ถาม:
1. เมื่อพระเยซูเสด็จลงมาบังเกิดในโลก พระองค์รับสภาพมนุษย์ที่ครบ 100% คือมีทั้งวิญญาณ (พนูม่า) และชีวิตพระเจ้า (โซเอ้) แสดงว่า พระเยซูตายไม่ได้ เพราะเป็น Eternal Life แต่เนื่องจากพระองค์ยอมรับบาปแทนมนุษย์ พระองค์จึงมีบาป และต้องตาย (เพราะค่าจ้างของความบาป คือความตาย) ถูกมั๊ยคะ
2. พระเยซูรับความบาปของมนุษย์ ตอนถูกตรึงบนไม้กางเขนใช่มั๊ยคะ ตอนถูกเฆี่ยนตีพระองค์ยังไม่มีบาป แต่จำเป็นต้องให้มีการหลั่งเลือดของพระเจ้าเพื่อชำระบาป จึงต้องโดนเฆี่ยนตีโบยตีถูกมั๊ยคะ
ตอบ:
1. การตายของพระเยซูชั่วคราว (สามวันเท่านั้น เพราะว่าชีวิตพระเจ้าตายนานไม่ได้ แดนคนตายไม่ต้อนรับ) เพราะว่าทรงรับเอาบาปของเรา ซึ่งเป็นค่าจ้างแห่งบาป
2. พระเยซูรับความบาปของมนุษย์ ตั้งแต่ตอนที่พระองค์ทรงยกโทษบาปของทุกคน เมื่อทรงเดินทางไปตามบ้านเมืองต่างๆ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ ทุกครั้งที่ทรงรักษาโรค ไล่ผี และยกโทษบาปให้คนทั้งหลาย บาปก็มาอยู่ที่พระเยซูมากขึ้นๆ จนพระเยซูรับโทษเพราะบาปเหล่านั้น การลงโทษไม่ได้เริ่มขึ้นที่การถูกตรึง แต่เริ่มที่การถูกจับเฆี่ยนตีแล้วครับ
เนื่องจากชีวิตของพระเจ้า เป็นชีวิตที่ไม่มีช่องว่างให้พระองค์คิด หรือกระทำบาปได้เลย แต่เมื่อพระเจ้ารับแบกเอาบาปของมนุษย์ การลงโทษก็ตามมา ความตาย คือผลตอบแทนที่พระเยซูต้องรับ แต่แดนคนตายไม่ต้อนรับพระเยซู
พระเยซูไม่อาจได้รับการพิพากษาลงโทษที่พระบัลลังก์ใหญ่สีขาว เพราะว่าการยอมลงมาตายเพื่อไถ่บาปโลกเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า เพราะพระองค์กระทำในสิ่งที่ชอบพระทัยพระบิดา คือลงมาตายไถ่บาปโลกครับ (จึงไม่ถูกพิพากษา)
...
ถาม:
พระเจ้าเองคงไม่พิพากษาพระเจ้าเอง ไม่อย่างนั้นจะเป็นพระเจ้าได้อย่างไร
ตอบ:
1. ไม่มีช่องว่างให้พระเจ้าทำบาป จึงไม่ต้องถูกพิพากษา
2. พระเยซูรับแบกบาปเรา จึงควรต้องถูกพิพากษาส่งไปยังบึงไฟ แต่การกระทำของพระเยซูเป็นที่ชอบพระทัย และเป็นแผนการของพระเจ้า จึงไม่ต้องถูกส่งไปยังบึงไฟ และไม่มีใครคัดค้านว่า พระเจ้าไม่ยุติธรรมได้ การยอมมาตายเพื่อมนุษย์ มนุษย์และทูตสวรรค์ต่างก็ต้องยอมรับว่า เป็นสิ่งที่ชอบธรรม
...
ถาม:
ขอถามพี่น้องครับ ในช่วงที่พระเยซูอายุประมาณยี่สิบ พระองค์ทำอะไรอยู่ครับ และสถานะของพระองค์เป็นพระเจ้าอยู่ตลอดตั้งแต่เกิดใช่มั๊ยครับ
ตอบ:
ไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับพระเยซูในเวลานั้นครับ แม้แต่ในหนังสือประวัติศาสต์คริสตจักรก็ไม่มี แต่เราเชื่อว่า พระเยซูรับช่วงต่อจากโยเซฟ คือเป็นช่างไม้
...
