ถาม.
ที่พระเยซูไม่ตอบปีลาต ที่ปีลาตถาม แต่พระเยซูไม่ตอบเป็นเพราะว่าพระเยซูกลัวแผนการงานของพระเจ้าเสียใช่ไหมคะ
ตอบ.
แน่นอนครับ สำหรับพระเยซูคือ พระองค์ไม่ต้องการให้ปีลาตช่วย และอีกอย่างปีลาตจะช่วยก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากว่า ปีลาตต้องเอาใจผู้นำศาสนายิว เอาใจคนยิว เนื่องจากว่าเขามีอำนาจเขาปกครองอิสราเอลได้อย่างราบรื่น ก็คือเนื่องจากว่าคนยิวเชื่อฟังเขา เนื่องจากว่าเขาก็ต้องได้รับประโยชน์จากปีลาตด้วยจากเจ้าเมือง ซึ่งปีลาตเห็นว่าต้องเอาใจชาวยิว
ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าปีลาตจะพยายามช่วย แต่อีกที่หนึ่งก็คือผู้นำยิวไม่ยอมถึงยังไงเขาก็จะไม่ยอม ปีลาตบอกว่าอยากปล่อยพระเยซู และจับบารับบัสไม่ปล่อยบารับบัส แต่ผู้นำอยู่บอกว่าไม่ได้ไม่เอา ขอให้ปล่อยบารับบัส แต่จับพระเยซูประหารชีวิตพระเยซู
สำหรับพระเยซูนะครับถึงแม้พระเยซูจะตอบหรือไม่ตอบ การที่จะหนีปัญหาไม่ยอมถูกตรึง พระเยซูก็ทำได้ พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจนะครับเพียงแต่สั่งทูตสวรรค์บอกว่ายกเลิกไม่เอาละแผนการนี้ คือขอถอยก่อน ไม่ไหวมันเจ็บ มันทรมานมาก แต่ขอบคุณพระเจ้าพระเยซูยอมจำนน ยอมเชื่อฟังจนถึงที่สุด เป็นความรักเป็นพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์
สำหรับพี่น้องที่ยังไม่เห็นซึ้งถึงการกระทำของพระเยซู คิดว่าทุกสิ่งมันง่าย มันไม่ง่ายเลยครับ การที่จะถูกใครทุบ เฆี่ยนตี ทุบตีอย่างแสนสาหัส จนทนทุกข์ทรมานมาก เป็นการเจ็บปวดที่หนักมากๆ ที่พระเยซูได้รับ พระเยซูมีอำนาจพระเยซูจะหนีเมื่อไหร่ก็ได้ พระเยซูไม่ต้องการที่จะเข้าสู่ถ้วยหรือบัพติศมาแห่งความตายนี้ก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเยซูขอพระบิดานะครับขอ ถึงแม้ว่าพระองค์จะตรัสว่า ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนไปจากข้าพระองค์ แต่ก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดา เราเห็นนะครับร่างกายของมนุษย์อ่อนแอ จิตใจของมนุษย์จิตใจของพระเยซูก็อ่อนแอตอนนั้น พระองค์กลัว แต่เพื่อให้น้ำพระทัยของพระบิดาสำเร็จพระเยซูยอม ยอมเจ็บ ยอมปวด ยอมตาย มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากที่ผู้ชายคนหนึ่งยอมตายเพื่อคนทั้งโลก เพื่อให้หลุดพ้นจากความผิดบาปทั้งหลาย เราทุกวันนี้ไม่มีความผิดความบาปแม้แต่นิดเดียว เนื่องด้วยการกระทำของพระเยซูที่รักเราและมีพระเมตตาต่อเรา เอเมน
คิดดูนะครับว่าเราถูกมองโดยพระเจ้าถูกพระเจ้าตัดสินแล้วว่าเป็นคนบาปชั่วไม่มีอะไรดี พระเจ้าตัดสินเราตั้งแต่อาดัมเอวาทำบาปไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่คำว่าบาปชั่ว และฐานะของคนที่ชั่วที่สุดในโลกของพวกเรา พระเยซูรับเอาไป และพระเยซูตอนนั้นตอนที่ถูกตรึง คือพระเยซูยอมรับสภาพเป็นคนบาปชั่วที่สุดในจักรวาล ไม่มีใครชั่วเลวเท่าพระเยซูอีกแล้ว พระเยซูจึงต้องถูกตรึงจนตายและถูกประจานด้วย คือการยอมให้เขาแก้ผ้าทั้งหมด คือไม่ได้สวมใส่อะไรเลยตอนที่อยู่บนกางเขน ผู้คนเดินผ่านไปมาก็เห็นก็อับอาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะรักเรา ยอมอับอายเพื่อเราวันนี้จะไม่ต้องอับอาย เอเมน
...
ถาม.
