ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้มีการสัมมนา เพื่อพี่น้องที่อยากเติบโต อยากมีชีวิตผู้ชนะ บางคนก็รับมานาฯ มาหลายปี บางคนก็เพิ่งรับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการฝึกของเรานะครับผมเห็นว่า ก็คือสำหรับผมไม่เคยทำคลิปที่เป็น...คือเรียงลำดับการฝึก ฝึกยังไง แต่ผมเชื่อเหลือเกินนะครับว่าที่ผ่านมา ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์นำพวกเราในการฝึก เราก็จะเห็นผลของพระวิญญาณได้บ้างนะครับ สันติสุขทุกวันเวลาก็เห็นนะครับ และความสงบสุขภายในจิตใจก็มีอยู่แล้ว ขอบคุณพระเยซูสำหรับเรื่องนี้
แต่วันนี้เป็นโอกาสที่ดีเป็นช่วงเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานกับพี่น้อง และพระคริสต์ พระองค์จะเคลื่อนไหวในพวกเรา และกลับจากสัมมนาครั้งนี้ ผมเชื่อว่าเราจะมาถึงความรู้เรื่องการฝ่ายวิญญาณที่มากกว่าเก่า และฝึกชีวิตอย่างเป็นขั้นตอนเป็นระเบียบ เพราะว่าเปาโลกล่าวว่า...
• 1. การฝึกของท่านยังมาไม่ถึงความรู้
• 2. การฝึกยังไม่เป็นระเบียบ ทำให้เราเติบโตไม่ได้ (เติบโตไม่เป็นไปตามกำหนดเวลาของพระเจ้าที่กำหนดไว้)
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์นำเรามา และขอบคุณพระเยซูที่พระองค์จะนำเรา พระองค์จะสอนเรา และพระองค์จะเลี้ยงดูเราด้วยอาหารจากสวรรค์ และพระองค์เองที่เป็นอาหารนั้น เราจะร่วมกัน
• คุณต้อม (ชื่อสมมุติ) อายุ 41ปี เป็นคริสเตียนประมาณ 21 ปี เขาศึกษาพระคัมภีร์จริงจังมาประมาณ10 ปี ยึดพระบัญญัติเดิมและเคร่งมาก ไม่เคยละเมิดวันสะบาโต (วันเสาร์) ไม่นมัสการวันอาทิตย์ ไม่เชื่อเรื่องรอดแล้วรอดเลย เขาเชื่อว่าเชื่อและยังต้องรักษาพระบัญญัติจึงจะรอด เขาไม่เชื่อว่าจดหมายฝากทั้งหลายของสาวกรวมถึงเปาโลมาจากพระเจ้า แน่นอนที่สุด โรมบทที่ 7 เปิดเผยว่าเนื้อหนังจะเอาชนะบาปและการพยายามรักษาพระบัญญัติจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้าก็หามิได้ แอกก็หนัก ภาระก็หนัก และไม่ได้พักผ่อน (โรม 7:14-24)
• ผู้เชื่อส่วนมากมักจะเข้าใจผิดคิดว่า เป็นคริสเตียนเราก็พยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยการเชื่อฟัง รักษาพระบัญญัติ ถวายสิบลด รับใช้ ทำให้ดีที่สุดและขอพระเจ้าเสริมกำลังเหมือนคุณต้อม พระเจ้าจึงจะพอใจ และเราเองก็ได้รอดและรับพระพร เขาไม่รู้ว่านี่คือการเอาท่อนผ้าใหม่มาปะเสื้อเก่า หรือ เอาเหล้าองุ่นใหม่มาใส่ในถุงหนังเก่า (มธ 9:16-17)
เราทราบกันดีแล้วว่าทุกวันนี้คริสเตียนไม่ใช่คริสเตียน ครอบครัวคริสเตียนไม่ใช่ครอบครัวคริสเตียน คริสตจักรไม่ใช่คริสตจักร ชีวิตขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย แต่ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์นำเราออกจากศาสนาสู่การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
• การดำเนินชีวิตคริสเตียนเป็นเรื่องของตา เพราะว่าตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าดวงตาของท่านปกติดี ทั้งตัวของท่านก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง (มัทธิว 6:22) ถ้าหากตาบอดก็ไม่รู่จะเดินไปทางไหน สิ่งแรกที่คริสเตียนต้องทำ ก็คือขอให้พระเยซูรักษาตาให้หายจากอาการบอดฝ่ายวิญญาณเสียก่อน และวันนี้เราจะเข้าถึงเรื่องที่สำคัญของพระคำล้ำลึกเพื่อให้ได้หลุดพ้นจากศาสนาคริสต์สู่การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
• การมองเห็นพระคำแห่งความจริงผ่านมานาที่ซ่อนไว้จะทำให้คุณมาถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง (มธ 13,16 / ยอห์น 17:17 / โรม 12:2)
• วันนี้เราจะพูดถึง
1. จากศาสนาคริสต์สู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ
2. การดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงคืออะไรกันแน่
สำหรับเท่าที่ผ่านมา เราเห็นชีวิตของเปาโลแล้วก็สาวกทั้งหลาย คือเมื่อเปาโลได้รับคำสอนจากพระเยซูคริสต์โดยตรงเลย คือพระเจ้านำเปาโลไปที่ประเทศอาระเบีย แล้วก็ใช้เวลา 3 ปีกว่าเพื่อสอนเปาโล เปาโลก็จด จดๆ ๆ ๆ เรียนรู้..
แต่พี่น้องทราบไหมว่า เปาโลตอนนั้นยังไม่ได้ถูกเปิดตา เขาได้รับพระคำล้ำลึกได้รับความจริงที่มาจากพระเยซูโดยตรง แต่ตาเขายังไม่ได้ถูกเปิด เมื่อเขานำความรู้มาแล้วก็แบ่งปันประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ ปรากฏว่าเขาต่อสู้กับบาป เขาเอาเนื้อหนังไปต่อสู้กับบาป เขาไม่รู้น่ะว่าตัวเก่า ตัวใหม่ คนเก่า คนใหม่ มนุษย์วิญญาณ มนุษย์เนื้อหนัง เขาไม่เข้าใจกฎแห่งความบาปอะไร กฎแห่งความตายอะไร เขาไม่เข้าใจน่ะ เขาต้องดิ้นรนต้องกระเสือกกระสน ต้องพยายามเอาเนื้อหนังเพื่อไปชนะความบาปให้ได้
แต่ในที่สุดจนมาถึงจุดที่เขายอมแพ้ เขาบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางถึงแม้ว่าเราจะรับรู้ เรียนรู้จากพระเยซูคริสต์โดยตรง แต่ทำไมมันใช้ไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่อยากจะหนุนใจพวกเราในตอนนี้ ก็คือเราเองต้องมีประสบการณ์ ต้องรับการเปิดเผย เปิดตาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเรารับฟังคลิปมานาที่ซ่อนไว้ เราฟังคลิปจากอาจารย์... จากใครก็ตาม แต่สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราต้องทำต่อไป ก็คือ "พระเยซูขอเปิดตาข้า พระเยซูข้าพระองค์อ่านข้อนี้ ฟังคลิปนี้ ของอาจารย์คนนี้ ของพี่น้อง... แต่ข้าพระองค์ต้องการเข้าใจความหมายเรื่องการฝ่ายวิญญาณ"
เราอาจจะได้เรียนรู้ว่าเรื่องพระโลหิตจัดการกับปัญหา 4 ประการ เราไม่ต้องกลัวพระเจ้า เรารอดแล้วรอดเลย ความรอดมีสองรอดพวกเราก็เข้าใจเรารู้น่ะ แต่สิ่งที่สำคัญ พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการจะเปิดเผยกับเราเรื่องความหมายการฝ่ายวิญญาณที่ลึกซึ้ง ที่ลึกมากกว่านั้นอีก เพราะฉะนั้นวันนี้ขอพระวิญญาณนำเรา นำพาเรา เปิดตา รักษาอาการบอดฝ่ายวิญญาณของเราให้มากกว่าเก่า เพื่อเราจะเห็นความลึกซึ้งของถ้อยคำของพระเยซู ซึ่งนำเราเข้าถึงการฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงได้ จากนั้น เราจะมีประสบการณ์เรื่องการดำเนินชีวิตในพระคริสต์ การทำแทนของพระเยซูจะมีมากกว่านี้ เอเมน.
• ครั้งหนึ่งเปโตรกล่าวว่า ถ้อยคำของเปาโลเป็นสิ่งที่เข้าใจยากมาก (2 ปต 3:16)
ใช่ครับเนื่องจากว่าเปโตรยังไม่ได้ถูกเปิดตา พระวิญญาณให้เปาโลเขียนและพระวิญญาณก็ต้องเปิดตา.. ผู้อ่านจึงจะเข้าใจได้ง่ายและเข้าถึงการฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง (อฟ 1:18-19)
• มานาที่ซ่อนไว้ คืออะไรกันแน่
ก่อนที่พระเยซูจะจากสาวกของพระองค์ พระองค์อธิษฐานว่า ขอพระบิดาทรงชำระพวกเขาด้วยพระคำของพระองค์... (ยอห์น 17:17)
พระบิดาก็ตอบคำอธิษฐานของพระเยซู ก็คือเลือกเปาโลให้มาช่วยพวกเขาให้ได้รู้และเข้าใจพระคำแห่งความจริงและข่าวประเสริฐที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ (กาลาเทีย 1:17-24 / 2:1-14)
เมื่อเราพบพระคำล้ำลึก (มานาที่ซ่อนไว้) เราต้องขอให้พระเจ้าเปิดตามากขึ้นและสะสม ทั้งนำมาฝึกเดินในชีวิตประจำวัน เพื่อเราจะเติบโตตามกำหนดเวลาของพระเจ้า ทุกวันนี้มีการตีความหมายและการแปลก็ผิดอยู่มากมายหลายเรื่องด้วยกัน
การชำระด้วยพระคำที่จะนำเรามาถึงการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ ผู้ชนะต้องรู้
คือไม่เพียงแต่เราอ่าน ไม่เพียงแต่เราพอจะเข้าใจ แต่เราต้องขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะเข้าถึงความรู้ในการฝ่ายวิญญาณได้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราให้เข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตที่เราได้เรียนรู้ได้รับการเปิดตา
- สำหรับเรื่องที่จะช่วยให้เราเลิกกลัวว่าจะไม่รอด และเลิกกลัวพระเจ้า และกลับมามีความสงบสุขภายในจิตใจของเรา ก็คือเรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า มาทางพระโลหิต รอดมีสองรอด และรอดแล้วรอดเลย
a. เรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า (พระโลหิตจัดการกับปัญหาสี่ประการของเราแล้ว)
1. บาปทุกชนิด พระเจ้ายกโทษบาปทุกชนิด ไม่ว่าจะบาปเล็ก บาปใหญ่ บาปมากบาปน้อย บาปตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เพราะเห็นแก่พระโลหิต ไม่ใช่เพราะมองดูที่เราว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี
2. ขอบพระคุณทันที เราสารภาพเมื่อไหร่ที่ไหน การยกโทษมีอยู่ที่นั่นและเมื่อนั้นแน่นอน (1 ยน 1:9)
3. ยกโทษและชำระ ทันทีที่พระองค์ยกโทษให้เรา พระองค์ก็ ลบ ล้าง และลืมมันไป (1ยน 1:9)
4. ขอการเลิกทำบาป การสารภาพที่ครบถ้วน คือต้องขอการชำระด้วย เพื่อเราไม่ต้องกลับไปทำบาปอีก
5. พระเจ้าเข้าใจว่าจิตใจเราป่วย (ยรม 17:9) พระองค์ต้องการช่วยเราให้เลิกทำบาป เราจึงสารภาพ และให้พระคริสต์ก่อชีวิตขึ้นภายในเราในเวลาต่อมา
b. เรื่องเข้ามาทางพระโลหิต
- ถึงแม้ว่าเราจะ อธิษฐาน อ่าน สนิทบอกรัก นมัสการพระเจ้า ทำดี หรือถ่อมใจ ก็ไม่อาจทำให้พระเจ้าต้อนรับเราได้ มีทางเดียวที่พระเจ้าต้อนรับก็คือมาทางพระโลหิต (ฮบ 10:19)
- ขณะที่เราทำบาปหรือทำดี เราเข้ามาทางพระโลหิตได้ 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน พระเจ้าก็จะต้อนรับเรา
c. เรื่องรอดมีสองรอด two salvations
- หนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรสวรรค์ และพระเยซูใช้คำว่า เข้าไปในอาณาจักร และผู้ที่จะเข้าได้ต้องแย่งชิงด้วยใจร้อนรน และความชอบธรรมของเขาต้องเหนือกว่าพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ การได้รอดเข้าไปในอาณาจักรนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จมาและพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์ ส่วนผู้เชื่อที่ยังไม่มีจิตใจใหม่ ยังเลิกทำบาปในแต่ละวันไม่ได้ ก็จะถูกตีสอนอยู่นอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี
- ส่วนความรอดในวันสุดท้าย หรือรอดจากบึงไฟ คือรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ
ความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้โดยไม่คิดค่าใดๆ เพียงแค่เราเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ เราก็ได้บังเกิดใหม่ และได้รอดผ่านการพิพากษาที่พระที่นั่งใหญ่สีขาว เข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
d. เรื่องรอดแล้วรอดเลย (มั่นใจในความรอด) sure saved
- ทันทีที่เราเชื่อ พระเจ้าทรงซื้อเราจากซาตาน ความบาปและจากความตายแล้ว จากนั้นพระองค์ก็ชุบวิญญาณของเราให้ได้บังเกิดใหม่กลายเป็นบุตรพระเจ้า และต่อมาพระเจ้าทั้งสามพระภาคก็เข้ามาสถิตอยู่ในเรา เราเป็นบ้านเรือนของพระองค์ เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้าและแยกจากกันไม่ได้อีกแล้ว พระเจ้าจะไม่ขายเราให้ซาตานอีก
เอเฟซัสบทที่ 4 ข้อที่ 30 กล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประทับตราเราแล้วให้ถึงความรอดในวันสุดท้าย
ยอห์น10:28-29 พระเยซูตรัสว่า ไม่มีใครแย่งชิงแกะของเราไปจากมือของเราและของพระบิดาได้เป็นอันขาด ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแกะที่ไม่ดี แต่พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี แกะที่หลงไปแม้แต่ตัวเดียวพระองค์ก็จะตามกลับมาเพื่อให้ถึงความรอดทุกตัวอย่างแน่นอน แกะเหล่านั้นจะไม่พินาศเลย (ยน 10:28)
- เรื่องต่อไปก็คือเรื่องความสุขแท้คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนทั่วโลกและแม้แต่คริสเตียนศาสนาต่างก็แสวงหาแต่ไม่พบ เขาได้พบความสุขชั่วคราวและต้องแลกมาด้วยทรพย์สินเงินทอง แต่สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราถูกเปิดตาและพบว่าความสุขแท้อยู่ในเรานานทั้งวันตลอดเวลา เราพบว่าพระเยซูเป็นน้ำแห่งชีวิตที่เมื่อเราได้ดื่มกินจะไม่กระหายอีกเลย
a. พระคริสต์เป็นสันติสุขในเรา เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตในเรา (ยอห์น บทที่ 4)
- ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมแสวงหาสิ่งเดียวเท่านั้นและนั่นก็คือความสุข
แต่เมื่อไม่มีพระเจ้ามนุษย์ก็จะไม่มีความสุขแท้พระเยซูเป็นความสุขแท้ของเราพระเยซูเป็นน้ำแห่งชีวิตถ้าหากผู้ใดได้ดื่มพระองค์ก็จะไม่กระหายอีกเลย
คือเราสามารถรับความสุขแท้จากพระเยซูในวิญญาณและแพร่กระจายมาสู่จิตของเราได้ตลอดเวลา เราไม่ต้องขอแต่แค่ขอบพระคุณและเชื่อ ว่าพระองค์เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเรา เราหายใจเข้าออก เรายิ้ม เราสรรเสริญพระเยซูและเชื่อว่าได้รับเราก็จะมีประสบการณ์ความชื่นชมยินดีหัวเราะยิ้มขณะที่เราเหนื่อย เป็นทุกข์ และอยู่ท่ามกลางมรสุมหรือปัญหามากมาย
b. พระคริสต์เป็นสะบาโตของเรา (มธ 11:28 / ฮีบรู บทที่ 4)
- พระเยซูไม่เพียงแต่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเรา แต่พระองค์เป็นสะบาโตของเรา
- ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ย่อมต้องการการพักผ่อน ชาวยิวมีสะบาโตแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น คือตั้งแต่หกโมงเย็นของวันศุกร์ จนถึงหกโมงเย็นของวันเสาร์ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าพระเยซูเป็นสะบาโตใหม่ของพวกเรา เราอาจจะทำงานเจ็ดวันแต่ภายในจิตใจของเราไม่เคยขาดสันติสุขและสะบาโตใหม่ของพระเยซูก็คือการได้พักผ่อนของจิตใจของเรานี่เอง
สันติสุขดังกล่าวจะครอบครองจิตใจของเราไม่ให้คิดมาก เครียด เป็นทุกข์ กระวนกระวาย กังวล กับเรื่องของชีวิตและปัญหาที่เข้ามา
- สะบาโตใหม่ คือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ถ้าหากผู้เชื่อไม่มีสันติสุขทุกวันเวลาได้ และไม่ได้อยู่ในการพักผ่อนของจิต หรืออยู่ในสะบาโต เขาก็ได้ละเมิดสะบาโตของพระเยซูเสียแล้ว
ขอบคุณพระเยซู สิ่งที่สำคัญสำหรับบทเรียน 01 ในวันนี้ สำหรับพี่น้องที่ได้ฟังคลิปก็อาจจะได้ยินได้ฟังได้เข้าใจมามากพอสมควร แต่เพื่อเป็นการปูพื้น และเพื่อเห็นแก่พี่น้องที่มาใหม่ที่มาร่วมกับเราและไม่เคยฟังคลิปมานาที่ซ่อนไว้ อาจจะมีเวลาบ้างที่เราจะช่วยพี่น้องที่ยังไม่เคยได้เรียนรู้เรื่องพระโลหิต เรื่องสันติสุขไม่กระหายอีกเลย เราช่วยเขา หรือถ้าไม่มีเวลาพอนะครับเรากลับบ้านแล้วส่งคลิปให้เขาก็ได้ครับ
สำหรับงานสัมมนาครั้งนี้เป็นการเริ่มต้น เป็นแค่การเริ่มต้นของบทเรียน เราจะนำไปฝึกนะครับ สำหรับพี่น้องที่รับมานานแล้ว และสำหรับพี่น้องที่มาร่วมยังไม่ได้รับมานาฯ หรือไม่เคยฟังคลิปนะครับ ความรู้ใหม่ๆ นี้นะครับพี่น้องที่ชวนมา แบ่งปันให้เขานะครับ
1. เรื่องการปลดปล่อยให้หลุดพ้นจาก “กลัวว่าจะไม่รอด” “กลัวพระเจ้า”
2. เรื่องสันติสุขที่ไม่กระหายอีกเลย
• เรื่องที่หนึ่ง เราจะเห็นว่ามีสองข้อใช่ไหมเรื่องการปลดปล่อยให้พ้นจากความกลัว จากการกลัวพระเจ้า กลัวจะไม่รอด
สิ่งแรก ที่เราต้องเรียนรู้ ก็คือพระโลหิตจัดการกับสี่ปัญหาของเราแล้ว คือ..
