ถาม.
กรณีที่ว่าเราฝึกเดินด้วย แต่ว่าเราก็ยังทำบาปอยู่ แล้วเราก็มีความรู้สึกเราฟ้องผิดเราวิตกกังวลอะไรประมาณนี้ครับ ก็คือเราก็ยังทำบาปอยู่ทุกวันแบบนี้ มันต้องแก้ไขยังไงครับ
ตอบ.
การแก้ไขนะครับ
** ข้อแรกต้องกำจัดอาการฟ้องผิดที่อยู่ภายในจิตใจของเรา
กำจัดยังไง?
ต้องเรียนรู้ ต้องเข้าใจ ต้องกลับไปฟังคลิปใหม่ที่ผมเคยพูดเรื่องพระโลหิตของพระเยซู ที่สามารถช่วยเราและพระโลหิตนี้พระเจ้าพระบิดาตั้งไว้เพื่อให้เราไม่ต้องฟ้องผิดอีกต่อไป ทุกครั้งที่เราฟ้องผิด เราคิดถึงพระโลหิตของพระเยซู และคิดถึงพระสัญญาของพระเจ้า
เราจำกันได้ไหมข้อที่พระเจ้าเขียนน่ารักมากผ่านเปาโล "ขอให้เรามีใจกล้า" ถ้าเรามีอาการฟ้องผิด เราจะไม่ค่อยกล้าเข้าหาพระเจ้า เราจะกลัวๆ ใช่มั้ย กล้าๆ กลัวๆ แต่เมื่อเราจำได้ว่าพระโลหิตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และมีค่ามากกว่าที่คริสเตียนมากมายเข้าใจ
ไม่มีใครเข้าใจพระโลหิตของพระเจ้าอย่างครบ แต่พี่น้องที่รับการเปิดตาด้วยมานาแล้ว เราจะเห็นว่าพระโลหิตถูกตั้งไว้โดยพระเจ้าพระบิดาและพระเยซู เพื่อให้เราไม่มีอาการฟ้องผิด เราจะทำบาปกี่ครั้งก็ตามร้อยครั้งพันครั้ง เราเคยมีไหมครับพระคัมภีร์ข้อไหนที่บอกว่าห้ามทำบาปถึง 5 ครั้งหรือ 7 ครั้งมีไหม?
แต่มีข้อหนึ่งใช่ไหม มีข้อหนึ่งที่บอกว่า 70×7 ก็คือเราทำบาป 490 ครั้งต่อวัน พระเจ้าก็อภัย ยกโทษให้ และพระเจ้าจะต้อนรับเรา เมื่อเราเข้ามาทางพระโลหิต มีพระคัมภีร์บางตอนที่บอกที่สัญญาว่าให้เราไม่ต้องฟ้องผิดอีกต่อไปเนื่องจากพระโลหิตตั้งไว้แล้ว
...
** ข้อที่สองข้อต่อมา เมื่อเราอยู่ในการที่ไม่กลัวและไม่ฟ้องผิดแล้ว เราสารภาพ เราขอบคุณ เราบอกรักเหมือนเดิม กลับมาสู่ความสัมพันธ์ผูกพันที่ดีกับพระเจ้า
อันต่อมาก็คือ สนิทในพระเยซู สนิทมากๆ เมื่อเราสนิทมากเท่าไหร่ เราก็จะเกิดผลมากเท่านั้น พระเยซูตรัสว่าจงสนิทในเราและเราสนิทในเจ้า แล้วเจ้าก็จะเกิดผลมาก ยอห์น 15:5
นี้นะครับคือเคล็ดลับไม่ได้ยากอะไร ซาตานมันทำให้เรากลัว ซาตานมันทำให้เราไม่มั่นใจเมื่อเราผิดเมื่อเราทำบาปบ่อย เป็นเรื่องธรรมดานะครับ มนุษย์เราตกต่ำ มนุษย์เสื่อมแล้ว มนุษย์ป่วย แน่นอนครับเราจะทำบาปเป็นประจำ แม้แต่เปาโลก็ยังทำ แล้วก็ทำอยู่เป็นประจำ จนสุดท้ายเกือบถึง 10 ปีหรือ 10 ปีกว่าๆ ขอบคุณพระเจ้าท่านมาถึงชีวิตผู้ชนะที่ครบบริบูรณ์