ถามในข้อที่ 7 กับข้อที่ 8 อยากทราบว่าทำไมปีลาตเขาได้ยินว่าพระเยซูเป็นบุตรของพระเจ้าเขาถึงตกใจกลัว เขาไม่รู้จักหรอคะว่าพระเยซูเป็นพระเจ้ามาก่อน เอเมนค่ะ
ตอบ.
ปีลาตตกใจกลัว ไม่ใช่กลัวที่ได้ยินว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า หรือเขากล่าวหาว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า และปีลาตไม่ได้เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า หรือเป็นพระบุตรพระเจ้า
แต่ปีลาตตกใจกลัวเพราะว่าได้ยินพระบัญญัติ ได้ยินกฎหมายของยิวที่บันทึกเอาไว้ ซึ่งเรานะครับเห็นว่าอยู่ในเลวีนิติบุตรที่ 24:16 อันนี้ปีลาตไม่ใช่คริสเตียน ปีลาตเป็นคนที่เกลียดชังชาวยิวมากๆ เกลียดชังชาวยิวมาก แล้วก็เขาไม่รู้พระบัญญัติ เขาไม่รู้พันธสัญญาเดิมไม่เคยอ่านพระบัญญัติเดิม
ซึ่งเมื่อผู้นำยิวบอกปีลาตนะครับว่า การกระทำของผู้ชายชื่อเยซู คือเขาทำตัวเสมอเหมือนเป็นพระบุตรพระเจ้า หรือเท่าเทียมกับพระเจ้าเนี่ยอยู่ตรงนี้น่ะ เนี่ยก็คือการผิดกฎหมายของพระบัญญัติในศาสนายิว พอปีลาตได้ยินนะครับว่า โอ้หนักขนาดนี้เลยเหรอ เขาก็ตกใจกลัว ไม่ใช่ว่าปีลาตตกใจกลัวที่ได้รู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า ปีลาตไม่เคยเชื่อแล้วก็ไม่เคยรับ แล้วปีลาตไม่สนใจเพราะว่าเขาเป็นชาวโรมัน
...
ถาม.
แล้วที่ปีลาตเขาพยายามหาช่องทางปล่อยพระเยซู เพราะสาเหตุอะไรคะ เพราะว่าเขาสอบสวนแล้วเขาไต่สวนแล้วไม่เห็นความผิดของพระเยซูอย่างนี้หรอคะ
ตอบ.
ถูกแล้วครับ สำหรับปีลาตนะครับ คือถ้าจะว่าแล้วปัญหานี้คดีนี้เป็นเรื่องของศาสนา "เป็นเรื่องของพระเยซูและผู้นำศาสนายิวและพระเจ้า" ซึ่งเราจะเห็นว่าปีลาตไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ 3 สิ่งนี้ "กับพระเยซูและกับผู้นำของชาวยิวและกับพระเจ้า" อย่าลืมนะครับว่าปีลาตมีพระเจ้าของเขา ก็คือพระเจ้าของชาวโรมัน
เราจะเห็นว่าปีลาตจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยว และสิ่งที่สำคัญที่สุดปีลาตต้องการมีอำนาจ แล้วก็คือปกครองชาวยิวเพื่อให้ทุกสิ่งราบรื่นไม่มีปัญหา จึงพยายามเอาใจผู้นำศาสนายิว แต่เมื่อเห็นว่าพระเยซูถูกจับและไม่มีพยานไม่มีหลักฐานไม่มีความผิดที่หนัก อันนี้สำหรับการตัดสินของชาวโรมันนะครับ สำหรับอาณาจักรโรมันเขาเห็นว่ามันไม่น่าจะเป็นโทษที่หนักเกินไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คือเมื่อผู้นำยิวบอกว่า หนักน่ะเป็นเรื่องใหญ่น่ะคือเป็นการดูหมิ่นพระเจ้า ปีลาตจึงจำยอมก็เลยยอมให้มีการตัดสิน อย่าลืมนะครับว่าในประวัติศาสตร์ก็คือปีลาตเกลียดชนชาติอิสราเอลเกลียดคนยิวมากๆ และเขาได้รับอำนาจจากอาณาจักรโรมันให้มาปกครองเป็นเจ้าเมืองในอิสราเอล ขณะที่กษัตริย์เฮโรดเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และปีลาตเป็นเจ้าเมืองของอิสราเอล
ไม่เพียงแต่ปีลาตที่เกลียดชาวยิวและชนชาติอิสราเอล กษัตริย์เฮโรดก็เหมือนกัน ซึ่งคนเหล่านี้นะครับเป็นผู้นำของอาณาจักรโรมันที่ถูกส่งมา แต่ส่วนเฮโรดมีคำกล่าวไว้นะครับมีคนบอกว่า เขาซื้อเขาซื้อตำแหน่งกษัตริย์เพื่อมาปกครองชนชาติอิสราเอล แต่เขาก็ไม่ได้ชอบนะครับ เขาเกลียดชังชนชาติอิสราเอล
ถามว่าทำไม โลก อาณาจักรโรมัน และหลายอาณาจักรเกลียดชังชาวยิวมากเนื่องจากว่า ยิวเป็นชนชาติที่หยิ่งผยองนะครับ อวดเก่ง อวดดี อวดฉลาด เราเห็นกันทุกวันนี้ใช่ไหม เขาไปที่ไหนนะครับเขาอวดดีอวดฉลาด เขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับชนชาติใด เขาไม่แต่งงานกับชาติอื่น แล้วก็เป็นชนชาติที่ฉลาดและเป็นชนชาติที่ค่อนข้างจะร่ำรวย โดยเฉพาะในอเมริกา เจ้าของบริษัทหนัง Hollywood นะครับหลายๆ บริษัทเป็นของเขา ร้านเพชรในอเมริกา และหลายๆ ประเทศทั่วโลกก็คือคนยิว และเจ้าของแบรนด์เนมทั้งหลายที่ดังๆ ที่มีชื่อเสียงก็คือมาจากยิวทั้งนั้น และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังนะครับ ก็คือเป็นคนยิวเป็นส่วนมาก แล้วเรารู้ใช่ไหมว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็เป็นคนยิวนะครับ ด้วยเหตุผลนี้นะครับ เยอรมันนะครับ ฮิตเลอร์ จึงเกลียดชังและชนชาติอื่นคนต่างชาติก็เกลียดชังชาวยิวเป็นอย่างยิ่ง
...
