ถามว่าคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ และคริสเตียนศาสนา แตกต่างกันอย่างไร ก่อนที่ผมจะตอบคำถาม พระเจ้าไม่เคยมีพระประสงค์ที่จะก่อตั้งศาสนาคริสต์อยู่ในโลกนี้ พระเจ้าทำงานกับมนุษย์ทุกชาติทั่วโลก เพื่อนำมนุษย์กลับมาคืนดีกับพระเจ้า กลับมาสู่ความรอด และกลับมาสู่การเป็นประชากรของพระเจ้า แต่ปัญหาอยู่ตรงนี้ คือมนุษย์เรานี่เองที่ทำให้คริสเตียนกลายเป็นศาสนาไปแล้ว
คริสเตียนศาสนาคืออะไร และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ คริสเตียนที่แท้จริงที่พระเจ้าแต่งตั้งให้ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้คืออะไร ผมจะยกตัวอย่างบางเรื่อง เพื่อให้เราได้เห็นว่า ความแตกต่างของคริสเตียนศาสนา และคริสเตียนฝ่ายวิญญาณเป็นอย่างไร
คริสเตียนศาสนาเชื่อและถวายสิบลด แต่ตลอดชีวิตของเค้าโกงพระเจ้า คือเชื่อ สอนคนอื่น แนะนำคนอื่น และตัวเองก็พยายามถวาย แต่ส่วนมากมักจะโกงพระเจ้า ไม่เคยถวายครบสิบลด และผู้ที่ถวายสิบลดได้ คือ ศิษยาภิบาล ผู้นำ และผู้รับใช้ที่มีตำแหน่งในคริสตจักร สาเหตุเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้นำและผู้รับใช้ และมีบางคนที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง รักพระเจ้า สำแดงตัวเป็นคนเข้มแข็ง
จึงต้องถวายสิบลดครับ
ว่ากันว่า แต่ละคริสตจักรมีคนที่ถวายสิบลดไม่ถึง 5% พี่น้องสมาชิกส่วนใหญ่ก็ถวายบ้างไม่ถวายบ้าง นานๆ ถวายที และส่วนมาก 95% ไม่ถวายสิบลดครับ
แล้วถามว่าคริสเตียนฝ่ายวิญญาณถวายอะไร คริสเตียนฝ่ายวิญญาณไม่ถวายสิบลด แต่ถวายร้อยลด
“ร้อยลด” คืออะไร ร้อยลดก็คือเราเชื่อว่าเป็นของพระเจ้า ชีวิตของเราทั้งชีวิต ทรัพย์สินของเรา และทุกสิ่งที่เป็นของเราเป็นของพระเจ้าแล้ว คือเราเชื่อว่าเป็นของพระเจ้าทั้งหมดแล้ว
คริสเตียนที่ยังเป็นเด็กฝ่ายวิญญาณ ก็ถวายหรือให้ตามระดับความเชื่อ ตามขนาดของความเชื่อ ตามความพอใจและไม่ฝืนใจ และสำหรับผู้ที่โตแล้ว ก็ให้พระเจ้ามากกว่าสิบลดเสียอีก คือให้พระเจ้าทั้งร้อยเลย พระเจ้าจะใช้อะไร จะทำอะไร ดลจิตใจของเราให้ใช้เงิน ใช้ทรัพย์สิน และใช้ชีวิตร่างกายของเราอยู่เพื่อการประกาศและการรับใช้ และการเลี้ยงดูพี่น้องให้เติบโต เป็นสิ่งที่เราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าครับ
1 คร. 6:19–20 นะครับ กล่าวว่า ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงซื้อท่านแล้วด้วยราคาสูง ท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวท่านอีกต่อไป แต่ท่านเป็นของพระเจ้าครับ
คริสเตียนศาสนาไม่มีสันติสุขทุกวันเวลานาทีได้ และไม่เชื่อว่าสันติสุขทุกวันเวลานาทีจะมีในท่ามกลางชีวิตคริสเตียน เพราะว่าเราจะต้องเจอะเจอกับปัญหา อุปสรรค การข่มเหง และปัญหาเรื่องเงิน เรื่องงาน หรือปัญหาบ้านเมือง คือมันมีปัญหาสารพัดเต็มไปหมด เราจะมีความสุขได้อย่างไร
ถ้าหากสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา เราก็ไม่สามารถมีความสุขได้ นั่นไม่ใช่สันติสุขที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่ครับ คริสเตียนหลงประเด็นแล้ว
สันติสุขสำหรับคริสเตียน เรารับสันติสุขจากภายใน ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นบ่อน้ำพุ ที่อยู่ในวิญญาณของเรา ส่งสันติสุขนี้มาหล่อเลี้ยงจิตใจของเรา เพื่อให้ได้รับการชุ่มฉ่ำ ชุ่มชื้น ชื่นชมยินดี อยู่ในสันติสุข ความไม่กระวนกระวาย ไม่เป็นห่วง และไม่มีภาระใจใดๆ นี่คือสันติสุขที่เรารับครับ ไม่ใช่รับจากข้างนอก หรือจากภายนอก แต่เรารับสันติสุขจากภายในครับ