- ปัญหาแรก ก็คือการยกโทษบาปของเราเพื่อให้ได้รอด
- ปัญหาที่สอง ก็คือซาตานฟ้องเราไม่ได้อีกแล้ว
- ปัญหาที่สาม ก็คือโดยพระโลหิต เราไม่ต้องฟ้องผิดภายในจิตใจของเรา เราทำบาปเราสารภาพ เราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องฟ้องผิดไม่ต้องคิดอะไรมาก พระเจ้ามองเราเป็นคนที่.. ขอโทษนะครับ ..คนที่ไม่สบาย เราป่วยนะครับ (เยเรมีย์ 17:9) เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องฟ้องผิดอีกต่อไป เมื่อเราทำบาปเมื่อไหร่สารภาพเมื่อนั้น เอเมนไหมครับ
- ปัญหาที่สี่ ก็คือยกโทษบาปเรา ทุกครั้งที่เราสารภาพ ไม่ใช่เราน่ารัก ไม่ใช่เราเป็นคนดี ไม่ใช่เราเป็นผู้รับใช้พระเจ้าจึงยกโทษให้เราเมื่อเราสารภาพ ไม่ใช่นะครับ แต่โดยเห็นแก่พระโลหิต เพราะพระโลหิต พระเจ้าจึงยกโทษให้เรา พระเจ้ามองไปที่พระโลหิตเมื่อไหร่ที่เราสารภาพพระเจ้าก็ยกโทษให้เรา พระเจ้าไม่เคยมองมาที่เรานะครับ
.....
• เรื่องที่สอง ก็คือสันติสุขที่ไม่กระหายอีกเลย และพระเยซูเป็น 2 สิ่งในเรา..
- สิ่งแรก พระเยซูเป็นแม่น้ำแห่งชีวิตในเราที่ไม่กระหายอีกเลย มีพี่น้องบางคนที่มาและยังไม่ได้ฟังมานาฯ ผมรู้นะครับว่าตอนนี้เขายังไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา หรือพี่น้องที่มีสันติสุขทุกวันเวลา ถ้าหากเรามีสันติสุขทุกวันเวลายกมือขึ้นได้นะครับ
แต่พี่น้องที่ใหม่นะครับที่ยังไม่ได้ฟังมานาฯ ที่ยังไม่ได้ฟังคลิปความรู้ใหม่ๆ นี้ ก็คือเขายังไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา วันนี้ถ้าหากอยากมีสันติสุขทุกวันเวลานะครับ เรียนรู้ไปด้วยกัน แล้วก็พี่น้องที่ชวนเขามาก็คือแบ่งปันคลิปมานาฯให้เขานะครับ
- สิ่งต่อมา 2 สิ่งที่พระเยซูเป็นในเรา สิ่งที่ 1. พระเยซูเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต ก็คือให้เราดื่มกินและไม่กระหายอีกเลย ก็คือมีสันติสุขทุกวันเวลาได้ และพระเยซูเป็นสิ่งที่ 2. ในเรา ก็คือเป็นสะบาโตใหม่ของเรา คือเราพักผ่อนภายในจิตใจ เรามีหัวใจที่สงบนิ่ง เราไม่เดือดร้อน ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ ไม่บ่น ไม่เบื่อ เหมือนเมื่อก่อน เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เราได้พักผ่อนจิตใจ หัวใจของเราสงบนิ่งอยู่กับพระเจ้า เอเมน
a. อาหารเด็กมีหกอย่าง คือเรื่อง...
การกลับใจเสียใหม่ ความเชื่อ บัพติศมาต่าง ๆ การวางมือ การเป็นขึ้นมาจากความตาย การพิพากษาครั้งสุดท้าย
b. อาหารผู้ใหญ่คือเรื่อง
1. ข้อลึกลับแห่งอาณาจักร (ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร)
2. ข้อลึกลับที่มั่งคั่งที่สุด (พระคริสต์สถิตอยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี)
3. ข้อลึกลับของพระคริสต์ (คริสตจักร)
4. การมีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์
5. พระคริสต์เข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง
6. ในพระคริสต์ (ความหมายของคำว่า)
7. มีชีวิตอยู่และเดินในพระวิญญาณ
8. เดินด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยตามองเห็น อารมณ์และความรู้สึก
9. และอีกมากมาย
* เปาโลสั่งผู้เชื่อ ว่าเราควรที่จะพอได้แล้วกับอาหารเด็กและเข้าสู่ความก้าวหน้าในชีวิตคริสเตียนก็คือแสวงหาอาหารผู้ใหญ่ ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้พระเจ้านำเรามาสู่อาหารผู้ใหญ่หรืออาหารแข็ง แต่มีผู้เชื่ออีกมากมายที่รับไม่ได้เนื่องจากว่าเขามองว่าเป็นคำสอนที่ผิด แต่เมื่อเราได้รับและได้ชิมลิ้มรส เราสรรเสริฐพระเยซู เรารักพระเยซู เราพบความหวังแท้ สันติสุขแท้ และการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรามีความหมายมากกว่าตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนา
a. อาณาจักรของซาตานและอาณาจักรของพระเจ้า kingdom of Satan and kingdom of God
- เดิมทีโลกนี้ถูกสร้างให้เป็นอาณาจักรของอาดัมเพื่อเขาและลูกหลานจะอยู่เพื่อสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเจ้าต่อกันและกันต่อมนุษย์และต่อทูตสวรรค์ทั้งหลาย แต่เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อฟังโลกนี้จึงถูกซาตานยึดไปและกลายเป็นอาณาจักรของมัน เรียกว่าอาณาจักรของซาตาน
เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์นำมนุษย์กลับคืนสู่แผนการของพระเจ้าและผู้เชื่อทุกคนก็คืออาณาจักรของพระเจ้า สำหรับผู้เชื่อที่ไม่เคยเรียนรู้และดำเนินชีวิตในฐานะของราษฎรแห่งอาณาจักรก็เป็นได้แค่สมาชิกโบสถ์และนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น เขาไม่มีโอกาสมาถึงประสบการณ์ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน การรับพระพรฝ่ายวิญญาณครบทุกประการ ที่ลูกๆ ทั้งหลายแห่งอาณาจักรควรจะได้รับ
สรุป... ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่บทเรียน ที่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ เรื่องเกี่ยวกับตอนแรกเราพูดกันถึงเรื่องการปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากความกลัว คือทุกคนกลัว กลัวว่าจะไม่รอด กลัวพระเจ้าเพราะว่าเราทำบาปอยู่
เพราะฉะนั้น..
ข้อ a. พระโลหิตจัดการกับ 4 ปัญหาของเราแล้ว คือเรื่องยกโทษบาปเราเพื่อให้ได้รอด 2. เรื่องซาตานฟ้องไม่ได้อีกแล้ว 3. ก็คือพระโลหิตทำให้เราไม่ต้องฟ้องผิด 4. ก็คือเรื่องการยกโทษบาปในแต่ละวันเมื่อเราสารภาพ
เป็นสิ่งที่เราควรต้องเรียนรู้ เพื่อเราจะเลิกกลัวพระเจ้าและเลิกที่จะกลัวว่าจะไม่รอดอีก
ข้อ b. ก็คือการมาทางพระโลหิต เราเข้ามาหาพระเจ้า มาทางพระโลหิตได้ทุกวันทุกเวลาทุกโอกาส อารมณ์ไม่ดี จิตใจไม่ดี ทำบาปอยู่เรามาหาพระเจ้าทางพระโลหิตได้
ข้อ c. ก็คือรอดมีสองรอด รอดจากบึงไฟ และรอดเข้าไปในอาณาจักร สำหรับพี่น้องที่มาใหม่นะครับที่ยังไม่เข้าใจ ผู้ที่ชวนมานะครับพี่น้องที่ชวนมาก็คือแบ่งปันให้เขาได้นะครับส่งคลิปให้เขาฟัง
แล้วก็เรื่องต่อไป ก็คือสุดท้ายก็คือรอดแล้วรอดเลย สำหรับเรา เราพบความจริงในพระคัมภีร์ ก็คือความรอดคือความมั่นใจของเรา คือมั่นใจในความรอดของเรา เพราะว่าความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เราฟรีๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับการปฏิบัติเพื่อจะไม่มีใครอวดได้ (เอเฟซัส 2:8-9) เราขอบพระคุณพระเจ้าความรอดเป็นมาโดยทางความเชื่อโดยพระคุณของพระเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้วว่าเราจะไม่รอด พระเยซูตรัสใช่ไหมว่า ไม่มีใครแย่งแกะไปจากมือของเราและของพระบิดาได้ และเอเฟซัส 4:30 (ก็คือพระวิญญาณประทับตราเราให้ถึงความรอดในวันสุดท้ายแล้ว) สรรเสริญพระเจ้า เรามั่นใจในความรอดของเรา
และบทเรียนต่อไปก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับสันติสุข พระเยซูเป็น 2 สิ่ง ก็คือเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต เราแสวงหาพระองค์ได้พบ ก็พบแม่น้ำแห่งชีวิตในเรา เราเชื่อทุกวันว่าพระคริสต์เป็นสันติสุข ก็จะได้ชิมลิ้มรส และอยู่กับความสุขของพระเจ้าทุกวันทุกเวลา สิ่งที่ 2 ที่พระเยซูเป็นในเรา ก็คือเป็นสะบาโตใหม่ของเรา เราได้พักผ่อนจิตใจ เราอาจจะทำงานหนักทำงานเหนื่อยฝ่ายร่างกาย แต่จิตใจเราพักสงบสุขในพระเจ้า
...
และอาหารเด็กเราได้ยินบ่อยมากได้ยินเป็นประจำเรื่องการกลับใจเสียใหม่ เรื่องความเชื่อ เรื่องบัพติศมาต่างๆ การวางมือ การเป็นขึ้นมาจากความตาย และการพิพากษา เราไปโบสถ์ไหนเราไปเมื่อไหร่ทุกอาทิตย์ เราจะได้ยิน 6 เรื่องดังกล่าว แต่ปัญหาก็คือมีอาหารมีเชื้อยีสต์ผสมอยู่ ที่ผู้นำเอามาแบ่งปันเป็นคำสอนที่เขาตีความหมายที่ผิด ทำให้เราเติบโตไม่ได้
แต่ขอบคุณพระเจ้าสำหรับผู้ได้รับมานาฯ ก็คือตอนนี้เราพบอาหารผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งเมื่อก่อน..น้ำนมน่ะครับก็ดีอาหารเด็กก็ดีเหมือนกันสำหรับเด็กนะครับ แต่ผู้ใหญ่กินไม่ได้ ถ้ากินบ่อยๆ ก็คือมันมีอาการที่ไม่อยากกิน ผู้ใหญ่ต้องแสวงหาอาหารผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่เราพบอาหารผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องข้อลึกลับแห่งอาณาจักร เป็นสิ่งที่เราจะต้องแสวงหา แล้วก็ข้อลึกลับที่มั่งคั่งที่สุด คือพระคริสต์สถิตอยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้พบแล้ว
และข้อลึกลับของพระคริสต์เรื่องคริสตจักร และการมีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์ ซึ่งอย่างที่พี่น้องพูดนะครับ เราหาไม่เจอในคำสอนทั่วๆ ไปในคริสตจักรต่างๆ แต่มานาที่ซ่อนไว้มีคำตอบนะครับ ก็คือเมื่อพระเยซูตายเราตายกับพระองค์ เมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราเป็นขึ้นมาจากความตายกับพระองค์เรียกว่าบังเกิดใหม่ สรรเสริญพระเจ้านะครับเรามีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระองค์
และสรรเสริญพระเจ้าที่พระองค์ให้เราเจริญขึ้นในความตายของพระเยซู คำว่า เจริญขึ้นในความตายคืออะไร คือได้เห็นความอ่อนแอ ได้เห็นความตายของพระเยซู และของตัวเราในเรานะครับ ว่าเราอ่อนแอมากเราไม่อยากทำบาป ร่างกายเก่านี้ตัวอาดัมมันค่อยๆ ตายไปๆ
ยิ่งเราสนิทในการตายกับพระเยซูมากเท่าไหร่ ความอ่อนแอของร่างกายของจิตใจของเราก็จะยิ่งอ่อนแอ และทำบาปไม่ได้มากเท่านั้น และยิ่งเราสนิทในการเป็นขึ้นมาจากการตายของพระเยซูคริสต์ เราก็จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิตใหม่ เกี่ยวกับการทำแทนของพระเยซู เกี่ยวกับรักอากาเป เกี่ยวกับความอดทนนาน เกี่ยวกับรักศัตรู รักทุกคนได้ ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้พบอาหารผู้ใหญ่
และสิ่งสำคัญนะครับที่เป็นอาหารผู้ใหญ่ที่เราขาดไม่ได้ และเราต้องแสวงหาเข้าใจ ก็คือในพระคริสต์ ในพระคริสต์คืออะไร ก็คือการใช้ชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์ไม่ต้องออกมาจากพระคริสต์ พระเจ้านำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้ว ในพระคริสต์มีพระพร ในพระคริสต์มีพลัง ในพระคริสต์มีสันติสุข ในพระคริสต์มีทุกสิ่งที่เราต้องการ พระคริสต์เป็นทุกสิ่งเป็นคำตอบทุกคำถามของเรา
และขอบคุณพระเจ้าอาหารผู้ใหญ่ที่เราขาดไม่ได้ ก็คือพระคริสต์เข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง
พระคริสต์เข้ามาแทนที่ศาสนา
พระคริสต์เข้ามาแทนที่กฎเกณฑ์พระบัญญัติ
พระคริสต์เข้ามาแทนที่การพยายาม พระคริสต์เข้ามาแทนที่เทศกาลต่างๆ
และสุดท้ายพระคริสต์เป็นชีวิตที่เข้ามาแทนที่ชีวิตของเรา
ขอบพระคุณพระเยซูเราตายแล้วและเป็นขึ้นมาจากความตายกับพระองค์แล้ว และพระองค์เป็นชีวิตที่อยู่ในเรา แทนที่ชีวิตเก่าของเราที่ใช้ไม่ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่เราจะต้องทำเพื่อแลกเอาความรอดนี้ ก็คือการได้เข้าไปในอาณาจักร ซึ่งชีวิตของเราจะต้องรับการเปลี่ยนใหม่ (เราจะต้องเลิกทำบาปในแต่ละวันให้ได้)
แต่ขอบคุณพระเจ้าเมื่อพระเยซูสั่งให้เราเลิกทำบาปให้ได้ และในหนังสือยอห์น พระเยซูก็บอกว่ารอผู้หนึ่งที่จะมาเพื่อที่จะอยู่ในท่าน และรักษาพระบัญญัติแทนท่าน เรายิ่งสรรเสริญพระเจ้าใหญ่เลยน่ะ ขอบคุณพระเยซูยิ่งรู้มากขึ้น ยิ่งสรรเสริญพระเจ้ามากขึ้น ยิ่งรักพระเยซูมากขึ้น
ทุกวันนี้น่ะ พระเยซูเป็นพระเอกของจักรวาล ทุกวันนี้พระเยซูเป็นพระเอกของชีวิตของเรา พระเยซูน่ะ เป็นคนนำพระเจ้าสามพระภาคเข้ามาอยู่ในผม อยู่ในคุณ อยู่ในทุกๆ คน
เรารู้ไหมว่าเราน่ะที่เป็นคนบาปในตอนนี้ เรามีพระเจ้าพระบิดา เรามีพระเจ้าพระบุตร เรามีพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ สามพระเจ้าน่ะสถิตอยู่ภายในเรา เดิน ไป มา นั่ง นอน กิน อยู่ ทำทุกสิ่งร่วมกับเราอยู่ภายในเรา สรรเสริญพระเยซูไหมครับ จากมนุษย์ดินคนหนึ่งนะครับที่เป็นเนื้อหนัง สุดท้ายพระเจ้าสามพระภาคที่ไกลโพ้นที่อยู่ฟ้าสวรรค์ ลงมาและอยู่ในเราอยู่กับเราทุกๆ วัน ทุกๆ เวลา นี่คือสิ่งที่ประเสริฐเป็นสิ่งที่เราควรจะขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า
และขอบคุณพระเจ้าสำหรับอาหารผู้ใหญ่ที่เราได้พบน่ะ ก็คือข้อลึกลับเรื่องอาณาจักร ข้อลึกลับที่มั่งคั่งที่สุด ก็คือพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา ข้อลึกลับของพระคริสต์ ก็คือคริสตจักร
การมีส่วนในการตายและเป็นขึ้นมากับพระเยซูคริสต์ ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่เคยได้เรียนไม่เคยได้รู้ไม่เคยได้เข้าใจ อยู่ดีๆ นะครับเราก็ถูกนับเข้าไปตายกับพระเยซู ตายเพื่ออะไร? ตายเพราะว่าตัวเก่าชีวิตเก่าเป็นชีวิตที่เสื่อมทราม เสื่อมโทรม ต่ำทราม ตกต่ำ แล้วก็ถูกสาปแช่งแล้ว ชีวิตเก่าเราใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องประหารชีวิตเก่าของเรา และประทานชีวิตใหม่ให้เรา ขอบคุณพระเยซูเรามีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระองค์ วันนี้เราตายแล้ว และวันนี้เราเป็นคนใหม่แล้ว แล้วคนใหม่คนนี้มีพระคริสต์สถิตอยู่ภายในเรา ในนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สรรเสริญพระเยซู
ทุกวันนี้น่ะเรามีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ เราไม่ต้องอยู่ในอาดัม ในอาดัมมีแต่ความทุกข์ ความโศกเศร้า ความผิดหวัง ปัญหาสารพัด ทำให้เรากดดัน เครียด ไม่มีความสุข แต่การอยู่ในพระคริสต์ทุกวัน ก็คือมีพลัง มีสันติสุข มีพระพรฝ่ายวิญญาณ มีทุกสิ่งที่เราต้องการเพื่อดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้
...
คำพยาน:
ขอบคุณพระเยซู สำหรับผมนะครับ ก็คือเมื่อพบว่าพระเยซูพระองค์อยู่ในผม และเมื่อพบว่าพระองค์ย้ายผมออกจากอาดัมไปอยู่ในพระคริสต์ ทุกสิ่งนะครับที่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง ผมไม่รู้สึกว่ามีความต้องการสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ขอบคุณพระเยซูนะครับพระองค์ให้อยู่ที่ไหน พระองค์ให้ไปไหน พระองค์ให้ทำอะไร เรามีสันติสุขมีความสงบสุข มีพลังของพระเจ้าที่เคลื่อนเราไป เราทำได้ทุกสิ่ง โดยพระเจ้าเป็นคนเสริมกำลังเรา เอเมน
เพราะฉะนั้นขอให้เราแสวงหาการเรียนรู้เรื่องอาหารผู้ใหญ่ ให้มากเท่าที่จะมากได้นะครับ
ถาม.
อยากถามว่า พระคริสต์ทำแทน เป็นอย่างไร ผมก็อยากรู้เพราะว่าผมยังไม่เข้าใจ
ตอบ.
คือก่อนอื่นนะครับในพระคัมภีร์พระเยซูตรัสว่า พระองค์ไม่เคยดำเนินชีวิตอยู่ ไม่เคยดำรงชีวิตอยู่ ใช้ชีวิตของพระองค์เอง แต่พระบิดาเป็นคนดำเนินชีวิตแทนพระองค์นะครับ และด้วยความเข้าใจในหนังสือยอห์นบทที่ 6 ที่พระเยซูตรัสว่า ถ้าท่านกินเรา ท่านจะมีชีวิตอยู่โดยเรา ความหมายก็คือมีชีวิตอยู่โดยพระองค์ ขับรถก็โดยพระเยซู เดินก็โดยพระเยซู ทำทุกสิ่งนะครับ พูด รัก อดทนนาน เกิดผลในชีวิตใหม่ ก็คือโดยพระเยซู
ตอนแรกนะครับผมเชื่อ ผมเชื่อ เมื่อได้พบคำตอบ เมื่อได้พบความจริง และได้เรียนรู้เกี่ยวกับยอห์นบทที่ 6 ข้อที่ 57 ต่อมานะครับผมอ่านเจอกาลาเทีย บทที่ 2 ข้อที่ 20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระเยซูคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ตอนนี้นะครับเป็นตอนที่ผม คือท้อมากและต้องการที่จะดำเนินชีวิตคริสเตียนเชื่อฟังพระเจ้าไม่ทำบาป แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำบาปมากเท่านั้น แล้วผมนะครับก็มานั่งนึกนะครับว่า เอ่อ... กาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 เป็นความจริง คือเปาโลบอกว่าท่านไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในท่าน ผมก็เลยท่องนะครับ ผมท่องกาลาเทีย ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ทุกวันๆๆๆ ทุกเวลา ทุกวันนะครับ ทุกวันๆๆๆ แล้วก็บอกพระเยซู "พระเยซูข้าพระองค์เชื่อในพระคัมภีร์ข้อนี้ และ..เธอต้องเชื่อน่ะ พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นความจริงของพระเจ้าต้องเชื่อ" ผมพูดภาษาอังกฤษนะครับ I Believe ๆๆ
c. ในอาดัม กับ ในพระคริสต์ โลกนี้มีแค่สองคน in Adam and in Christ (1 คร 1:30)
- ในอาดัม ก่อนพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ มนุษย์ทุกคนถูกเรียกว่าอาดัม
เนื่องจากว่าพวกเราเป็นลูกหลานของอาดัมเป็นเลือดเนื้อและเนื้อหนัง เป็นคนบาป
สรุปก็คือมนุษย์ทุกคนอยู่ในอาดัมไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ชอบธรรมแต่เราก็ยังเป็นคนบาปและอยู่ในอาดัมวันยังค่ำ ชีวิตในอาดัมตกต่ำเสื่อมทรามถูกพิพากษาแล้ว เป็นทาสของความบาปและความตาย และอยู่ภายใต้การครอบครองควบคุมของซาตาน
- ในพระคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์นำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ทันทีที่เราเชื่อ ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดคิดว่าเมื่อไหร่ที่เขาทำดีเชื่อฟัง ก็คืออยู่ในพระคริสต์ และเมื่อไหร่ที่ทำบาปก็ไม่ได้อยู่ในพระคริสต์
พวกเขาแสวงหาการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ให้ได้ในแต่ละวัน ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ 1 โครินธ์ 1:30 เป็นเพราะพระเจ้าพระองค์เป็นคนกระทำเป็นคนนำเราออกจากอาดัม และเข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้วโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร
ขณะที่เราอาจจะยังทำบาปอยู่แต่เราก็ได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว
- ขอให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์และเราจะมีประสบการณ์ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพลัง สันติสุข พระพร การดูแลปกปักรักษา การนำพา การทำงานเพื่อก่อชีวิตของเราขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระคริสต์
ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้เราอยู่ในพระคริสต์แล้ว เราได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว เรามีพลังที่ยิ่งใหญ่แล้วในเรา เรามีสันติสุขอย่างเต็มล้นแล้ว เราอยู่ใต้พระคุณแล้ว และทุกสิ่งสำเร็จแล้วในพระคริสต์ เอเมน
d. อาดัมคนแรก กับ อาดัมคนสุดท้าย the first Adam and the last Adam (1 คร 15:45)
- มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาคืออาดัม เอวาก็คืออาดัมคนที่สอง และคาอินกับอาเบลก็คืออาดัมคนที่ 3 และที่ 4 จากนั้นก็คืออาดัมคนที่ล้านล้าน
และพอมาถึงพระเยซู พระเจ้าทรงนับพระองค์ว่าเป็นอาดัมคนสุดท้าย
เนื่องจากว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะปิดฉากทำลายล้างมนุษย์เผ่าพันธุ์
อาดัมนี้ให้หมดสิ้นไป และสร้างมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา
เหตุฉะนั้นการตายที่กางเขนของพระเยซู และอุโมงค์ฝังศพของพระองค์ก็คือการตาย และการถูกฝังของมนุษย์เผ่าพันธุ์เก่าอาดัม ถึงแม้ว่าจะมีมนุษย์อาดัมที่ยังมีชีวิต และแพร่พันธุ์อยู่ในโลกนี้จนถึงทุกวันนี้ก็ตาม แต่สำหรับพระเจ้าโลกของอาดัมชีวิตของอาดัม
ลูกหลานอาดัมได้จบลงแล้วที่กางเขน และอุโมงค์ของพระเยซู
e. มนุษย์คนแรก กับมนุษย์คนที่สอง the first man and the second man (1 คร 15:47)
- สำหรับพระเจ้าโลกนี้มีแค่สองคนเท่านั้น คืออาดัม กับ พระคริสต์
พระคัมภีร์เรียกอาดัมว่ามนุษย์คนแรก และเรียกพระคริสต์ว่ามนุษย์คนที่สอง
มนุษย์คนแรกถูกแช่งสาบและพิพากษาแล้ว ทุกสิ่งที่ออกมาจากเขาก็คือความบาป และความตาย และไปสู่การพิพากษา
- พระเจ้าประทานพระเยซูคริสต์เสด็จลงมาเพื่อตายในฐานะของอาดัมคนสุดท้าย
พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์พระองค์จึงเป็นมนุษย์คนที่สองเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เป็นมนุษย์วิญญาณเนื่องจากว่าพระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ เหตุฉะนั้นทุกคนที่เชื่อก็ได้บังเกิดใหม่เป็นบุตรทั้งหลายของพระเจ้า และถูกนับเข้าเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เพื่อให้มีชีวิตอยู่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ตลอดไปขอบพระคุณพระเยซูที่เราทุกวันนี้เป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เป็นมนุษย์คนที่สอง และเป็นมนุษย์วิญญาณ
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากว่ายังมีผู้เชื่ออีกมากมายที่ได้บังเกิดใหม่แต่ยังใช้ชีวิตเก่าถูกนับเข้ากับมนุษย์คนที่สอง แต่ยังใช้ชีวิตของอาดัมมนุษย์คนแรก พวกเขาไม่รู้จักการเดินในวิญญาณ อ่าน กิน นั่ง นอน อธิษฐาน นมัสการ รับใช้ ดำเนินชีวิตในวิญญาณ
เท่าที่เห็นก็คือเขาอ่านกินนั่งนอนไปมาอธิษฐานนมัสการรับใช้ในเนื้อหนังด้วยอารมณ์ความรู้สึกและตามองเห็น
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเราที่จะมีชีวิตอยู่ในวิญญาณเดินในวิญญาณรับใช้ในวิญญาณและนมัสการในวิญญาณ เพราะว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณ ผู้ที่จะนมัสการพระองค์จะต้องนมัสการในวิญญาณ…เท่านั้น (ยน 4:25)
ถ้าพวกเราดำรงชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ ก็ให้พวกเราดำเนินในพระวิญญาณด้วย (กาลาเทีย 5:25)
จงอธิษฐานในพระวิญญาณ (อฟ 6:18)
- ชีวิตของเราเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์คนที่สองที่ผ่านความตาย และออกมาจากอุปโมงค์ของพระเยซูคริสต์
ขอบคุณพระเจ้าเราได้ผ่านความตายและมาถึงชีวิตที่ครบบริบูรณ์แล้ว เราเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่แล้ว ขอให้เชื่อในความจริงของพระเจ้า และเราจะเห็นประสบการณ์ชีวิต และพระพรในฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน
สำหรับบทเรียน 01 ที่ทำขึ้นมาก็คือเพื่อเป็นการสรุป แล้วก็ปูพื้นสำหรับพี่น้องในวันนี้
แล้วก็สำหรับพี่น้องที่มาใหม่ ที่ยังไม่เคยได้ยินมานาที่ซ่อนไว้ ไม่เคยได้รู้เรื่องของการช่วยเหลือของเราผ่านพระโลหิตของพระเจ้า แล้วก็รอดแล้วรอดเลย และสันติสุขทุกวันทุกเวลา
เพราะฉะนั้นบทเรียน 02 และบทเรียน 03 จะเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพื่อการฝึกเดินของเราในแต่ละวัน สำหรับพี่น้องที่ต้องการที่จะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องบทเรียน 01 เราไปค้นดูในยูทูปได้ซึ่งได้อธิบายมาเยอะพอสมควร
.....
สรุปโลกสองโลก คนสองคน
สำหรับพระเจ้า.. สำหรับพระเจ้าคือมีโลกอยู่สองโลก มีคนอยู่สองคนแค่นั้น
เรื่องโลกสองโลก ก็คือโลกฝ่ายวิญญาณและโลกฝ่ายเนื้อหนัง
- ซึ่งโลกฝ่ายเนื้อหนัง ก็คือเป็นโลกเก่าเป็นโลกของมนุษย์เป็นโลกของอาดัม
- แต่โลกฝ่ายวิญญาณ ก็คือโลกของพระคริสต์ ในพระเยซู ในพระคริสต์ ซึ่งในพระคริสต์พระเจ้านำมาสู่มนุษย์โลก และคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ก็จะมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในโลกใหม่โลกที่สอง ก็คือโลกของพระเยซูคริสต์ ก็คือในพระคริสต์
โลกที่หนึ่ง ก็คืออยู่ในอาดัม เราเกิดมาไม่ต้องย้ายไปไหน เราเกิดมาก็ได้อยู่โลกที่หนึ่งแล้ว ก็คือเกิดมาอยู่ในอาดัมอยู่แล้ว ซึ่งการที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในโลกที่สอง ก็คือโลกฝ่ายวิญญาณ เรียกว่าอยู่ในพระคริสต์ ภาษาอังกฤษ in Christ
a. อาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร
- อาณาจักรของพระเจ้า คือทุกที่ทุกแห่งหน และทุกคนที่พระเจ้าเป็นผู้ครอบครองปกครองเป็นเจ้าของ
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังโลกนี้จึงกลายเป็นอาณาจักรของซาตาน
แต่พระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอลให้เป็นประชากรแห่งอาณาจักรของพระองค์ เพื่อคอยเลี้ยงดูดูแล และช่วยเหลือพวกเขา
ชนชาติอิสราเอลล้มเหลวที่จะเป็นประชากรที่ดีของพระเจ้า และในที่สุดพวกเขาไม่ต้อนรับพระเยซูที่จะมาเพื่อเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
อาณาจักรของพระเจ้าที่เตรียมเอาไว้ก็ถูกย้ายไปที่ยุคพันปี และยกให้คนต่างชาติทั่วโลก
- พระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ให้ประชากรของพระองค์ แต่ด้วยความรัก และเมตตา พระองค์จึงเป็นผู้ที่จะมาเพื่อรักษาพระบัญญัติแทนเราในเราในสภาพของพระวิญญาณ
- การแสวงหาอาณาจักร และดำเนินชีวิตของประชากรแห่งอาณาจักรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก (มธ 6:33)
ทุกวันนี้คริสเตียนแสวงหาความรอดในวันสุดท้าย และเขาไม่รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าแท้ที่จริงคืออะไร
b. ความชอบธรรมของพระเจ้าคืออะไร
- ประชากรแห่งอาณาจักรของพระเจ้าต้องมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนชาวโลก ต้องเอารักเป็นใหญ่ เป็นหลัก และเป็นที่หนึ่ง
แต่มนุษย์ตกต่ำแล้วจะดำเนินชีวิตที่มีแต่รักอากาเปไม่ได้ เราจึงต้องแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้า
ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นความชอบธรรมของเรา (1 คร 1:30)
พระคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวัง เป็นความชอบธรรมที่เหนือกว่าความชอบธรรมของพวกฟาริสี และธรรมจารย์
วันนี้เราพบความชอบธรรมของพระเจ้าแล้ว พระองค์เป็นชีวิตของเรา
พระองค์เกิดผลแห่งพระวิญญาณในเรา
พระองค์เป็นคนรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และรักเพื่อบ้านรักศัตรูแทนเรา
เราจึงมีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรเพราะว่าวันนี้เราดำเนินชีวิตในฐานะของประชากรแห่งอาณาจักรในแต่ละวัน
วันนี้คุณดำเนินชีวิตของประชากรแห่งอาณาจักรอยู่หรือไม่ คุณมีพระคริสต์ทำแทนคุณอยู่หรือไม่
- พระเยซูทรงทราบดีว่ามนุษย์ และผู้เชื่อส่วนมากแสวงหาอาหาร และเสื้อผ้า
แต่พระองค์ตรัสว่า จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระเจ้าจะทรงประทานสิ่งทั้งปวงเพื่อการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แก่เรา (มธ 6:19-34)
ขอบคุณพระเยซูที่เมื่อก่อนเราอ่านพระคัมภีร์ในมัทธิวบทที่ 6 ข้อที่ 33 เราก็คิดว่าการแสวงหาความรอด แสวงหาการที่จะได้ไปอยู่กับพระเจ้าที่บนสวรรค์เมื่อเราตายไป
แต่จริงๆ แล้วเราพบว่าคำว่า "เข้าไปในอาณาจักร" เป็นคำที่พระเยซูใช้บ่อยมากในหนังสือมัทธิว และหนังสือลูกา พอเราได้มาเรียนรู้น่ะว่าความเชื่อที่เราเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทำให้เราได้รับสิ่งหนึ่งก็คือความรอด และเป็นการที่ได้รับความรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ เราก็ขอบคุณพระเยซูในสิ่งนี้
แต่พอมาอ่านอีกที่หนึ่งในหลายๆ ข้อ ปรากฏว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างที่จะได้รอดเข้าไปในอาณาจักร ซึ่งมันเป็นคำสอนที่ค่อนข้างจะขัดแย้งกัน และทำให้ทุกวันนี้คริสเตียนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
• กลุ่มแรกเชื่อว่า เชื่อเท่านั้นก็ได้รอด ความเชื่อเป็นความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าประทานให้เราโดยพระคุณทางความเชื่อ
• แต่อีกกลุ่มหนึ่งเชื่อว่า เชื่อไม่พอต้องปฏิบัติ ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องเคร่งครัด ต้องถวายสิบลด ถ้าไม่งั้นไม่รอด ก็เลยเกิดมีการที่มีความขัดแย้งภายในแต่ละคน
(ถ้าหากเราแสวงหาจริงๆ เราก็จะพบการขัดแย้งที่อยู่ภายในเรา)
แต่พอมารับการเปิดตา พระเจ้าเปิดเผยให้เราได้พบว่า พระเยซูทำไมต้องให้เราแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า คือมีอะไรที่เราต้องแสวงหา แสวงหาเพื่ออะไร และในที่สุด มัทธิวบทที่ 13 เป็นคำตอบว่าทำไมพระเยซูให้เราแสวงหาอาณาจักร (เพราะว่าอาณาจักรเป็นข้อลึกลับ เป็นสิ่งลึกลับ เป็นเรื่องลึกลับ)
ถามว่า..
ลึกลับทำไม ทำไมพระเจ้าไม่เปิดให้ทุกคน พระเจ้าไม่ให้ทุกคนได้เข้าไปในอาณาจักร?
คำตอบคือ..
สำหรับการเข้าไปในอาณาจักร ก็คือการมีส่วนได้ครอบครองร่วมกับพระเยซู (เป็นคริสเตียน VIP เป็นคริสเตียนที่พิเศษ)
...
ถามว่า..
ทำไมพระเยซูเลือกคริสเตียนที่มีพิเศษ มีไม่พิเศษ
คำตอบคือ..
เพราะว่ามนุษย์ในโลกมนุษย์นี้ อาจจะมีบางคนที่ หยิ่ง ผยอง พองตัว ใช่ไหม? บางคนอวดดี อวดเก่ง อวดเด่น อวดฉลาด อวดรู้ อวดทุกสิ่ง คือเป็นคนที่เก่งมาก ใครสอนก็ไม่ได้ ใครช่วยอะไร ใครบอกอะไรก็ไม่ได้ ฉันรู้แล้วๆ ไม่ต้องมาสอนไม่ต้องมาบอก (คนในลักษณะนี้ คือพระเจ้าไม่ชอบ แต่พระเจ้าให้เขารอด ก็โดยพระคุณทางความเชื่อให้รอดก็พอแหละน่ะ)
แต่คนอีกประเภทหนึ่งที่พระเจ้าเลือกเพื่อให้ได้มามีส่วนในการครอบครองร่วมกับพระองค์ คือใคร? ก็คือคนที่ถ่อมใจ คือคนที่ถ่อมตน คือคนที่ไม่หยิ่ง ผยอง พองตัว ไม่อวดดี อวดเก่ง อวดฉลาด (แต่เขาคิดว่าเขาน่ะเป็นคนที่โง่ เป็นคนที่เขลา เป็นคนที่ไม่มีอะไร ไม่ดีอะไร พระเจ้าเลือกคนประเภทนี้)
เพราะฉะนั้นใครที่อวดดี อวดเก่ง อวดฉลาด หยิ่งผยอง พองตัว พระเจ้าก็ซ่อนของดีไว้จากคนนั้น และเอาของดีมาให้คนที่คิดว่าเขาโง่ เขาไม่ฉลาด เขาเขลา (เพื่อคนที่ฉลาดคนที่หยิ่งผยองพองตัว จะได้อาย)
คือพระเจ้าให้คนที่ถ่อมตนถ่อมใจ เราจะเห็นว่าทุกวันนี้มีคริสเตียนสองแบบ แบบแรก ก็คืออวดดี อวดเก่ง อวดฉลาด เราเห็นในคริสตจักรเยอะมาก อวดความชอบธรรม ใครแตะไม่ได้ เราเป็นคนที่ดีที่สุด สะอาดที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด กินอะไรก็ต้องระมัดระวัง พูดอะไรก็ต้องระมัดระวัง แต่สำหรับพระเจ้าใครที่คิดว่าเขาโง่ คิดว่าเขาไม่ฉลาด คิดว่าเขาคือน้ำไม่เต็มแก้ว พระเจ้ายินดีน่ะที่จะเรียกคนนั้นมา คนที่ยากจนในวิญญาณ คือไม่มีอะไร เป็นคนที่ว่างเปล่า เขายอมทิ้งทุกอย่าง พระเจ้าเลือกคนนั้นมา
เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุผลที่พระเจ้าซ่อนสิ่งที่ดี ไข่มุก ของดี พระเจ้าจะไม่ให้สุกรและไม่ให้สุนัข เพราะว่าสุนัขและสุกรคือคนที่ หยิ่ง ผยอง พองตัว อวดดี อวดเก่ง อวดฉลาด ซึ่งทำให้พระเจ้าเรียกอาณาจักรว่า เป็นข้อลึกลับ เป็นเรื่องลึกลับ เป็นสิ่งที่ลึกลับลับลึก พระเยซูจึงบอกว่า เราซ่อนไว้แล้วน่ะ (ใครที่อยากได้ก็ต้องแสวงหา)
และขอบคุณพระเจ้าเราเหนื่อยกันหรือยังที่แสวงหาความรอด เราเหนื่อยกันหรือยังที่อยากรอดไปหาพระบิดาอยู่ที่สวรรค์หลังจากเราจบชีวิตในโลกนี้
แต่มีอีกสิ่งหนึ่งน่ะที่พระเจ้าเตรียมไว้สำหรับคนที่ถ่อมใจที่ยอมว่าเป็นคนโง่ไม่ฉลาด และเราที่มานั่งในที่นี่ขอบคุณพระเยซูเราถ่อมใจ เรายอมรับว่าเราไม่ฉลาด ไม่อวดดี อวดเก่ง ไม่หยิ่งผยอง พองตัว (พระองค์จึงเปิดข้อลึกลับของพระองค์เรื่องลึกลับของพระองค์จึงเปิดเผยต่อพวกเราทั้งหลาย)
เราจึงได้รู้น่ะว่าอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ ก็คือ..
- การได้มีส่วนร่วมครอบครองร่วมกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์
- เราจะเป็นรัฐบาลชุดเดียวของพระเจ้าที่พระองค์จะให้ครอบครองร่วมกับพระองค์
- ทำงานร่วมกับพระองค์ เป็นพนักงานให้อาณาจักรสวรรค์
- เป็นทีมงานของพระเจ้าชุดเดียวเท่านั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง
- เราจะครอบครอง เราจะนั่งใกล้พระองค์
- เราจะอยู่ใกล้พระองค์ กินดื่มกับพระองค์ตลอดไป
ขณะที่ผู้เชื่อมากมายเป็นแค่ประชากรของฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ รอดเข้าไปเฉยๆ (รอดเข้าไปเตะฝุ่น ภาษาบ้านๆ) ก็คือแค่เข้าไป ก็คือได้มีชีวิตที่เป็นชีวิตที่เรียกว่าอยู่กับพระเจ้าตลอดไป (แต่ไม่มีตำแหน่งไม่มีบำเหน็จ)
ขอบคุณพระเยซูวันนี้ถ้าหากเราแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ครบแล้ว เรามีสิ่งหนึ่งที่รอเราอยู่ ก็คือมงกุฎ มงกุฎน่ะ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลือกเรามาในวันนี้ไม่ใช่บังเอิญ พระองค์เตรียมมงกุฎไว้เพื่อเราทุกๆ คน อย่าไปคิดน่ะว่าผม ตาสีตาสา หรือฉั้นยายมียายมา คือไม่ฉลาดไม่เก่ง ไม่ได้จบศาสนศาสตร์ ไม่ได้จบโรงเรียนพระคัมภีร์ที่ไหน จะมีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรไหม พบอาณาจักรของพระเจ้าไหม???
คุณสมบัติที่พระเจ้าจะให้อาณาจักรที่จะเปิดเผยข้อลึกลับของพระองค์ให้แก่เราน่ะ ก็คือคนที่ถ่อมใจ ไม่หยิ่ง ผยอง พองตัว และเป็นคนที่พูดว่า ฉันไม่เก่ง ฉันไม่ฉลาด ฉันโง่ ฉันเขลา นี่แหละคือคุณสมบัติที่พระเจ้าจะมอบอาณาจักรที่มีค่าของพระองค์ มอบไข่มุกของพระองค์ให้แก่เรา
มีไหมครับคริสตจักรไหนที่สอนว่าพระคริสต์อยู่ในเรา มีไหมสอนว่าพระคริสต์ทำแทนเรา (ไม่มี)
แต่พระองค์ซ่อนของดีไว้เพื่อวันนี้จะประทานให้แก่เรา และขอบคุณพระเยซูที่ผ่านมาเรารับมานาฯ เราก็ได้พบของดีแล้ว พบไข่มุกแล้ว สรรเสริญพระเจ้า เอเมน
และสำหรับพี่น้องที่ยังไม่เข้าใจเรื่องข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรอย่างครบถ้วน ขอให้อธิษฐาน และเรียนรู้ อ่าน ฟังคลิป ให้เข้าใจอย่างครบถ้วน เพื่อเราจะแสวงหามากยิ่งขึ้น เข้าใจมากยิ่งขึ้น และเข้าใจอย่างครบ เพื่อเราจะมีความกลัว ยำเกรงพระเจ้า และเดินด้วยความระมัดระวังในแต่ละก้าว ในแต่ละย่างก้าวของเราในชีวิต
ทุกวันนี้เราดำเนินชีวิตในฐานะของประชากรแห่งอาณาจักรหรือยัง?
เรารู้น่ะ เชื่อน่ะ ว่าหลายคนยังไม่ได้เดิน เราพบอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว เราพบความชอบธรรมของพระเยซู คือพระเยซูทำแทนแล้ว (แต่เรายังรักโลก บางคนน่ะยังไม่มีความสุข บางคนน่ะยังอยู่ห่างไกลจากความจริงนี้ คือ 'ได้รู้' แต่ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องการฝ่ายวิญญาณ)
...
คำพยาน:
เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมเล่าให้ฟังนะครับ ผมลืมเล่าว่าหลังจากที่ผมสะสมมานาฯ มาเยอะมากนะครับ แล้วก็ท่อง จำ นับ ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ตายแล้ว ผมเป็นคนที่หัวดื้อมากแล้วก็เป็นคนที่ร้อนรนเรื่องแสวงหาพระเจ้า ถ้าหากได้รู้สิ่งใหม่ๆ ผมจะนำมาแล้วก็ท่องจำนับ ท่องจำนับ ท่องจำนับ ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ตายแล้ว
มีอยู่คืนหนึ่งนะครับตี 2 หรือตี 3 ผมจำไม่ได้ หมอกควันสีขาวนะครับเต็มห้อง ผมคิดว่าไฟไหม้ คิดว่าไฟไหม้ห้อง ผมตื่นนอนแล้วก็มีเสียงบอกผมนะครับว่าสูดเข้าไป ผมเชื่อนะครับว่าน่าจะเป็นพระเจ้าหรือใครหรืออะไรก็แล้วแต่นะครับบอกผมว่าสูด สูดเข้าไป ผมก็สูดเข้าไป พอผมสูด เข้าไปปุ๊บเต็มปอดนะครับ ก็หลับก็หลับไป ตื่นนอนตอนเช้านะครับหกโมงเช้าผมเริ่มมีอาการ ก็คือเบาสบาย เดินเหมือนไม่ได้เดินบนดิน เหมือนลอยไปในอากาศ นี่คือสวรรค์บนดินที่ผมได้รับครั้งแรก และวันที่สองวันที่สามก็เป็นเหมือนเดิมนะครับ สุดท้ายพระเยซูก็ทำแทนมากขึ้น จิตใจของเราเบาสบายมากขึ้น สันติสุขทุกวันเวลาผมก็ได้รับนะครับ
...
เพราะฉะนั้นอยากหนุนใจพวกเรา แสวงหาความจริง
เราได้พบแล้วมานาที่ซ่อนไว้ ขอพระวิญญาณเปิดตาเราในแต่ละเรื่อง เราได้ยินมาแล้วเราได้ฟังมาแล้ว ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ แต่ขอพระวิญญาณเปิดเผยกับเราเป็นส่วนตัวให้เรามีประสบการณ์ในเรื่องฝ่ายวิญญาณ เอเมน.
- พระเจ้าทำสัญญากับชนชาติอิสราเอลว่าพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์
โดยมีพระบัญญัติเพื่อให้เขาถือรักษาเพื่อให้ได้รอด และรับพระพร
พระสัญญาเดิมเป็นสัญญาชั่วคราวเพื่อรอให้พระเยซูนำพระสัญญาใหม่มาสู่ผู้เชื่อทุกคน
- พระสัญญาใหม่แท้ที่จริงแล้วเป็นสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำกับท่านอับราฮัมในปฐมกาลบทที่ 12 และพระเยซูเป็นผู้กระทำให้สำเร็จ
ทุกวันนี้ผู้เชื่อได้เข้าสู่พระสัญญาใหม่ดังกล่าวโดยทางความเชื่อ เป็นพระสัญญาฝ่ายวิญญาณ และในพระคริสต์ เราทั้งหลายเป็นลูกหลานแท้ของอับราฮัม และเป็นยิวแท้ เราจะมีส่วนในมรดกที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ผู้เชื่อทุกคน
- ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราเป็นลูกแห่งพระสัญญาใหม่
สรุป พระสัญญา เดิมชั่วคราวชอบธรรมโดยการรักษาพระบัญญัติ แต่ใหม่ชอบธรรมโดยทางความเชื่อ
- พระบัญญัติเดิม คือกฏเกณฑ์ข้อบังคับสองร้อยกว่าข้อ และมีสิบข้อที่สำคัญมากเรียกว่าพระบัญญัติสิบประการ ชาวยิวต้องรักษาเพื่อให้ได้รอดและรับพระพร ถ้าหากว่าพวกเขาละเมิดพระบัญญัติข้อใดข้อหนึ่งเขาต้องนำสัตว์หรือสิ่งของที่นำมาเพื่อจ่ายราคาในการละเมิดของเขา
สำหรับพระบัญญัติเดิมนั้น ถ้าหากรักษาได้ทุกข้อแต่ทำผิดข้อเดียวก็ถือว่าผิดทั้งหมด ต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปแล้วเริ่มใหม่ (ยก 2:10)
- พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู คือพระบัญญัติเดิมของโมเสสที่ได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัดออกและยกระดับมาตรฐานของมนุษย์สู่มาตรฐานของพระเจ้าแล้ว พระบัญญัติเดิมจึงไม่มีอีกแล้วแต่กลายเป็นพระบัญญัติใหม่
ใครก็ตามที่รักษาพระบัญญัติด้วยเนื้อหนังจะถูกสาปแช่ง (กท 3:10)
- ขอบพระคุณพระเจ้าในหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่แก่เรา แต่ผู้ที่รักษาพระบัญญัติในหนังสือยอห์นเปิดเผยว่า คือพระคริสต์ในเรานั่นเอง
สรุป พระบัญญัติเดิมกลายเป็นใหม่แล้ว และถ้าหากมนุษย์เนื้อหนังรักษาจะถูกสาปแช่ง
การอยู่ใต้พระบัญญัติและการอยู่ใต้พระคุณ เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เราจะต้องเรียนรู้ เพื่อเราจะย้ายจากการเป็นคริสเตียนศาสนา สู่การดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
- อยู่ใต้พระบัญญัติ คือเราต้องทำเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย
- แต่ใต้พระคุณ คือพระองค์กระทำเพื่อเราเพื่อให้พระองค์พอพระทัย
- โดยพระคุณของพระเยซูคริสต์พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา และเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อมาอยู่แทนเรา
สรุป ใต้พระบัญญัติ คือเราต้องทำเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย /ใต้พระคุณ คือพระเจ้าทำเองทั้งหมดเพื่อพระองค์พอพระทัยในเรา /พระคุณของพระเจ้าจะสำเร็จในเรา ถ้าหากเราเริ่มด้วยเชื่อและจบลงด้วยเชื่อ
สรุปข้อที่ 6-7-8 คือถ้าเราจะพูดถึงเรื่องพระสัญญาเดิม คำว่า พระสัญญาเดิม ก็คือการเซ็นสัญญา การสัญญาของพระเจ้าต่อชนชาติอิสราเอล และสิ่งที่เป็นหลักสำคัญของพระสัญญาเดิม ก็คือ ยิวจะกลายเป็นคนชอบธรรมได้ก็โดยการรักษาพระบัญญัติ เขาจะรอดและรับพระพร ก็เนื่องมาจากการรักษาพระบัญญัติ นี่คือการเข้าไปอยู่ในพระสัญญาเดิมของพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
แต่ขอบพระคุณ พระเจ้ามีพระสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งเป็นพระสัญญาที่พระเจ้าทำกับคริสเตียนทั่วโลก..
- อันแรก ก็คือพระเจ้าจะให้มีผู้เชื่อมากมายเต็มโลก ขอบคุณพระเจ้าคือมันเกิดขึ้นแล้ว
- และอันที่สอง ก็คือผู้เชื่อเหล่านี้ ก็คือเขาจะกลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ เขาจะรับพระพรทุกประการโดยทางความเชื่อ ไม่มีการปฏิบัติ ไม่มีการรักษาพระบัญญัติ ไม่มีการเชื่อฟังเข้ามาเกี่ยวข้อง ข้องเกี่ยวกับการที่จะได้รับฐานะใหม่เป็นคนชอบธรรมและรับพระพรทุกประการ
สิ่งเดียวที่เขามาหาพระเจ้าและเข้าสู่พระสัญญาใหม่ของพระเจ้า ก็คือความเชื่อ เอเมน ขอบคุณพระเยซูเราทุกวันนี้เข้าสู่พระสัญญาของพระเจ้าแล้ว ผู้เชื่อทุกคนคริสเตียนทุกๆ คนเป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เป็นชนชาติอิสราเอลฝ่ายวิญญาณ เป็นลูกหลานของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ มรดกที่พระเจ้าสัญญาจะประทานแก่อับราฮัมตกมาอยู่ที่เราตกเป็นของเรา ใครเป็นคนเอามาให้ "พระเยซู" เอเมน พระเยซูเป็นคนนำมา นำพระสัญญาของพระเจ้ามาถึงเรา และนำพระพรทุกประการมาถึงเรา นำความชอบธรรมที่ได้มาจากความเชื่อ ชอบธรรมโดยทางความเชื่อน่ะ มาสู่เราโดยพระเยซูคริสต์
เพราะฉะนั้นอีกครั้ง ขอย้ำ พระเยซูคริสต์ คือพระองค์เป็นที่รัก พระองค์น่ารัก พระองค์ดี พระองค์แสนดี พระองค์เป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในจักรวาล พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้ชีวิตของเราเข้าสู่ความหวัง ได้เข้าสู่พระสัญญาใหม่กับพระเจ้า คือพระองค์ยกสิ่งง่ายๆ ให้เรา ก็คือได้กลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ การได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ รับมรดกทุกอย่าง อยู่ภายใต้การดูแล ปกปักรักษา คุ้มครอง การอยู่ใต้การทำแทนของพระเยซู การตายแทนบาปไถ่บาปของพระเยซู ทุกสิ่งน่ะ
แล้วสิ่งเดียวน่ะที่จะเอาไปแลก ก็คือความเชื่อ สรรเสริญพระเยซู แต่อย่าลืมน่ะว่าคนที่จ่ายราคา ก็คือพระเยซูเป็นคนจ่าย เราเป็นคนได้ พระเยซูเป็นคนจ่ายน่ะ นี่เรียกว่าการเข้าสู่พระสัญญาใหม่ของพระเจ้า เอเมน
และสำหรับเรื่องพระบัญญัติ จริงๆ แล้ว ถ้าเราจะดูให้ดีๆ พระเยซูไม่ได้มาเพื่อลบล้างหรือทำลายพระบัญญัติเดิม พระเยซูพูดเองน่ะ เราไม่ได้มาเพื่อลบล้างพระบัญญัติ แต่พระองค์ลบล้างเรา พระองค์ไม่ได้มาเพื่อทำลายพระบัญญัติ แต่พระองค์มาเพื่อทำลายเรา
พระบัญญัติเดิม พระเยซูยกระดับมาตรฐานจากมนุษย์ สู่มาตรฐานของพระเจ้า และพระองค์แก้ไขเปลี่ยนแปลงหลายข้อ ที่จะง่ายให้กลายเป็นยาก จากมนุษย์ที่ทำไม่ได้ คือมนุษย์ยิ่งทำไม่ได้ไปใหญ่เลยน่ะ
จากเมื่อก่อนทำจึงผิด แต่เดี๋ยวนี้ก็คือแค่คิดก็ผิดแล้ว เมื่อก่อนถ้าฆ่าคน ก็คือเป็นฆาตกรเป็นคนที่ฆ่าคน พระเจ้าลงโทษ แต่ตอนนี้ถ้าโกรธใครน่ะ ก็คือคนนั้นได้ฆ่าคนแล้ว
เป็นพระบัญญัติใหม่ที่หนักมากที่ยากมาก ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทำได้ เราจึงรู้แล้วน่ะว่า พระเยซูตรัสว่า ไม่มีผู้ใดเอาท่อนผ้าใหม่มาปะใส่เสื้อเก่า ก็คือไม่มีใครน่ะที่เป็นมนุษย์คนเก่าเนื้อหนังจะรักษาพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูได้ พระเยซูบอกว่าอย่าพยายาม ไม่ต้องคิดมันทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า ถึงแม้ว่าพระเยซูจะทำลายเรา แต่ไม่ได้ทำลายพระบัญญัติ และพระองค์ยิ่งทำให้พระบัญญัติยากมากขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น่ะคนที่รักษาพระบัญญัติแทนเราทุกวันนี้ คนที่ดำเนินชีวิตแทนเราทุกวันนี้ คนที่มีธรรมชาติใหม่ของพระเจ้าที่สอดคล้องกับพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ก็คือพระคริสต์ผู้สถิตอยู่ในเรา
เราทราบกันดีแล้วน่ะว่าหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติมากมายให้แก่เรา ในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 แต่หนังสือยอห์นน่ะบอกว่า พระเยซูประทานพระวิญญาณ ก็คือพระวิญญาณของพระองค์นั่นแหละ เข้ามาสถิตอยู่ในเรา แล้วยังไม่พอน่ะพระองค์ยังนำพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าสามพระภาคเข้ามาอาศัยอยู่ในวิญญาณของเรา และเป็นบ้านที่ถาวรของพระองค์ พระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเราแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นน่ะ เนื่องจากว่าพระเยซูเป็นคนกระทำให้สำเร็จทุกประการ อีกครั้งน่ะพระเยซูเป็นคนจ่ายราคา เราเป็นคนได้รับผลประโยชน์มาฟรีๆ เอาความเชื่อไปแลก
ขอบคุณพระเจ้า คือ
- สิ่งแรก พระสัญญาของพระเจ้า เรากลายเป็นคนชอบธรรม และได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการโดยทางความเชื่อ เราแค่เชื่อและต้อนรับพระเยซูว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราเชื่อน่ะว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า แค่นี้เองเราก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมและรับมรดกทุกอย่างที่พระเจ้าสัญญาจะประทานแกอับราฮัมแล้ว
- อันที่สอง ก็คือพระเจ้าห้ามเรามนุษย์คนใหม่น่ะ ไปแตะพระบัญญัติ พระเจ้าไม่ได้ทำลายพระบัญญัติ แต่พระเจ้าทำลายเรา และพระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้แก่เรา ทำลายเราก็คือประหารชีวิตเก่าของเรา และประทานชีวิตใหม่ของเรา เราได้ยินบ่อยๆ น่ะตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนาคือ เราได้บังเกิดใหม่ๆ ตอนนี้เอเมนเราเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าบังเกิดใหม่คืออะไร บังเกิดใหม่ ก็คือเป็นคนใหม่ สรรเสริญพระเยซู ผมคนนี้คนใหม่ พี่น้องคนนั้นคนใหม่ พี่น้องคนนู้นคนใหม่ คนนี้คนใหม่ คนนั้นคนใหม่ ทุกคนในที่นี่น่ะก็คือคนใหม่ ขอบคุณพระเจ้า
คนใหม่คืออะไร คนใหม่ก็คือใหม่ในพระคริสต์ เรามองที่เราเป็นคนใหม่ที่อยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่อยู่ในตัวเราเองน่ะ เพราะฉะนั้นคนใหม่คนนี้น่ะเป็นคนที่พระเจ้าไม่ให้มาแตะต้อง ไม่ให้มาใกล้ อย่าแตะพระบัญญัติเป็นอันขาด ถ้าหากแตะพระบัญญัติน่ะเราจะกลายเป็นเนื้อหนังเหมือนเดิม และเราน่ะก็จะกลายเป็นตัวเก่า และเราน่ะก็จะถูกสาปแช่ง
เพราะฉะนั้นพระบัญญัติมีไว้เพื่ออะไร เพื่อให้พระเยซูรักษา พระเยซูเป็นคนจ่ายราคาพระเยซูเป็นคนทำ เราเป็นคนได้รับผลประโยชน์ เราเหมือนกับลูกเล็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างหลังของพ่อแม่ที่ทำไร่ไถนานะครับ พ่อแม่เก็บเกี่ยว เราเป็นคนเอามาใส่กระบุง เราเป็นคนเก็บเกี่ยวให้พ่อแม่ พ่อแม่เป็นคนทำงาน พระเยซูเป็นคนจ่ายราคา พระเยซูเป็นคนทำพระเยซูทำทุกสิ่ง เพื่อเราจะได้รับผลประโยชน์ สรรเสริญพระเยซู
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาพระบัญญัติใหม่ ไม่ใช่เรื่องยากของพระเยซู เนื่องจากว่าเป็นธรรมชาติเป็นชีวิตเป็นนิสัยของพระเจ้านั่นเอง พระองค์จึงกระทำได้และง่ายมากๆ น่ะ นิ้วแตะนิ้วเดียวก็ได้แล้ว เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องนี้
และการอยู่ใต้พระบัญญัติ และอยู่ใต้พระคุณคืออะไร
การอยู่ใต้พระบัญญัติ ก็คือคนเก่าเนื้อหนังที่เป็นมนุษย์ที่เกิดมาเป็นลูกหลานอาดัม คนเหล่านี้น่ะก็คือ ต้องอยู่ใต้พระบัญญัติ ต้องรักษาพระบัญญัติ ต้องเดินไปกับพระเจ้า ต้องซื่อสัตย์ ต้องทำดี เชื่อฟัง พระเจ้าจึงอวยพรและให้เขารอด
แต่การอยู่ใต้พระคุณ พระคุณก็คือพระคริสต์ อย่าลืมน่ะ grace is Christ พระคุณก็คือพระคริสต์ พระคริสต์นี่แหละเป็นพระคุณ พระคุณมีชีวิต พระคุณลงมายังโลกนี้ ตายเพื่อไถ่บาปเรา
และพระคุณอีกครั้งหนึ่งน่ะ ก็คือพระคุณซ้อนพระคุณ ก็คือพระองค์ลงมาอยู่เพื่อเรา เอเมนไหม ขอบคุณพระเจ้าขอบคุณพระเยซูมาตายเพื่อเรา พระคุณซ้อนพระคุณ คือพระเยซูมาอยู่เพื่อเรา
1. พระเยซูตายแทนเรา
2. พระเยซูอยู่แทนเรา
เราไม่ต้องตาย เราไม่ต้องอยู่ เราไม่ต้องทำอะไร พระเจ้าดลบันดาลวิญญาณเราให้บังเกิดใหม่ พระเจ้าชุบชีวิตของเรา พระเจ้าเปลี่ยนจิตของเราให้เป็นจิตใหม่ เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่รับการเปลี่ยน รับการเปลี่ยนใหม่ (โรม 12:2) เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าเมื่อเรารับการเปลี่ยนใหม่ ได้บังเกิดใหม่ พระคริสต์ก็เข้ามาอยู่ในเรา
สรุปก็คือ พระเยซูตายไถ่บาปเราตายแทนเรา พระคริสต์เยซูก็คือ มาอยู่แทนเราทำแทนเรา สรรเสริญพระเยซูเป็นชีวิตที่ง่าย เบาสบาย มีความสุขมากไปกับพระเจ้า และเราน่ะเมื่อรู้ความจริงนี้เราจะหลงรักพระเยซู เพราะว่าพระเยซูเป็นผู้จ่ายราคา เราเป็นคนได้รับผลประโยชน์ เอเมน
ถาม.