ถาม.
ชาวโรมันทุกวันนี้ไม่มีแล้วใช่ไหมครับที่เป็นประเทศ ทุกวันนี้เป็นประเทศอะไรครับชาวโรมัน
ตอบ.
อาณาจักรโรมันทุกวันนี้ล่มสลายแล้วครับ ตั้งแต่ ค.ศ. ที่เท่าไหร่ผมจำไม่ได้ ทุกวันนี้มีประเทศอิตาลีนะครับที่มีกรุงโรมอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโรมันในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว คือแตกหลงเหลือแค่เพียงประเทศต่างๆ ไม่มีอาณาจักรโรมันอีกต่อไปแล้วครับ
...
ถาม.
ก็คือชาวยุโรปใช่ไหมครับ ชาวโรมันผสมชาวยุโรป
ตอบ.
ใช่ครับเป็นชาวยุโรป เป็นส่วนใหญ่ครับ
...
ถาม.
การประจานพระเยซูที่เห็นในหนังที่เห็นในรูปภาพ มีภาพปกปิดคือไม่ใช่ใช่ไหมครับ คือเปลือยหมดใช่ไหมครับ
ตอบ.
เอาแบบนี้น่ะ คือตั้งแต่แรกเลยพระเยซูเราเห็นในรูปต่างๆ ในภาพต่างๆ ทั่วโลกนะครับ ไม่ใช่พระเยซูของเรา คือพระองค์ไม่มีผมสีบลอนด์สีทอง แต่ผมหยิกนะครับผมสั้น พระเยซูไม่มีผมยาวไม่ได้ไว้ผมยาว
แล้วก็เสื้อผ้าที่พระเยซูใส่เดินไปมาในหนังหลายเรื่องที่เราเห็นก็ไม่ใช่นะครับ คือเป็นเสื้อผ้าง่ายๆ สั้นๆ นะครับเป็นชุดที่ติด คือยาวไปลงไปที่เข่า เป็นสีเดียวก็คือสีขาว แต่ไม่ใช่ขาวแบบขาวสะอาดๆ นะครับ ก็คือขาวผสมฝุ่น คือที่ประเทศอิสราเอลคือส่วนมากจะเป็นทะเลทรายแล้วก็คนที่เขาใส่เสื้อผ้าเนี่ยก็ไม่ได้หมายความว่าคือสะอาดเกินไปเท่าไหร่ แล้วก็พระเยซูของเราเท่าที่พระคัมภีร์บันทึกก็คือพระองค์ไม่มีหน้าตาที่หล่อเหลา เป็นคนที่มีหน้าตาขี้เหร่นะครับ
และตอนถูกตรึงบนกางเขนนะครับ อันนี้ประวัติศาสตร์บันทึกไว้นะครับใครก็ตามที่ถูกตรึง ก็คือต้องเปลือยกาย ต้องเปลือยกาย ไม่ได้สวมใส่อะไร เพื่อประจานให้คนทั้งหลายที่เดินไปมาเนี่ยเห็น แล้วก็คนที่ถูกตรึงก็คือได้รับความอับอายก่อนตาย คือไม่ได้ให้ตายดีนะครับ ต้องอับอายก่อน ต้องเจ็บปวดทรมานก่อนจึงจะตายได้
เพราะฉะนั้นตอนที่พระเยซูอยู่บนกางเขน ก็คือไม่ได้สวมใส่อะไรเลย ไม่มีอะไรเลยเข้าใจกันนะครับ สำหรับหนังหลายๆ เรื่องที่เขาสร้างขึ้นมาก็เพื่อให้เกียรติพระเจ้าบ้างให้เกียรติพระเยซูบ้าง แต่ถ้าเราจะค้นหรือศึกษาดีๆ ศาสนศาสตร์ทั้งหลายโรงเรียนพระคัมภีร์ทั้งหลายมหาวิทยาลัยศาสนศาสตร์ ก็คือเขาก็บอกนะครับว่าพระเยซูเปลือยกายครับ
...