เป็นคำตอบที่ชัดเจนไหมครับ
คือเราอย่าไปมองเรื่องชีวิตประจำวันที่เราทำบาปอยู่ เราไม่ต้องไปสนใจ เราใส่ใจที่เรื่องการสนิท สนิทในพระเยซู สะสมมานาเพื่อการถูกเปิดตาให้มากขึ้น...มากขึ้น มากขึ้นในแต่ละวัน เมื่อตาเราสว่างมันเป็นแบบนี้
ถ้าหากเราถูกเปิดตาน้อย เราก็ยังทำบาปมาก
แต่ถ้าหากตาเราถูกเปิดมาก เราก็จะทำบาปน้อยลง
ถ้าหากเราถูกเปิดตาน้อย เราก็จะมีสันติสุขน้อย
แต่ถ้าหากเราถูกเปิดตามาก สันติสุขก็จะมีมาก
ถ้าเราถูกเปิดตาน้อย เราก็จะมีอาการฟ้องผิดอยู่เป็นประจำและกลัวพระเจ้า
แต่ถ้าหากเราถูกเปิดตามาก อาการฟ้องผิดก็จะไม่มี เพราะว่าเรารู้แล้วว่า ขอบคุณพระเจ้าพระโลหิตตั้งไว้แล้ว เพื่อการฟ้องผิดไม่มีอีกต่อไป
ถาม.
อาจารย์ค่ะ หมายความว่าการเปิดตามาก เปิดตาน้อยหมายถึงมีตาเดียวที่เปิดขึ้น หรือว่ามีตาหลายดวงค่ะ
ตอบ.
มีตาเดียวครับ สำหรับพระเจ้านะครับไม่ใช่สองตา ตาฝ่ายวิญญาณก็คือความเข้าใจ ก็คือจิตที่ถูกเปิดให้เข้าใจในความจริงของพระเจ้า ไม่ใช่ตาสองตานี้นะ แต่เป็นตาฝ่ายวิญญาณ ก็คือพูดจริงๆ ก็คือความเข้าใจนั่นเอง
...
สำหรับประสบการณ์ชีวิตของผม
คือตอนแรกๆ ที่ฝึก ก็ทำบาปบ่อยมากแล้วรู้สึกฟ้องผิด ใช่ครับทุกคนคริสเตียนทุกคนย่อมจะรู้สึกฟ้องผิดแน่นอนเมื่อทำบาปเป็นประจำ
ยิ่งบางคนก็คิดน้อยใจแล้วก็หนีไปก็มี แบบว่าไม่เอาล่ะ คือมันหนักมาก มันยากมากการรักษาพระบัญญัติ การเชื่อฟัง การใช้ชีวิตคริสเตียนมันยาก มันไม่เหมือนคนทั่วไป
เมื่อมารับการเปิดตาถูกเปิดตา ที่พระเจ้าช่วยเราให้เข้าใจว่า เราไม่ต้องฟ้องผิดอีกต่อไป ผมก็ไม่กลัวพระเจ้าและผมก็ไม่ฟ้องผิดอีก
แล้วถามว่าผมใช้ชีวิตแบบปกติทั่วไปเหมือนคนบาปทั่วไปไหม เนื่องจากว่าพระเจ้ายกโทษให้เราทุกครั้งที่เราทำบาป
แต่อย่าลืมนะครับ เมื่อเราเข้าใจการไม่ฟ้องผิด เมื่อเราใช้ชีวิตที่สนิทในพระเยซู มีสิ่งหนึ่งที่ทำงานอยู่ในเรา อยู่ภายในเรามันจะรู้สึก รู้สึกว่าเราจะปล่อยให้ตัวเองตัวเราเองทำบาปต่อไปไม่ได้!! คือเราต้องเข้าใกล้พระเจ้า เราต้องสนิทในพระเยซู พระองค์มีพระเมตตา พระองค์ให้เราไม่ต้องฟ้องผิดอีกต่อไป ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะปล่อยให้เราทำบาปอย่างสบาย ไม่ครับ.