พระสัญญาเดิมกับพระบัญญัติเดิม เหมือนกันหรือไม่ แล้วก็พระบัญญัติใหม่กับพระสัญญาใหม่ เหมือนกันไหม
ตอบ.
พระสัญญากับพระบัญญัติ แตกต่างกันหรือว่าเหมือนกัน..
• พระสัญญาไม่ใช่พระบัญญัตินะครับ และพระสัญญาก็คือคำสัญญาคือการเซ็นสัญญาระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และนี่คือการกระทำของพระเจ้า จริงๆ แล้วมนุษย์ไม่รู้เรื่องอะไร คือสำหรับพระเจ้านะครับเมื่อพระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอล ก็คือการทำสัญญากับชนชาติอิสราเอล เมื่อพระเจ้าไปกับเดินไปกับอับราฮัม อับราฮัมเดินไปกับพระเจ้า พระเจ้าก็ทำสัญญากับอับราฮัม การที่พระเจ้าอยู่กับใครนะครับพระเจ้าก็ทำสัญญากับคนนั้น
ทีนี้นะครับมาถึงยุคพระบัญญัติ และพระเจ้ามีชนชาติอิสราเอลที่เป็นประชากรของพระองค์ พระเจ้าก็ทำสัญญากับชนชาติอิสราเอล โดยให้โมเสสนะครับเป็นคนประกาศอยู่บนภูเขาซีนาย และพระองค์ตรัสว่าเราให้พระสัญญาแก่เจ้าทั้งหลาย และถ้าหากผู้ใดรักษาพระบัญญัติ 10 ประการและอีกหลายๆ ข้อก็จะได้รับความรอดและได้รับพระพร นี่คือพระสัญญาของพระเจ้า (พระสัญญาคือการให้คำสัญญาคือการเซ็นสัญญา)
• ส่วนพระบัญญัตินะครับ ก็คือกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่จะต้องทำเพื่อแลกกับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาจะให้ เราเข้าใจตรงกันนะครับ
ทีนี้มาถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อคริสเตียนทั้งหลาย ซึ่งเป็นพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมนะครับ แล้วพระเยซูนำพระสัญญาของอับราฮัมมาสู่พวกเราโดยทางความเชื่อนะครับ เราเป็นลูกหลานของอับราฮัม อีกครั้งนะครับเพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้กฎเกณฑ์ข้อบังคับ ก็คือพระบัญญัติใหม่ แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเป็นคนรักษาเพราะว่ามันยากมาก มาตรฐานเป็นมาตรฐานของพระเจ้าไม่ใช่มาตรฐานของมนุษย์ ชีวิตและนิสัยของพระเจ้ามีชีวิตพระเจ้า (โซเอ้ Zoe) นะครับจึงจะทำได้
แต่ทีนี้นะครับเมื่อพระเจ้าให้สัญญากับคริสเตียน พระเจ้าให้พระบัญญัติให้กฎเกณฑ์ข้อบังคับคริสเตียน แล้วเราเองทำไม่ได้ แต่เราต้องการอยากรับผลประโยชน์จากพระสัญญากับพระเจ้า ต้องมีคนทำแทน ใครครับ? พระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเราให้เราเป็นคนใหม่ และพระเยซูเข้ามาอยู่ในเราและขับเคลื่อนชีวิตของเรานะครับไป เพื่อรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ เพื่อรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง รักศัตรู พระบัญญัติก็ครบแล้วอยู่ในเรา และสิ่งที่เราได้รับ ขอบคุณพระเยซูอีกครั้งหนึ่งนะครับ คือการได้อยู่ใต้พระคุณ คือพระองค์ทำเพื่อเรา เพื่อให้พระองค์พอพระทัย ซึ่งตรงข้ามจากการอยู่ใต้พระบัญญัติ อยู่ใต้พระบัญญัติก็คือเราต้องทำเพื่อให้พระเจ้าดีใจให้พระเจ้าพอใจ
แต่สรรเสริญพระเยซู ใต้พระคุณอีกครั้งหนึ่งนะครับก็คือ พระองค์ทำเพื่อเรา เพื่อให้พระบิดาพอพระทัยโดยพระคุณของพระเยซู พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา และเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อมาอยู่แทนเรา เมื่อพระคริสต์เข้ามาอยู่ในเรานะครับ รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจได้ และรักเพื่อนบ้านได้ พระบัญญัติก็ครบถ้วนแล้วในเรา
จากพระเจ้าในพระสัญญานะครับ ก็คือขอบคุณพระเยซูเราได้กลายเป็นคนชอบธรรมและได้รอด และขอบคุณพระเยซูเราได้รับพระพรทุกประการ เราได้รับมรดกทุกประการ ที่พระเจ้าสัญญาแก่อับราฮัม ทุกวันนี้เราได้รับแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญนะครับ ก็คือเราต้องให้พระคริสต์เป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา เราจึงจะเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตที่เต็มด้วยพระพร พระคุณ ในพระสัญญาของพระเจ้าที่ประทานให้แก่เรานะครับ
และวันนี้นะครับทำยังไงจึงให้พระเยซูเป็นคนทำแทน ทำยังไงจึงให้พระเจ้ารักแทน รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง แทนเราได้ ก็คือสนิทนะครับ การฝึกที่เป็นระเบียบ แล้วก็การฝึกที่ประสบความสำเร็จ เราจะต่อกันในบทเรียน 02 และส่วน 03 นะครับ ขอบคุณพระเยซู
อันนี้ผมไม่ต้องพูดแล้วใช่ไหมเรื่องกาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 พระเยซูเป็นคนดำเนินชีวิตแทนเรา ข้าพเจ้าถูกตรึงแล้วกับพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า สำหรับพี่น้องที่ยังไม่เห็นพระเยซูทำแทนนะครับ ท่อง จำ นับ พระคัมภีร์ข้อนี้ไม่นานนะครับเราจะเห็นประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์เกิดขึ้นในเรา เอเมน
คือพระเจ้าทำสัญญากับเรา พระเจ้าเอาจริงนะครับ แต่เรานะครับไม่ค่อยจะรู้เรื่อง พระเจ้าทำสัญญากับฉันเมื่อไหร่ คือการทำสัญญากับพระเจ้าร่วมกับพระเจ้าคือตอนที่เราเชื่อเราต้อนรับพระเยซู เรายอมรับว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เพราะฉะนั้นเราได้เซ็นสัญญาเราได้ทำสัญญากับพระเจ้า และพระเจ้าทำสัญญากับเราแล้ว พระเจ้าเอาจริงนะครับ ถ้าเรายังทำเล่นๆ อยู่หรือไม่เอาจริงเอาจัง ชีวิตเราจะไม่ไปถึงไหน และการตีสอนก็จะมา
เพราะฉะนั้นถ้าหากมีการเซ็นสัญญา ก็ต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ ไปซื้อรถนะครับหรือซื้ออะไรก็แล้วแต่มีการเซ็นสัญญากันอย่างดี หลังจากนั้นก็ต้องปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกันไว้
วันนี้นะครับพระเจ้าทำสัญญากับเราและพระองค์ให้พระบัญญัติใหม่แก่เราและพระองค์ต้องการให้พระคริสต์สถิตในเราและทำแทนเรา สิ่งที่เราควรทำก็คือเอาจริงทำจริง เอาจริงเอาจังก็คือ ให้พระคริสต์เริ่มมีชีวิตอยู่ภายในเราเพื่อสำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์ให้ทุกคนได้เห็น เอเมน
...
ถาม.
ไม่เข้าใจคำว่า เราเป็นตึกและไร่นาของพระเจ้า คือไม่เข้าใจค่ะไม่รู้ว่าหมายความว่ายังไง
ตอบ.
มีสองคำใช่ไหมครับที่บอกว่า คริสเตียนเรา เราที่เป็นสาวก ที่เป็นผู้เชื่อนะครับเป็นของพระเจ้า ตึกนะครับก็คือ ที่อยู่อาศัยของพระเจ้า ตึกคือวิหาร เป็นบ้าน เป็นเรือน เป็นของพระเจ้า พระเจ้าอาศัยอยู่ พระเจ้าสถิตอยู่ พระเจ้าทำเป็นบ้านที่พระองค์จะอยู่ถาวร ทุกวันนี้เรารู้แล้วใช่ไหมครับว่าพระวิหารที่เยรูซาเล็ม ผ้าม่านนะครับถูกฉีกขาดตั้งแต่บนสุดจนถึงล่างสุด คือพระเจ้าออกมาจากพระวิหารแล้วพระเจ้าไม่อยู่แล้ว ตึกที่พระวิหารที่เยรูซาเล็มนะครับพระเจ้าไม่อยู่ และทุกวันนี้พระเจ้าเรียกเราทุกคนวิญญาณของเราเป็นที่อยู่เป็นตึกเป็นบ้านเป็นเรือนเป็นที่สถิตของพระเจ้า เอเมน
และไร่นา ในหนังสือมัทธิวบทที่ 13 พระเยซูพูดถึงไร่นาใช่ไหม ไร่นา ก็คือโลกนี้
ชาวนาคนที่ทำนานะครับ ก็คือพวกเราที่เป็นคริสเตียน เราเป็นชาวไร่ชาวนาของพระเจ้า พระบิดานะครับเป็นเจ้าของไร่นา ก็คือเจ้าของโลกนี้ เราต้องไปทำไร่ไถนา ก็คือไปประกาศข่าวประเสริฐ นำคนมาเชื่อ เพื่อไปถึงพระบิดาให้ได้
แล้วอย่าลืมนะครับว่ายุคนี้เป็นยุคทำนา เป็นยุคที่ไม่ได้สบายนะครับ เป็นอยู่ที่ทำงานทำนาเพื่อพระเจ้าอยู่ เราตอนนี้กำลังทำไร่ไถนาอยู่นะครับ
การทำไร่ไถนาของคริสเตียนคืออะไร ต้องไปทำนาจริงๆ เหรอ ไม่ใช่.
การทำไร่ไถนา ก็คือการรับใช้พระเจ้า การปรนนิบัติพระเจ้า การไปนำคนมาเชื่อ การนมัสการพระเจ้า การอยู่ร่วมกันเพื่อเสริมสร้าง เพื่อก่อพี่น้องในพระกายขึ้นให้เติบโตสู่ชีวิตพระคริสต์ คือเราทุกคนเป็นสาวกของพระเยซูน่ะ เราทุกคนเป็นปุโรหิตลวงของพระเยซู เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำ ไม่มีใครที่พระเจ้าเรียกมาให้นั่งนิ่งนอนเฉย ไม่มีนะครับ
พระเจ้าสร้างเราให้เป็นนักวิ่งแข่ง พระเจ้าสร้างเราให้เป็นเรือที่แล่นออกทะเล และพระเจ้าสร้างเราเป็นชาวนาชาวไร่ และสุดท้ายนะครับเรารู้ว่าในพระคัมภีร์เรียกเราว่าพระเจ้าเรียกเรานะครับว่าเป็นสาวกของพระองค์ และพระเจ้าเรียกเราว่าเป็นปุโรหิตหลวงของพระองค์ ก็คือร่วมกันรับใช้พระเจ้า ปรนนิบัติพระเจ้าในคริสตจักรในพระกาย และออกไปทำไร่ไถนา ก็คือออกไปประกาศข่าวประเสริฐ ไปช่วยคนที่ยังไม่เชื่อที่จะไม่รอดมาสู่ความรอดของพระเจ้า เอเมน
อย่าลืมนะครับคุณคนที่ถามก็คือ ชาวไร่ชาวนานะครับ และเราทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ก็คือ ชาวนาของพระเจ้า และทุกวันนี้ที่ผ่านมาเราได้ทำไร่ไถนาของพระเจ้าหรือยัง ผมเชื่อนะครับว่าพี่น้องที่ถามพระเจ้าอาจจะดลใจเขานะครับให้ถาม เพื่อเตือนเราว่าเราต้องเริ่มทำไร่ไถนาของพระเจ้าแล้ว เอเมน
...
ถาม.
ทำยังไงครับ ทำไร่ไถนาของพระเจ้า
ตอบ.
การที่จะทำไร่ไถนาของพระเจ้านะครับ คือเราจำกันได้ไหมพระเจ้าประทานสองสิ่งให้กับเรา
1. พระเจ้าประทานพระเยซูคริสต์ให้เรา พระเยซูเข้ามาอยู่ในเรา เรียกว่าเพื่อดำเนินชีวิต เพื่อรักษาพระบัญญัติใหม่ เพื่อความรัก อดทนนาน เพื่ออากาเป เพื่อยกโทษ เพื่อทำทุกสิ่งให้พระเจ้าสำแดงชีวิตนิสัยของพระเยซู
พระเจ้าประทานสิ่งที่ 2. ให้เราก็คือ ฤทธิ์เดช ก็คือการเทพระวิญญาณอยู่ภายนอกอยู่ด้านนอกนะครับ ก็คือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้านนอกให้เรามีของประทานมีฤทธิ์เดชในการรับใช้ การที่เราจะประกาศข่าวประเสริฐนะครับอย่าคิดว่าเราพูดเก่งแล้วนำคนมาเชื่อได้ อันนั้นไม่จริงนะครับ คนที่เราพูดแล้วเขาเชื่อกลับใจ คือคนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนใช้ฤทธิ์เดชเพื่อเรียกเขา วิญญาณของเขาได้ยินเสียงของพระเจ้าเขาจึงมากลับใจมาเชื่อพระเยซู ถ้าหากเราเป็นครูเป็นอาจารย์เป็นผู้สอนผู้เผยพระวจนะ เราพูด พูดๆๆๆๆ นะครับ คิดว่าเราพูดเก่ง ไม่จริงนะครับ พระวิญญาณเทฤทธิ์เดชให้เราและเรามีของประทานในการพูด คำพูดถ้อยคำเหล่านี้นะครับเป็นโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ เสียงเราได้ยินก็คือเสียงของพระเจ้า ไม่ใช่เสียงของเรา เพราะฉะนั้นเขารับอาหารเขากินเข้าไปเขาเกิดมีอาการตอบสนองต่อพระคำของพระเจ้า เรียกว่าเรามีของประทานมีฤทธิ์เดช
การที่จะทำไร่ไถนาของพระเจ้า เราต้องมีอะไร มีจอบ มีเครื่องมือใช่ไหม ถ้าหากเราไม่มีเราจะเดินไปตามทุ่งนาทำอะไรไม่ได้ ปลูกข้าวก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีเครื่องมือนะครับ และเครื่องมือของเรานะครับขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าประทานให้แล้ว คือของประทาน รู้ได้ยังไงว่าเรามีของประทานเรื่องประกาศข่าวประเสริฐ รู้ได้ยังไงว่าเรามีของประทานเรื่องไล่ผี รักษาโรค เราลองทำนะครับลองทำ ถ้าเราทำแล้วทำกับ 10 คนนะครับแล้วเกิดผล 7-8 คน อีก 2 คนอาจจะไม่เกิดผล เรามีของประทานในสิ่งนั้น
อยากรู้ว่าเรารักษาโรคได้ไหม ไปอธิษฐานวางมือนะครับ 10 คนนะครับ 8 คนหายดีเรามีของประทานในการรักษาโรค ไปไล่ผีนะครับผี 8 ตัวออก 2 ตัวยังไม่ออก เรามีของประทาน แต่ถ้าเราไปไล่ 10 ตัว 10 ตัวไม่ยอมออกมันหัวเราะใส่เรานะครับ เราเปลี่ยนไปรับใช้ด้านอื่น เอเมน
ขอให้ทำหน้าที่คนต้นเรือน ทำหน้าที่ชาวไร่ชาวนา ทำหน้าที่ปุโรหิตหลวง และทำหน้าที่สาวกของพระเยซูนะครับ นี่คือสิ่งที่พระเยซูให้เราได้บังเกิดใหม่ และใช้เราเป็นพนักงานของพระองค์ เป็นผู้ร่วมงานของพระองค์ อย่าลืมนะครับเวลาที่เราไปพระเจ้าไปกับเรา ฤทธิ์เดชเป็นฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่กำลังเรี่ยวแรงของเรา และการดำเนินชีวิตอยู่ภายในเรานะครับก็คือ พระคริสต์ทำแทนเรา เป็นชีวิตที่สบายมาก ขอบคุณพระเจ้านะครับเมื่อเราได้พบมานาฯ ก็ได้พบพระเยซูและพบชีวิตที่เบาสบายมีแต่คนทำแทน ไม่มีใครให้เราทำให้เขา เอเมน
ถาม.
ในบทเรียนบอกว่า จงเชื่อว่าเราอยู่ในพระเยซูคริสต์แล้ว เพราะนี่คือความจริงของพระเจ้าใช่ไหมครับ จงเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์ เพราะในที่เราเคยรู้มาเวลาเราทำบาปเวลาเราหลุดไปเวลาเราไม่ได้สนิท เราก็คิดว่าเราไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ แต่จริงๆ เราอยู่ในพระคริสต์ใช่หรือไม่หรือยังไงครับ
ตอบ.
สำหรับการอยู่ในพระคริสต์นะครับ ก็คือวิญญาณของเราพระเจ้าเอาวิญญาณของเรานะครับเข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้ว และพระเจ้ามองเรานะครับว่าเป็นคนใหม่ ใหม่หมด ใหม่ๆๆๆ ทั้งนั้น และสำหรับพระเจ้าความจริงของพระเจ้าก็คือพระองค์ทำสำเร็จแล้ว เราเป็นผู้ชนะแล้ว จิตของเรานะครับเลิกทำบาปได้แล้ว ทุกสิ่งใหม่หมด
แต่สำหรับเรานะครับ เราคิดไปเองว่าเรายังไม่ได้ใหม่ เพราะว่าเรามองด้วยตา สังเกตด้วยตา มองด้วยตา สิ่งที่ตามองเห็นก็คือสิ่งที่เราเชื่อ
แต่สำหรับพระเจ้านะครับสิ่งที่ตามองไม่เห็นนะครับเราเชื่อ พระเจ้าทำสำเร็จฝ่ายพระเจ้านะครับ ในพระคริสต์นะครับสำเร็จแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง จริงๆ แล้วเราเป็นผู้ชนะแล้วในพระคริสต์ จริงๆ แล้วเราเต็มล้นด้วยสันติสุขแล้วในพระคริสต์ จริงๆ แล้วเราชนะบาปได้ทุกสิ่งทุกอย่างทุกบาปทุกชนิดเราทำได้แล้ว เพียงแต่เราช้ากว่าพระเจ้า พระเจ้าเนี่ยทุกสิ่งสำเร็จแล้ว แต่เราเดินตามยังเดินตามสิ่งที่ยังไม่สำเร็จนะครับ เข้าใจนะครับ คือพระเจ้าไปไกลแล้ว แต่เรายังอยู่แถวๆ นี้ยังไปไม่ถึงพระเจ้า
ความจริงของพระเจ้า คือทุกสิ่งสำเร็จแล้ว และในพระคริสต์ทุกสิ่งก็สำเร็จแล้วเราเป็นผู้ชนะแล้ว เพียงแต่เรานะครับเดินไปตามทางที่พระเจ้าวางไว้ให้ถึงเส้นชัย และสิ่งที่จะนำเราไปถึงเส้นชัยจริงๆ มีประสบการณ์ในชีวิตที่ชนะแล้ว ก็คือเชื่อเอา จำได้ไหมครับเราเริ่มต้นก็ด้วยความเชื่อและจบลงก็ด้วยความเชื่อ ขอให้เชื่อนะครับ เราทำบาปอยู่ เรามีความคิดที่ไม่ดี เรายังอยู่ที่บ้านยังอยู่ในเนื้อหนัง เราอยู่ไหนเราท้อ เราเบื่อ เราไม่มีความสุข อย่าไปคิดนะครับว่านี่คือการที่ไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่นะครับ เราอยู่ในพระคริสต์ เราอยู่ในพระคริสต์
ทำอะไรก็แล้วแต่นะครับ ทำบาป มีความทุกข์ เป็นอะไรก็แล้วแต่ เราอยู่ในพระคริสต์ เชื่อนะครับว่าเราอยู่ในพระคริสต์ เอเมนข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ อย่าให้ซาตานบอกเราว่าเอ็งไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ เอ็งทำบาปอยู่ ดูสิ.. อย่าไปเชื่อมันซาตานพยายามหลอกเรานะครับว่าเราไม่ได้อยู่ในพระคริสต์
แต่อย่าลืมนะครับ ใน 2 โครินธ์บทที่ 5 ข้อที่ 16 -17 ว่ายังไง บุคคลผู้ใดที่เชื่อก็อยู่ในพระคริสต์และบุคคลผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว ดูสิ ใหม่หมดแล้วใหม่ทั้งนั้น และการอยู่ในพระคริสต์นะครับพระเจ้าเป็นคนเอาเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่เราไปเองเราเข้าเอง ถ้าหากเราไปเอง เราเข้าเอง เราก็ออกมาเองได้ แต่นี่คือการกระทำของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทำพระเจ้านำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ เราจะออกมาไม่ได้ เอเมนขอบคุณพระเยซู
ขอย้ำนะครับขอให้เชื่อทุกวันว่าเราอยู่ในพระคริสต์ ไม่ว่าเราจะทำบาป ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์ หรือเป็นยังไงก็แล้วแต่ อ่อนแอก็ช่างนะครับ เราเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์ ประสบการณ์การอยู่ในพระคริสต์ก็จะเกิดขึ้นกับเรา จำได้ไหมที่ผมเคยบอกว่า เราตื่นนอนตอนเช้าบางครั้งเรานอนดึกนะครับหรือเราเหนื่อยหรืออากาศมันร้อนรู้สึกอ่อนแออ่อนเพลีย เราพูดยังไง "เอเมน ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ เอเมนข้าพระองค์เข้มแข็ง เอเมนข้าพระองค์มีสันติสุข ในพระคริสต์มีแต่ความเข้มแข็ง ในพระคริสต์มีพลัง ในพระคริสต์มีสันติสุข เอเมนๆ ข้าพระองค์เชื่อ"
เมื่อเชื่อนะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะนำเราเข้าไปมีประสบการณ์ในพระคริสต์ คือเต็มล้นด้วยสันติสุข เต็มล้นด้วยพลัง เราจะลุกขึ้นนะครับเราก็วิ่งไปเลยไม่ต้องเดินนะครับ คือทุกสิ่งที่อยู่ในพระคริสต์ก็จะเกิดขึ้นกับเราในเวลานั้น ผมเห็นว่าพี่น้องหลายคนเดินทางมาไกลอาจจะเหนื่อยนะครับ เราใช้สิครับ เรียนไปทำไม เอาไปใช้เลยครับ "เอเมน ข้าพระองค์ไม่เหนื่อย เอเมนข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ เอเมนข้าพระองค์ไม่อ่อนแอ เอเมนข้าพระองค์มีพลัง เอเมนขอบคุณพระเยซูไม่อ่อนเพลีย" เอาไปพูดเลยครับและเชื่อนะครับการอัศจรรย์จะเกิดขึ้น ชีวิตในพระคริสต์ประสบการณ์ในพระคริสต์จะเกิดขึ้นกับเรา เอเมน
...
ถาม.
อยากจะถามว่า คือการที่พระวิญญาณทรงนำเรา ก็คือตอนที่เราจะพูดหรือว่าหนุนใจกับคนที่เราไปหาเขา คือเวลานั้นเวลาที่เราพูดเนี่ย คือเหมือนกับว่าไม่ใช่เราเป็นคนที่พูดเอง การพูดก็คือลื่นไหลเวลาเขามีคำถามมาเราก็ตอบได้แบบไม่ติดขัดเลย อันนี้คือพระวิญญาณทรงนำใช่ไหมคะ
ตอบ.
แน่นอนครับไม่ต้องสงสัย ถ้าหากพระวิญญาณนำนะครับ เราไม่รู้ว่าจะพูดอะไรและเราพูดออกไปนะครับ เรายังคิดว่า เอ๋ ฉันพูดออกมาได้ยังไง แล้วถ้อยคำนี้มาจากไหน ไม่เคยคิดว่าจะพูดแต่ก็พูดนะครับ และพอพูดไปก็คือคนฟังจะได้ยินเสียงของพระวิญญาณนะครับ เขาก็จะได้รับการหนุนใจไม่มากก็น้อย
แต่สำหรับบางคนนะครับอาจจะปิดหูปิดตาปิดใจไม่รับนะครับ แต่ก็ช่างไม่เป็นไรพระวิญญาณจะตามเขาไปนะครับ ไม่ตอนนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะตามเขาไป และทำให้เขากลับใจ ใจอ่อน พระเจ้านะครับเมื่อทำงานกับใครพระเจ้าจะทำและพยายามทำงานหนักมากเพื่อช่วยใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าเป็นเราเราพอแล้วใช่ไหม ถ้าพูด เขาไม่กลับใจเราจะเดินหนีเลยนะครับ
เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อนะครับว่าพระองค์ทำแทนพระองค์พูดแทน "พระเยซูเป็นหน้าที่ของพระองค์ที่พูดแทนข้าพระองค์ ข้าพระองค์ตายแล้ว ข้าพระองค์ไม่มีชีวิตอยู่ แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ แต่พระคริสต์ต่างหากเป็นคนที่พูดอยู่ พูดแทนข้าพระองค์เลย"
สมัยตอนที่ผมฝึกตอนแรกๆ ผมใช้คำนี้บ่อยมาก พระเยซูพูดเลย เป็นภาษาอังกฤษนะครับก็จะน่าฟังหน่อย คือข้าพระองค์ตาย พระเยซูพูดเถิด พระองค์มีชีวิตอยู่ในข้าพระองค์ พระองค์พูดเลย พอฝึกไปแบบนี้นะครับนับแบบนี้แล้วก็ขอให้พระองค์ทำแบบนี้ สุดท้ายก็เห็นการพูดแทนของพระองค์มากขึ้นมากขึ้น เราไปไหนเมื่อไหร่จะพูดอะไรนะครับ พระเจ้าก็พูดแทนเรา เราไม่ต้องพูด ไม่ต้องคิดมากนะครับว่าจะพูดอะไรจะพูดยังไง ถ้อยคำเอาคำที่ดีๆ มาพูดให้เขาให้เขาใจอ่อน เพื่อให้พูดให้ดีๆ นะครับ เพื่อให้เขาชอบ จริงๆ แล้วเนี่ยจะพูดดีหรือไม่ดีก็ช่างนะครับ คำพูดคำเดียวที่ออกมาโดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนพูดแทน เขาจะได้ยินเสียงของพระวิญญาณ เอเมน
...
ถาม.
ก็คือเห็นที่เมื่อกี้พี่น้องบอกว่าเราต้องทำไร่ไถนา ก็คือเหมือนกับว่าเราไม่ได้ประกาศกับบางคนอย่างเนี้ย คือบางครั้งพระเจ้าก็มีแผนการที่ดีกับสำหรับคนๆ นั้นที่เราจะไปพูดอ่ะค่ะ ก็คือเป็นโอกาสที่ดีมากเลย
ตอบ.
คำว่า ทำไร่ไถนา ไม่ได้หมายความว่าประกาศอย่างเดียวนะครับ ขอโทษนะครับผมอาจจะไม่ได้อธิบายอย่างครบ การทำไร่ไถนา ก็คือการรับใช้พระเจ้า เราอาจจะไม่มีของประทานในเรื่องประกาศ แต่เรามีของประทานในเรื่องเลี้ยงดูพี่น้อง หรือมีของประทานเรื่องใจกว้าง ช่วยเหลือคนยากจน คนขัดสน หญิงหม้าย เด็กกำพร้า แล้วเราฉวยโอกาสนะครับให้เขาได้รับเขาประเสริฐให้เขาได้รับความรอดจากพระเจ้า มีหลายทางนะครับที่จะช่วยเขา
เพราะฉะนั้นการทำไร่ไถนา ก็คือการทำทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการรับใช้พระเจ้าครับ
สำหรับผมนะครับคิดว่าพี่น้องคริสเตียนส่วนมากไม่เคยคิดตรงนี้ใช่ไหม ว่าเราเป็นชาวไร่ชาวนาของพระเจ้า คิดแค่ว่าบางคนอาจจะคิดว่าเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า แต่เชื่อไหมเขาไม่เคยใช้ของประทาน ไม่เคยทำหน้าที่ปรนนิบัติพระเจ้าในพระวิหาร
แล้วเราตอนนี้นะครับอยู่ในวิหารอยู่ในพระวิหารของพระเจ้าที่เราสามัคคีธรรมกันอยู่ แล้วพี่น้องบางคนก็หนุนใจพวกเราใช่ไหมว่าเสริมสร้างกัน ช่วยกัน ทำด้วยกัน นี่คือการชวนของชาวไร่ชาวนาบางคน ชวนพวกเรามาใช้ของประทาน เพื่อรับพระพร เพื่อรับบำเหน็จด้วยกัน อย่าอยู่นิ่งเฉยนะครับ พระเจ้าให้เวลาเรา ที่ยังเหลืออยู่ ไม่รู้ว่าเหลืออีกมากเท่าไหร่ กี่วันกี่เดือนกี่ปี แต่ผมว่าวันนี้นะครับ ครั้งนี้เป็นการสัมมนาที่พระเจ้าจะเตือนใจเราให้เริ่มเป็นชาวไร่ชาวนาที่ดีของพระเจ้า เริ่มรับใช้ เป็นปุโรหิตหลวง เป็นสาวก เป็นคนต้นเรือนของพระเยซู เอเมน ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานกับคนที่แสวงหา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานกับวิญญาณที่หิวกระหาย
เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการให้เราเสริมสร้างกันและกัน รดน้ำกันและกัน แล้วก็ล้างเท้ากันและกัน การก่อขึ้นอยู่ที่การร่วมกันของพี่น้องทุกๆ คนไม่ใช่เฉพาะแต่ให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์ ให้เป็นหน้าที่ของผู้นำ ไม่นะครับ อันนั้นคือการเป็นชาวไร่ชาวนาที่ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นเราลุกขึ้นได้นะครับ เราลุกขึ้นได้ แล้วก็เราตื่นจากอาดัมชีวิตอาดัม เพราะว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้วน่ะ เอเมน
ถาม.
เมื่อกี้บอกว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้วใช่ไหมคะ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเราทุกคนได้รู้ว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้ว แต่ว่าเมื่อกี้ที่เราพูดถึงตรงที่ว่า เรายังเผลอไปทำบาปใช่ไหมคะ ก็คืออยู่ในการทำบาป หรือว่าไปทำสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย หรือหลายๆ ครั้งเราก็พูดบ่อยๆ ว่าเราเดินกับพระคริสต์วินาทีต่อวินาทีใช่ไหมคะ แล้วเมื่อกี้บอกว่า เออ เราอยู่ในพระคริสต์แล้วน่ะ แต่ดันมีวินาทีใดวินาทีหนึ่งที่เราไม่ได้อยู่ในพระคริสต์อ่ะค่ะก็คือทำออกมาอะไรบางอย่างที่อยู่นอกพระคริสต์ เราก็แบบเรากลับมาปักใจไม่ได้ว่า อันนี้คืออยู่ในพระคริสต์น่ะ อะไรอย่างเนี้ยค่ะ แล้วเราก็เหมือนไปตามที่เราคิดอยู่อ่ะค่ะ
ตอบ.
ก่อนอื่นขอให้เราเข้าใจตรงนี้น่ะ สำหรับพระเจ้าอีกครั้งนะครับในพระคริสต์และสำหรับพระเจ้านะครับ สำหรับพระเจ้า ที่อยู่ในพระคริสต์ ก็คือเราเป็นคนชอบธรรม 24 ชั่วโมง 7 วัน เอเมนไหมครับ แล้วเวลาที่เราไปทำบาปล่ะเรายังเป็นคนชอบธรรมอยู่ไหม เป็นนะครับ เราเป็นคริสเตียนนะครับเราก็เป็นคริสเตียน 24 ชั่วโมง 7 วันตลอดชีวิตของเรา แต่เมื่อเราทำบาปเรียกว่าอะไรครับ คริสเตียนไปทำบาป เราเป็นคนชอบธรรมนะครับ 24 ชั่วโมง 7 วัน แต่เมื่อเราไปทำบาปนะครับเรียกว่าคนชอบธรรมไปทำบาป เข้าใจนะครับ
ผมสมัยก่อนนะครับผมพูดภาษาลาว เมื่อก่อนผมพูดภาษาลาว ภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้นะครับผมพูดภาษาไทย แล้วผมเป็น..จริงๆ แล้วผมเป็นฝรั่งนะครับเป็นอเมริกาเป็นสัญชาติอเมริกาแล้วนะครับ และผมจะพูดภาษาลาวผมยังเป็นคนอเมริกาอยู่ไหม? หรือว่าเป็นคนลาว? ผมเป็นสัญชาติอเมริกันนะครับเป็นคนอเมริกันแล้วนะครับ แล้วผมไปพูดภาษาลาวผมเป็นคนลาวไหมครับ? ก็เป็นคนอเมริกันพูดลาวใช่ไหม แล้ววันนี้นะครับผมพูดภาษาไทย ผมเป็นคนไทยไหมครับ? ไม่ใช่ ก็คือผมเป็นคนฝรั่งเป็นอเมริกันชาวอเมริกัน แต่มาพูดภาษาไทย เข้าใจนะครับ
ทุกวันนี้เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว คนชอบธรรมก็คือสัญชาติของเราเชื้อชาติของเรา เราเป็นคนชอบธรรม 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่มีวันไหนนะครับที่เราจะเป็นคนอธรรม แต่เมื่อเราไปทำบาปนะครับเรียกว่าคนชอบธรรมไปทำบาป เรายังเป็นคนชอบธรรมอยู่วันยังค่ำ เอเมน
ทีนี้นะครับเมื่อเราอยู่ในพระคริสต์นะครับ คริสเตียนส่วนมากคิดว่าการที่อยู่ในพระคริสต์ ก็คือการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ เดินไปกับพระเจ้าทุกๆ วัน ไม่ใช่ไม่ใช่นะครับ.