ถาม.
แล้วก็ผู้ชาย 2 คนที่อยู่กับพระเยซูทั้งซ้ายและขวา เขาก็เปลือยกายเหมือนกันหรือคะ
ตอบ.
แน่นอนครับ เอาแบบนี้ดีกว่าทุกคนที่ถูกตรึงบนกางเขนจะต้องเปลือยกาย ไม่ว่าใคร โทษประหารชีวิตนะครับ ที่ชาวโรมันเขาทำกับทุกชาติที่เป็นหัวเมืองขึ้นนะครับ เป็นหัวเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน ก็คือถูกตรึงบนกางเขนบ้าง ยิวน่าจะมีบางคนที่เอาหินขว้างให้ตายบ้าง แต่ใครก็ตามที่ถูกตรึงบนกางเขนนะครับอยู่บนกางเขนก็คือเปลือยกายครับ อย่าไปคิดนะครับว่าชายสองคนที่อยู่ข้างพระเยซูคือไม่ได้เปือยกาย แต่พระเยซูเปลือยกาย คือเปลือยกายทั้งหมดนะครับ
...
ถาม.
งั้นหมายความว่ารูปของพระเยซูนี่ ไม่มีใครเห็นตัวจริงหรือว่าบันทึกไว้ใช่ไหมคะ ว่าตัวจริงของพระเยซูมีผมหยิกอะไรพวกเนี้ยค่ะ
ตอบ.
สมัยก่อนไม่มีกล้องถ่ายรูปนะครับ แล้วก็ไม่มีการวาดรูปของพระเยซูเนื่องจากว่าสาวกของพระเยซูไม่มีใครที่เป็นนักวาดรูปใช่ไหม อีกอย่างนะครับก็คือเขาใส่ใจเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐมากกว่า แล้วถ้ามีใครจะขอวาดรูปพระเยซู บอกว่าพระเยซูนั่งนิ่งๆ นะขอวาดรูปหน่อยเอาไว้เป็นความทรงจำเป็นที่ระลึก พระเยซูน่าจะห้ามนะครับเราไม่ได้มาเพื่อที่จะให้ใครจดจำหน้าตาของเรา แต่เรามาเพื่อให้ทุกคนจดจำคุณสมบัติของพระเจ้า ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ความชอบธรรมของพระเจ้า ที่นำความรอดมาถึงมนุษย์โลก เอเมน
เพราะฉะนั้นนะครับทุกวันนี้คริสเตียนทำรูปภาพพระเยซูขึ้นมาเพื่อที่จะเคารพพระองค์ กราบไหว้พระองค์บ้าง หรือเคารพพระองค์บ้าง หรือเห็นพระองค์แล้วก็คือมีความยำเกรงบ้าง แต่สิ่งนี้นะครับเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องห้ามนะครับ เป็นสิ่งที่ต้องห้ามจากพระเจ้า พระองค์ไม่ต้องการให้ใครเห็นรูปภาพหน้าตาภายนอกของพระองค์ แต่ทุกวันนี้ขอบคุณพระเยซูพวกเราเห็นอะไร เราเห็นความรักของพระเจ้า เราเห็นความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เราเห็นความชอบธรรมของพระเจ้า เราเห็นความเป็นจริงของพระเจ้า เห็นความสว่างของพระเจ้า นี่ครับคือหน้าตาของพระเยซูจริงๆ
...
ถาม.
ที่เราเห็นภาพทุกวันนี้เขาจินตนาการขึ้นมาเนาะ
ตอบ.
