องเขาบอกว่า ขอบคุณพระคริสต์เยซูนะและเอเมน น้องเขาก็พูดตามอ่ะค่ะ
ก็รักษามาได้ประมาณทั้งพนักงานมาติดกล้องวงจรปิด พนักงานมาทำหลังคา อะไรที่เข้ามาในบ้านเนี่ยที่เขาเป็นเนี่ยเขาก็พูดปวด เราก็รักษาให้เขาเลยอ่ะค่ะ แต่ในพระนามของพระคริสต์เยซูทรงรักษา และให้น้องเขาพูดว่า ขอบคุณพระคริสต์เยซูเอเมน น้องเขาก็พูดกันค่ะ ทุกคนก็ประมาณเกือบจะ 20 คนแล้วค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ถ้าหากว่ามีหลายคนนะครับ ที่เราอธิษฐานวางมือรักษาในพระนามของพระเยซูแล้วก็หายดีหลายคน แสดงว่าเราเป็นไปได้ที่จะมีของประทานในการรักษาโรค ใช่ครับผม
...
ถาม.
คือว่าไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยมีแต่คนมา ไม่ได้ไปแสวงหาผู้เชื่อหรืออะไรนะคะ ไม่มีโอกาสได้ออกไปนอกบ้าน และทีนี้พอได้มีโอกาสทำในสิ่งนี้ก็อยากจะให้เป็นพระสิริและพระเกียรติของพระคริสต์เยซูนะคะ เหมือนดลใจให้เราทำนะคะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ของประทานทุกชิ้นต้องมีคำนี้นะครับ งานเข้า เข้าใจคำว่างานเข้าไหมครับ ก็คือสำหรับผู้ที่มีของประทานในการเผยพระวจนะก็ดี หรือแบ่งปันถ้อยคำแห่งความรู้ก็ดี หรือจะรักษาโรคก็ดี ไล่ผีก็ดี ถ้าหากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เราแล้วสิ่งหนึ่งที่ตามมาก็คืองานเข้า ก็คือพระองค์จะหางานให้เรา เอเมน
เราอาจจะไม่ได้ออกไปแต่พระเจ้าส่งคนมา หรือบางครั้งพระเจ้าก็ให้เราออกไป ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ แต่ประเด็นก็คือเราทำแล้วก็คือเขาหายดีแสดงว่าเรามีของประทานครับ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ออกไปไหนหรือไม่อยากออกไปนะครับ พระเจ้าก็นำคนมามาหาเราเพื่อให้เรารักษาเพื่อใช้ของประทาน
เมื่อเราทำหน้าที่ของเรา เรารู้ว่าเรามีของประทานและเราทำหน้าที่ของเรา ซึ่งเราควรจะทำนะครับ และเมื่อเราทำขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราทำด้วยตัวใหม่ บำเหน็จก็จะมีมากมายเมื่อพระเยซูเสด็จมา เอเมน
...
ถาม.
การที่มีของประทานน่ะ คือถ้ามีของประทานมันก็ใช้ได้อยู่แล้วครับ แต่ทีนี้ว่าพี่น้องหลายคนรู้ว่าตัวเองมีของประทานแต่เขาไม่ได้ใช้ เพราะว่าบางคนอยู่ต่างจังหวัดคนเดียว เดี่ยวๆ ไม่มีอะไรไม่มีใครจะไปใช้ของประทานด้วยเขาอยู่ สมมุติอยู่จังหวัดหนึ่งแล้วอยู่ห่างไกลไม่มีพี่น้องที่จะใช้ของประทานเลยแบบต่างคนต่างอยู่คนละที่ แล้วเขาไม่ได้ไปคริสตจักรไหนเลย เขาอยู่แบบเดี่ยวๆ คนเดียวเลยครับ แต่ว่าเขามีของประทานน่ะ แล้วทีนี้คือมันก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของประทาน อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไร ผมอยากฟังตรงนี้
ตอบ.