ถาม:
มารใช้ 3 สิ่งล่อลวงเรา จากมัทธิว 4:1–11 อยากเรียนถามอาจารย์ ช่วยอธิบายด้วยค่ะ จากการที่พระเจ้าเยซูของเราถูกผู้ผจญทดลองมาแล้ว คืออาหาร ทดลองพระเจ้า และลาภยศใช่หรือไม่คะอาจารย์ แต่พระเยซูไม่ยอมทำตามคำล่อลวงของมาร แต่กลับไล่มันไปด้วยพระวจนะของพระเจ้า
ตอบ:
การทดลองของมารต่อพระเยซูสามข้อ ไม่เกี่ยวกับเราผู้เชื่อครับ แต่ถ้าจะให้ตีความหมายเพื่อให้เชื่อมโยงถึงเรา…
1. “จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นพระกระยาหาร” ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้แล้วว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’”
เราไม่ควรแสวงหาอาหารฝ่ายร่างกาย เพื่อเลี้ยงดูดูแลชีวิตเราเท่านั้น แต่เรามีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งที่ต้องเลี้ยงดูดูแล และให้อาหารอยู่เป็นประจำทุกวัน นั่นก็คือพระคำพระเจ้า
2. จงโจนลงไปเถิด เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า ‘พระองค์จะรับสั่งให้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องท่าน และเหล่าทูตสวรรค์จะเอามือประคองชูท่านไว้ เกรงว่าในเวลาหนึ่งเวลาใด เท้าของท่านจะกระแทกหิน’” พระเยซูจึงตรัสตอบมันว่า “มีเขียนไว้อีกว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน’”
อย่าทดลองพระเจ้าเหมือนผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ทำกัน พี่น้องคริสเตียนบางคนตายเพราะไม่ได้กินข้าวหลายวัน เพราะว่าขณะที่เขาเดินทางไปไกลและน้ำมันหมด เขาพยายามติดเครื่อง แต่รถก็ไม่ติด (เพราะไม่มีน้ำมัน) เขาอธิษฐานขอการอัศจรรย์เกิดขึ้น และจะไม่ยอมไปไหน จะขอตายที่นั่น หลายวันผ่านไปรถก็ไม่ติด เขาจึงเสียชีวิตเพราะไม่ได้กินดื่มอะไรเลย ทั้งๆ ที่ปั๊มน้ำมันก็อยู่ไม่ไกล
3. “ถ้าท่านจะกราบลงนมัสการเรา เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน” พระเยซูจึงตรัสตอบมันว่า “อ้ายซาตาน จงไปเสียให้พ้น เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า ‘จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’”
โลกนี้เป็นของซาตาน มันสามารถทำให้เรามั่งมีร่ำรวยได้ หรือเป็นอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่เราขอจากมัน หรือนมัสการมัน ยิ่งเมื่อเรา (คริสเตียน) ได้รู้จักซาตานแล้ว เราก็ยิ่งขอได้ง่ายๆ
สามีภรรยาคู่หนึ่งในอเมริกายากจนมาก ทั้งสองรักพระเจ้า แต่เนื่องจากชีวิตครอบครัวที่ขัดสนมานานหลายปี มีอยู่วันหนึ่งทั้งสองไปนั่งเล่นที่สวนดอกไม้ใกล้บ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาถามว่า “อยากรวยมั๊ย ถ้าอยากรวยนมัสการเราสิ เราคือซาตาน” ทั้งสองจึงตอบโต้ทันทีว่า “อ้ายชาติชั่ว มึงจงหนีไป พวกเราจะไม่ยอมก้มกราบนมัสการใคร นอกจากพระเจ้าพระเยซูเท่านั้น”
ก่อนจากไป ซาตานได้ยื่นนามบัตรให้ มันบอกว่า “ถ้าหมดทางจริงๆ และพระเจ้าไม่ช่วย ติดต่อเรานะ”
หลายวันผ่านไป สามีภรรยาไม่มีอะไรจะกิน เงินก็หมด ยืมใครก็ไม่ได้ ทั้งเป็นหนี้ไม่มีจะใช้ เจ้าหนี้ก็มาทวงหนี้ เขาจึงตัดสินใจติดต่อชายคนนั้น
สุดท้ายทั้งสองตอบรับว่า จะไม่เชื่อพระเยซู และขอนมัสการซาตาน ถ้าทำให้เขาพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่ และร่ำรวยได้ ทั้งสองจึงกลายเป็นคนร่ำรวยมั่งมีในวันต่อมา เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นหลายสิบปีแล้วครับ
...