โรม 6:1-3 บอกว่าพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เราทำบาปอีกต่อไป และพระเจ้าไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่นอน เนื่องจากว่าพระเจ้าประหารชีวิตเก่าของเรา แล้วให้เรามีชีวิตใหม่แล้ว และการใช้ชีวิตใหม่ก็ต้องสนิทในพระเยซูอยู่อย่างสม่ำเสมอ
เพราะฉะนั้นเมื่อผมไปทำบาป เมื่อผมฟ้องผิด แล้วพระเจ้าไม่ให้ฟ้องผิด แล้วผมก็คิดอยากจะทำบาปต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ห้ามไว้ และชักนำ และดึงเราให้กลับมาอยู่ในทางของพระเจ้า ก็คือให้ทำบาปน้อยลงหรือไม่ทำบาปเลยในบางวัน ขอบคุณพระเจ้านะครับก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานอยู่ ไม่ใช่เราทำคนเดียว ไม่ใช่เราพยายามคนเดียว ไม่ใช่เราคิดคนเดียวอะไรทั้งนั้นเลย
อย่าลืมนะขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ช่วยเราอยู่ภายในเรา
บางคนพูดนะครับว่า คนที่รับมานา งมงาย เชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เทียมเท็จ สอนผิด เพราะว่าปล่อยให้ผู้เชื่อให้คริสเตียนไปทำบาปต่อแบบสบายๆ ไม่กลัว ไม่จริงนะครับ
เมื่อเราปล่อยวางทุกสิ่งให้พระเจ้าเป็นคนจัดการ เราพยายามรักษาพระบัญญัติไม่ได้ เราเชื่อฟังไม่ได้ เราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระคุณ ก็คือพระคริสต์อยู่ในเรา และเป็นหน้าที่ของพระวิญญาณที่กระตุ้นเรา ที่จะช่วยเราให้เข้ามาอยู่ในพระคริสต์เสมอเพื่อรับการชำระให้เติบโต สรรเสริญพระเจ้าเป็นการงานของพระเจ้า
...
สำหรับคริสเตียนที่ได้รับมานาและเข้าสู่ชีวิตที่ทำบาปมากขึ้น มากกว่าสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา ขอบคุณพระเจ้านะครับเรามาถูกทางแล้ว เนื่องจากว่าพระเจ้าต้องการให้เรายอมรับความอ่อนแอของเรา ให้เรายอมรับความตกต่ำความป่วยของเรา
เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงให้เราได้เห็นชีวิตตัวตนจริงๆ ของเรา ให้มันระเบิดออกมา เพราะฉะนั้นการทำบาปมันร้ายแรงมันน่ากลัวกว่าสมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา เนื่องจากว่าตอนนั้นก็คือเรากลัวเสียหน้าหรือกลัวหลายอย่าง
แต่พอมาถึงยุคที่ถูกเปิดตา ก็คือพระเจ้าต้องให้เรามองตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจเรื่องหน้าตา ชื่อเสียง เกียรติยศอะไรทั้งนั้น เป็นตัวจริงของเราเอง
และพระเจ้าให้หลายคนได้เห็นได้รับรู้ความผิดบาปของเรา และเพื่อในอนาคตเมื่อเราเปลี่ยนแปลงได้รับการชำระ มนุษย์เหล่านั้นที่เคยเห็นอาการผิดบาปที่ร้ายแรงของเรา ก็จะสรรเสริญพระเจ้าเนื่องจากว่าเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
"บอกว่าโอเคคนนี้เมื่อก่อนเนี่ยเป็นแบบนี้ทำไมเลวร้ายน่ากลัว แต่ตอนนี้น่ารักมากๆ โอ้สรรเสริญพระเจ้า เขาเป็นคริสเตียนที่เปลี่ยนใหม่ได้จริงๆ"
นี่คือการทักท้วงของคริสเตียนศาสนา และแม้แต่ชาวโลกบางคนก็ยังเห็นว่า "โอ้คนนี้เขาเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก"
และนี่แหละครับ คือที่มาของการเปิดเผย เปิดโปงตัวจริงของเปาโล และทุกคนก็จะเข้าสู่ประสบการณ์ของเปาโลเหมือนกัน
ถาม.