ผมเชื่อนะครับว่าเราที่อยู่ในกลุ่มที่ร่วมนมัสการออนไลน์ตอนนี้ เราหลายคนอยู่โดดเดี่ยวใช่ไหมไม่มีเพื่อนที่อยู่ด้วยที่รับมานา ซึ่งก็ตอนนี้ครับคือใช้ตอนนี้เลย ออนไลน์นี่แหละ
เป็นคำพูดที่ดีก็คือเหนือธรรมชาติ ก็คือไม่ใช่ความสามารถของเราเอง ซึ่งมันเกิดขึ้นโดยที่เราเองรู้ดีนะครับคนที่ใช้ของประทานอยู่รู้ดีว่าเป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
...
ถาม.
เหมือนกับว่าพี่น้องเข้าใจว่าพระเจ้าจะใช้คนที่มีของประทานใช้เฉพาะกับพี่น้องผู้เชื่อเท่านั้นใช่ไหมคะ ที่ว่าอยู่คนเดียวเราไม่ได้ใช้ของประทาน แต่สำหรับตัวหนูก็คือเราไม่ว่าจะเป็นด้านความเชื่อ เรื่องพระเยซูหรืออะไรก็แล้วแต่ เราสามารถแบ่งปันเราสามารถพูดกับคนที่ไม่ใช่ผู้เชื่อ อันนี้หนูเข้าใจถูกไหมค่ะอาจารย์
ตอบ.
สำหรับของประทานนะครับบางชิ้นเราใช้กับคนที่ไม่เชื่อ บางชิ้นเราใช้กับทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ อยู่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา พระองค์จะเร้าใจเราให้ออกไปหรือให้เรารอ มีงานเข้าพระองค์จะเร้าใจเราพระองค์จะเป็นคนสะกิดเราบอกเราก่อน ขอให้สังเกตดีๆ
การประกาศข่าวประเสริฐ อันนี้เราประกาศกับคริสเตียนได้ไหม ไม่ได้ ต้องประกาศกับคนที่ไม่เชื่อนะครับก็คือของประทานนี้ใช้กับคนที่ไม่เชื่อเท่านั้น
แล้วการไล่ผี คริสเตียนจะไม่ไล่ผีอยู่ในผู้เชื่อนะครับเพราะว่าผู้เชื่อไม่มีผี ไม่มีวิญญาณสิงสถิตอยู่แล้ว เมื่อเรากลับใจพระเจ้าพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ในฐานะของพระเยซูคริสต์ก็เข้ามาอยู่กับเราอยู่ในเราและเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา ซึ่งบ้านนั้นก็สะอาดแล้ว ผีมารซาตานจะเข้ามาไม่ได้ ผีเข้าคริสเตียนไม่ได้แล้วนะครับอย่าเข้าใจผิด เพราะฉะนั้นของประทานไล่ผี ก็คือไล่คนที่ไม่เชื่อ
การที่เราไม่มีโอกาสได้ใช้ของประทาน เราก็ขอบพระคุณพระเยซู เราก็เอเมน ถ้าหากเราไม่มีโอกาสได้ใช้นะครับ ก็ไม่ใช่ความผิดของเรา ซึ่งถ้าหากว่าเรามีของประทานในการเผยพระวจนะ เราก็เข้ามาร่วมกลุ่มกับพี่น้องในกลุ่มออนไลน์พวกเราได้ ซึ่งตอนนี้นะครับเรามีโอกาสเยอะแยะใช่ไหมเรามีโอกาสได้พูดได้คุย ได้สามัคคีธรรมร่วมกัน
แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ไม่มีโอกาส อย่าน้อยใจหรืออย่าเสียใจอย่าคิดว่าเราทำผิด ก็คือเราเอเมน รอคอย พระเจ้าอาจจะส่งพี่น้องมาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่ม หรืออาจจะยังต้องรออีกปีสองปีหรือหลายปี อันนั้นแล้วแต่นะครับ แต่สิ่งสำคัญพระเจ้าจะใช้เราเมื่อเราต้องการอยากจะใช้ของประทาน เอเมนไหมครับ