จนถึงวันตายชีวิตของเขาก็จะขึ้น-ลง ขึ้น-ลง ดี-บาป ดี-บาป ไปทำบาปแล้วก็กลับมาสารภาพ แล้วก็ทำบาปใหม่ ตลอดชีวิตของเขาไม่เคยเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของคริสเตียนศาสนา ก็เปลี่ยนได้เฉพาะบางสิ่งบางอย่างเท่านั้น หรือว่าเวลาไปฟื้นฟู ไปโบสถ์ นมัสการพระเจ้ากลับมา ได้รับการสัมผัสจากพระเจ้าก็มีความรักมากๆ ก็ให้พระเจ้า ก็ทำดี แต่หลังจากนั้นอาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณก็จืดจางห่างหาย แล้วก็กลับมาเป็นคนเดิม ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงเลย
แต่สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เขาได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง คือได้รับการชำระด้วยพระคำพระเจ้า และได้รับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในที่สุด และชีวิตของเขาเริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ผลของพระวิญญาณเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งคริสเตียนศาสนาไม่มีผลของพระวิญญาณ แต่มีผลของชีวิตของอาดัม อาดัมก็ทำดีได้ ก็มีส่วนดีมากมาย และมีความดีมากมาย แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้ารับไม่ได้
เมื่อคริสเตียนศาสนาอ่านพระคัมภีร์ เขาจะอ่านเพื่อเรียนเพื่อรู้ แต่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณอ่านเพื่อกินเพื่อโต
เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วนะครับ คริสเตียนทุกคนอ่านพระคำของพระเจ้าก็คือเพื่อเรียนรู้ แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดที่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณตระหนัก และคิดอยู่ในใจเสมอ คือขณะที่เราอ่านอยู่ เราก็รับชีวิตของพระเจ้า รับอาหารแห่งชีวิต ซึ่งเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ ที่เรากินเข้าไปเพื่อเราจะได้เติบโต ไม่ใช่แต่เฉพาะอ่านเพื่อได้เรียนและได้รู้เท่านั้น
แล้วคุณล่ะครับ ทุกวันนี้อ่านพระคำพระเจ้าทุกครั้ง เราตะหนักถึงการกินพระคำ หรือกินอาหารฝ่ายวิญญาณหรือไม่ครับ
คริสเตียนศาสนามักจะเชื่อว่าเขายังเป็นคนบาปอยู่ สาเหตุที่เขาเชื่อแบบนั้น ก็เป็นเพราะว่าเขายังทำบาปอยู่
สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราเชื่อพระวจนะของพระเจ้า พระเจ้าตรัสว่าเราเป็นคนชอบธรรมแล้ว เราก็เชื่อว่าเราเป็นคนชอบธรรม เราดำเนินชีวิตอยู่ในฐานะของคนชอบธรรม เมื่อเราทำบาป ก็เรียกว่าคนชอบธรรมทำบาป อันนี้ผมเคยพูดอยู่บ่อยๆ ครับ
โรม 5:1 กล่าวว่า เราจึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยทางความเชื่อ เมื่อเราเชื่อ พระเจ้าก็ชำระเราให้บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ก็คือสะอาด สะอาดก็คือชอบธรรม ก็คือดีครับ
โรม 5:19–21 กล่าวถึงการที่เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมเพราะว่าเราเชื่อ เมื่อเราบังเกิดเก่า ก็คือบังเกิดจากอาดัม เกิดจากอาดัมเราเป็นคนบาป เราไม่ได้ทำอะไรเลยเราก็บาปแล้ว เพราะว่าการเกิดครับ และเมื่อเราบังเกิดใหม่ โรม 5:19–21 กล่าวว่า เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมเพราะคนๆ เดียว ก็คือพระเยซูคริสต์
และยังมีพระคัมภีร์อีกมากมาย ที่กล่าวถึงการได้เป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อนี้
เพราะฉะนั้น เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรมแล้ว ก็คือสภาพใหม่ ฐานะใหม่ คนใหม่ ภาษาอังกฤษก็คือ New Condition และทุกวันนี้เราอยู่ในพระคริสต์ เราไม่ได้อยู่ในอาดัมอีกแล้ว ในอาดัมก็คือความบาป คือคนบาป แต่ใพระคริสต์ คือตำแหน่งใหม่ หรือ Position ใหม่ ก็คือเป็นคนชอบธรรม เป็นคนบริสุทธิ์แล้ว
