ลก. 10:30–37
30 พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงไปจากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น โจรนั้นได้แย่งชิงเสื้อผ้าของเขาและทุบตี แล้วก็ละทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว
คำอธิบาย:
(1.) “มีชายคนหนึ่ง…” คือนักกฎหมายคนนี้ ที่มาท้าทายและทดสอบพระเยซูเพื่ออวดเพื่อนๆ และยิวที่มายืนฟังพระเยซู พระเยซูมักจะใช้คนที่ถามมาเป็นตัวละครในคำอุปมาของพระองค์ เพื่อให้เขาได้เห็นคำตอบมากกว่าทุกคน ยกตัวอย่างเรื่อง คนงานในสวนองุ่นที่ไม่พอใจค่าจ้าง คือเปโตร
(2.) “ลงไป…” ใครก็ตามที่รักษาพระบัญญัติด้วยกำลังอาดัมเหมือนยิว คือกำลังลง ไม่ได้ขึ้น เพราะต้องแบกภาระหนักมาก
(3.) “จากกรุงเยรูซาเล็มจะไปยังเมืองเยรีโค…” กรุงเยรูซาเล็มมีพระวิหาร คือที่ประทับของพระเจ้า เยรีโค คือเมืองที่ถูกสาปแช่ง เมื่อยิวรักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด เขากำลังออกไปจากพระเจ้าสู่การสาปแช่ง เพราะรักษาไม่ได้อย่างครบ (กท. 3:10)
(4.) “และเขาถูกพวกโจรปล้น…” พวกโจร คือฟาริสี สะดูสี ธรรมาจารย์ และหัวหน้าฝ่ายศาสนายิว ที่บังคับให้ชาวยิวรักษาพระบัญญัติ ใครทำผิดหรือละเมิด ก็จะนำคนนั้นมาเฆี่ยนดี ทุบตี และลงโทษ
(5.) “โจรนั้นได้แย่งชิงเสื้อผ้าของเขาและทุบตี แล้วก็ละทิ้งเขาไว้เกือบจะตายแล้ว…” คือลงโทษด้วยการขว้างหินใส่ ต้องนำเงินไปซื้อสัตว์เพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาปที่พระวิหาร และสิ้นหวังเพราะยังต้องแบกภาระหนัก (พยายามรักษาพระบัญญัติ) ในแต่ละวัน ไม่มีใครช่วยรักษาแทนใครได้
ยิวทุกคนอยู่ในสภาพที่ตายและใกล้ตาย เนื่องจากพระบัญญัติที่ผู้นำศาสนาใช้เพื่อทุบตีเขา พระบัญญัติไม่ได้ให้ชีวิต แต่ฆ่า พระคุณ คือพระคริสต์ประทานชีวิตให้เรา
นี่คือสภาพของคนที่พยายามรักษาพระบัญญัติ (สำหรับพระเจ้ามอง)