มัทธิวบทที่ 8 ข้อที่ 16 พอค่ำลง เขาพาคนเป็นอันมากที่มีผีเข้าสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงขับผีออกด้วยพระดำรัสของพระองค์ และบรรดาคนเจ็บป่วยนั้น พระองค์ก็ได้ทรงรักษาให้หาย
ข้อที่ 17 ทั้งนี้เพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะโดยอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ที่ว่า `ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย และหอบโรคของเราไป'
พระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่มาไถ่บาปของพวกเรา ไม่เพียงแต่มาประกาศเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ แต่การช่วยเหลือของพระองค์เป็นงานเสริม
คืองานหลักของพระเจ้า งานหลักของพระเยซูคริสต์ ก็คือกษัตริย์องค์หนึ่ง เดินทางไปตามหาประชากรของราชอาณาจักร เพื่อพระองค์จะมีประชากรที่เป็นประชากรแห่งอาณาจักรของพระองค์ และพระองค์จะเป็นกษัตริย์
แต่ปรากฏว่า เนื่องจากความรัก ความเมตตา ความสงสาร แท้ที่จริงแล้วอันนี้ไม่ใช่งานหลักของพระเยซู เมื่อไหร่ที่พระองค์ทรงเห็นคนถูกผีเข้า และคนป่วยทั้งหลาย พระเยซูก็ทรงรักษาเขาให้หาย และขับผีออก และพระคัมภีร์เดิมทำนายไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นแล้วงานหลักของเรา ผู้ประกาศข่าวประเสริฐนะครับ ก็คือนำวิญญาณของคนที่ไม่รอด ให้ได้มารับความรอด และนำผู้เชื่อทั้งหลายเข้าสู่ชีวิตของประชากรแห่งอาณาจักร
เพราะว่าทุกวันนี้พระเยซูเป็นกษัตริย์ของเรา พระองค์ต้องการประชากรแห่งอาณาจักร ให้มีชีวิตที่พร้อมสำหรับอาณาจักรของพระองค์ที่จะมาในยุคหน้า
ยุคนี้เป็นยุคอาณาจักรที่ฝึกฝน ฝึกชีวิต ให้พร้อม และยุคหน้าอาณาจักรสวรรค์แท้ที่จริงก็จะมาปรากฏ และผู้ที่สุกงอม มีชีวิตใหม่ได้อย่างแท้จริง มีพระคริสต์ทำแทนเราในแต่ละวันแล้ว มีสันติสุขได้ทุกวันเวลา อยู่ในสวรรค์บนดิน มีจิตใจใหม่ มีผลของพระวิญญาณ ก็จะมีส่วนครอบครองกับพระองค์ในยุคหน้า และในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่อีกด้วย
ซึ่งคริสเตียนที่ไม่สุกงอม คือคริสเตียนศาสนาทั้งหลาย ในโลกนี้ก็จะเป็นนรกเล็กๆ สำหรับเขา ชีวิตจะขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย และในยุคหน้าเขาก็จะถูกตีสอน รับการบ่มบังคับให้สุกงอม ในเกเฮนา ก็คือที่ทิ้งขยะนอกอาณาจักร ขณะที่ผู้ชนะ มีส่วนครอบครองกับพระเยซู อยู่ในงานฉลองเลี้ยงแต่งงานเป็นเวลานานถึง 1,000 ปี
แต่คริสเตียนเหล่านั้นทนทุกข์ ทรมาน ร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เสียดายผลงานที่สร้างมาตลอดชีวิตมีมากมาย แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลาแล้วถูกปฏิเสธ เนื่องจากว่าเขามีผลงาน แต่ไม่มีจิตใจใหม่ เขามีผลของพระวิญญาณ แต่ไม่มีผลของพระคุณ เขามีของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ไม่มีของประทานแห่งพระคุณ ก็คือชีวิตจิตใจใหม่
เราจะทำอะไรได้มากมาย รักษาโรคได้ ไล่ผีได้ เทศนาได้ สั่งสอนได้ รับใช้มากมาย นำคนมาเชื่อได้ สร้างคริสตจักรได้มากมาย แต่ถ้าหากจิตใจไม่ใหม่ จิตใจภายในไม่ใหม่จริงๆ ไม่มีชีวิตของพระคริสต์ แต่ใช้ชีวิตของอาดัม ใช้ความดีของอาดัมซึ่งเป็นความดีที่ตายแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า และเมื่อถึงเวลารอดในวันสุดท้าย รอดจากบึงไฟ เขาก็จะเป็นประชากรของโลกใหม่เท่านั้น