ก็อธิษฐานเผื่อเขาเผื่อพระเจ้าจะให้เขามีพี่น้องที่รับมานาฯ หลายคน ร่วมสามัคคีธรรมด้วยกันนมัสการพระเจ้าด้วยกัน อธิษฐานเผื่อเขานะครับ ถ้าหากไม่มีโอกาสได้ใช้ก็จำเป็นนะครับ แต่ถ้าหากเขาแสวงหาจริงๆ อย่าลืมถ้าหากเราแสวงหาการใช้ของประทาน แสวงหาการร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้อง ร่วมรับใช้ มีส่วนในพระกาย แน่นอนครับพระเจ้าจะให้เรามีโอกาสแน่นอน อยู่ที่เขาเองนั่นแหละ
อย่าลืมนะครับทุกวันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานหนักกับผู้เชื่อทุกคน แล้วพระเจ้าต้องการให้เราผู้เชื่อทุกคนมีส่วนในพระกาย เราต้องการพระกาย ไม่ใช่ว่าเราอยู่โดดเดี่ยวได้
แล้วมีคนที่เชื่อกลับใจพระเจ้าก็จะหาวิธีจะให้เขามีส่วนในพระกายของพระองค์ แต่สิ่งสำคัญเราต้องเข้าใจว่าคนที่กลับใจใหม่ๆ เป็นคริสเตียนใหม่ พระเจ้าจะอนุญาตให้เขาไปอยู่ในกลุ่มของศาสนาคริสต์ก่อน เพื่อให้เขาได้เรียนรู้และหล่นจากพระคุณไปก่อน อันนี้คือส่วนมากนะครับ คนส่วนมากจะเจอแบบนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเขามีโอกาสได้เข้าไปในกลุ่มในพระกาย ไม่ว่าจะเป็นพระกายเนื้อหนังหรือพระกายฝ่ายวิญญาณก็ตาม แต่ในที่สุดคนที่แสวงหาพระเจ้าจริงๆ ก็ได้พบคำตอบเหมือนพวกเรานี่แหละ เอเมน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องน้อยใจ แล้วก็ไม่ต้องหาวิธีไม่ต้องสับสนหรือแบบกังวลมากเกินไป เราขอบพระคุณพระเยซูที่เขาอาจจะอยู่ร่วมกัน 2 คนตอนนี้ ยังไม่มีโอกาสได้นมัสการร่วมกัน ไม่เป็นไรนะครับ เราอธิษฐานเผื่อเขา
ถาม.
เอเมนครับ อจ. ตอนที่เปาโลได้รับการสวมทับของพระวิญญาณนะครับที่เต็มล้น เป็นอย่างเดียวกับสเทเฟนหรือเปล่าครับตอนที่ถูกเอาหินขว้างครับ ก็คือไม่กลัวตายอ่ะครับ เอเมน
ตอบ.
สิ่งแรกก็คือไม่กลัวตาย สิ่งที่สองก็คือมีอาการผมเชื่อนะครับอันนี้คือความเชื่อนะครับ ก็คือเชื่อว่าพระเจ้าครอบคลุมให้เกิดมีอาการมึนชา ซึ่งอาจจะมีการเจ็บปวดบ้างแต่ไม่หนักหนาเกินไป
พระเจ้ารักเรา แล้วเราเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า โดยเฉพาะเปาโลเป็นผู้รับใช้ที่พระเจ้าโปรดปราน ซึ่งจะยอมให้เขาเอาหินขว้างแล้วโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ก็คือสำหรับผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่ให้เจอในสิ่งที่มันเจ็บปวดทรมานจนเกินไป อาจจะให้เขาหลับไป หรือมึนชามีอาการมึนชา ครอบคลุมร่างกายเขาอยู่จนสุดท้ายก็เสียชีวิต
...
ถาม.
ผมก็เคยมีประสบการณ์เหมือนกัน ผมเคยเอามานาไปแบ่งปัน แล้วโดนพี่น้องคนนั้นด่ากลับมา แล้วทีเนี้ยก็เกิดอาการหน้าชา มันหน้าชาแบบรู้สึกเสียหน้า รู้สึกหน้าชาเลยครับ ก็เชื่อว่าพระเจ้าก็ช่วยครับ
ตอบ.