ถาม:
แล้วสุดท้ายสองสามีภรรยาเป็นยังไง เรื่องบอกไว้ไหมคะ
ตอบ:
ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นอย่างไรครับ แต่เราเชื่อว่า ถ้าหากเขาบังเกิดใหม่จริงๆ วันหนึ่งเขาจะล่มจมเพราะการไม่ซื่อสัตย์ต่อความเชื่อชั่วคราว แต่เขาจะกลับมาหาพระเจ้าไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แต่ถ้าหากเขาเป็นคริสเตียนที่ไม่ได้บังเกิดใหม่ก็จะทิ้งพระเจ้า และไม่กลับมาหาพระองค์อีกเลย
...
ถาม:
1. ถึงแม้ว่า พระองค์ไม่ได้ทำบาป แต่ทรงรับว่า เป็นผู้ทำบาป (รับผิดแทนเรา) จึงมีการลงโทษบาป โดนถูกเฆี่ยนตีโบยตี จนกระทั่งถูกตรึงถึงตายบนไม้กางเขน ถือว่าการลงโทษบาปของพระเยซูนั้นสมบูรณ์แล้วใช่มั๊ยคะ ดังนั้นเมื่อพระองค์ลงไปแดนมรณา ไม่ใช่ไปในฐานะนักโทษ แต่ไปในฐานะบุตรมนุษย์ ทั้งยังประกาศข่าวประเสริฐแก่วิญญาณที่ยังไม่เคยได้ยิน เมื่อใครรับก็พาออกมา (ในพระคัมภีร์บอกว่า มีคนเห็นคนตายแล้วฟื้นขึ้นมา) ไปไว้ที่เมืองบรมสุขเกษม
2. การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูจะเริ่มตั้งแต่ตอนลงไปแดนคนตาย หรือในวันที่ 3 หลังจากตายคะ
ตอบ:
1. ใช่ครับ แดนคนตายไม่ได้เรียกร้อง หรือรอพระเยซูมารับโทษ แต่ทรงไปเพื่อประกาศ
2. พระเยซูฟื้นในวันที่สามครับ เริ่มจากร่างกายเปลี่ยนจากกายดินสู่กายที่มีสง่าราศี
คำว่า “คริสเตียน” คือคำที่คนที่ไม่เชื่อใช้ เพื่อเรียกสาวกทั้งหลายของพระเยซูครับ จุดกำเนิดของคริสเตียน เริ่มต้นตอนที่มีคนมาขอเป็นสาวกเดินติดตามพระเยซูแล้วครับ
คริสเตียนแปลว่า “ผู้ที่ติดตามพระเยซู” ภาษากรีกคริสเตียน คือ “คริส-ตี-อา-โนส” แปลว่า “ผู้ที่ติดตามพระคริสต์”
...
ถาม:
เอเมนค่ะพี่น้อง บางโบสถ์สอนว่า พระเยซูต้องลงไปนรกเพื่อชดใช้บาปแทนมนุษย์จนครบ 3 วัน วันที่ 3 จึงได้ถูกชุบให้ฟื้นขึ้นจากความตายค่ะ
ตอบ:
เป็นคำสอนที่ไม่ตรงต่อพระคำพระเจ้า เนื่องจากนรกยังไม่เปิดเป็นทางการ นรก (บึงไฟ) จะเปิดก็ต่อเมื่อยุคพันปีได้เริ่มขึ้นครับ (วว. 19:20)
...
ถาม:
เอเมนค่ะพี่น้อง แล้วในปัจจุบันนี้ พระเยซูยังคงลงไปประกาศในแดนคนตายอยู่มั๊ยคะ และไปในร่างกายที่มีสง่าราศี หรือร่างกายมนุษย์ธรรมดาคะ
ตอบ:
พระเยซูลงไปแดนคนตายสามวัน และไปครั้งเดียว แต่ถ้าหากมีคนตายที่ไม่เคยได้ยินข่าวดีเรื่องพระเยซูตอนมีชีวิต และถูกส่งไปแดนคนตาย พวกเขาจะได้ยินเรื่องข่าวประเสริฐในนั้นครับ
เราตัดสินจากความยุติธรรม และเที่ยงธรรมของพระเจ้า เมื่อมนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ และไม่เคยได้ยินข่าวดี เขาก็ต้องได้ยินในแดนคนตายอย่างแน่นอน เพื่อเขาจะไม่ได้สามารถกล่าวหาว่า พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับเขา
ถามว่าพระเยซูจะกลับไปครั้งที่สอง สาม ร้อย หรือสองร้อยอันนี้เราไม่ทราบ แต่อาจเป็นไปได้ครับ ทุกวันนี้ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่พระเจ้าทำ แต่พระคัมภีร์ไม่ได้เขียนต่อ
ถ้าหากพระเยซูจะไปแดนคนตายอีก พระเยซูต้องไปในฐานะมนุษย์ครับ เพราะการประกาศไม่ว่าจะในโลกนี้ หรือแดนคนตาย ต้องใช้ความเชื่อ เพราะหลักการแห่งความรอด คือ “เชื่อ” เพื่อให้ได้รอด
...
ถาม:
บางคนแปลว่า “เป็นเหมือนพระคริสต์” ค่ะ ใช้ได้มั๊ยคะ
ตอบ:
ใช้ไม่ได้ครับพี่น้องป้อ “เป็นเหมือน” และ “ติดตาม” ไม่เหมือนกัน
เมื่อเราติดตามพระคริสต์ เป้าหมายของเรา คือมีชีวิตที่เหมือนพระองค์ (เพราะว่าทรงกระทำกิจในเราผ่านเรา) แต่คำว่า “เป็นเหมือนพระคริสต์” ภาษากรีกใช้กับ “คริสตีอาโนส” ไม่ได้ครับ
...
ถาม:
ขอถามอาจารย์ครับว่า ในท่ามกลางคริสเตียนเรามีพี่น้องบางคนพิการ เช่น หูหนวก พูดไม่ได้ และเป็นใบ้ คนเหล่านี้จะมีชีวิตรอดไหมครับ เพราะว่าเราประกาศเขาเขาก็ไม่เข้าใจ ขอบคุณครับ
ตอบ:
พี่น้องหมายถึงคริสเตียนหูหนวกตาบอด หรือคนไม่เชื่อครับ
...
ถาม:
สมาชิกในครอบครัวคริสเตียนคนหนึ่งเป็นใบ้ หูหนวก และพูดไม่ได้ เขาจะได้รับพระคุณความรอดไหมครับอาจารย์
ตอบ:
คนที่หูหนวก ตาบอด พิการ หรือสติไม่ดี ที่ไม่อาจเข้าใจข่าวประเสริฐ สามารถได้รับความรอด ถ้าหากเขาต้อนรับพระเยซูในแดนคนตาย หรือตอนยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าสำแดงต่อเขาเองครับ
...
ถาม:
แล้วเด็กที่เกิดมายังไม่กี่เดือนล่ะครับ ถ้าตายไป หรือตายในท้องแม่ จะเป็นยังไงครับ
ตอบ:
เด็กที่เกิด/มีชีวิตได้ 1 วันในท้องแม่ ก็มีโอกาสรอดครับ
ในแดนคนตาย หรือในฝ่ายวิญญาณ ทุกคนจะโตเท่าๆ กันหมด ไม่มีเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกที่จะรับข่าวประเสริฐหรือไม่
...
ถาม:
ขอถามค่ะ เด็กๆ ที่เป็นลูกของผู้เชื่อค่ะ จะต้องไปอยู่ในแดนคนตาย ไม่ใช่จะได้ไปอยู่ในอกอับราฮัมใช่มั๊ยคะ ถ้าเด็กไม่รับก็ไม่รอดใช่มั๊ยคะอาจารย์
ตอบ:
เด็กๆ ที่เป็นลูกๆ ของคริสเตียน ไม่ได้ถูกส่งไปแดนคนตายครับ มีแต่ลูกๆ ของคนไม่เชื่อ
เด็กๆ ที่เป็นลูกของคริสเตียนทุกคน ที่ยังไม่รู้แยกแยะความรู้ดีรู้ชั่ว (อายุไม่สำคัญ) จะได้รอดหมด แต่ถ้าหากเขารู้จักแยกสิ่งดีชั่ว เขาต้องตัดสินใจรับเชื่อเองจึงได้รอด
...
ถาม:
ถามอาจารย์เรื่องการอดอาหารค่ะ คือมีกลุ่มคริสเตียนอดอาหารเพื่อจะสร้างโบสถ์ (คริสตจักร) อยากถามว่า การอดอาหารจะได้ในสิ่งที่เราต้องการจริงหรือไม่ ในข้อพระคัมภีร์ลูกาก็พูดถึงการอดอาหาร ลูกา 5:33–39 และลูกา 2:37 ไม่แน่ใจว่า เขาเอาการอดอาหารในข้อไหนไปปฎิบัติค่ะ
ตอบ:
การอดอาหารของผู้ชนะ หรือคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราอดเพื่อให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จตามเวลาของพระเจ้า
ส่วนการอดอาหารของเด็กฝ่ายวิญญาณ (คริสเตียนศาสนา) คือเพื่อให้พระเจ้าตอบตามใจเขาเองเป็นส่วนมากครับ
ในบางกรณี เราคริสเตียนฝ่ายวิญญาณมีจิตใจเมตตาสงสารคนบางคน และอดอาหารขอพระบิดา ส่วนมากก็ได้รับคำตอบ ถึงจะไม่ใช่น้ำพระทัย แต่เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราขอต่อพระองค์
...
ถาม:
“แต่เราต้องรับผิดชอบ” คือยังไม่เข้าใจค่ะ
ตอบ:
ชนชาติอิสราเอลต้องการกษัตริย์ที่เป็นมนุษย์ แต่พระเจ้าต้องการเป็นกษัติย์ของพวกเขา
เมื่อเขาขอต่อซามูเอลให้มีกษัตริย์เป็นมนุษย์ ท่านจึงมาทูลต่อพระเจ้า ในที่สุดพระเจ้าทรงยอมให้เป็น แต่เราพบว่า กษัตริย์แต่ละองค์ล้วนแต่ทำลายแผนการงานและน้ำพระทัย รวมทั้งพระเกียรติของพระเจ้า ชนชาติอิสราเอลจึงต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้ไม่หมดครับ
ในที่สุดพระเจ้าทรงยอมให้เป็นตามนั้น ถ้าหากชนชาติอิสราเอลยอมรับพระเจ้าเป็นกษัตริย์ ไม่มีซาอูล ดาวิด และซาโลมอน ฯลฯ อาณาจักรสวรรค์ก็อยู่ที่นั่น และทั่วโลกก็อยู่ภายใต้การครอบครองปกครองของพระเจ้า
ถาม:
ตอนนี้ฝึกเดินในวิญญาณ แต่ไม่ได้ไปโบสถ์ที่เก่ามาหลายเดือนมากแล้ว และไม่อยากไปแล้วด้วย จะเป็นผิดอะไรไหมครับ
ตอบ:
ไม่ผิด แต่พี่น้องทำถูกแล้วครับ เพราะว่าพระเจ้าให้เราออกมา เนื่องจากคริสตจักรศาสนากำลังจะล่มจม ถ้าหากเรายังอยู่ด้วยเราก็จะล่มจม และชนะคริสตจักรทั้งหกไม่ได้
การออกมาจากกลุ่มที่เชื่อผิด หรือคริสตจักรที่เชื่อผิด เดินผิด นมัสการผิด และสามัคคีธรรมแบบผิด คือศาสนา, โลก, ตายแล้ว, อุ่นๆ, ขาดรักดั้งเดิม และท้อแท้ คริสตจักรเหล่านี้จะเข้าไปในอาณาจักรก็ไม่ได้
...
ถาม:
ผมขอถามอาจารย์แบบตรงไปตรงมานะครับ เรื่องที่อาจารย์ตอบมาทั้งหมด ผมไม่เคยได้ยินจากปากอาจารย์ท่านอื่นๆ เลย ไม่ทราบว่า อาจารย์ทราบข้อลึกลับผ่านทางไหนเหรอครับ
ตอบ:
ตอนแรกจากพี่น้องนี และลีบางส่วน และแอนดรู เมอรี่ และพระวิญญาณโดยตรงหลายเรื่องครับ
เมื่อตาเราถูกเปิดมากขึ้น พระคำบางข้อที่เรายังไม่ได้รับจากใคร พระวิญญาณก็เปิดให้เราได้
และต่อมาเราพบว่า มีพระคัมภีร์สนับสนุนว่าไม่ผิด
เมื่อก่อนผมยังไม่รู้เลยว่า พระวิญญาณสถิตในจิตใจ และครอบครองจิตใจ พระวิญญาณทรงเปิดเผยให้รู้ จากนั้นไม่นานผมจึงพบ (อฟ 3:17)
...
ถาม:
แสดงว่า พวกคริสเตียนศาสนา แม้กระทั่งผู้นำก็โดนมารบังตาเหรอครับ เพราะเค้าไม่เชื่อแบบของเราเลย
ตอบ:
ผู้นำทั้งหลายได้รู้ในสิ่งเล็กน้อยเหมือนทุกวันนี้ พระวิญญาณก็จะเอาไปจากพวกเขา เนื่องจากจิตใจที่แน่นแก่นเหมือนดินริมทาง
ส่วนผู้เชื่อที่เปิดและถ่อมใจรับมานาฯ พระเจ้าก็ยิ่งประทานให้มากกว่าเก่า และมากขึ้นทุกๆ วัน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
Being Renewed Day by Day
Being Renewed (อดีตกาล) (2 คร 4:16)