สำหรับพระเยซู เมื่อพระองค์ทรงรักษาโรค ทุกครั้งที่พระองค์ทรงรักษา พระองค์ทรงแบกเอาความเจ็บไข้ของเขา พระองค์ทรงหอบเอาเข้ามา เข้ามาในชีวิตของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงยกโทษบาปให้มนุษย์ทั้งหลายในเวลานั้น บาปทั้งหลายของเขาก็จะมาอยู่ที่พระเยซู พระเยซูรับเข้ามา รับบาปของทุกคน
และเมื่อพระเยซูจะสิ้นพระชนม์ พระเยซูก็รับบาปของคนทั้งโลกเลยมาอยู่ที่พระองค์ ในขณะที่พระองค์ถูกตรึงที่กางเขน พระเยซูเป็นมนุษย์คนแรกเป็นมนุษย์คนเดียวที่ชั่วช้าที่สุด ที่ชั่วที่สุด ไม่มีใครชั่วเท่าพระเยซู เพราะว่าพระองค์ “ทรงรักเรา” คนที่ชั่วที่สุดในโลกนี้ ยังไม่ชั่วเท่าพระเยซู
ถามว่าทำไม? ไม่ใช่การกระทำของพระองค์ แต่ด้วยเหตุที่พระองค์นี่แหละ หอบเอาความบาปของเรา แบกเอาความผิดของเรา ยอมรับเอาความบาปชั่วของมนุษย์ทั้งหลาย ของผม ของคุณ ของทุกคน คนที่ได้ชื่อว่าชั่วที่สุดในจักรวาล ก็คือพระเยซู
พระองค์ไม่ได้กระทำ พระองค์เป็นคนที่ดีบริสุทธิ์ ชอบธรรม เป็นพระเจ้ายิ่งใหญ่ แต่พระองค์ยอมรับฐานะที่ชั่วบาปที่สุด เพื่อคุณจะได้รอด และเพื่อคุณจะได้มีโอกาสได้เป็นประชากรของอาณาจักร
นี่คือ “ความรักยิ่งใหญ่” ที่พี่น้องคริสเตียนมากมายนึกเห็นความรักของพระเจ้า แต่ยังไม่นึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
พระเจ้าลงมาเป็นมนุษย์ ยอมเป็นคนที่ชั่วช้าที่สุด โดยการรับเอาความผิดบาปของทุกคน ของผม และของคุณ และของท่าน ของทุกคน เข้าไปรวมอยู่ในพระองค์ และตายบนไม้กางเขน โทษประหารที่พระเยซูได้รับ ก็คือโทษที่พระองค์สะสมความผิดบาปของพวกเรา และถูกตรึงบนไม้กางเขน
เราขอบพระคุณพระเจ้าในความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์นี้ เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทุกครั้งที่พระองค์รักษาโรคในขณะนั้น พระองค์ก็ได้หอบเอาโรคของเขา
และทุกวันนี้พระเจ้าสัญญา เนื่องจากการหอบเอาโรคทั้งหลายของพระเยซูคริสต์ไปตรึงไว้ที่กางเขน มีผลถึงทุกวันนี้ ทุกสมัย ทุกยุค ทุกเวลา ถ้าหากเราขอการรักษา พระเจ้าก็จะรักษา เพียงแต่เรามีความเชื่อ เราเชื่อมากเท่าไหร่ การอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น
1. การรักษาโรคอาจจะใช้ของประทาน
2. การรักษาโรค ถ้าไม่มีใครมีของประทาน พระเจ้าเมตตาก็หายได้
3. อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน ที่มีความเชื่อ ขอการรักษาจากพระเจ้า พระเจ้าก็จะช่วย
และอีกครั้ง เมื่อพระองค์ทรงยกโทษบาปให้มนุษย์ทั้งหลายในสมัยนั้น พระองค์ทรงตรัสว่าบาปของเจ้า ได้รับการยกโทษแล้ว เราอภัยให้เจ้า และเมื่อพระเยซูตรัสดังนั้น พระเยซูก็รับเอาความบาปของเขา ไม่ใช่เอาไปทิ้งไปน่ะ พระเยซูรับเอาเข้ามา รับเอาเอามา และบาปของพวกเราทุกคนทั่วโลกตั้งแต่สมัยของพระเยซูจนถึงทุกวันนี้ จนถึงทุกยุคทุกสมัย ลูกหลานเหลนอะไรก็ตาม บาปของทุกคน พระเยซูรับเข้าไปในชีวิตของพระองค์ และถูกตรึงบนไม้กางเขนแล้ว
เพราะฉะนั้นการยกโทษบาปก็จะมีอยู่ชั่วนิรันดร์ เพราะว่าพระโลหิตของพระเยซู เป็นค่าไถ่บาปที่พระเจ้ายอมรับ