การทำบาปกับการเป็นมลทิน เหมือนกันไหมค่ะ
ตอบ.
การเป็นมลทินหรือการทำบาปอันเดียวกันครับผม เมื่อทำบาปก็มีมลทิน เมื่อมีมลทินก็มีบาปครับ คือทุกครั้งที่เราทำบาป เราคิดบาปทุกสิ่งที่มีความบาปเข้ามา ชีวิตของเราก็ไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์แล้ว ก็มีมลทินแล้วครับผม
แต่ขอบคุณพระเจ้าเมื่อเราสารภาพบาป มลทินนี้ก็หายไป ก็หมดไป ก็สะอาดกลับมาสู่การเป็นคนบริสุทธิ์ชอบธรรมเหมือนเดิมครับ
ถาม.
พูดถึงเรื่องทำบาปสองสามวันก่อน มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในครอบครัว ก็รู้สึกน้อยใจ แล้วก็ไม่อยากฝึกเดิน เพราะว่ามันเป็นที่ไม่ถวายเกียรติพระเจ้า แต่ว่าเราต้องเดินหน้าต่อไป
ตอบ.
เราต้องเข้าใจว่าพระเจ้าเข้าใจเราดี พระเจ้าทรงทราบ พระเจ้าเห็นใจเรา พระเจ้ารักเรา
อันนี้ขอให้พี่น้องทุกท่านที่ยังมีปัญหาเรื่องการทำบาปอยู่เป็นประจำหรือประจำวัน สิ่งนี้ขออย่าให้เป็นประเด็นสำหรับการฝึกเดินของเรา เราจะทำบาปมาก จะทำบาปเป็นที่น่าอับอาย ทำบาปจนหลายคนได้เห็นได้รับรู้สิ่งที่ไม่ดีของเรา
แต่ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าไม่เคยมองเราแบบนั้น พระเจ้ามองเราเป็นเด็ก เป็นเด็กเล็กๆ และพระเจ้าก็เข้าใจว่าเราป่วย เราไม่สบาย เราทำบาป เรามีปัญหาเรื่องจิตใจ ชีวิตอาดัมเป็นชีวิตที่น่ากลัวมาก ซึ่งบางคนก็คือทำออกมาเต็มที่ บางคนก็พยายามปกปิด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเจ้าไม่เคยใส่ใจ พระเจ้ารักเรา แล้วพระเจ้าเห็นใจ พระเจ้าเข้าใจเรา ขอให้จำสิ่งนี้ แล้วการเดินของเราจะสะดวกมากกว่าเดิม เพราะว่าเนื่องจากว่าหลายคนกลัว คิดอยากหนี ไม่อยากเอาต่อแล้ว คือมันท้อมาก เพราะว่าเห็นว่าสิ่งที่เราทำมัน...พระเจ้าน่าจะรับไม่ได้ แต่อย่าลืมพระเจ้ารับได้ พระเจ้ารู้ว่าเราจะทำ และบางคนพระเจ้าก็รู้ว่าจะทำมากกว่านี้อีก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบคุณพระเยซูที่พระเจ้ารู้และตั้งพระโลหิตไว้ เพื่อที่จะรับ ต้อนรับเราเข้ามาได้ และยกโทษให้เรา 70×7 และเพื่อพี่น้องที่ไม่เข้าใจหรืออาจจะคิดว่าแค่ 70×7 อย่าลืมความหมายเลขเจ็ด เลขเจ็ดก็คือหมายเลขที่ครบบริบูรณ์ของพระเจ้า
ฉะนั้นถ้าเราจะใช้เป็นภาษาอังกฤษก็คือ unlimited ภาษาไทยก็คือ ไม่มีกำหนด ไม่มีขีดจำกัด ก็คือยกโทษไปเรื่อยๆ เมื่อคุณทำบาปพันครั้ง และสารภาพพันครั้ง พระเจ้าก็จะยกโทษให้พันครั้ง เอเมนสรรเสริญพระเยซู