เป็นความคิดของคนบางคนนะครับ ที่นักวาดภาพเขาวาดแล้วก็คิดว่าพระเยซูน่าจะต้องหล่อเหลา น่าจะมีเคราประมาณนี้ ผมสีทองบ้าง แต่อย่าลืมนะครับพระเยซูที่ประเทศจีนก็มีหน้าตาเหมือนเปาบุ้นจิ้น หรือหน้าตาเหมือนพระเอกหนังจีนในสมัยก่อนหนังจีนโบราณนะครับ และพระเยซูที่อเมริกาก็จะมีหน้าตาเหมือนฝรั่งเราเห็นกันใช่ไหม
แต่จริงๆ แล้วนะครับพระเยซูเป็นแขกนะครับเป็นชาวยิว เป็นตระกูลยูดาห์ มาจากตระกูลยูดาห์ และตระกูลยูดาห์ก็คือชาวยิว ที่มีหน้าตาเหมือนแขกเหมือนคนชาวเลบานอนทุกวันนี้ แขกชาวเลบานอน ก็คือแขกที่มีผิวสีคล้ำๆ ผมหงิกๆ นั่นคือพระเยซูของเรา
ตั้งแต่ผมได้รู้ความจริงนะครับ เมื่อก่อนผมรักมากมีช่วงหนึ่งที่เดินทางไปญี่ปุ่น สมัยตอนที่ผมอยู่อเมริกา แล้วก็เห็นรูปภาพของพระเยซูที่เป็น 3D คือมันงดงามมาก พอเห็นแล้วน้ำตาลจะไหล ผมก็ซื้อแล้วก็เอาไปเก็บไว้ที่อเมริกา แล้วก็เอาออกมานั่งดูเป็นบางครั้งเมื่อคิดถึงพระเยซู ตอนนั้นไม่รู้นะครับว่าพระเยซูอยู่ในเรา ก็เอาออกมาดูแล้วก็คิดถึงพระเยซู ก็อธิษฐานนะครับก็ร้องไห้บ้างเห็นความงดงามของรูปภาพหน้าตาของพระเยซู ผมยาวนะครับแล้วก็หน้าตาเหมือนฝรั่ง
แต่พอถูกเปิดตาปุ๊บ ก็คือผมก็ทิ้งรูปนั้นไป แล้วก็บอกรักพระเยซู สนิทในพระเยซู พูดคุยกับพระเยซู เพราะว่าผมรู้นะครับว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่พระเยซูต้องการ ไม่ใช่มองรูปภาพไม่ใช่เคารพพระองค์แค่รูปภาพเท่านั้น คือการดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยเป็นสิ่งที่พระเยซูต้องการมากกว่า
....
ถาม.
ชาวยิวถึงจะเป็นคนที่หยิ่งผยองพองตัว แต่พระเจ้าก็เลือกเป็นประชากรของพระเจ้าเพราะเป็นเชื้อสายของอับราฮัมใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับยิวนะครับ ใช่ครับเป็นลูกหลานอับราฮัม จริงๆ แล้วพระเจ้าเลือกบิดาของท่านอับราฮัม พ่อบิดาของท่านอับราฮัม พาอับราฮัมแล้วก็ภรรยาลูกหลานออกมาจากเมืองเออร์ (ปฐก 11:31) พอเดินทางออกมาอีกไม่นานนะครับ บิดาของท่านอับราฮัมก็เสียชีวิต พระเจ้าก็เลยบอกกับอับราฮัมนะครับว่าไปต่อ เข้าใจนะครับ คือจริงๆ แล้วพระเจ้าเรียกบิดาของท่านและบิดาของท่านเสียชีวิต และต่อมาพระเจ้าก็เลยบอกอับราฮัมว่าไปต่อ เราจะเลือกท่านและลูกหลานของท่านจะเป็นชนชาติของเรา
คือสำหรับอาการหยิ่ง ผยอง พองตัว ผมว่ามันเกิดขึ้นได้กับทุกชาติกับทุกคน คนเราพอเกิดมาไม่มีอะไร ยากจน ไม่มีความรู้ ไม่ฉลาด ไม่มีชื่อเสียง ก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปใช่ไหม ก็ถ่อมตนถ่อมใจ
แต่พอมีชื่อเสียงมีความรู้ความฉลาดเหนือใคร เด่น ดี ดัง เกินใคร ความหยิ่งผยองพองตัวมันจะมาใช่ไหมครับ
เพราะฉะนั้นชาวยิวนะครับถามว่าทำไมเขาหยิ่งผยองพองตัว เขาถือว่าเขาเป็นชนชาติเดียวที่พระเจ้าเลือกเขา และพระเจ้าของเขาก็คือพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่เหนือจักรวาลเหนือพระเจ้าใดๆ ในโลกนี้ เขาก็มองว่าเนี่ย โอ้..เราเนี่ยไม่ธรรมดาน่ะ ชาวยิวจึงเกิดอาการหยิ่งนะครับ แล้วเราจะเห็นนะครับว่าชาวยิวเขามองต่างชาติเขาเรียกต่างชาติว่าอะไร "สุนัข"
สำหรับคนที่รักยิวแล้วก็อธิษฐานเผื่อยิวทุกวันนี้นะครับ พระเจ้าก็ยังรักยังเมตตาเขา แต่สำหรับพระเจ้านะครับยิวฝ่ายวิญญาณสำคัญมากกว่ายิวฝ่ายเนื้อหนัง และยิวฝ่ายเนื้อหนังฝ่ายร่างกายทุกวันนี้นะครับเป็นลูกแห่งอาณาจักรก็คือถูกขับไล่ไสส่งออกไปนอกอาณาจักรแล้ว
ทุกวันนี้เราที่เป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เราได้รับตำแหน่งเราเป็นยิวแล้วเอเมน ขอบคุณพระเจ้า อยู่ดีๆ นะครับคนไทยคนลาวคนต่างชาติอเมริกาทั้งหลาย อยู่ดีๆ ก็ได้รับตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ ก็คือพระเจ้าให้เกียรติเรียกเราว่าเป็นยิวฝ่ายวิญญาณ ทุกวันนี้คุณไม่ใช่คนจีนคนไทยคนฝรั่งคนลาวแล้วน่ะ คุณเป็นคนยิว เอเมน
...
