หนังสือมัทธิวบทที่ 5–7 เป็นกฎหมายใหม่ของพระเยซู เป้าหมายของกฎหมายใหม่ของพระเยซู คือเพื่อกำจัดมนุษย์คนเก่า หรือมนุษย์อาดัม
ไม่มีช่องว่าง หรือห้องให้มนุษย์อาดัมดำเนินชีวิตอยู่ในกฎหมายใหม่ กฎหมายใหม่นี้ต้องพึ่งพระคริสต์ในเราทำแทนเราเพื่อเรา เพราะว่าพระเจ้าไม่ต้องการมนุษย์เนื้อหนัง มนุษย์อาดัม ความดีที่ตายแล้ว ความชอบธรรมที่เรามีอยู่ สติปัญญาที่เราคิดว่า เราก็ฉลาดพอที่จะสามารถตีความหมายพระคำพระเจ้า และใช้สติปัญญานี้ในการรับใช้ การดำเนินชีวิต และการทำทุกสิ่งในแต่ละวัน
กฎหมายใหม่ของพระเยซูไม่มีห้องว่างให้มนุษย์อาดัมเลย กฎหมายใหม่มาจากพระวิญญาณ เป็นโดยพระวิญญาณ และครบบริบูรณ์ พระเจ้ายกขึ้นสู่มาตรฐานของพระเจ้าแล้ว มาตรฐานของมนุษย์ไม่มีอีกแล้ว
และถ้าหากเรารู้ความจริงนี้ เราจะไม่เดินด้วยตัวเก่า บุคคลคนเก่า มนุษย์คนเดิม มนุษย์อาดัม แต่เราเดินด้วยมนุษย์วิญญาณ
การเดินด้วยมนุษย์วิญญาณ ก็คือการที่เราเชื่อว่า เราเป็นคนใหม่ทุกวัน เราทำทุกสิ่งด้วยสภาพของคนใหม่นี้ มนุษย์คนใหม่นี้ และการงานของเราขึ้นอยู่กับการทรงนำ กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต และพระคริสต์ผู้เป็นบุคคลที่อยู่ในเรากระทำแทนเรา ผลที่เราได้รับ ก็คือบำเหน็จรางวัลที่จะไม่ถูกเผาไหม้
เพราะว่าถ้าหากเราใช้มนุษย์คนเดิม มนุษย์อาดัม เราก็จะสูญเสียบำเหน็จรางวัล และทุกสิ่งที่เราก่อขึ้นจะถูกเผาไม้ทิ้งหมด
ตั้งแต่วันที่เราเริ่มเชื่อ จนถึงวันที่เราสิ้นชีวิต เรามีผลงานมากมาย นำคนมาเชื่อได้ รักษาโรคได้ ไล่ผีออกได้ ทำงานเพื่อพระเจ้าตั้งแต่เช้ายันค่ำ
แต่ในที่สุด เมื่อเราทำด้วยตัวเก่า เราไม่รู้ว่าเราเป็นคนใหม่ บุคคลผู้ใหม่ แต่เราทำในสภาพของผู้นำคริสตจักร ผู้รับใช้ และคริสเตียนสมาชิกโบสถ์
เราไม่รู้ว่าเราเป็นบุตรพระเจ้า เป็นประชากรของอาณาจักร ไม่รู้ว่าเราไม่ใช่สมาชิกโบสถ์ แต่เราเป็นอวัยวะของพระกายของพระเยซู และเราเป็นน้องๆ ของพระเยซู ที่อยู่ในโลกนี้เพื่อดำเนินชีวิตเพื่อถวายเกียรติ นมัสการ ขอบพระคุณ ยกย่อง สรรเสริญพระบิดา
และการดำเนินชีวิตและรับใช้ทุกสิ่ง เราก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน และเพชรพลอย ก็คือให้พระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทั้งสามพระภาคคิดแทนเรา กระทำแทนเรา ดำเนินชีวิตทุกสิ่งแทนเรา ป้อนสันติสุขมาสู่จิตใจของเราเป็นระยะๆ และเรามีความสงบสุขภายในจิตใจ (Peace) กับพระเจ้า เป็นฝ่ายเดียวกัน ไม่เป็นศัตรูอีกแล้ว
เมื่อเราดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความจริงนี้ การดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5–7 ก็คือการก้าวเข้าไปสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลง พระเยซูคริสต์จะเป็นคนทำให้เราได้รับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ เมื่อเราเปลี่ยนความคิด
เลิกปักใจในเรื่องการเชื่อฟังพระเจ้า ทำงานรับใช้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ มีแต่ทำๆๆ แต่เราหันความสนใจ ใส่ใจในเรื่องรักๆๆ บอกรักพระเจ้ามากเท่าไหร่ ใกล้ชิดสนิทกับพระองค์มากเท่าไหร่ เราก็จะเกิดผลมากเท่านั้น (ยน. 15:5; วว. 2:1–7)
เราจะไม่ทำๆๆ แต่เราจะรักๆๆ เมื่อเราทำๆๆ เราก็จะเหนื่อยๆๆ แต่ถ้าหากเรารักๆๆ เราก็จะเกิดผล เกิดผล และเกิดผล
มัทธิวบทที่ 5 เน้นที่ความโกรธ และตัณหาของร่างกาย ส่วนมัทธิวบบที่ 6 เน้นที่ความหยิ่งผยองพองตัว อวดรู้ อวดดี อวดฉลาด อวดสติปัญญา อวดเก่ง และเน้นที่ตัณหาของเนื้อหนัง
ตัณหาของเนื้อหนัง คือความต้องการสิ่งของ หรือความรักในโลกนี้ สิ่งที่ยั่วยวนตายั่วยวนใจเราให้รัก ชอบ และเราให้ความสนในสิ่งนั้นมากเกินไป เช่น รถ บ้าน ทรัพย์สินเงินทอง หรืออะไรก็แล้วแต่เพื่อบำเรอความต้องการ หรือเป็นสิ่งบันเทิงจิตใจและชีวิตของเราในแต่ละวัน
ตัณหาของร่างกาย คือการใช้ร่างกายในทางที่ผิด หรือเพศสัมพันธ์
มัทธิวบทที่ 6 พระเยซูสั่งว่า ให้เราทำการดีในที่ลับลี้ เพราะว่ามนุษย์คนเก่าของเรา ตัวเก่าของเราชอบให้คนยกย่องสรรเสริญ ยกยอปอปั้น มนุษย์คนเก่าหวังหน้าตา เกียรติ ชื่อเสียง มักจะให้คนอื่นมองว่าเราเป็นคนเข้มแข็ง เป็นคนดี เป็นคนที่รักพระเจ้ามากๆ
เราจะเห็นว่า อะไรก็ตามที่ทำให้เค้าโด่งดัง เด่นดัง หรือดีได้เค้าจะทำ และพี่น้องคริสเตียนส่วนมากจะทำไม่มากก็น้อย
คริสเตียนไม่ต้องการเป็นผู้นำในกลุ่มคนหมู่มาก ก็ขอเป็นผู้นำในในกลุ่มเล็กๆ ซักกลุ่ม สามีไม่ได้เป็นผู้นำในคริสตจักร ก็ขอให้เป็นผู้นำในบ้าน และภรรยาถ้าหากไม่ได้เป็นผู้นำทั้งคริสตจักร ก็ขอเป็นผู้นำซักกลุ่มหนึ่งก็พอ หรือมาควบคุมสามีและลูกๆ ที่บ้านก็ยังดี
สำหรับมนุษย์อาดัม ส่วนมากทุกคนมีความต้องการที่จะเป็นใหญ่ มีอำนาจ และต้องการใช้อำนาจกับผู้อื่น มีเพลงที่ดังมากในสมัยก่อนชื่อ Everybody wants to rule the world. ก็คือทุกคนต้องการครอบครอง ต้องการเป็นใหญ่ และมีอำนาจ และเมื่อเรามากลายเป็นคริสเตียน เราเชื่อพระเจ้า การต้องการให้คนยกยอปอปั้น ชื่นชมยินดี ยกย่องสรรเสริญเรา มองเราว่าเป็นคนเข้มแข็ง รักพระเจ้า นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าต้องการกำจัด คือ Pride
การอวดดี อวดรู้ อวดฉลาด อวดว่าเข้มแข็ง อวดว่าเป็นคนที่มีศีลธรรม มีน้ำใจ ให้คนนู้นคนนี้ อธิษฐานก็อธิษฐานเสียยาว ลงในเฟสบุ๊ก และเปิดเผยต่อหน้าพี่น้อง ให้ทุกคนมองว่าเขาเป็นคนที่ชอบอธิษฐาน อธิษฐานได้เพราะและน่าฟัง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราพองตัว ทำให้คนอื่นยกย่องเรา สรรเสริญเรา แต่พระเจ้าต้องการให้เราอธิษฐานในที่ลับลี้