มีแต่ด้วยนะครับ สำหรับการทำบาปแต่ละครั้งไม่ได้หมายความว่าพระเจ้ายกโทษแล้วจะไม่มีการตีสอน การตีสอนจะมีมาไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่พระเจ้ามองว่ารับมากได้พระเจ้าก็ให้มาก คนที่รับน้อยได้พระเจ้าก็ให้น้อย หรือคนที่ดื้อดึงพระเจ้าก็อาจจะตีสอนโดยวิธีของพระองค์ที่ถูกต้องและเหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าเราสารภาพบาปแล้ว ก็คือทุกอย่างจะจบ ไม่ครับ. ก็คือมีการตีสอนบ้าง
ถามว่าทำไมพระเจ้าต้องตีสอนเราเมื่อยกโทษให้เราแล้ว? เพื่อเราจะจดจำ เพื่อเราจะใส่ใจ เพื่อเราเอง
"คือผมเห็นเมื่อตอนที่ผมเป็นเด็กและพ่อแม่ตีบ่อยมาก แล้วพอโตขึ้นผมรู้เลยว่า อ๋อ ถ้าพ่อแม่ไม่ตีถ้าไม่โดนไม้เรียวพ่อแม่ ทุกวันนี้ฉันก็คงจะไม่ได้ดีถึงขนาดนี้ เนี่ยเราหลายคนเคยเป็นใช่มั้ย ที่ถูกพ่อแม่ตีตอนยังเป็นเด็กเล็กๆ แต่พอโตขึ้นเห็นคุณค่าของการตี การสั่งสอนของพ่อแม่"
อันนี้ก็เหมือนกันพระเจ้าตีสอนเราเพื่อประโยชน์ของเรา เอเมน
ถาม.
บางครั้งพอพูดถึงจุดนั้นมันเลยทำให้จิตใจมันอ่อนแอ ปัญหาเกิดจริงๆ มันก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดได้ขนาดนี้ แต่ดิฉันก็ไม่รู้ว่าที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิด เพราะว่าพระเจ้าจะให้ทุกคนเห็นว่าชีวิตเราเปลี่ยนไปเหรอประมาณนี้ค่ะ
ก็คือพี่น้องค่ะถ้าฟังแล้วก็เอาไปเป็นบทเรียนนะคะ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่สวยงามแล้วก็ไม่ดีในสายตาของมนุษย์ ก็คือไม่ได้ตั้งใจมีปัญหากับลูกชายคนเล็ก ก็ตะโกนคุยกับเขานิดหน่อย เสร็จแล้วมันเหมือนกับคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยตะโกนคุย เขาก็เริ่มโมโหแล้วเขาก็ออกมาทุบตีแม่ ดิฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นอย่างงี้ เพราะว่าเขาไม่เคยเป็น แล้วดิฉันก็เลยเรียกสามีช่วย สามีเขาก็เห็นว่าลูกชายตีแม่อยู่ เขาก็เลยไปต่อยลูกชายคนเล็ก แล้วก็ทำให้มีเรื่องใหญ่โตมโหฬาร เสร็จแล้วเราก็เรียกมาคุยกันในครอบครัวว่าสาเหตุที่ทำอย่างงี้เพราะอะไรยังไง ในระหว่างที่คุยกันในครอบครัว ดิฉันเห็นลูกชาย 2 คนได้บอกว่าเขาดีใจที่แม่เปลี่ยนได้มาก เมื่อก่อนแม่ไม่เป็นแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้แม่ดีขึ้นเยอะ
ดิฉันก็เลยบอกกับพระเจ้าว่าที่พระเจ้าอนุญาตให้มันเกิดก็คงจะให้พวกเขาเห็นนิสัยลูกแค่นี้เหรอ ก็เลยรู้สึกว่าเสียใจมาก แต่ว่าเราต้องเดินต่อเนาะ ก็เลยอยากถาม อจ. ว่ามันเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะว่าตัวบาปที่อยู่ในเรามันยังไม่ตาย แล้วก็เราห่างจากการนับตายถวายตัวใหม่ไหม หรือว่าการทดสอบทดลองมันเข้ามาในครอบครัวค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องการฝึก เปาโลย้ำว่าต้องตายทุกวัน เปาโลเองก็ยังฝึกนะครับ แล้วท่านพูดนะครับข้าพเจ้าตายทุกวัน