ถาม.
อยากถามเรื่องสร้อยกางเขนค่ะ คือมันเป็นรูปเคารพไหมคะ
ตอบ.
เป็นรูปเคารพครับผม จะเป็นรูปภาพ ภาพวาด หรือจะเป็นกางเขน หรือจะเป็นสัญลักษณ์อะไรทั้งหลาย หรือไม้กางเขนที่อยู่หน้าโบสถ์ สิ่งเหล่านี้นะครับเป็นรูปเคารพทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราไม่ยึดถือเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เราเอาทิ้งนะครับ หรือถ้าเป็นทองคำก็คือหลอมมันให้เป็นรูปอื่นเพื่อใช้ประโยชน์ อย่าทิ้งน่ะ
สำหรับใครที่มีรูปกางเขนนะครับมีอะไรก็ตามที่เป็นทองคำเป็นสิ่งที่มีค่า ก็คือไม่ต้องทิ้ง เราหลอมทำเป็นรูปอื่นได้เพื่อใช้เป็นประโยชน์นะครับ ที่ผมพูดเพราะว่ามีพี่น้องคริสเตียนบางคนไม่เข้าใจ แล้วทางคริสตจักรบอกว่าเป็นรูปเคารพน่ะ เขาก็เอาไปทิ้งนะครับ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มีค่า หรือบางคนมีจี้สร้อยหลายคนเอาไปทิ้งเลยน่ะ จริงๆ แล้วเราไม่ควรทำแบบนั้น เราขอบคุณพระเยซูเราเอเมนกับสิ่งนี้ แล้วเราก็หลอม เราก็ไปจ้างเขานะครับให้ทำเป็นสิ่งใหม่เป็นสิ่งประดับสวยงามให้มีค่า อาจจะขายได้ไม่เป็นไรไม่ผิดนะครับ แต่ถ้าจะทิ้งก็คือเป็นสิ่งที่มีค่าแล้วเราทิ้ง อันนี้ผมว่าไม่ควรทำครับ
...
ถาม.
เอเมนค่ะ คืออย่างเช่นสร้อยมันเป็นจี้กางเขน สร้อยก็ไม่ได้ขาด ตะขอจี้ก็ไม่ได้ขาด แต่ว่าจู่ๆ มันหายไปจากคอเองเลย สร้อยก็ไม่ขาดนะคะสร้อยก็อยู่ปกติ แต่ว่าจี้น่ะ มันหายไปเอง หายไปโดยปกติเลยแต่ว่าเสียดายมากค่ะเพราะว่ามันเป็นจี้ของแท้ค่ะ แต่ว่ามันหายไปแล้วก็เลยถามกับพระเจ้าว่า สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าหรือเปล่าถึงไม่อยู่ติดกับในสร้อยที่คอ มันออกไปเอง ก็เลยบอกว่าขอบคุณพระเจ้า
ตอบ.
ถ้าหากเราได้รับการเปิดตาเร็วกว่านี้น่าจะดีนะครับ เพื่อทูตสวรรค์จะได้ไม่เอาไปก่อน แต่ไม่ต้องห่วงครับถ้าหากทูตสวรรค์เอาไป ก็คือพระองค์จะตอบแทน พระองค์จะตอบแทนแน่นอนครับ ไม่ใช่ว่าเอาไปทิ้งฟรีๆ นะครับ สำหรับพระเจ้าคือบางคนพระองค์ต้องเอาไปก่อนหรือรับการเปิดตาแล้วเราเป็นคนจัดการกับมันเองครับ มีสองทางครับ
คือสำหรับผมนะครับมีประสบการณ์อย่างหนึ่งก็คือ ขอบคุณพระเจ้าที่หลายครั้ง หลายๆ ครั้งจนนับไม่ได้ คือพระเจ้าจัดการก่อนพระเจ้าทำก่อน ค่อยมารู้ความจริงทีหลัง
สิ่งที่ผมขอบพระคุณพระเยซูเป็นอย่างมากที่ผมเคยทำอัลบั้มที่มีทั้งภาษาลาวภาษาไทย แต่ส่วนมากจะเป็นภาษาลาว ที่ผมเคยแต่งเพลงเพลงหนึ่ง คือพระคริสต์อยู่ในเรา ทั้งๆ ที่ผมไม่รู้เชื่อไหมครับ เพลงนั้นผมเขียนขึ้นมาทั้งๆ ที่ผมไม่รู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเรา แต่ผมก็เขียน แต่สุดท้ายมาพบความจริง ก็คือขอบคุณพระเยซู นี่คือตัวอย่างอีกหลายๆ เรื่องที่พระเยซูจัดการก่อน พระเจ้าทำก่อน และพระเยซูให้ผมพูดก่อนในบางครั้งที่ผมสอน แต่สุดท้ายก็คือเป็นความจริง ทั้งๆ ที่ผมคิดว่า เออ น่าจะใช่ หรือน่าจะไม่ใช่ หรือไม่แน่ใจ
สำหรับพี่น้องที่ได้รับการเปิดตา สำหรับพี่น้องที่พระเจ้าเลือกเอาไว้เพื่อให้เข้าสู่การชำระด้วยพระคำ ก็คือพระเจ้าจัดเตรียมและพระเจ้าจะเป็นคนทำ ทำให้เป็นส่วนมาก และเรามารู้ทีหลังว่า อ๋อ อันนี้ใช่ อันนี้ถูก อันนี้ใช่ สรรเสริญพระเจ้าที่เราไม่ได้ทำผิดนะครับ
...