เดี๋ยวก่อนนะครับ ไม่ใช่ หน้าชาเนี่ยก็คือเราเองที่จิตของเรามันรู้สึก มันรู้สึกอาย สำหรับอาการหน้าชาพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ทำนะครับ ไม่ใช่นะครับ
แต่พระองค์จะให้เรามีใจนิ่งสงบ มีใจที่มีสันติสุข อันนั้นเกิดขึ้นโดยพระวิญญาณ
แต่หน้าชาเป็นอีกอาการหนึ่ง อย่าเพิ่งเหมานะครับอย่าเพิ่งตัดสินว่าอะไรมาจากพระวิญญาณหรือไม่นะครับ เอเมน
คือเมื่อพระเจ้าปกปักรักษาปกป้องเราจากคนที่ข่มเหง คนที่ไม่ต้อนรับ คนที่ทำลายทำร้ายเรา สิ่งแรกที่เราได้พบก็คือจิตใจที่เต็มล้นด้วยสันติสุข ความสุขสันติสุขความชื่นชมยินดีจะครอบครองจิตใจของเรา
แล้วเมื่อมีการทุบตี เมื่อมีการทุบตีทำร้ายร่างกาย อาการมึนชาอาการครอบคลุมโดยพระวิญญาณไม่ให้เราเจ็บปวดมากเกินไปก็จะเกิดขึ้น
...
ถาม.
แล้วคำพูดที่ออกมาจากสเทเฟนที่บอกว่า ให้พระองค์ยกโทษให้เขาด้วยเพราะว่าเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร อันนี้มาจากพระวิญญาณใช่ไหมครับ
ตอบ.
พระวิญญาณดลใจให้เขาพูดเพราะว่าเขาเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และเต็มล้นด้วยความรักและเต็มล้นด้วยพระคริสต์ตอนนั้นซึ่งเขาใกล้จะเสียชีวิตนะครับ เอเมน
...
ถาม.
อาจารย์ค่ะอยากจะถามว่าเวลาร้องเพลงนมัสการ จะร้องเพลงแบบภาษาแปลกๆ อะไรขึ้นมาอย่างเงี้ย มันคือยังไงไม่เข้าใจค่ะ
ตอบ.
อันนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้านะครับ อันนี้มาจากจิตของเราความคิดของเราเองที่คิดว่าพระเจ้าเป็นคนทำให้พูด แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่
อันที่สอง แหล่งที่มาที่สอง ก็คือซาตานเป็นคนแตะเรา ซาตานเป็นคนยุเราให้พูด แล้วเราอาจจะเกิดร้องไห้ มีอารมณ์ มีอารมณ์ความรู้สึกของเรารู้สึกว่าซาบซึ้งในพระคุณพระเจ้ามีความรักพระเจ้า ร้องไห้แล้วก็ลั่นภาษาออกมา การลั่นภาษาออกมาไม่ได้มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพราะว่าในพระคัมภีร์ใหม่ไม่มีตอนไหนที่สนับสนุนให้เราพูดภาษาที่กระตุกลิ้น ลั่นลิ้น แต่ถ้าหากเราเป็นคนไทยนะครับ ถ้าเราพูดภาษาจีนโดยที่เราไม่เคยเรียนไม่เคยรู้ภาษาจีน เราพูดออกมา แล้วปรากฏว่ามีบางคนที่เข้ามาเยี่ยมคริสตจักรวันนั้น มีคนจีนอยู่สองสามคนหรืออาจจะมีคนนึง ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการให้เขาได้ยินได้รับฟังถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าที่เตือนเขาที่บอกเขา อันนั้นเราพูดนะครับ
แต่ถ้าจะร้องเพลงปุ๊บเนี่ย ออกมาเป็นภาษาแปลกๆ เป็นภาษาที่เราไม่เคยได้รู้จัก อันนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้านะครับผมขอย้ำ แล้วไม่มีหลักฐานในพระคัมภีร์ที่บอกว่าต้องร้องเพลง เพลงพระวิญญาณ เพลงภาษาแปลกๆ ไม่มีครับ
...
ถาม.
อาจารย์ฟิลิปปินส์วางมือ แล้วคนล้มกันเป็นแถบ แต่ผมก็ไม่เจ็บผมก็แปลก
ตอบ.
สำหรับคนที่ล้มถามว่าทำไมไม่เจ็บ ตอนนั้นมีอาการตื่นเต้น มีอาการตื่นเต้น แล้วก็อยู่ในการช่วงแห่งการนมัสการพระเจ้า แล้วก็เวลาล้มเนี่ยก็คือทุกคนก็ล้มไปด้วยใช่ไหม โดนผลักนะครับ ซึ่งการล้มนี้เราคิดไปเองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ผลักเราหรือทำให้เราล้ม เรียกว่าล้มในพระวิญญาณ ในพระคัมภีร์ไม่มีสักที่หนึ่งที่บอกว่า ล้มในพระวิญญาณ Falling in the Spirit ไม่มี
เปาโลล้มตอนที่พระเยซูเสด็จมาแล้วปรากฏกับเขา เขาล้มเพราะว่าเขากลัว
แล้วยอห์นที่เห็นนิมิตในหนังสือวิวรณ์บทที่ 1 ยอห์นล้มเพราะอะไร เพราะเขากลัว
บางคนจนแข็งกระด้างเลยนะครับ คือยืนนิ่งอยู่ ยืนแข็งนิ่งอยู่ทำอะไรไม่ได้ เพราะความกลัว ไม่ใช่การล้มโดยพระวิญญาณหรือแข็งกระด้างโดยพระวิญญาณ ไม่ใช่ คำนี้ไม่มีนะครับ Falling in the Spirit ในพระคัมภีร์ไม่มี แต่เป็นการกลัวพระเจ้าจนตัวสั่น จนเกิดอาการแข็งกระด้าง เข้าใจนะครับ
ขอย้ำนะครับ คือคริสตจักรมากมายในสมัยแรก เมื่อรับเชื่อต้อนรับพระเยซู เป็นคริสเตียน แต่ปัญหาเกิดขึ้นที่เมืองโครินธ์ เพราะว่าคริสเตียนชาวโครินธ์ก่อนที่เขาจะกลับใจเป็นคริสเตียน ก็คือเขาเคยเชื่อในศาสนาอื่นมีพระของเขาอยู่แล้ว ซึ่งเขาทำพิธีบวงสรวงทำพิธีกราบไหว้พระของเขา ก็คือเขาจะลั่นลิ้นกระตุกลิ้นพูดออกมาเลย ชาลาบลาๆๆ อะไรที่พวกเราทำกันทุกวันนี้ในคริสตจักร อย่าลืมนะครับแม้แต่ศาสนาพุทธก็มีน่ะ วัดบางวัดบางแห่งเขาใช้ภาษาแปลกๆ เคยเห็นไหมครับที่เมืองไทยมีนะครับ
แล้วบางที่บางแห่งในหลายประเทศที่เขาพูดภาษานี้ คือกระตุกลิ้นเนี่ยมี แอฟริกามีเยอะมาก เพราะว่าเขาทำเพื่อกราบไหว้นมัสการบวงสรวงทำพิธีสำหรับพระของเขา พิธีทางศาสนาของเขา และชาวเมืองโครินธ์เป็นชาวเมืองที่เคยนับถือศาสนาอื่นมาก่อน ปรากฏว่าพอเป็นคริสเตียนปุ๊บเขาก็นำสิ่งนี้เข้ามาใช้ในคริสตจักร แล้วเขาอ้างว่าเป็นมาโดยพระวิญญาณ
แต่จริงๆ แล้วเมื่อเปาโลได้ยิน เปาโลจึงเตือนเขาว่าให้หยุด ไม่ต้องพูด ถ้าพูดต้องมีคนแปล แล้วถ้าพูดต้องพูดเป็นภาษา 1 โครินธ์ 14:10 บอกว่าในโลกนี้ไม่มีแม้แต่ภาษาเดียวที่พูดออกมาแล้ว ที่แปลไม่ได้ ก็คือทุกภาษาต้องแปลได้ ต้องฟังเข้าใจได้
“1 โครินธ์ 14:10 ในโลกนี้มีภาษาเป็นอันมาก และไม่มีภาษาใดๆ ที่ปราศจากเนื้อความ”
แต่การกระตุกลิ้นลองให้ใครบางคนที่เคยอยู่ในกลุ่มเพนเทคอส กลุ่มไฟ ลองพูดออกมาได้ไหมสั้นๆ ก็ได้ แล้วผมจะถาม อันนี้ถามว่ามีอะไรบ้าง เทๆ ชาๆเทๆ ชาๆ เนี่ยมันจะเป็นคำเดิมที่ซ้ำไปซ้ำมาใช่ไหม
การพูดภาษาแปลกๆ ที่คริสตจักรทุกวันนี้เขาใช้กันก็คือจะพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา เราสังเกตได้ใช่ไหม คือจะมีคำว่า ชาลาลลลลล ชาบลาาาาาา อะไรประมาณนี้ หรือไม่ก็ เกเชกาชาเกเชกาชา ประมาณนี้ นี่คือสิ่งที่ความคิดของเราจิตของเราเป็นคนสั่งให้ทำ ถ้าสมมุติว่าจะเป็นมาโดยมารซาตานก็จะเป็นคำที่แบบ อาชุกะ ลิชุบะ ฮาลุขะ ประมาณนี้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีภาษาพระวิญญาณที่พูดกันทุกวันนี้ไม่มี เพราะว่าไม่จำเป็นแล้ว ทุกวันนี้ของประทานที่ใช้กันเยอะที่สุดก็คือ การเผยพระวจนะ เอเมนไหมครับ
...
ถาม.
ขออนุญาตถามค่ะอาจารย์ พอดีในกลุ่มงานเราเวลามีประชุมมันจะมีคนที่เชื่อและไม่เชื่อ ก็คือกลุ่มทำงานในชาวโลกนะคะ ตอนนี้มีพี่น้องคนหนึ่งที่เป็นคริสเตียน เขาก็พูดภาษาแปลกๆ ขึ้นมา เขาก็ร้องเพลงนมัสการอยู่ท่ามกลางกลุ่มนะคะ แต่ว่าความคิดของฤดีน่ะ เราฟังแล้วเราก็ไม่ซาบซึ้งอ่ะน่ะ เขาก็นมัสการร้องเพลงเป็นภาษาไทยแล้วก็ร้องเพลงเป็นภาษาแปลกๆ แล้วก็หยุดแล้วทุกคนในกลุ่มก็ฟัง แต่ในส่วนของฤดีฟังแล้วเพลงที่เขาร้องเนื้อร้อง เขาบอกว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่หรือพระเจ้าแสนดี ฟังแล้วเรารู้สึกไม่อินนะคะมันเป็นเพราะอะไรค่ะ ไม่อินไม่รู้สึกว่าซาบซึ้งในการสรรเสริญนมัสการพระเจ้าของเขา คือเขาทำอยู่ท่ามกลางกลุ่มที่ไม่ใช่คนที่เชื่อ ก็เป็นชาวโลกอะไรหลายๆ คนที่อยู่ในกลุ่มทำงานด้วยกันค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่พูดภาษาแปลกๆ นะครับ ถ้าหากเราแสวงหาความจริง ถ้าหากเราอยู่ในการสรรเสริญยกย่อง และอยู่ในฝ่ายวิญญาณ เราจะไม่สัมผัสอันนี้เกิดขึ้นกับหลายคนนะครับคือเราไม่สัมผัส เรารู้สึกว่ามันเป็นการพูดที่คนที่มีอีโก้ หรือคนที่เขาอยากจะอวดว่าเขามีของประทานในการพูดภาษาแปลกๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเซ็นเตอร์เป็นศูนย์กลางของทุกคนของในเวลานั้นใช่ไหม
แล้วเราไม่รู้สึกว่าเราสัมผัสพระเจ้า ไม่รู้สึกว่าอยากสรรเสริญพระเจ้า ไม่รู้สึกว่าอยากอะไรในการฝ่ายวิญญาณผ่านเขา อันนี้คือประสบการณ์ที่ผมมีแล้วหลายคนก็มี เราก็มีได้นะครับ เมื่อมีใครสักคนที่พูดภาษาแปลกๆ เราจะรู้เลยว่าเขามีอีโก้สูง เขาพูดขึ้นมาเพื่อยกเขาขึ้นเองว่าเป็นคนที่เข้มแข็งที่มีของประทาน เป็นศูนย์กลางของขณะที่นมัสการพระเจ้า
เพราะฉะนั้นอย่างที่เปาโลพูดโดยพระวิญญาณ ก็คือเราเผยพระวจนะ เราพูดภาษาที่เข้าใจจะเกิดประโยชน์สำหรับพี่น้องมากกว่าหลายเท่า แล้วภาษาต่างๆ ถึงแม้ว่าเปาโลจะพูดถึงภาษาต่างประเทศ เปาโลยกภาษาต่างประเทศเอาไว้ในลำดับสุดท้าย ก็คือไม่ได้สำคัญมากกว่าอะไร เป็นความสำคัญที่ท้ายสุดสุดท้าย
ซึ่งการเผยพระวจนะ การใช้ถ้อยคำแห่งสติปัญญา การใช้ถ้อยคำแห่งความรู้ การมีความเชื่อ การรักษาโรค การทำการอัศจรรย์ ไล่ผี เผยพระวจนะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในคริสตจักรทุกๆ ครั้งที่เรามาพบกัน เอเมน
ถ้าหากพี่น้องที่ยังสับสนหรือไม่เข้าใจลึกซึ้งเรื่องภาษาแปลกๆ ภาษาต่างๆ ในเว็บไซต์พวกเรามีบทเรียนนะครับ ซึ่งผมเคยเขียนไว้นานแล้วเขาไปอ่านดูนะครับ และโดยเฉพาะภาษาแปลกๆ ในพระคัมภีร์ภาษากรีกไม่มี ขอย้ำนะครับในพระคัมภีร์เป็นภาษากรีกเนี่ย ไม่มีคำว่าภาษาแปลกๆ แต่มีคำว่าภาษาต่างๆ
สำหรับคริสเตียนกลุ่มไฟ คือกลุ่มที่เริ่มใช้ภาษาแปลกๆ ถ้าจะย้อนกลับไปสมัยแรกๆ ที่เขาเริ่มใช้ ไม่เพียงแต่เฉพาะเขาใช้ภาษาแปลกๆ ที่เป็นการลั่นลิ้นหรือกระตุกลิ้นที่ไม่เป็นคำไม่เป็นประโยคอะไร นอกจากนั้นเขายังมีเสียงหมาหอนด้วย หมาเห่าด้วย เราไป search ดูใน Google นะครับ การเริ่มต้นของคริสตจักรที่พูดภาษาแปลกๆ
แล้วทุกวันนี้ไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะเขาพูดภาษาแปลกๆ ยังมีหัวเราะในพระวิญญาณ มีล้มในพระวิญญาณ ขอโทษนะครับขอพูดเลยนะครับมีตดในพระวิญญาณด้วย มีทุกสิ่งนะครับที่เขาเรียกว่าเป็นโดยพระวิญญาณ คือมันจะโอเวอร์ไปแล้ว คือมันไปไกลแล้ว ออกจากพระคำแห่งความจริงไปเยอะมาก แต่เชื่อไหมก็ยังมีคนเชื่อและยังมีคนตามมีคนทำ เพราะว่าอะไรครับ ผู้นำบอกว่ามาจากพระวิญญาณเขาก็เชื่อ แล้วถ้าหากเราไปดูในคลิปในยูทูปเราจะเห็นว่า การหัวเราะของเขามันไม่ใช่นิสัยของพระเยซู การล้มการกระโดดโลดเต้นการพูดภาษาแปลกๆ
คืออย่าลืมคริสตจักรพระเจ้าก่อตั้งคริสตจักร เพื่ออะไร? เพื่อสำแดงใคร? ชีวิตและนิสัยของใคร?
เรามาเพื่อเราจะสำแดงความรัก ความเมตตา ความอดทนนาน การยกโทษให้กันและกัน ทุกสิ่งเป็นผลของพระวิญญาณที่เราทำได้ เราก็นำมาถวายแด่พระบิดา และเรานำมาเพื่อแสดงต่อหน้ากันและกัน ยกโทษให้กันเมื่อเราเคยเกลียดกันชังกัน อะไรที่มัน 6-7-8 ปีผ่านไป ก็ทิ้งมันไปไม่ต้องเอามา เอามาสำแดงแต่ชีวิตของพระเยซูเท่านั้น เอเมน
แต่คือทุกวันนี้คริสตจักร หลายคนศาสนาทั่วไปศาสนาคริสต์ คือเวลามาร่วมกันมารวมตัวกันมานมัสการร่วมกันก็เอาสิ่งที่ไม่ดีมาให้กัน เอาความทรงจำจดจำความผิดกันและกัน เอาเรื่องเก่าเนื้อหนังชีวิตที่มันเป็นสิ่งที่เป็นด้านลบมาพูดมาใส่กันและกัน แสดงว่าเขาสำแดงชีวิตของใคร (ซาตาน)
เราสำแดงชีวิตของซาตาน เรายกย่องซาตานโดยที่เราไม่รู้ตัว เราร้องไห้ร้องไห้แบบคือเหมือนเด็ก เราหัวเราะหัวเราะแบบเหมือนโจรเหมือนอะไรที่แบบที่มันน่ากลัว แล้วเรากระโดดโลดเต้น มันเป็นนิสัยที่เหมือนพระเอกหรือเหมือนโจร เรารู้กันดีใช่ไหม
เพราะฉะนั้นอีกครั้งผมขอย้ำ พระเจ้าก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์เพื่อสำแดงชีวิตของพระเยซู ก็คือความรัก ความดี ความอ่อนโยน ความสุภาพ ความต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบ การไม่จดจำความผิด การยกโทษ 70×7 ถ้าหากเราไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ เราขอการชำระจากพระบิดาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้พระองค์ชำระเรา เพื่อที่จะเข้ามาแล้วรวมกันแล้วไม่ถกเถียง ไม่พูดประชดประชัน ไม่พูดใส่กัน ไม่อะไรที่เป็นด้านลบ เราทิ้งมันไป เอาความรักเอาสันติสุขมาให้กันและกัน
คือเวลาที่พี่น้องพูดไป ทุกคนได้รับสันติสุข สิ่งที่เราตระหนักคำนึงถึงว่าสิ่งที่เราจะพูด พี่น้องได้รับการก่อสร้างเสริมสร้างไหม สิ่งที่เราพูดคือสันติสุขเราแบ่งปันไปให้เขาไหม หรือเราแบ่งความอบอ้าว ความเจ็บปวด ความไม่สบายใจไปให้เขา มันมี 2 สิ่งเพราะฉะนั้นเราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเป็นบุตรพระเจ้า เรานำแต่สิ่งดีๆ ไปให้พี่น้อง ไม่ใช่สิ่งไม่ดี เอเมน
เอเมนสำหรับวันนี้ที่พวกเรานำหัวใจอันบริสุทธิ์ หัวใจที่เต็มด้วยความรักมาถวายแด่พระองค์เป็นเครื่องบูชา เป็นของขวัญแด่พระเจ้า เอเมน
และพวกเรามาเพื่อให้เป็นอวัยวะที่พระองค์จะทรงใช้เพื่อสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ เอเมน
พระเยซูสอนพวกเราเรื่องการใช้ของประทาน เรื่องการค้นหาของประทานและการฝึกใช้ให้เกิดผล เพื่อคริสตจักรของพระองค์จะเติบโต และเพื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานได้มากมาย และเพื่อพวกเราจะถวายเกียรติแด่พระองค์เพียงแต่ผู้เดียว และสุดท้ายบำเหน็จก็เป็นของพวกเรา เอเมน
และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สอนพวกเรา การที่จะใช้ของประทานก็ดี การที่จะนำคนมาเชื่อได้เยอะแยะมากมายก็ดี การสร้างคริสตจักรได้มากมายก็ดี การทำการอัศจรรย์ไล่ผีรักษาโรคมากมายก็ดี แต่ถ้าไม่มีความรักก็ไม่มีค่าอะไร
ขอบคุณพระเยซูที่สอนพวกเราในสิ่งนี้ คือสิ่งที่พระองค์ต้องการจากหัวใจของพวกเรา ก็คือความรัก ไม่ใช่การขยันความขยัน ไม่ใช่การหมั่นเพียร ไม่ใช่การทำๆๆ แต่รักๆๆ พระองค์
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่เมื่อเราดำเนินชีวิตคริสเตียนตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่ถ้าหากเราไม่มีความรัก มันก็ไม่มีค่าอะไร
พระเยซูขอให้สิ่งนี้สะท้อนในหัวใจของพวกเราในแต่ละวัน เพื่อเราจะเดินกับพระเยซูในความรัก รักพระบิดาสุดจิตสุดใจและรักพี่น้องพระกาย รักกันและกัน และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เอเมน