1 โครินธ์ 15:31 "ข้าพเจ้าขอยืนยันโดยอ้างความภูมิใจซึ่งข้าพเจ้ามีอยู่ในท่านทั้งหลายโดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ข้าพเจ้าตายทุกวัน"
เพราะฉะนั้นเรา เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราต้องตายทุกวัน เอเมน
"ตื่นแต่เช้าเราบอกว่า เอเมนตายแล้วตัวเก่า เอเมนตอนนี้ตัวใหม่เป็นอยู่ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตใหม่คนใหม่แล้ว พระคริสต์อยู่ในข้าพระองค์"
คือมันก็ไม่ได้ยากอะไรใช่มั้ยการฝึกแบบนี้ ก็แค่พูดนะครับ ซึ่งเมื่อก่อนมันยากเพราะว่ามีการกระทำเข้ามามีส่วน แต่ตอนนี้เป็นการฝึกที่ง่ายมาก คือแค่พูด แล้วจิตเราจิตใจเรายอมรับสิ่งที่เราพูดว่าเป็นความจริง แค่นี้เอง
เพราะฉะนั้นตายทุกวัน..ตายทุกวัน..ตายทุกวันแล้วปัญหาทุกสิ่งก็จบ หมดสิ้นเลยนะครับ การตายทำให้ทุกสิ่งในโลกอาดัมจบ ตัวบาปก็ทำอะไรเราไม่ได้ ตัวบาปมันก็อ่อนแอไม่มีที่เกาะ ไม่มีที่จับ ไม่มีที่จะบังคับชีวิตของเรา เพราะว่าเราเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่ตัวใหม่
คือสำหรับคริสเตียนถามว่าทำไมมีปัญหาเรื่องการเลิกทำบาปไม่ได้
ถ้าสมัยเป็นคริสเตียนศาสนา เขาก็จะใส่ใจที่การเชื่อฟัง เรื่องการสนิทเป็นจุดอ่อน ปัญหาของคริสเตียนทั่วไปก็คือ ไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของการสนิท ไม่มีใครสอนในคริสตจักรว่า บอกรักพระเยซู ให้พูดคุยกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ เขาแค่บอกว่าอธิษฐานเป็นประจำนะ อธิษฐานบ่อยๆ นะ คือความหมายเขาน่าจะคิดว่าก่อนทานข้าว ก่อนนอน ก่อนที่จะไปไหน ก่อนที่จะทำอะไรแค่นั้น
แต่คำว่าอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ ก็คือพูดคุยกับพระเยซูอย่างต่อเนื่อง ภาษาอังกฤษก็คือ pray Unceasingly ก็คือพูดคุย คุยกัน สนทนาอย่างต่อเนื่อง ก็คือพูดไปเลยคุยไปมีอะไรก็คุย ยิ่งคุยมากเท่าไหร่
ขอบคุณพระเจ้านะครับเราก็สนิทในพระเยซูมากเท่านั้น เราซาบซึ้งใช่มั้ย ถ้าเราพูดกับพระเยซู คุยกับพระเยซูบ่อยๆ เป็นประจำ อาการหนึ่งจะเกิดขึ้นภายในเรา ก็คืออาการซาบซึ้ง อาการที่หลงรักพระเยซู
เพราะฉะนั้นการฝึกในยุคนี้มันง่ายมาก แค่พูด แล้วก็เชื่อในสิ่งที่เราพูด แล้วก็รอการทำงานของพระวิญญาณ
ฝึกต่อไปเราไม่ต้องท้อ เนื่องจากว่าพระเจ้าทรงเข้าใจว่าเรายังจะทำบาป และยังจะทำอีกต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องที่ถูกเปิดตา คือการทำบาปของเรามันน้อยลง แล้วเห็นผลเห็นสิ่งที่ดีเห็นสิ่งที่น่ารักเกิดขึ้นกับเรามากยิ่งขึ้น