ถาม.
เรื่องรูปพระเยซู เมื่อก่อนอยู่ใน คต. ศาสนา คือชอบมากชอบภาพพระเยซู อยากจะเอามาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเพราะว่าเรารักพระเจ้ามาก โดยที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วภาพใหญ่พวกนั้นมีหลายภาพมากๆ ป้าลงทุนซื้อภาพละ 700-800 เมื่อก่อนจะมี ศบ. เขาทำขายก็เลยซื้อไว้เยอะแยะเอาไว้เป็นที่ระลึกในบ้าน เพราะว่ามีใจรักพระเยซูมาก ณ ตอนนี้ภาพนั้นก็ยังอยู่แต่มันไม่ได้แขวน เราควรจะเอาออกหรือเราควรจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ ขอถามตรงนี้ค่ะ
ตอบ.
คือผู้ชายที่อยู่ในรูปภาพ ที่เรามีสะสมอยู่ในบ้าน ไม่ใช่พระเยซูนะครับ และถ้าหากเรารู้ความจริงนี้ เราจะทำยังไง? ใช่ครับเราเคยซื้อมาด้วยราคาแพง แต่เรารู้แล้วว่าไม่ใช่พระเยซูของเรา คือพูดง่ายๆ นะครับก็คือเอาไป.. ทิ้ง และเราไม่ควรให้คนอื่น เพราะว่าเขาจะเอาไปเพื่อเคารพ เพื่อนมัสการ เพื่อยกย่อง ซึ่งคริสเตียนหลายคนที่ยังไม่รู้เขาก็จะซื้อไปแน่นอนครับ
แต่เรา คือเราตัดเลย คือตัดไม่ต้องไปให้ใคร ไม่ให้ขายให้ใครต่อ คือเรารู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ เธอไม่ใช่พระเยซูของฉัน ไปเถอะจากชีวิตของฉัน
รูปภาพทั้งหลาย จี้สร้อยคอหรืออะไรก็ตามที่เป็นสัญลักษณ์ที่คริสเตียนศาสนาเขาทำทุกวันนี้ พระเยซูไม่ได้เข้าไปสถิตอยู่ในนั้น แต่พระเยซูสถิตอยู่ในเรา
และอีกอย่างรูปเคารพทั้งหลายที่คริสเตียนสร้างขึ้นมา ซาตานเข้าไปอยู่เข้าไปสถิตสิงสถิตอยู่ มันจะล่อลวงคริสเตียนให้กราบไหว้ ให้เห็นการอัศจรรย์ อีกไม่นานต่อมาเราจะเห็นว่าในอนาคตจะมีการอัศจรรย์ต่างๆ นาๆ การปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากรูปปั้นพระเยซูบ้าง รูปปั้นของนางมารีย์บ้าง รูปปั้นที่ร้องไห้ได้น้ำตาเป็นเลือดบ้าง ทำให้คริสเตียนทำให้คาทอลิกหลายคน คือแบบตกใจตื่นเต้นยกย่องพระเจ้ากันใหญ่ที่จะได้เห็น แต่เขาไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากซาตานเป็นคนทำ
ถ้าพระเจ้าจะทำปาฏิหาริย์ พระเจ้าจะทำการอัศจรรย์ ก็คือเพื่อประโยชน์ของผู้เชื่อทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ของคนที่ไม่เชื่อ เพื่อเขาจะได้ยกย่องพระเจ้า คือการรักษาโรคบ้าง การประกาศข่าวประเสริฐ นำข่าวดีเรื่องพระเยซู นำเรื่องความรอดมาถึงพวกเขา
ไม่ใช่ว่าให้น้ำตาออกมาเป็นเลือด หรือให้เห็นอยู่บนเมฆ บนท้องฟ้าเห็นรูปไม้กางเขน สิ่งเหล่านี้ที่คริสเตียนหลายคนเห็น ก็คือมาจากซาตาน ซาตานเป็นคนทำเพื่อหลอกเราไง ให้เราหลงทาง ให้เราหลงไปเชื่อว่าเป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า แล้วก็เห่อกันใหญ่เลย ก็คือพูดถึงแต่เรื่องการอัศจรรย์ การอัศจรรย์ จนเราเห็นกันทุกวันนี้ใช่ไหม
คริสตจักรบางคริสตจักรไม่ได้นมัสการพระเจ้าเลย คือใส่ใจแต่เรื่องการอัศจรรย์ เข้าไปในคริสตจักรปุ๊บทำอะไร? ยกมือนะครับร้อง สรรเสริญพระเจ้า โห่ร้อง ร้องไห้ หัวเราะ คือขอฤทธิ์เดช ขอไฟ เราเห็นกันแล้วใช่ไหม
แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการในคริสตจักรของพระองค์ คืออะไร?