การอยู่ในพระคริสต์นะครับก็คือ ตำแหน่ง หรือพิกัด หรือสถานที่ใหม่ ที่พระเจ้าย้ายเราออกจากอาดัม แล้วมาอยู่ในพระคริสต์ เมื่อเราอยู่ในพระคริสต์นะครับก็เป็นโดยทางความเชื่อ ทุกวันนี้เราตามองไม่เห็นนะครับว่าเราอยู่ในพระคริสต์แต่เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อนะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะให้เรามีประสบการณ์ในการอยู่ในพระคริสต์ คืออะไรครับ ตอนที่เราอยู่ในอาดัม เราอ่อนแอ เราอ่อนเพลีย เราเมื่อยล้า เราเหนื่อย เราทำบาป แต่เราเชื่อนะครับว่าพระเยซูในพระคัมภีร์พระองค์บอกว่าข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์แล้ว พระองค์เป็นคนย้ายข้าพระองค์ออกจากอาดัมไปสู่พระคริสต์แล้ว ตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ข้าพระองค์จะไม่เหนื่อยเอเมน ไม่รับสิ่งที่เป็นของอาดัม ไม่เอาเอเมน
เมื่อเรายืนยันความเชื่อของเรา เมื่อเราเชื่อในความจริงของพระเจ้าในพระคริสต์ และสำหรับพระเจ้าจำได้ไหมก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับจะเอาประสบการณ์ทั้งหลายที่อยู่ในพระคริสต์มาสู่เรา เข้าใจนะครับ การเดินในพระคริสต์การเดินไปกับพระเจ้าในแต่ละวันก็จะเกิดขึ้นและบ่อยขึ้น แต่บางครั้งเราอาจจะหลุดและการหลุดของเราเรียกว่าคนที่อยู่ในพระคริสต์ไปหลุดหลงไปในอาดัม แล้วก็กลับมาใหม่ เข้าใจนะครับ ชัดเจนหรือยังครับ
ตอนที่เราไปทำบาปนะครับอย่าคิดว่าเราออกนอกพระคริสต์ หรือตอนที่เราอ่อนแอ หรือกลุ้มใจ หรือเป็นทุกข์ ไม่มีสันติสุข อย่าคิดว่าตอนนั้นเราอยู่ในอาดัม ไม่ต้องคิด อย่าคิดว่าเราอยู่ในอาดัม ขอให้เชื่อทุกวัน 24 ชั่วโมง 7 วันว่าเราอยู่ในพระคริสต์ เราจะทำอะไรก็แล้วแต่จะอยู่ในอาดัมจะเดินพลาดจะหลงทางจะทำบาป ขอให้เชื่อว่าข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ เอเมน อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระคริสต์ สุดท้ายนะครับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำให้เราไม่ออกไป ไม่หลุดไป ไม่เผลอไป ไม่พลาดไปอีก พระองค์จะทำให้เราเดินไปกับพระเจ้าในแต่ละวันได้ ขอให้เชื่อ ยึดมั่นในความจริงของพระเจ้าก่อนว่าเราอยู่ในพระคริสต์
เป็นแบบนี้นะครับสำหรับเรื่องการอยู่ในพระคริสต์และอยู่ในอาดัม
"นานมาแล้วมีผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นคนเอเชียนะครับ แล้วอพยพไปอยู่ที่อเมริกา ปรากฏว่ามีเศรษฐีคนแก่คนหนึ่งรักผู้ชายคนนี้มากรักเหมือนลูก ก็เลยรับเป็นลูกบุญธรรม แล้วก็เขาเตรียมมรดกนะครับเขียนพินัยกรรมจะมอบให้ลูกชายบุตรบุญธรรมคนนี้ 3 ล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่ให้ ถึงเวลาถึงจะให้นะครับ ขณะที่พินัยกรรมเขียนเสร็จแล้วสำเร็จเรียบร้อย เตรียมเอาไว้แล้ว ทนายความเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดี
แต่ผู้ชายคนนี้ไม่รู้เรื่อง เขามีเงินในบัญชีไม่เท่าไหร่ไม่กี่พันดอลลาร์ หาเช้ากินค่ำ ปรากฏว่าเขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคนที่ไม่มีอะไร แต่พอมาวันหนึ่งทนายความมาบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ฉันจะบอกความจริงแก่เธอ ก็คือเศรษฐีคนนี้ที่เป็นพ่อบุญธรรมของเขา คือเตรียมพินัยกรรม แล้วก็เตรียมทรัพย์สินเอาไว้ให้ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ คือจริงๆ แล้วเขาเขียนพินัยกรรมไว้ตั้งหลายปีแล้วน่ะ แต่พึ่งมาบอก ผู้ชายคนนี้ดีใจมากตื่นเต้น แล้วมองตัวเองว่าเป็นเศรษฐี 3 ล้านดอลลาร์ เงินไม่ใช่น้อยๆ นะครับ"
คือเรานะครับทุกวันนี้เนี่ยตั้งแต่วันที่เราเชื่อพระเจ้าเตรียมพินัยกรรมให้กับเราในพระคริสต์ พระเจ้าเขียนไว้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่วันที่เชื่อ และเรานะครับก็คิดว่า เออ..ยังอ่อนแอ ยังทำบาป ยังไม่พร้อมที่จะเป็นบุตรที่รักของพระเจ้า คือชีวิตไม่บริสุทธิ์ ไม่น่าจะเดินไปกับพระเจ้าได้ แต่จริงๆ แล้วนะครับในพินัยกรรมในพระคริสต์มีครบทุกอย่างพร้อมให้เราแล้ว ถ้าเราตื่นนะครับ ทนายความมาบอกเรา ก็คือหรือวันนี้เรารู้ความจริงใช่ไหมว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้ว ทนายความนะครับก็คือ พระคัมภีร์
1 โครินธ์บทที่ 1 ข้อที่ 30 บอกว่า เพราะว่าพระเจ้าเป็นคนทำท่านทั้งหลายจึงได้อยู่ในพระคริสต์ ถ้าเราเห็นความจริงตรงนี้นะครับเราจะตื่น เราจะรู้เลยว่า อ๋อ.. ฉันเป็นเศรษฐี ฉันมีทุกสิ่งที่พระคริสต์มี และพระองค์เตรียมไว้ให้ฉัน จากนั้นนะครับเราขอบคุณพระเยซูเราเป็นเศรษฐี ขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์มีสันติสุข ขอบคุณพระเยซูสันติสุขก็คือหนึ่งล้าน ขอบคุณพระเยซูมีพลังก็คือล้านสองล้าน ขอบคุณพระเยซูข้าพระองค์มีชีวิตของพระคริสต์อยู่ในข้าพระองค์ก็คือสามล้าน
คือเรามีทุกสิ่งที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้เราแล้ว เพียงแต่เราเชื่อ ถ้าหากผู้ชายคนนี้นะครับรู้ความจริงตั้งแต่วันแรกที่ผู้ชายเศรษฐีเขียนพินัยกรรมให้เขา แล้วถ้านายความมาบอกตั้งแต่วันแรกนะครับ เขาก็จะคิดว่าเขาเป็นเศรษฐี เชื่อว่าวันนั้นเป็นเศรษฐีไม่ต้องรอนานหลายปี
เรานะครับอยู่ในพระคริสต์นานหลายปี เรามีทุกสิ่งแล้ว แต่เราไม่รู้ตัว วันนี้ถ้าเราตื่น เรารู้ตัวรู้ความจริง ก็ใช้สิครับ สิ่งที่เป็นทอง ทุกสิ่งอยู่ในพระคริสต์ เอามาใช้ การที่จะเอามาใช้ก็คือ โดยทางความเชื่อ เชื่อว่าวันนี้เราเป็นเศรษฐีในพระเยซูเรามีทุกสิ่งแล้ว พระพรฝ่ายวิญญาณครบทุกประการพระเจ้าประทานให้เราแล้ว เราไม่ต้องขอ เมื่อก่อนเราขอใช่ไหมเดี๋ยวนี้ไม่ต้องขอน่ะ สันติสุขทุกวันเวลาเมื่อก่อนเราขอ พระเยซูข้าพระองค์เป็นทุกข์ขอสันติสุขขอประทานสันติสุขให้ข้า เราคิดว่าพระเจ้าจะโยนสันติสุขให้เรา ไม่.
วันนี้นะครับเราคิดว่าเราอ่อนแอ ไม่มีกำลัง ไม่มีพลัง ไม่มีความรักกับเพื่อนบ้าน ศัตรู ขอพระเยซูประทานความรักให้แก่ข้า ไม่. พระเจ้าประทานพระเยซูให้เราคนเดียวตอบโจทย์ทุกเรื่อง ไม่มีสันติสุขพระเยซูเป็นสันติสุข ไม่มีพลังพระเยซูเป็นพลัง ไม่มีกฎแห่งพระวิญญาณกฎแห่งชีวิตพระเยซูเป็นทุกสิ่งให้กับเรา ขอบคุณพระเจ้าเราอยู่ในพระคริสต์แล้วเพียงแต่เราไม่รู้ตัว ตื่นเถอะครับ รู้ตัวได้แล้วว่าเรามีทุกสิ่ง อย่าไปมองว่าเราเป็นคนบาป เราอ่อนแอ ไม่ใช่หรอกฉันไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ ความจริงของพระเจ้ากับความจริงของเรา เราจะเอาอันไหน
พระเจ้าบอกเราวันนี้นะครับว่าคุณอยู่ในพระคริสต์แล้ว เราจะไปเถียงพระเจ้าหรอ พระเจ้าเคยโกหกไหมครับ พระเจ้าเคยมุสาไหม เอเมนขอบคุณพระเยซูพระเจ้าเป็นความจริงพระเจ้าไม่เคยมุสา พระองค์บอกว่าเราอยู่ในพระคริสต์ 24 ชั่วโมง 7 วันเราก็อยู่ในพระคริสต์ เมื่อเราไปทำบาปนะครับก็บอกว่าคนที่อยู่ในพระคริสต์ไปทำบาป แล้วกลับมาเดินในพระคริสต์ต่อไป
...
ถาม.
ขอถามเรื่องของประทาน เรื่องของประทานในการให้ค่ะ อยากทราบว่าเรื่องของประทานเรื่องการให้กับของประทานเรื่องจิตใจกว้าง มันแตกต่างกันยังไง ดิฉันมาสังเกตตัวเองตั้งแต่ตอนเป็นคริสเตียนศาสนา จนมาฝึกเดินในวิญญาณ ไม่ทราบว่าถูกฝึกมาหรือว่าเป็นพระวิญญาณทรงนำในการให้ ก็เลยอยากทราบตรงนี้ว่า ให้โดยที่เราไม่ได้คิดเสียดายให้โดยที่เราไม่ได้คิดว่าเราจะมีพอกินพอใช้ไหม แต่ว่าเวลาเราเห็นความทุกข์ยากลำบากของคนอื่นเราก็เหมือนกับเราพร้อมที่จะช่วยเหลือเท่าที่เราช่วยได้ ก็เลยอยากทราบว่าอันนี้มันเป็นของประทานเรื่องการให้ หรือของประทานเรื่องการใจกว้างค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
คือสำหรับคนที่มีของประทานเรื่องการให้ หรือเป็นคนใจกว้าง อาจจะเป็นลักษณะเดียวกันนะครับ ถ้าไม่ใจกว้างก็ให้ไม่ได้ และถ้าจะให้ก็คือต้องใจกว้างนะครับ
บางคนก็คือให้แต่ก็เสียดายอยู่ บางคนก็คือให้แต่ให้เล็กๆ น้อยๆ ให้เศษสตางค์ที่เรามี แต่ก็ไม่ว่ากันนะครับ ก็ขอบคุณพระเจ้าที่เขายังให้ ที่เขายังทำ
แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องของประทานในการให้ หรือของประทานเป็นคนใจกว้าง ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเร้าใจเรา มีอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา ไม่ใช่แบบว่าอยากให้ก็ให้ไปแล้วเรียกว่าของประทานในการให้ ไม่ใช่ครับ
คือจะมีอาการบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในเรา เพื่อบอกเรา เพื่อเตือนเรา เพื่อกระตุ้นเรา เพื่อให้เราเกิดมีเมตตาสงสารคนใดคนหนึ่ง แล้วไปให้เขานะครับ อันนี้เรียกว่าของประทานครับผม
ถาม.
ขอถามอีกคำถามนึงค่ะ หลังจากที่ดิฉันมาฝึกมานาฯในระยะหนึ่ง ดิฉันรู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองมาฝึกนานแล้ว แล้วก็เหมือนกับของเก่ามันเริ่มจางหายไป แล้วเหมือนกับถึงจุดหนึ่งเหมือนกับว่า เวลาคริสเตียนศาสนาถาม เราไปตอบในจุดนั้นไม่ได้ แล้วดิฉันก็เริ่มสงสัยว่าถ้าเราไม่เรียนรู้ของศาสนาเลย ดิฉันกำลังจะถามว่าดิฉันกำลังอยู่ในช่วงสับสนไหม ในเรื่องที่กำลังฝึกเดินในวิญญาณ แล้วก็จะกลับไปเอาของเก่าด้วย เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับมานาที่ซ่อนไว้นะครับ บางคนคิดว่าคือเป็นความรู้ที่ไม่มากพอ หรืออาจารย์...แปลยังน้อยไป แต่ผมอยากจะถามพี่น้องนะครับว่า ได้เข้าไปดูในเว็บไซต์หรือยัง เรามีเว็บไซต์ 2 เว็บไซต์นะครับ ที่รวบรวมบทเรียนมานาที่ซ่อนไว้เยอะมากนะครับ
เข้าไปอ่านดูในเว็บไซต์นะครับ มีความรู้มานาที่ซ่อนไว้ที่แปลเป็นภาษาไทยเยอะมาก เยอะมากๆ เลยนะครับ จนคือเวลาที่เราใช้เพื่อเรียนรู้หลายปี ใช้เวลานานหลายปีนะครับ แล้วยังไม่พอนะครับถ้าเราอ่านมานาฯ ฟังมานาฯ จำได้ไหมการสัมมนาครั้งนี้ถ้าหากเราเรียนรู้ เราได้อ่าน ได้ฟัง พี่น้องบางคนและก็ผมเป็นคนพูด แต่สิ่งหนึ่งนะครับที่เราจะต้องรับ ก็คือการรับการเปิดเผย เปิดตาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เข้าถึงการฝ่ายวิญญาณ
หลายคนรู้นะครับว่าพระเจ้ารักเรา ใช่เอเมน
หลายคนนะครับรู้ว่ารอดแล้วรอดเลย เอเมนขอบคุณพระเยซู
แต่การรู้หรือมีประสบการณ์เรื่องการฝ่ายวิญญาณ ก็คือหัวใจของเราจิตใจของเราวิญญาณของเรารู้แน่นอน 100% ไม่มีใครมาพูดไม่มีใครมาบอก เรารู้ได้เลยว่าเราเป็นของพระเจ้า 100% รอด 100% นี่คือสิ่งที่เราต้องการ การยืนยันจากพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับ
เพราะฉะนั้นบางครั้งก็มีคริสเตียนบางคนนะครับที่รับมานาฯ ปรากฏว่าพอฟัง แล้วก็อ่าน สุดท้ายก็ดูเหมือนว่า เอ๋ จะมีแต่เรื่องความรู้เก่าๆ เรามาถึงตรงนี้ก็คือขอให้อธิษฐาน ขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณให้พบความรู้ใหม่ๆ ในมานาฯ ในเว็บไซต์ ซึ่งผมอาจจะไม่ได้ทำคลิปอย่างครบ แต่ในเว็บไซต์เรามีกันเยอะมากๆ ทั้งแปลพระคัมภีร์ตีความหมายพระคัมภีร์หลายเล่มหลายฉบับ แล้วก็ตอบคำถามของพี่น้องทุกๆ เรื่องเกือบทุกเรื่องเลยนะครับ
ผมว่าเพราะฉะนั้นมันเยอะมาก ถ้าหากจะคิดว่ามานาฯ น้อยไปหรือไม่พอ แล้วจะกลับไปฟังของเก่าๆ กลับไปฟังได้ครับลองดู แต่ถ้าหากเรากลับไปฟังนะครับก็จะพบว่าเราจะกินไม่ได้เชื่อผมเถอะครับ ว่าเราจะกินไม่ได้ เอเมนขอบคุณพระเยซู
สำหรับพี่น้องบางคนนะครับผมเข้าใจว่ามีหลายคนนะครับที่รับมานาฯ คือหลายคนรับไม่ครบ อันนี้เป็นความจริง ซึ่งบางคนรับส่วนนี้เรื่องนี้เรื่องนั้น แต่รับยังไม่ครบก็เป็นได้นะครับ แล้วการฝึกของพี่น้องหลายคนผมก็รู้นะครับว่าฝึกอย่างไม่เป็นระเบียบอย่างที่เปาโลพูด
เปาโลรู้นะครับโดยพระวิญญาณ เปาโลจึงทำนายไว้ก่อนนะครับว่าหลายคนฝึกไม่เป็น ฝึกไม่เป็นระเบียบ จึงไม่สุกงอมตามกำหนดเวลาของพระเจ้า
เรามาพูดเรื่องแรกก่อนนะครับ เรื่องการรับมานาฯ ไม่ครบ สำหรับเราที่เป็นกลุ่มที่รับพระคำล้ำลึก คือเราไม่ห้ามนะครับถ้าใครอยากไปฟังคำสอนอื่นหรือทั่วๆ ไป ของอาจารย์คนไหนที่มีชื่อเสียง หรือของคนไหนที่พูดได้คือพูดดีอะไร คือไม่เป็นไรครับ อยากให้ไปฟังลองดูก็ดีนะครับ แต่สำหรับการเรียนรู้ที่จะไปลองฟังนะครับ ก็คือเราต้องพิสูจน์ ต้องอธิษฐาน ต้องขอพระวิญญาณเปิดตา ขอพระวิญญาณให้ชี้ชัดความจริงกับเราว่าคนที่สอน เป็นเรื่องที่มาจากพระเจ้าหรือเป็นเชื้อยีสต์ แล้วมาคุยกับพวกเราได้ มาคุยกับพวกเราว่าคำสอนนี้เขาสอนเป็นยังไงดีไหมได้ไหมใช้โอเคไหมไปฟังเขาพูดได้หรือไม่ ถ้าเห็นว่าเป็นคำสอนที่สอดคล้องและไม่ขัดแย้งกับมานาฯ หรือพระคำของพระเจ้าที่เป็นความจริงก็ฟังได้ครับ ไม่เป็นไรครับผม
แต่สำหรับเรานะครับคือการที่จะฟังมานาฯ หรือฟังสิ่งที่ไม่ใช่มานาฯ หรือเป็นอาหารเด็กหรือเป็นอาหารที่มีเชื้อยีสต์ผสมอยู่ เป็นคำสอนศาสนา ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับเราต้องมีหลักฐาน จำได้ไหม และพระคัมภีร์นะครับต้องเป็นสิ่งที่สนับสนุนคำสอนของทุกคน สำหรับเรามานาที่ซ่อนไว้ เราเอามาจากพระคัมภีร์ทุกข้อทุกตอน ทุกสิ่งที่เราพูดแน่นอนครับต้องมีในพระคัมภีร์ เราจะไม่พูดโดยที่ไม่มีข้อพระคัมภีร์สนับสนุนเป็นอันขาด เอเมนครับ
ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์ให้เราได้ฟื้นความจำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกครั้งที่เราจะพูดถึงเรื่องคำสอนของพระเยซูที่มาจากพระคำพระเจ้าที่เป็นความจริง เราก็ได้อิ่ม เราอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรตอนนี้ แต่พรุ่งนี้เราจะรู้สึกว่าอิ่มในพระวิญญาณ เราจะรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของพระคำพระเจ้าที่อยู่ภายในเราจะเกิดผล เอเมน เราจะหายเหนื่อยได้ เราจะไม่หิวกระหายได้ เราจะมีสันติสุขได้ และสิ่งสำคัญที่ผมอยากจะหนุนใจพวกเรา ก็คือเปิดใจให้มานาฯ เปิดใจให้มานาฯ เราอาจจะเปิดใจให้คำสอนอื่นก็ได้ไม่เป็นไรน่ะ แต่ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำเราว่าคำสอนไหนดีหรือไม่ดี ผิดหรือไม่ผิด ใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ เอเมนพระเยซู
- การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอกเพื่อการรับใช้เพื่อฤทธิ์เดช
เราไม่ต้องขอแต่ค้นหาสิ่งที่พระวิญญาณทรงประทานให้แล้วนำไปฝึกเพื่อใช้ให้เกิดผล
การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในเพื่อการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ มีพระคริสต์ทำแทนในเราเพื่อเราในแต่ละวัน
เราขอบพระคุณ เชื่อและถวายตัวใหม่ให้พระคริสต์ใช้เพื่อสำแดงพระองค์ผ่านเรา
สรุป การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ภายนอกเพื่อการรับใช้เป็นเรื่องของประทาน ภายในเพื่อชีวิตเป็นเรื่องของการสำแดงตัวตนของพระคริสต์ผ่านเรา
เป็นเรื่องที่สำคัญ 9 เรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้เพื่อเราจะย้ายจากการเป็นคริสเตียนศาสนาหรือศาสนาคริสต์ สู่การดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริง
เรื่องที่ 1. ก็คือ เรื่องการปลดปล่อยให้เราได้หลุดพ้นจากความกลัว ก็คือกลัวว่าจะไม่รอด กลัวพระเจ้าจนทำให้เราขาดสันติสุข ไม่มีความสงบสุขภายในจิตใจ ภาษาอังกฤษเรียกว่า No peace in heart ซึ่งก็คือมีเรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า คือพระโลหิตจัดการกับปัญหา 4 ประการของเราแล้ว แล้วก็เรื่องเข้ามาทางพระโลหิต เรื่องรอดมีสองรอด เรื่องรอดแล้วรอดเลย
สำหรับเรื่องที่ 2. ก็คือเรื่องสันติสุขที่ไม่กระหายอีกเลย พระเยซูเป็น 2 สิ่งในเรา ก็คือพระองค์เป็นสันติสุขในเรา เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่เราได้ดื่มกินและจะไม่กระหายอีก เราเชื่อเราก็ได้รับ เราสรรเสริญพระเยซูเราก็ได้รับ เราสนิทในพระองค์เราก็ได้รับ เพียงแค่เราเชื่อว่าพระองค์เป็นสันติสุขของเราและรับพระองค์อยู่ และสิ่งที่ 2 ที่พระองค์เป็นในเรา ก็คือเป็นสะบาโตของเรา พระองค์เป็นสะบาโตใหม่ของคริสเตียน
เรื่องที่ 3. ก็คือเรื่องอาหารเด็กและอาหารผู้ใหญ่ เรารู้แล้วว่าอาหารเด็กมีอยู่ 6 อย่างก็คือ เรื่องการกลับใจเสียใหม่ เรื่องความเชื่อ เรื่องบัพติศมาต่างๆ เรื่องการวางมือ เรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย และการพิพากษาครั้งสุดท้าย ส่วนอาหารผู้ใหญ่ก็คือ เรื่องข้อลึกลับแห่งอาณาจักร เรื่องข้อลึกลับที่มั่งคั่งที่สุด เรื่องข้อลึกลับของพระคริสต์ เรื่องการมีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระเยซูคริสต์ เรื่องพระคริสต์เข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง เรื่องในพระคริสต์คืออะไร เรื่องมีชีวิตและเดินในพระวิญญาณคืออะไร เรื่องเดินด้วยความเชื่อคืออะไร และอีกมากมายหลายเรื่อง
ส่วนเรื่องที่ 4. ที่เราจะต้องเรียนรู้ก็คือเรื่องโลกสองโลกกับคุณสองคน โลกสองโลกกับคนสองคนก็คืออาณาจักรของซาตานและอาณาจักรของพระเจ้า ต่อมาก็คือเรื่อง 4 ยุค และการหลงยุคของคริสเตียน เรื่องในอาดัมกับในพระคริสต์ เรื่องอาดัมคนแรกกับอาดัมคนสุดท้าย เรื่องมนุษย์คนแรกกับมนุษย์คนที่สอง
เรื่องที่ 5. ก็คือเรื่องข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร
เรื่องที่ 6. ก็คือเรื่องพระสัญญาเดิมและพระสัญญาใหม่
เรื่องที่ 7. ก็คือเรื่องพระบัญญัติเดิมและพระบัญญัติใหม่
เรื่องที่ 8. ก็คือเรื่องการอยู่ใต้พระบัญญัติและการอยู่ใต้พระคุณคืออะไร
เรื่องที่ 9. ก็คือเรื่องการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอกและภายใน
ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์นำเรามาร่วมกันเพื่อพบพระองค์ เพื่อพระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเราและเป็นพี่ชายที่จะนำเราเข้าสู่การเลี้ยงดู เข้าสู่การกินอาหารฝ่ายวิญญาณที่มาจากพระองค์ เพื่อพวกเราจะเติบโต ขอบพระคุณพระเยซูที่รักเราและเลือกเราทั้งหลายในท่ามกลางผู้เชื่อมากมาย ให้ได้มาพบหนทางสู่ชีวิตผู้ชนะ ให้ได้เข้าสู่การดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงได้ สรรเสริญพระเยซู
.....
คำพยาน:
เมื่อเช้าผมตื่นนอนตอนเช้านะครับพอดีก็ได้เขียนเรื่องสั้นๆ นะครับเป็นความคิดที่มันรื้อฟื้นถึงความทรงจำเก่าๆ จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำสอนของเปาโลนะครับ ซึ่งหลายคนก็ให้ความสำคัญแก่ท่านเปาโล หลายคนก็คิดว่าเป็นจดหมายฝากเป็นคำพูดที่ท่านเปาโลส่งไปถึงคริสตจักรต่างๆ นะครับ
อย่างที่ผมพูดนะครับคือทุกวันนี้คริสเตียนส่วนมากไม่สนใจคำสอนของเปาโล เขาคิดว่าเป็นแค่จดหมายฝากและไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับคำสอนของพระเยซู ผมก็เป็นคนหนึ่งน่ะที่เคยคิดแบบนั้น แต่เมื่อพ่ายแพ้กับความบาป เบื่อสังคมคริสเตียนที่มีแต่ใส่หน้ากาก ผมก็สิ้นหวังนะครับ และคิดที่จะเลิกรับใช้ พระเจ้าจึงเปิดเผยทางออก จากหนังสือโรมบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 และบทที่ 8 ที่เปาโลเขียนนั่นแหละ
เมื่อเปาโลกลับใจนะครับ พระเยซูนำท่านไปที่ประเทศอาระเบีย และพระองค์อยู่ที่นั่นกับเปาโลเป็นเวลา 3 ปีกว่า และสั่งสอนท่านถึงความรู้ฝ่ายวิญญาณแก่ท่าน พระองค์แต่งตั้งท่านให้เป็นอัครสาวกนะครับ ทุกถ้อยคำที่ท่านพูดและเขียนในจดหมายฝากเป็นการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และมีไม่กี่ครั้งนะครับที่ท่านพูดว่าสิ่งนี้เป็นความคิดส่วนตัวของท่าน ถ้าตรงไหนข้อไหนที่บอกว่าเป็นความคิดส่วนตัว ท่านก็บอกนะครับ แต่โดยปกตินะครับท่านบอกว่าสิ่งที่ท่านเขียนเป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนเราไม่เชื่อ จนมาถึงชีวิตที่พ่ายแพ้ ชีวิตที่ตกอยู่ในความบาป ชีวิตที่ขึ้นลงสุขทุกข์ดีบาปนี่แหละ ทำให้เราเห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์นำความจริงผ่านเปาโลมาถึงพวกเรานะครับ จริงๆ แล้วเปาโล ก็คือพระเยซูแต่งตั้งให้ท่านเป็นอัครสาวกนะครับ แล้วก็คำพูดที่มาจากพระวิญญาณนะครับ มนุษย์อาดัมไม่อาจเข้าใจได้ เปโตรเองก็ยอมรับนะครับ
เพราะฉะนั้นเปโตเองก็ยอมรับใช่ไหมว่าคำสอนของเปาโลคำพูดของเปาโลเข้าใจยากมาก คือจะเข้าใจได้ยังไง ก็เหมือนพวกเรานั่นแหละ ที่เคยเป็นคริสเตียนศาสนา เป็นคริสเตียนมานานหลายปี ผมก็ 18 ปีนะครับ ที่คิดจะเลิกรับใช้ เพราะว่าชีวิตไม่ไปถึงไหน อยู่ไปวันๆ นะครับ คือวันอาทิตย์ก็ไปนมัสการ ไปโบสถ์ ไปรับใช้ เป็นศิษยาภิบาล แต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เนี่ยก็เป็นคนที่ไม่ใช่คริสเตียนนะครับ เป็นชาวโลก พูดตามตรงนะครับ และสุดท้ายก็พ่ายแพ้กับชีวิต ผิดหวัง แต่ด้วยความรักของพระเจ้าที่ให้เราได้พบหนังสือโรมและจดหมายฝากทั้งหลายที่เปาโลเขียน
เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากๆ นะครับสำหรับหนังสือโรมสำหรับผม และเราเคยอ่านใช่ไหมโรมบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 บทที่ 8 แต่ก็ไม่เข้าใจนะครับ ก็อ่านผ่านๆ แล้วก็ กาลาเทีย 2:20 ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า
สรุปก็คือเปาโลเขียนหนังสือหลายๆ เล่มที่ทุกวันนี้เรานับเข้าเป็นพระคัมภีร์ หนังสือโรมพูดถึงเรื่องความบาป ความตกต่ำของมนุษย์ที่ต้องถึงความตายและพินาศ เพราะว่าไม่มีใครสักคนที่เป็นคนชอบธรรม ไม่มีเลย อันนี้เรารู้นะครับได้อ่านบ่อยๆ
พระเยซูเสด็จลงมาเพื่อไถ่มนุษย์ มนุษย์กลายเป็นคนชอบธรรมโดยทางความเชื่อ และของขวัญที่เขาต้อนรับพระเยซู ก็คือสันติสุข ทันทีที่เราเชื่อนะครับพระเจ้าก็ประทานสันติสุขให้เราเป็นของขวัญ ในโรมบทที่ 5:1 และเปาโลกล่าวโดยพระวิญญาณอีกว่าพระเจ้าไม่อนุญาตให้คริสเตียนเดินในความบาปอีกต่อไป และทางออกนะครับก็คือ พระเจ้าประหารชีวิตเก่าของเราในโรมบทที่ 6 และประทานชีวิตใหม่ให้เรา เมื่อเรามีชีวิตใหม่ คริสเตียนกับไม่เข้าใจ ก็เดินด้วยชีวิตเก่า และพยายามเปลี่ยนชีวิตเก่าให้เป็นชีวิตใหม่
จริงๆ แล้วพระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้แก่เราแล้วนะครับโดยทางความเชื่อ โดยการเชื่อเอา เมื่อเชื่อเอาและยอมรับว่าเราเป็นคนใหม่ โอเค ใหม่ก็ใหม่ ทั้งๆ ที่ไม่เห็นนะครับ ก็ขอบพระคุณพระเยซูในพระคัมภีร์บอกนะครับพระเจ้าก็บอกว่าใหม่ เราก็ต้องยอมรับความจริงของพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยโกหก ไม่เคยมุสา โอเคใหม่ก็ได้ ใหม่ก็ใหม่ ก็เอเมน เมื่อเรายอมรับความจริงของพระเจ้าว่าตัวเก่าของเราตายไป ตัวใหม่ของเราเป็นอยู่ เรายอมรับสิ่งนี้นะครับ นับทุกวัน ตายแล้วตัวเก่า ตัวใหม่เป็นอยู่ ตายแล้วตัวเก่า ตัวใหม่เป็นอยู่ สุดท้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นคนนำความจริงของพระเจ้ามาสู่เรา
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้านะครับสำหรับหนังสือจดหมายฝากที่เปาโลเป็นคนเขียน เราได้พบคำตอบของชีวิตนะครับ ซึ่งที่ผ่านมาพี่น้องเคยใส่หน้ากากกันอยู่ผมก็รู้นะครับ เราสวมหน้ากากมาหลายปี แต่โดยพระเมตตาพระคุณของพระเจ้าทำให้เราได้พบความจริง ก็คือเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณได้ และยอมรับว่าหนังสือที่เปาโลเขียน ก็คือเป็นถ้อยคำที่มาจากพระเจ้าจริงๆ
สำหรับบทเรียนที่เป็นเรื่องของการเต็นล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในและภายนอก ก็คือการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณภายนอกก็คือ เพื่อการรับใช้ เป็นเรื่องของประทาน เราไม่ต้องขอนะครับของประทาน เราเลือกไม่ได้นะครับ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนประทานให้ แต่เราค้นหานะครับว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้อะไรแก่เรา และเราฝึกนำมาฝึกใช้นะครับ (พระเจ้าให้ทุกคนมีของประทานไม่มากก็น้อย)
ผู้เชื่อทุกคนเป็นคนงานในส่วนองุ่น อย่าลืมน่ะ..
* เราเป็นคนงานในสวนองุ่นของพระเจ้า
* เราเป็นชาวนาในทุ่งนาของพระเจ้า
* เราเป็นสาวกของพระเยซู
* เราเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า
* เราเป็นคนต้นเรือน
* เราเป็นเจ้าสาวของพระเยซู
- ซึ่งหน้าที่ตำแหน่งเหล่านี้พระเจ้าให้เรา พระเจ้ามอบหมายให้เราทำ
แต่ที่ผ่านมา...
* เราไม่เคยเป็นชาวนา
* เราไม่เคยเป็นชาวสวนในสวนองุ่น
* เราไม่เคยเป็นสาวกของพระเยซู
* เราไม่เคยเป็นปุโรหิตหลวง
* เราไม่เคยเป็นเป็นคนต้นเรือน
* และก็เราไม่เคยที่จะเป็นเจ้าสาวที่น่ารักของพระเยซูใช่ไหม...?
- เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ผิดพลาดที่คริสเตียนทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็คือไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำ เราต้องทำหน้าที่น่ะ เพื่อที่จะมีส่วนในอาณาจักรที่กำลังจะมา ถ้าหากเราไม่ทำอะไร ไม่รับใช้ ไม่สำแดงชีวิตพระเยซู เราก็รอดน่ะโดยพระคุณพระเมตตาของพระเจ้าเราก็รอด (แต่เหมือนลอดผ่านพ้นไฟ ใน 1 โครินธ์ 3:12-15 คือไม่มีบำเหน็จให้ เราได้รอด)
...
• สำหรับการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน ก็คือเพื่อชีวิต เป็นเรื่องของการสำแดงตัวตนของพระคริสต์ คือชีวิต และนิสัยของพระองค์ผ่านเรา ทั้งชีวิตภายใน และฤทธิ์เดชภายนอกเป็นพลังยิ่งใหญ่ ในพระคัมภีร์ภาษากรีกใช้คำว่า ไดนาไมต์ ก็คือระเบิด ไดนาไมต์ มันแรงมันมีพลังมากเท่าไหร่เรารู้น่ะ
การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน ก็คือชีวิตของพระคริสต์ที่อยู่ภายในเรา ถ้าหากเราเชื่อว่าเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เราเชื่อว่า เอเมนข้าพระองค์ทำบาปไม่ได้ เอเมนข้าพระองค์ทำบาปไม่ได้ ไม่ได้ๆ เพราะว่าพลังยิ่งใหญ่เหมือนระเบิดไดนาไมต์อยู่ในข้าพระองค์แล้ว เป็นชีวิตของพระเจ้าชีวิตของพระเยซู เราก็ไม่ทำ คือเป็นธรรมชาติใหม่ ไม่ทำเอง เราอยากทำแต่ทำไม่ได้ อยากสูบบุหรี่ซึ่งเมื่อก่อนเคยสูบ แต่ตอนนี้มันสูบไม่ได้ อยากกินเหล้าก็กินไม่ได้ อยากคิดกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงก็คิดไม่ได้ เพราะว่าเป็นพลังระเบิดไดนาไมต์ที่อยู่ในเรา เอเมน
• ส่วนเรื่องการรับใช้ เรื่องการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอก เป็นอำนาจเป็นฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่ที่มาจากพระเจ้า การรักษาโรคเราแตะครั้งเดียว การไล่ผีเราไล่ครั้งเดียว การทำอะไรหลายอย่างเราทำเพียงแต่ครั้งเดียวมันก็ไป แต่โดยความเชื่อ ความเชื่อเราน้อย บางครั้งอาจจะต้องไล่หลายครั้ง บางครั้งอาจจะต้องวางมือรักษาโรคหลายครั้ง บางครั้งอาจจะต้องใช้ความเชื่อมากกว่าเก่าเพื่อชีวิตพระคริสต์จะสำแดงผ่านเรา มันอยู่ที่ความเชื่อของเรา มีความเชื่อน้อย ก็เห็นน้อย มีความเชื่อมาก ก็เห็นมาก เอเมน
สรุป..
- เรื่องการใช้ของประทาน
- เรื่องการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอก
ขอให้เราจำสิ่งนี้ คือของประทานพระเจ้าให้บางคนมีของประทานที่ไม่เหมือนกัน และพระเจ้าให้บางคนมาก พระเจ้าให้บางคนน้อย แต่ทุกคนมีของประทาน ทุกคนมีแน่นอนอย่างน้อย 1 ของประทาน ถ้าไม่มีจริงๆ และเราเลือกไม่ได้ พระเจ้าเป็นคนเลือกให้ (เราเพียงแต่ค้นหาของประทานที่พระเจ้าให้และนำมาฝึกใช้)
.....
และสำหรับเรื่องการดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เมื่อเราเข้าใจบทเรียน 01 โดยการเปิดเผยจากพระวิญญาณแล้ว ขอให้เราเรียนรู้ ใช้เวลาอยู่กับความรู้เหล่านี้ ถ้าหากเราจะดำเนินชีวิตคริสเตียนฝ่ายวิญญาณจริงๆ เราต้องเข้าใจจริงๆ
และอีก 6 สิ่งซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่เราควรขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงได้ ผ่านมา เราเคยเป็นคริสเตียนศาสนา เราพบมานาฯ เราได้ชิมลิ้มรสพระคำพระเจ้าที่มีรสชาติหอมหวาน เราขอบพระคุณพระเจ้า เราจะมาถึงเรื่องในบทเรียน 02