และการอดอาหารของเราก็ควรทำในที่ลับลี้ และการให้เงิน ช่วยเหลือคนยากคนจน ช่วยเหลือพี่น้องที่ขัดสน และการแจกจ่ายใช้เงินของเราในคริสตจักรและทุกที่ เราก็ควรจะทำในที่ลี้ลับ ไม่ให้ใครรู้ นอกจากคนที่เราให้เท่านั้น
และถ้าหากเราทำได้ การกระทำแบบนี้ คือการฆ่าตัวเก่าของเรา ฆ่ามนุษย์คนที่ต้องการจะเป็นใหญ่ ฆ่าคนที่อวดรู้อวดดี หยิ่งผยองพองตัว ถ้าเราทำได้ ลองดู
การที่ทำแบบนี้ คือการที่ถ่อม ไม่ยอมให้ตัวเก่าได้มีโอกาสปรากฏตัวมันออกมาใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อเราทำแบบนี้ พระเจ้าก็ทำงานในจิตใจของเรา และเรายอมให้ตัวเก่ามันตาย เราไม่ทำทุกสิ่งเพื่ออวดผู้อื่น ไม่ให้ผู้อื่นรู้ ตัวเก่ามันจะตาย และพระเยซูที่ต่ำที่ถ่อมก็จะปรากฏ
สิ่งที่ตรงข้ามกับการหยิ่งผยองพองตัว ก็คือถ่อม และพระเยซูที่อยู่ในเราเท่านั้นที่จะทำให้เราถ่อมได้ และเมื่อเราถ่อม เราทำทุกสิ่งไม่บอกใคร ตัวเก่ามันก็จะตาย จะไม่มีโอกาสพองตัวขึ้นมา และหลงตัวเอง
ถ้าเรายอมที่จะไม่ทำสามสิ่งนี้เพื่ออวดผู้อื่น คือ 1. การอธิษฐาน 2. การอดอาหาร และ3. การให้ผู้อื่น เราไม่บอกใบ้ และไม่ให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นเราจะขาดบำเหน็จรางวัล และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเติบโตในบุคคลผู้ใหม่ ในชีวิตใหม่ และในธรรมชาติของพระเยซู จะมาไม่ถึงเรา
การรักษาชีวิตของเรา และจิตใจของเราให้ต่ำที่สุด ถ่อมที่สุด เป็นสิ่งที่ดี ถ้าหากว่าเราต่ำและถ่อมอยู่เสมอ ไม่อวดดี อวดฉลาด อวดรู้ หรืออวดว่าเข้มแข็ง พระเจ้าจะไม่นำการทดลองเข้ามาสู่เรา
เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราสอนคนอื่น เราทำให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นคนที่เข้มแข็ง เป็นคนที่ดี เป็นคนที่ชอบธรรม ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เมื่อไหร่ที่เราหลงตัวเอง หรือคิดว่าเราอยู่ในสภาพที่เข้มแข็งแล้ว พระเจ้าจะนำการทดลองมา และจะทำให้เราล้ม
เพราะว่าพระเจ้าต้องการให้เราอยู่ในสภาพของคนที่ต่ำอยู่เสมอ และยอมรับอยู่เสมอทุกวันทุกเวลานาทีว่า เราเป็นคนอ่อนแอ และผู้ที่เข้มแข็งอยู่ในเรา ก็คือพระเยซูคริสต์
เพราะฉะนั้นแล้ว เราจดจำในชีวิตจิตใจของเราอยู่เสมอว่า ทุกวันนี้เราเดินด้วยการที่เราเป็นคนถ่อม ยอมรับว่าเราเป็นคนอ่อนแอ เรารักได้แต่เฉพาะฟิเลโอเท่านั้น และบุคคลผู้ที่ดำเนินชีวิตในเรา รักอะกาเปได้ ทำทุกสิ่งได้ เข้มแข็งอยู่ในเราได้ ก็คือพระคริสต์
ถ้าหากเราทำแบบนี้ ก็คือการที่เราอธิษฐานว่า “ขอพระองค์อย่านำข้าพระองค์เข้าสู่การทดลอง” เพราะว่าข้าพระองค์ต่ำ ถ่อม ไม่อวดฉลาด ไม่อวดดี ไม่อวดรู้ ไม่อวดเก่ง และเมื่อเรายอมรับสภาพของเราแบบนี้ การทดลองก็จะไม่มา แต่เมื่อไหร่เราพองตัวขึ้น พระเจ้าจะนำการทดลองมา และเราจะล้ม