คือสำแดงตัวตนของพระเยซู
คนนี้มีความรัก "อากาเป้" เกิดขึ้น สำแดงความรักให้พี่น้อง
คนนี้มีความ "เมตตา" เป็นของประทานเป็นสิ่งที่มาจากพระเยซูกระทำในเขา ก็สำแดงความเมตตา ก็ให้ เอื้อเฟื้อ ใจกว้าง
คนนี้รักษาโรคได้ คนนี้อดทนได้ ยกโทษให้ ใครทำผิดกับเขา เขาก็ยกโทษให้
นี่คือการสำแดงชีวิตพระเยซูในพระกายในคริสตจักร และในท่ามกลางของคนที่ไม่เชื่อทั้งหลาย
ถ้าหากเราจะดูในพระคัมภีร์ใหม่ทั้งเล่ม เราจะพบว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการมากที่สุด คือไม่ได้ต้องการให้เราแสวงหาคือพูดถึงแต่เรื่องความรู้ ความรู้ ความรู้ ไม่เอาอันนี้เป็นเรื่องรอง
และอีกเรื่องหนึ่งที่พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้คริสเตียนกระทำ ก็คือพูดถึงแต่เรื่องไฟๆๆ ฤทธิ์เดชๆๆ พระวิญญาณๆๆ เต็มล้นอะไรทั้งหลายไม่เอาสิ่งนี้เป็นเรื่องรอง
แต่สิ่งที่พระเจ้าต้องการในพระคัมภีร์ใหม่ในคริสตจักรของพระองค์ พระองค์เปิดเผยว่าพระองค์ต้องการสำแดงให้พวกเราทุกคนสำเเดงพระบุตร "พระบุตร"
เปาโลยังพูดเอง "ว่าข้าพเจ้าไม่อวดใคร ข้าพเจ้าอวดพระบุตร อวดพระเยซูคริสต์" เราจำกันได้น่ะว่าเปาโลพูดว่า
"ข้าพเจ้าพูดภาษาต่างๆ ได้มากกว่าพวกท่าน ข้าพเจ้ามีของประทานมากกว่าใคร ข้าพเจ้าทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าผู้เชื่อทั้งหลาย แต่ข้าพเจ้าไม่อวด ข้าพเจ้าอวดพระเยซู อวดพระคริสต์"
เห็นไหมครับ เพราะฉะนั้นชีวิตของเราอยู่เพื่ออะไรครับทุกวันนี้?
เราอยู่เพื่ออวดพระคริสต์ ก็คืออวดการกระทำของพระองค์ อวดผลของพระวิญญาณที่พระเยซูทรงกระทำผ่านพวกเรา กาลาเทีย 5:22-23 ความรักคืออะไรก็อวดสิ่งนั้น เราก็ได้อวดชีวิต และนิสัยของพระเยซู
สุดท้ายคนที่อวดชีวิต และนิสัยของพระเยซู ก็คือคนที่ได้อยู่ใกล้พระเยซูมากที่สุด และมีตำแหน่งสูงกว่าใครในอาณาจักร และในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่
นี่นะครับคนที่จะเป็นผู้ชนะ คนที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่แท้จริง ก็คือคนที่ใกล้พระเยซูมากที่สุด ไม่ใช่คนที่สร้างโบสถ์ได้หลายหลัง ไม่ใช่คนที่นำคนมาเชื่อเป็นร้อยเป็นพัน แต่คือคนที่ใกล้พระเยซูมากที่สุด คือพูดคุยกับพระเยซู บอกรักพระเยซู ไม่ได้ประกาศข่าวประเสริฐมากมายก็ไม่เป็นไร ไม่มีผลงานมากมายก็ไม่เป็นไร แต่เขาสนิท เขาบอกรัก เขาอยู่ใกล้พระเยซูมากกว่าใคร ซึ่งผลที่ตามมา ก็คือเขาสำแดงชีวิตของพระเยซูได้