"สำหรับผมขอบคุณพระเจ้าซึ่งเมื่อก่อน ญาติคนในครอบครัวเห็นว่าผมเป็นคนที่ก้าวร้าว เป็นคนที่ใจร้อน เป็นคนที่ขี้โมโห แต่ขอบคุณพระเจ้าตอนนี้นะครับ ก็คือทุกคนเห็นว่า เออ พูดอะไรก็เบาๆ พูดค่อยๆ คือไม่ใช้อารมณ์เหมือนอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เหมือนพี่เขา ไม่ใช่เหมือนลูกเขา เหมือนอีกคนหนึ่งที่มาอยู่กับเขา "
สิ่งนี้จะทำให้พระบิดาได้รับเกียรติ เนื่องจากว่าเราเปลี่ยนไปโดยที่พระวิญญาณในเราเป็นคนทำ เอเมน
สำหรับประสบการณ์ตอนแรกๆ ที่ผมฝึกเดิน พระเจ้าจะกำจัดปัญหาเรื่องความทุกข์ในใจของผมเนื่องจากว่าผมเป็นคนที่คิดมาก..คิดมาก..แล้วก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะร้อนรนในความเชื่อ คือเป็นคนที่เคร่งครัดมาก คือต้องเชื่อฟังให้ได้ ต้องเลิกทำบาปให้ได้ อะไรก็ต้องให้ได้ แต่เมื่อทำไม่ได้ก็เป็นความทุกข์มาก
และพระเจ้าแก้ไขปัญหานี้ ก็คือให้ผมได้เข้าใจชัดเจนเรื่องสะบาโตของพระเยซู สะบาโตใหม่ โอ้ สรรเสริญพระเจ้า
เมื่อผมพบว่าถ้าหากเราทำผิด แล้วเราเป็นทุกข์ หรือเราไม่มีความสุขไม่มีสันติสุข ก็คือเราได้ทำผิดต่อพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู เนื่องจากว่าเราไม่รักษาสะบาโตใหม่ของพระเยซู ก็คือมาเป็นทุกข์ ไม่มีสันติสุข อันนี้ขอบคุณพระเจ้าผมจึงหาวิธี พระเจ้าก็เปิดเผยทางแก้ไข ก็คือให้ผมสนิท ฝึกในการสนิทในพระองค์ จึงเข้าสู่ความซาบซึ้ง อาการร้องไห้ อาการที่เป็นคนรักของพระเยซูที่รักกันมาก และไม่กลัวพระเจ้า และขอให้พระวิญญาณเป็นคนทำกิจทุกสิ่งในผม
ก็ขอบคุณพระเจ้าก็เห็นการทำงานนี้ แล้วก็เห็นการเติบโตที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่นั้นมา จากนั้นปัญหาเรื่องบาปอื่นๆ ที่ยังทำไม่ได้พระเจ้าก็ค่อยๆ ชำระทีละจุด ทีละจุด
แต่สิ่งแรกที่ผมได้เห็นประสบการณ์ที่อยากเล่าให้พี่น้องได้ฟัง ก็คือเรื่องการแก้ปัญหาเรื่องความทุกข์ ความกังวล อาการที่เรายังเป็นห่วงว่าเราจะเลิกทำบาปไม่ได้หรือต้องเชื่อฟังให้ได้
ก็คือเข้าสู่สันติสุขก่อน จากนั้นก็สนิท แล้วเรื่องทำบาปเราปล่อย ปล่อยวาง ให้พระวิญญาณเป็นคนชำระ หน้าที่เราคือสนิทในพระเยซู และสะสมมานาให้มากเท่าที่จะมากได้
เมื่อเรามาถึงจุดที่ได้รับการเปิดตามากที่สุด เราจะพบว่าพระคำของพระเจ้า ถ้อยคำของพระเยซูจะฟ้องเรา จะเตือนเรา จะสั่งเราทุกๆ เวลา ที่เราจะออกนอกลู่นอกทาง หลงทาง หลุดไป เข้าไปอยู่ในความมืดในอาดัม คือจะมีถ้อยคำของพระเจ้าจะปรากฏขึ้นในความคิดของเรา เพราะฉะนั้นการสะสมมานา สะสมความจริงของพระเจ้าเป็นสิ่งที่เราควรทำ
อ่านเพิ่มเติม: