ถาม.
คือยังไม่เข้าใจคำว่าที่เราพูดบ่อยๆ น่ะ เอเมนๆๆๆๆ คือเราต้องพูดทุกครั้งไหมคะ ที่เราอยากจะพูดอะไรเราพูดในใจของเรานะคะ พูดถึงว่าเราพูดกับคนที่ไม่เชื่อใช่ไหม อยากอธิบายอะไรบางอย่าง เราพูดเอเมนในใจของเราอยู่แล้ว แต่ถ้าสมมุติว่าพูดกับคนที่เป็นคริสเตียนได้รับการเปิดตาแล้ว เราต้องพูดเอเมนตลอดเวลาไหมคะ เพราะว่าพระเยซูเข้ามาในโลกใบนี้ มาในนามพระบิดา เมื่อพระองค์ทรงพูดพระองค์ไม่ได้พูดว่าเราพูดในนามพระบิดาตลอดเวลาอย่างนี้ค่ะ คือเรารู้แล้วว่าเราถวายตัวใหม่ทุกเช้า เรารู้แล้วว่าพระเยซูพูดแทนเรา เรารู้แล้วว่าการกระทำวันนี้พระเยซูทำแทน อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อาจจะสามสิบบ้าง ยี่สิบบ้าง แต่เรารู้ว่าทุกครั้งที่เราจะทำอะไรเราก็จะคิดถึงพระบิดาก่อนอยู่ในใจของเราอยู่แล้วนะคะ คือเราไม่จำเป็นต้องพูดเอเมนๆๆๆ ตลอดเวลา แค่ถามค่ะขอบคุณค่ะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณนะครับ เมื่อเราถูกเปิดตาแล้ว เมื่อพบกันนะครับหรือเข้ามาร่วมกันรวมกันทุกครั้ง เราอยากจะพูดว่า สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ ก็ได้ หรือพอเรามาเจอกันเราใช้คำว่า เอเมน ก็ได้
สำหรับผมเห็นพี่น้องคริสตจักรพระกายที่อยู่อเมริกา เมื่อเขามาพบกัน มาพบเจอกันเขาจะใช้คำว่า เอเมน หรือ Good Morning ก็ได้ แต่ส่วนมากเขาจะใช้คำว่า เอเมน
และสำหรับเราที่ไม่รู้จะพูดอะไรกับพระเยซู เราพูดเอเมนก็ได้ หรือเมื่อเราเจอปัญหา หรือเมื่อเราจะทำอะไร ก่อนจะทานข้าว ก่อนจะไปไหน เราเอเมน แทนคำว่า ขอพระองค์ปกป้อง ขอพระองค์ปกปักรักษา ขอพระองค์คุ้มครอง ขออย่าให้อากาศร้อน ขอนู่นนี่นั่น เราไม่ขอนะครับ คือผมไม่ขอ แต่ใช้คำเดียวนะครับก็คือ เอเมน ก็คือไป พอฝนตกก็เอเมน ฝนไม่ตกก็เอเมน อากาศดีก็เอเมน อะไรก็ตามที่เข้ามาก็เอเมน รถยางรั่วก็เอเมนก็ขอบคุณพระเจ้า สิ่งนี้ยืนยันว่าเราอยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา และเราพูดคุยกับพระเยซูอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างไม่หยุดหย่อน
และสิ่งที่ดีนะครับจะให้ดีกว่านี้ก็คือ เราก็พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูด ก็คือสรรเสริญ ก็คือขอบพระคุณ ก็คือนมัสการ ยกย่องพระเจ้า ก็คือให้ทุกสิ่งเหมาะสมประสมประสานกันไป ไม่ใช่ว่าทั้งวันจะพูด เอเมนๆๆๆๆ อันนี้ก็ไม่เหมาะนะครับ
สำหรับเรื่องที่พระเยซูพูดนะครับ คือพระเยซูไม่เคยบอกว่าลงท้ายในนามพระบิดา เราเหมือนกันนะครับ และเราจะเห็นตัวอย่างในพระคัมภีร์ในหนังสือกิจการ เราพบว่าการอธิษฐานของสาวกหลายคน เขาไม่เคยมีใครลงท้ายในนามพระเยซูเลย ไม่มี อย่างเปาโลนะครับ เปาโลอธิษฐานเสร็จก็พูดว่าเอเมน หรือไม่พูดว่าเอเมนก็ได้ ก็คือขอบพระคุณพระเจ้า แล้วก็จบ
สำหรับพวกเราเรารู้ดีนะครับว่าการอธิษฐานในนามพระเยซูคืออะไร และการลงท้ายในนามพระเยซูมันไม่มีในพระคัมภีร์
คือถ้าหากเมื่อเช้านะครับ เมื่อเช้ามีใครเข้ามาก่อนและมีใครพูดคุยอะไรเกี่ยวกับเนื้อหนังไหม (โอ้ วันนี้แดดร้อน รถติด โอ้ยไม่ไหวแระเหนื่อยจัง ทำงานนอนดึกตื่นเช้า) มีใครพูดแบบนี้ไหมครับ ถ้าพูดแบบนี้ก็คือการเข้ามาร่วมกันไม่ใช่ในนามพระเยซูแล้ว คือในนามเนื้อหนังครับ ในนามตัวเราเอง
เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราเข้ามาร่วมกันรวมกัน ก็คือ "ขอบคุณพระเยซู สรรเสริญพระเยซู เอเมนเรารักพระเยซู" บางคนเข้ามาก็ชวนพี่น้องนะครับ "เรารักพระเยซู สรรเสริญพระเยซู สรรเสริญพระบิดา ขอบพระคุณพระองค์ที่วันนี้อากาศแดดร้อน ร้อนมากแต่เรามีสันติสุขเต็มล้นเต็มเปี่ยม เราขอบพระคุณพระเจ้า เอเมน" นี่คือการอธิษฐานในนามพระเยซูครับ เราเข้าใจกันแล้วนะครับ
....
สำหรับการอธิษฐานที่พระเจ้าพอพระทัย เราไม่ต้องพูดมากไม่ต้องพูดยาว สำหรับเราคือพูดแค่สั้นๆ ว่า "ขอให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จ"
มีพี่น้องบางคนบอกว่าฝากอธิษฐานเผื่อด้วยตอนนี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เราก็บอกว่า "เอเมนพระเยซูขอให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จในชีวิตของคนนี้ เอเมนพระเยซู"
มีบางคนมาบอกว่าต้องการรถนะครับ ไม่สะดวกในการเดินทาง ไปมา รับใช้ การงาน ต้องการรถใหม่ รถที่ใช้อยู่มันไม่ดี เราก็บอกว่ายังไงครับ เราก็บอกว่า "เอเมนพระเยซูขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จเกี่ยวกับเรื่องนี้ กับคนนี้" เท่านั้นนะครับ มีปัญหาร้อยแปดพันประการ ใครจะมาขออะไรให้เราอธิษฐานเผื่อเราพูดคำเดียว "พระเยซูขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในชีวิตของเขา" เท่านั้นเอง แล้วไม่ต้องกลุ้มใจ
เราจำกันได้ไหมสมัยก่อนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา พอมีคนมาขอเราให้อธิษฐานเผื่อ เราจะกลุ้มใจไปกับเขา แล้วเราก็จะแบบว่า คือขอให้พระเจ้าเมตตา พระองค์ขอตอบเถอะ ตอบเขาเถอะ เพื่อเขาจะได้ยกย่องข้าพระองค์!!! ใช่ไหม อันนี้ในใจเราคิดนะครับในใจเราคิด เพื่อว่าเขาจะชื่นชมยินดีและยกย่องเราว่าเราเป็นนักอธิษฐานที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน (ช่วยเขาเถอะพระองค์ช่วยเขา)
แต่สำหรับเราที่เป็นมนุษย์วิญญาณ เราเป็นนักอธิษฐานตามน้ำพระทัย ก็คือ "พระบิดาขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์"
สำหรับพี่น้องที่มีปัญหาที่มาขอให้ผมอธิษฐานเผื่อทุกครั้งทุกเวลาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ผมก็บอกนะครับ "พระบิดาขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์กับคนนี้ กับคนนั้น" และขอบพระคุณพระเจ้านะครับหลายครั้งที่พระเจ้าตอบ ก็ขอบคุณพระเยซู จะตอบแบบไหน จะให้มากให้น้อย หรืออาจจะให้ตามเวลาที่พระองค์กำหนด ก็คือนาน นานนิดนึง ก็ขอบคุณพระเจ้าก็เอเมน
อย่าลืม..เราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณแล้ว เราเป็นมนุษย์วิญญาณ เราถูกเปิดตาแล้ว แอกเราก็เบา ภาระก็เบา กางเขนก็เบา ทุกสิ่งเบาไปหมด
และอย่าลืมว่าพระเจ้าเป็นคนดูแลชีวิตของผู้เชื่อทุกคน พระเจ้าไม่เคยทิ้งเราและทุกคน ตั้งแต่เชื่อจนถึงทุกวันนี้ วันที่เราเชื่อพระองค์จดและวางแผนต่อชีวิตของเรา ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
อย่าลืมน่ะพระเจ้าไม่ได้ห่างหาย ไม่ได้หนีไปไหนจากชีวิตของเรา พระองค์อยู่กับเราอยู่ในเรา และพระองค์วางแผนและพระองค์ทำตามที่พระองค์กำหนดไว้กับชีวิตของเราแต่ละคน
อย่าลืมน่ะเรามักจะคิดใช่ไหมว่า พระเจ้าไม่เคยมามอง มองมาที่เรา พระเจ้าไม่สนใจ ไม่ใส่ใจเราอีกแล้ว พระเจ้าไม่รักเรา อันนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ
ตั้งแต่วันที่คุณเชื่อ พระเจ้าวางแผนชีวิตของคุณตั้งแต่วันแรก วันที่สอง วันที่สาม เดือนต่อมา ปีต่อมา พระเจ้าเป็นคนวางแผน และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราพระเจ้าเป็นคนให้เกิดเอง ก็คือพระเจ้านี่แหละให้เกิดมันจึงเกิดกับเราได้
และทุกสิ่งที่เกิดกับเราเพื่ออะไรครับ? เพื่อเราจะโต เพื่อเราจะเข้ามาถึงพระคุณซ้อนพระคุณ เพื่อเราจะเข้ามาถึงการดำเนินชีวิตคริสเตียนให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์
เพราะฉะนั้นเราก็รู้ดีนะครับว่าทุกสิ่งมันอยู่ในแผนการของพระเจ้าแล้ว และทุกคนที่จะรอดหรือไม่รอดก็คือพระเจ้าเป็นคนเลือกแล้ว และทุกคนที่จะโตหรือไม่โต จะเข้าอาณาจักรหรือไม่ได้เข้า พระเจ้าก็เป็นคนกำหนดแล้ว เราจะไปห่วงอะไรอีกล่ะใช่ไหม
และพระเจ้าจะให้ใครหรือไม่ให้ใคร ให้มากให้น้อย ก็คือพระเจ้าเป็นคนกำหนดแล้ว เพียงแต่เราพูดคำเดียวนะครับ "พระเยซูทำเถิด ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์เถิด การงานของพระองค์แผนการของพระองค์ ให้สำเร็จในชีวิตของเขาเถิด" แค่นี้เอง และเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราอธิษฐานแบบนี้ และสุดท้ายบำเหน็จก็เป็นของเรา พระเกียรติก็เป็นของพระองค์ จบแบบสวยงาม