ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ทรงเปิดตาเราเข้าสู่ ยอห์น 13:12-20
ในข้อที่ 12 พระเยซูตรัสคำหนึ่ง พระองค์ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเข้าใจในสิ่งที่เราได้กระทำแก่ท่านหรือ" ก็คือพระเยซูล้างเท้าของสาวกทั้งหลาย แล้วพระเยซูถามคำถามนี้ "ท่านทั้งหลายเข้าใจในสิ่งที่เรา กระทำแก่ท่านหรือ"
เรารู้กันดีนะครับว่าชาวยิวทุกคน ทุกคนนะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตเข้าใจดีรู้ดี ใครที่ไปเยี่ยมบ้านใคร เจ้าของบ้านจะต้องล้างเท้าให้แขกที่มาเยี่ยม ไม่ล้างเองก็ต้องให้คนใช้เป็นคนล้างให้ ทุกคนต่างก็รู้ดี แล้วทำไมพระเยซูพูดคำนี้ออกมา คือ "ท่านทั้งหลายเข้าใจในสิ่งที่เรากระทำแก่พวกท่านหรือ"
จริงๆ แล้วก็คือเป็นคำถามที่ถามถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ เข้าใจกันนะครับ คือมันมีความหมายที่ซ่อนอยู่ มันมีเรื่องเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ เกี่ยวกับการล้างเท้านี้ เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงถาม เราจึงเข้าใจนะครับ อ้อ มันไม่ใช่การล้างเท้าจริงๆ
ไม่ใช่เอากะละมังมา แล้วก็เอาเท้าจุ่มลงไป แล้วเจ้าของบ้านก็จะล้างเท้าให้ หรือพี่น้องคริสเตียนมาเจอกัน หรือไปที่คริสตจักร แล้วก็เอากะละมังมา เอาน้ำใส่ เอาเท้าลงไป แล้วก็อีกคนก็ล้างให้ ..มันไม่ใช่..
แต่มันเป็นเรื่องที่มีความหมายที่ซ่อนอยู่ เป็นเรื่องของเบื้องหลังของการล้างเท้าจริงๆ ขอให้เราเข้าใจตรงนี้
ถ้าพระเยซูไม่พูดว่า "ถ้าเราไม่ล้างเท้าให้ท่าน ท่านจะเข้าส่วนหรือมีส่วนในเราไม่ได้"
ถ้าพระเยซูไม่พูดคำนี้ และถ้าพระเยซูไม่ถามคำถามนี้ที่บอกว่า "ท่านทั้งหลายเข้าใจหรือในสิ่งที่เรากระทำแก่ท่านตอนนี้"
ถ้าพระเยซูไม่พูดสองคำนี้ เราจะเห็นว่ามันก็เป็นการล้างเท้าธรรมดาทั่วไป แล้วพระเยซูบอกว่าล้างเท้าซึ่งกันและกัน เราก็จะทำจนถึงทุกวันนี้ แต่...!!!
แต่เนื่องจากว่าพระองค์บอกว่า "ถ้าเราไม่ล้างให้ท่าน แล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้" และท่านไม่เข้าใจใน "สิ่งที่เรากระทำในขณะนี้ ท่านยังไม่เข้าใจ แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ"
แสดงว่าเป็นการล้างใจ เนื่องจากว่าความหมายฝ่ายวิญญาณ เท้าก็คือใจ เท้าเดินไปเดินมา มีดิน มีผงดิน มีฝุ่น เท้าจะสกปรก เพราะฉะนั้นก็จะต้องล้าง ทำไมไม่ล้างทั้งตัวไม่อาบน้ำเหมือนเปโตรถาม เนื่องจากว่าคริสเตียนทุกคนที่รับเชื่อ ที่ได้บังเกิดใหม่ ก็คือสะอาดแล้ว พระเจ้าเรียกว่าเป็นคนชอบทำบริสุทธิ์แล้วสำหรับพระเจ้า ..แต่ยังมีแต่..
แต่...ในชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน เนื่องจากว่าโลกนี้มาถึงสุดท้ายของปลายยุคแล้ว สุดท้ายของยุค การล่อลวง การทดลอง มันมีเต็ม รอบข้างเรามันมีเต็มเลย หน้า ข้าง ซ้าย ขวา หลัง ข้างบนทุกที่ทุกแห่งทุกหนมีแต่การทดลองทั้งนั้นเลย แล้วมันจะดึงเราให้กลับไปสู่ชีวิตฝ่ายอาดัม ฝ่ายเนื้อหนังได้ง่ายมาก ง่ายนิดเดียว
เพราะฉะนั้นพระเยซูรู้ดีว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเราที่เป็นบุตรพระเจ้า ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงให้มี "คริสตจักร" ขอบคุณพระเยซู
และสิ่งที่สองที่ตามมาก็คือพระองค์ต้องการให้คริสตจักร ก็คือพระกายของพระองค์ พี่น้องร่วมกันในพระกายนี้ล้างเท้าซึ่งกันและกัน ก็คือ ดึงใครก็ตามที่ออกไป หลุดไปเมื่อไหร่ดึงกลับมา หลุดออกไป ดึงกลับมา บางคนรับการดลใจจากพระเจ้าในแต่ละวันเพื่อดึงพี่น้องมาบ่อยมาก
แล้วเรานะครับ เมื่อเราร่วมกันสามัคคีธรรมเมื่อไหร่ ถ้าเป็นไปได้นะครับ พระเจ้าต้องการให้เราทุกคน ทุกคนเลย ร่วมกันล้างเท้ากันและกัน
อย่านิ่งเฉย อย่านั่งฟัง แค่นั่งฟังเท่านั้น คือบำเหน็จ พระพร พระคุณจะมีมากมายสำหรับเรา ที่ชอบล้างเท้าผู้อื่น
ก็คือการนำเข้ากลับมาเดินในความเชื่อ ไม่ต้องกลัวนะครับว่าเขาจะน้อยใจหรือไม่พอใจหรือชอบไปยุ่งเรื่องของเขา
แต่เราทำหน้าที่ของเรา คือพระวิญญาณควักเรา เราก็ไปควักเขาต่อ แล้วบอกว่า "วันนี้เราคุยกันเรื่องพระคัมภีร์ขอถามหน่อย พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นยังไง หรือคุยกันดีไหม หรือเราอธิษฐานกันดีไหม เพราะว่าตอนนี้อยากชวนอธิษฐาน"
คืออะไรก็ตามนะครับ ที่เกี่ยวกับเรื่องการนำเขากลับมาสู่การใช้ชีวิต ดำเนินชีวิตอยู่ในพระคริสต์และเดินในพระคริสต์ในแต่ละวัน เราทำ
และแม้แต่การสามัคคีธรรม ขอย้ำอีกครั้งนะครับ
การสามัคคีธรรมทุกสัปดาห์ เราคุยกัน เราพูดไม่มากก็น้อย
อายก็ขอพระเจ้าให้ชำระเรื่องการอายไม่ต้องมี แล้วก็พูดออกมานะครับ
พระเจ้าต้องการให้หลายคนพูด และเราก็ดีใจใช่ไหม ถ้ามีพี่น้องหลายๆ คนพูดด้วยกัน มันจะมีสิ่งใหม่ๆ จะมีสิ่งที่เราคาดไม่ถึง คิดไม่ถึง ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ต้องการจะพูดจากคนนู้นคนนี้
...
สำหรับข้อที่ 13 ที่พระเยซูตรัสว่า "ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าพระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า"
คำนี้จริงๆ แล้ว ภาษากรีกเรียกว่า ครูและเจ้านาย ท่านทั้งหลายเรียกเราว่าครูและเจ้านาย ท่านเรียกถูกแล้ว
พระเยซูคือครู และพระองค์เป็นเจ้านาย แต่จริงๆ แล้วคำ Lord หรือเจ้านาย
สำหรับพระคัมภีร์ใหม่ที่สาวกเขียน เราจะพูดว่าพระผู้เป็นเจ้า ก็ได้ คือเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็น God เป็นพระเจ้านะครับ แต่เป็นเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือก็เหมือนพระเจ้านั่นแหละ ซึ่งคำว่าเจ้านาย เราจะเรียกนายเราที่เป็นเจ้าของบริษัทก็ได้ หรือเจ้าของร้านที่เราไปทำงานให้เขาก็ได้
แต่คำว่า เจ้านาย หรือ Lord คำนี้ เป็นเหมือนกษัตริย์ หรือเป็นเหมือน ผู้ใหญ่ เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ และเราเอามาใช้ สาวกเอามาใช้เขียนเพื่อ ยืนยันว่าพระเยซูเป็นเจ้านาย เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วทำไมพระเยซูตรัสว่า (ข้อที่ 14) "เราเป็นเจ้านายเป็นครู ขณะนี้นะเรายิ่งใหญ่ขนาดนี้ เรายังอุตส่าห์ล้างเท้าพวกท่าน"
ความหมายก็คือ พระองค์เป็นพระเจ้าและพระองค์เป็นผู้ที่ล้างใจเราทั้งหลาย หนุนใจเรา เตือนเราให้กลับมาเดินในวิญญาณ
เพราะฉะนั้นเราที่เป็นสาวกของพระเยซู ก็ต้องถ่อมใจเหมือนกัน เพื่อที่จะนำพี่น้องกลับมาเดินอยู่ในพระวิญญาณ และอยู่ในวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ
เพราะว่าอาจจะมีคริสเตียนบางคน หรืออาจจะมีหลายคนที่ไม่ชอบหนุนใจใคร ไม่ชอบไปคุย ไปพูด ไปสามัคคีธรรมกับใครเรื่องพระคำพระเจ้า อาจจะเป็นเรื่องของตำแหน่ง อาจจะเป็นเรื่องของเกียรติศักดิ์ศรี หรืออะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นหลายคนไม่ชอบ
แต่สำหรับเรา พระเยซูเป็นเจ้านายเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ เป็นพระเจ้า แล้วพระองค์ก็ยังถ่อมใจ เพื่อที่จะหนุนใจพี่น้องของพระองค์ในคริสตจักร เพื่อกลับมาเดินในวิญญาณตลอดเวลา
เพราะฉะนั้นเราเป็นสาวก เราต้องทำเหมือนพระองค์ทำ สำหรับพี่น้องที่ผ่านมานะครับ ไม่คิดตระหนัก ถึงความสำคัญของการล้างใจของพี่น้อง
ผมหนุนใจเรานะครับ คือพระวิญญาณต้องการให้เราทุกคนมีส่วนในการล้างใจกันและกัน
วันอาทิตย์เราสามัคคีธรรม เรานมัสการพระเจ้า เราก็ล้างใจกัน เราอยากเข้ามาฟังเฉยๆ นะครับ
ผมอยากให้เราทำหน้าที่ของเราที่พระเจ้าต้องการให้ทำ เพื่อพระคุณที่ยิ่งใหญ่ ความรัก พระเมตตา พระพร บำเหน็จ ในชีวิตนี้และในชีวิตหน้าก็เป็นของเรา
อีกครั้งนะครับ เราเห็นว่าการทดลอง การทดสอบ การล่อลวง ในโลกนี้ตอนนี้มันมีเยอะมาก มันมีทุกด้าน กิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลง มันมีทุกด้านเพื่อล่อลวงเรา ให้หลุดออกมาจากการเดินในวิญญาณ เดินในพระคริสต์
เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน เราต้องทำหน้าที่ของเรา เพื่อที่จะดึงพี่น้องกลับมา ก็คือการล้างใจ ก็คือการชวนเขาอธิษฐาน ชวนเขาพูดถึงเรื่องพระคำพระเจ้า ชวนเขามาร่วมสามัคคีธรรม ชวน นะครับชวน แล้วก็สำหรับพี่น้องในกลุ่มก็โพสต์ต่อไป ทำหน้าที่ต่อไป
พระคุณของพระเจ้าเราก็จะไม่ขาด พระคุณจะเต็มล้น และการเดินในชีวิตนี้ก็จะมีความหมายอย่างมากมาย การรับใช้ของเราก็จะเกิดผล