ถาม.
ยังมีบทเรียนที่แข็งกว่านี้อีกไหมครับอาจารย์
ตอบ.
บทเรียนที่แข็งกว่านี้ก็คือหนังสือวิวรณ์ อีกอย่างหนึ่งบทเรียนที่แข็งกว่านี้จะเป็นจดหมายฝากของเปาโล คือพี่น้องท่านนี้ยังใหม่แค่นี้ถือว่ายังใหม่ แล้วก็พวกเรานี้ก็เข้าสู่ก็ยังถือว่าเป็นกายใหม่ไปหน่อยหนึ่ง แข็งกว่านี้จะเป็นจดหมายฝากของอาจารย์เปาโล
1. จะเป็นเรื่องการฝึกชีวิตที่สูงกว่าเก่า
2. จะเป็นเรื่องการเข้ามาฝึกสูงกว่าชีวิต ก็คือเรื่องการอยู่ร่วมกันอันนี้แข็งที่สุด
คริสเตียนพี่น้องอยู่อเมริกาเคยเจอมาแล้ว เรื่องแข็ง ก่อนจะได้เป็นคริสตจักรก่อนจะอยู่ร่วมกันได้ ไม่ง่าย ต้องตีต้องผิดกัน ต้องยุ่งยากกว่าจะเป็นคริสตจักรเดียวกันได้ กว่าจะเข้าใจกัน อันนี้คือสูงสุด
และพี่น้องที่เมืองไทยก็มีปัญหาเหมือนกันจะเป็นหนึ่งเดียวกันยากมาก จะเป็นคริสตจักรผู้ชนะ คริสตจักรฝ่ายวิญญาณ ยาก ยาก คืออยู่ด้วยกันไม่ได้ มีปัญหาเรื่องความเชื่อ มีปัญหาเรื่องการนมัสการร่วมกันความคิดของคนนั้นคนนี้ไม่ถูกกัน อีกอย่างพอเข้ามาปุ๊บ สะดุดอาจารย์ สะดุดผู้นำที่เอามานาที่ซ่อนไว้ไปให้ เขาก็สะดุด เขาก็แตกแยกกันไป คือใช้ไม่ได้ พูดตามตรงว่าใช้ไม่ได้
คือถ้าคุณจะเป็นคริสตจักรผู้ชนะ คุณจะเป็นคริสตจักรที่คุณจะเจอแข็งกว่า แข็งมากๆ เข้าสู่มนุษย์เหล็ก แข็งมากๆ ก็คือคุณต้องผ่านหมดไม่สะดุดอาจารย์ ไม่สะดุดผู้นำ ไม่สะดุดใคร คือยอมรับ ยอมเสียเปรียบ ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบทุกๆ คนใครเสนออะไรมาคุณรับเอาหมด เอามาแก้ไขมาช่วยกันใครอยากทำอะไรก็ทำด้วยกัน คือไปด้วยกันเหมือนฝูงปลาลูกคอก คนที่จะเป็นคริสตจักรผู้ชนะเข้ามาแข็งๆ ได้ คือพวกฝูงปลาลูกคอก แล้วแม่ปลาคือใคร อาจารย์...ไหม? ไม่. "พระเยซู" ผู้นำไม่ใช่แม่ปลาลูกคอก แต่คือ "พระเยซู"
แต่ทุกวันนี้คริสตจักรไหนที่คิดว่าอาจารย์เป็นแม่ปลาลูกคอก เป็นไปไม่ได้ล้มเหลว
เพราะฉะนั้นเมืองไทยเมืองลาวอีกหลายเมืองแถวๆ นี้ยังเข้าสู่แข็งยังไม่ถึง ก่อนที่พี่น้องท่านนี้จะมาถึงจุดนี้ ต้องอาศัยเราทุกคนที่แข็งด้วยกันและเราจะเรียนเรื่อง "คริสตจักร" บทเรียนเรื่อง "คริสตจักร" แข็งกว่าหมู่ แข็งและก็ยาก
เพราะว่าต้องอาศัยหลายคนมันมีหลายสมองหลายความคิดมาอยู่ด้วยกัน ยากมาก ขนาดพ่อแม่มีลูก แต่ละคนมีลูก 4-5 คนก็เข้ากันยากแล้ว เราคริสตจักรเป็น 10-20 ยิ่งยาก
แต่ คือมันต้องมี พระเจ้ากำหนดว่าจะมีคริสตจักรผู้ชนะทุกๆ ประเทศ ถ้าไม่ใช่กลุ่มเราก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งแหละ คือเราต้องมีแต่ยังไงพระเจ้าไม่ท้อพระเจ้าก็ทำงาน แล้วทุกวันนี้พวกเรามาถึงวันนี้ เรามาถึงวันนี้ได้ คุณรู้ไหมเพราะอะไร "ก็พระเจ้า" เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรห้ามแตกต่าง ขอให้เป็นหนึ่งเดียว คือแข็งที่สุด คือเป็นหนึ่งเดียว
และอาจารย์กำลังค่อยๆ ป้อนให้พวกเราค่อยๆ เป็นไปทีระดับๆ ขึ้นไป สำหรับพี่น้องบางคนเขาฟังเยอะเข้าใจเยอะแล้วมันถึงจุดที่แข็งแล้ว แต่ยังมีจุดหนึ่งที่แข็งกว่าที่อาจารย์พูดก็คือ "คริสตจักร" คือการเรียนบทเรียนของอาจารย์เปาโลที่สอนเรื่อง "คริสตจักร"
...
ถาม.
อาจารย์แต่พวกเราผ่านจุดที่แตกหักมาแล้วใช่ไหมคะ
ตอบ.
กำลังอยู่ในจุดแตกหัก กำลังอยู่ คือแต่ละคนจะเจอปัญหาเจอมรสุมเจอนี่เจอนั่นเข้ามาๆๆ เรื่อยๆๆ แล้วใครที่มาถึงชีวิตที่ค่อยๆ ราบรื่นขึ้น ดีขึ้นแล้ว คนนั้นก็ผ่านแล้ว ครั้นพี่น้องผ่านมรสุมผ่านอะไรมาเยอะแล้ว แล้วตอนนี้เริ่มดีขึ้น ชีวิตโอเคค่อยๆ ดีขึ้นไปแล้วเห็นแล้ว ก็แสดงว่าผ่านแล้วผ่านจุดแตกหัก คือ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะแตกหักพร้อมกันไม่ใช่. คำว่าแตกหัก คือการเจอมรสุมของชีวิตอันนี้ของใครของมัน แต่ละคนเรียนเยอะน้อยแค่ไหน แตกหักน้อยแค่ไหน ช้าเร็วแค่ไหนแล้วแต่ละคน
ไม่ใช่ว่า มา มาแตกหักพร้อมกันพวกเรา ให้พระเจ้าใส่มรสุมชีวิตเราแต่ละคนพร้อมกันเลย มานั่งหักมาม่า 1 ห่อ 4 ชิ้นกินด้วยกัน ไม่ เข้าใจน่ะครับ
...
ถาม.
คริสตจักรหมายถึงว่าถ้าเราทุกคนมาอยู่ร่วมกันแล้วจะมีการสะดุด แต่ว่าถ้าเราถึงจุดนั้น ก็คือ จะไม่สะดุด
ตอบ.
ใช่ คือเรา ยอม เราต่ำ ถ่อม ยอม เสียเปรียบ เอาคำนี้เป็นหลัก เอาพระเยซูเป็นศูนย์กลางเราอยู่ได้ คริสตจักรที่ไม่เอาพระเยซูเป็นศูนย์กลาง เอาอาจารย์เอาผู้นำเป็นศูนย์กลางพอเขาทำอะไรผิดก็สะดุด หรือว่าเอาพี่น้องเป็นศูนย์กลาง พอพี่น้องทำอะไรผิด พูดไม่ถูกหูเราก็สะดุด ก็แยกกันแตกกันอันนั้นไม่ได้
คือถ้าเรามาถึงจุดที่ว่าใครทำอะไร แล้วเราไม่สะดุด เรายอมเขา คุยกันได้ มานั่งคุยกันได้
สมมุติว่าวันหนึ่งผมกับพี่น้องท่านนี้ คือ มีเรื่องขัดแย้งกัน แล้วเราไม่มาคุยกัน เราไม่ใส่ใจที่จะแก้ไข อันนี้คือมันไม่ใช่ แล้วที่นี้ไม่ใช่แต่ผมกับพี่น้องท่านนี้ คือ ผมกับคุณด้วย คุณกับเขาด้วย เขากับคุณด้วย เขากับเธอ เธอกับเขา คือแต่ละคนมันแยกกันอยู่ไม่ใช่เป็นหนึ่งเดียวแล้ว สุดท้ายก็ไปกันไม่ได้
มีอะไรเราคุยกัน มีอะไรก็ตามขอให้เราคุยกัน ตั้งกลุ่ม Messenger เพื่ออะไร ไม่ใช่ตั้งเพื่อคุยเรื่องอื่นนะ ตั้งเพื่อให้คริสตจักรแข็งแรง มีอะไรคุยกันเถอะ อย่าเกรงใจ ห้ามเครียดไม่ให้เครียดกัน
---
จะอะไรก็ตามอาจารย์อยากแนะนำอย่างหนึ่งน่ะครับ คือ ชีวิตพวกเราไม่ใช่พวกเราอยู่เพื่อหน้าฉาก เราน่ะครับไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อหน้าฉากอะไรที่มันเกิดขึ้นหน้าฉากอย่าไปสนใจ
ให้เราสนใจหลังฉาก หลังฉากแปลว่าอะไร หลังฉากแปลว่าพระเยซูมองดูอยู่ ให้ทูตสวรรค์บันทึกสิ่งที่เราทำทุกวันน่ะครับ
คุณอยู่ต่อหน้าเขา คุณไม่ยอมเสียเปรียบ คุณบอกว่าคุณทำอันนี้ผิดนะ รับไม่ได้นะ คุณต้องแก้ไขนะ ตรงนี้ผิดนะ ไปตัดสินคนนู้นคนนี้ไปพูดว่าคนนู้นคนนี้ คือไม่มีความรักให้กับเขา สุดท้ายใครจด ใครมีปัญหา ตัวคุณเองนี่แหละจะมีปัญหา ขอให้คิดแบบนี้ ถ้าคิดแบบนี้ได้คุณก็จะยอมคนอื่นได้
---
ถ้าสมมุติว่าปลาน้อยเขาทำอะไรผิด เมื่อเช้าเราตื่นนอนเขาไม่ปลุกผม ผมบอกว่าเก้าโมงครึ่งเราจะมาคริสตจักรจะออกจากบ้าน แต่ปรากฏว่าเขาเฉยเมยเขาใช้เวลาอยู่กับเกี่ยวกับเขา คิ้วยังไม่เสร็จ ทรงผมดูดีไหม คือสำรวจต้องใช้เวลาสำรวจเพื่อให้ดูดีทุกอย่างก่อนจะออกจากบ้าน ที่นี้เก้าโมงสี่สิบนาทีเขาปลุกพี่ๆๆ ตื่น เราจะออกจากบ้านเก้าโมงครึ่ง เขาปลุกผมเก้าโมงสี่สิบนาที ที่นี้ผมตื่นนอนผมเห็นว่า เอ่อ เนี่ยเธอไม่ได้แล้วเธอ ผมบอกว่าเธอไม่ได้นะ เขาก็ขอโทษๆๆๆๆ เราก็เลยใจอ่อน ก็เลยใจอ่อนเราก็มาเห็นมั้ย
คือเราอย่ามองที่ความผิดของใคร อย่ามองที่ความผิดของเขา คือเรามองที่หลังฉากว่าใครกำลังจดเราอยู่
พระเจ้าดูเรา ถ้าเราตัดสินๆๆๆ โกรธเขาหรือว่าตัดสินแต่เขาใช่ไหม ใครที่หัวใจไม่บริสุทธิ์ เราเองน่ะ อย่าไปตัดสินอย่าไปเอาหน้าฉากอย่าอยู่เพื่อหน้าฉาก แต่อยู่เพื่อหลังฉาก ก็คือให้พระเยซูมองเรา เราทำดีที่สุดทุกอย่าง พูดดี ทำดี คิดดี คิดบวก ทูตสวรรค์จดไว้อยู่ว่าเราทำอะไรแต่ละวัน ทูตสวรรค์ไม่ได้จดว่าคุณถูกคุณทำดีแล้วไม่ใช่ ทูตสวรรค์จดว่าเรามีความรักไหม เราปล่อยความรักออกไปไหม เอเมน นี่คือชีวิตที่แท้จริงของพวกเราแต่ละวัน