ก่อนที่พระเจ้าจะเปิดตาผม ให้เข้าใจถึงความลึกซึ้งในพระคำ ความล้ำลึกในพระคำพระเจ้า ยี่สิบปีที่ผมใช้เวลาอยู่ในท่ามกลางสังคมคริสเตียน ดำเนินชีวิตอยู่ในความเชื่อ รักพระเจ้า ถวายชีวิต พยายามเชื่อฟังพระเจ้า รับใช้พระเจ้า แสวงหาอาหารเพื่อการเติบโต ผมก็คิดว่าผมรู้จักพระเจ้า รู้จักพระเยซู แต่ในที่สุด ยี่สิบปีต่อมา ผมสารภาพเองเลยว่า ผมไม่เคยรู้จักพระเยซู
รู้จัก ในที่นี้ก็คือรู้จักมักคุ้น สนิทชิดเชื้อ มีความสัมพันธ์ มีความผูกพันที่แน่นแฟ้น ลึกซึ้ง และซาบซึ้งครับ
ผมเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มต้นความเชื่อใหม่ ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ สร้างความผูกพัน สนิทในพระคริสต์ และบอกรักพระองค์ พูดคุยกับพระองค์ในแต่ละวัน นี่คือการสนิท หรือการรู้จักพระเยซูอย่างแท้จริงครับ
คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เราอธิษฐานกันวันละสองสามครั้ง หรือว่าสี่ห้าครั้ง เราอธิษฐานจบแล้วเราก็ปิด แล้วเราก็ลุกขึ้น จากนั้นเราก็ไม่สนิทในพระเยซู จากนั้นเราก็ไม่พูดคุยกับพระองค์เลย
ถ้าหากพี่น้องเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด เราลองนึกดูสิครับว่า ตอนนี้ เวลานี้ หรือที่ผ่านๆ มาเราได้คุย เราได้พูดคุยกับพระเยซูในสภาพสองคนที่อยู่ใกล้กัน อยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน เราเคยคุยกับพระเยซูในสภาพนั้นหรือไม่
หรือว่าเราคิดว่าพระเยซูทุกวันนี้ พระเจ้าทุกวันนี้อยู่บนฟ้าสวรรค์ และทุกครั้งที่เราจะอธิษฐาน ทุกครั้งที่เราต้องการความช่วยเหลือ เราก็มองขึ้นไปบนฟ้า หรือหลับตานึกถึงพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ หรือที่กางเขนครับ
แต่สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราอธิษฐานและรู้ เรารู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเรา เรารู้ว่าพระคริสต์อยู่ใกล้ๆ เรานี่แหละ ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากเราเลยครับ
การกระทำของเขา การอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ และการดำเนินชีวิตในความเชื่อ ส่วนมากจะทำเพื่ออวดผู้อื่นมากกว่า การทำเพื่ออวดตัวเองหรืออวดพระเจ้าก็พอจะมี แต่ก็น้อยมาก และส่วนมากทำเพื่ออวดผู้อื่นครับ
คริสเตียนศาสนาเป็นคนที่หน้าซื่อใจคด คือสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา เมื่อพบปะพี่น้องคริสเตียน หรือเมื่ออยู่ในคริสตจักร และการกระทำของเขา ไม่ดีก็บอกว่าตัวเองดี
หรือว่าดีแค่ห้าอย่างก็บอกว่าดีสิบอย่าง
ในท่ามกลางสังคมคริสเตียนเรานี้ มีคริสเตียนหน้าซื่อใจคด คริสเตียนดารา หรือคริสเตียนที่สวมหน้ากาก เราไม่เปิดเผยตัวจริงของเรา โดยเฉพาะในเวลาที่มานมัสการ ไปโบสถ์วันอาทิตย์ หรือพบปะพี่น้อง อยู่ท่ามกลางพี่น้องคริสเตียน แต่เมื่อเราลับตาผู้คน เราอยู่กับคนที่ไม่เชื่อ หรือว่าอยู่ในบ้าน อยู่ในครอบครัว หรืออยู่ในที่ทำงาน เราก็เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวจริงของเรา
ส่วนคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เป็นคริสเตียนที่หน้าซื่อใจซื่อ ไม่สวมหน้ากาก ไม่เป็นดารา และไม่แสดงละคร เราเป็นใครเราก็เป็นคนนั้น ส่วนไหนที่พระเจ้าชำระแล้ว เราได้รับการเปลี่ยนแปลงชำระ เราก็ขอบพระคุณพระเจ้า และยอมรับในส่วนไหนที่ยังอยู่ในการชำระ
แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ที่เราได้รับสันติสุขก่อน คือความสงบสุขอยู่ภายในจิตใจ เพื่อยู่ในการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าอยู่เสมอ และรับการชำระด้วยพระคำ และการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จนถึงความไพบูลย์ และกลายเป็นผู้ชนะในที่สุดครับ