ฟีลิปปีบทที่ 2:1-7
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเราให้รู้จักความรักที่แท้จริงและขอบพระคุณพระเยซูที่ไม่เพียงแต่เท่านั้น พระองค์เข้ามาอยู่ในพวกเราเพื่อสำแดงความรักอันแท้จริงนี้ เพื่อปรากฏพระองค์ปรากฏความรักของพระองค์ผ่านพวกเราให้โลกเห็น สรรเสริญพระเยซู
ฟิลิปปี 2:1 จนถึงข้อที่ 7 คือ
- พระเจ้าเป็นความรักพระเจ้ารักเรา ด้วยการกระทำตั้งแต่ก่อนสร้างโลกจนถึงนิรันดร์กาล ความรักเป็นหนึ่งในชีวิตและนิสัยของพระองค์ เพราะฉะนั้นพระองค์ขาดรักไม่ได้ พระองค์ไม่มีความรักเป็นไปไม่ได้ ขณะที่พระมากมายไม่มีความรักหรือมีความรักแบบทั่วๆ ไปที่เราเห็นกันอยู่ และพระทั่วๆ ไปก็ไม่เคยสำแดงความรัก
แต่พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก เราขอบพระคุณพระเยซูที่ได้พบพระเจ้าองค์นี้ ไม่เพียงแต่เท่านั้นเมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เรารักเหมือนพระองค์ เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุสำคัญที่พระองค์ให้พระคริสต์เข้ามาดำเนินชีวิตในเราแทนเราเพราะว่าเรารักไม่ได้
- เมื่อเราอยู่ร่วมกัน พระบิดามีพระประสงค์ให้เรามีความคิดอย่างเดียวกัน อย่างที่ในข้อ 1 ถึงข้อที่ 2 ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เปาโลเตือนพวกเราให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความคิดอย่างเดียวกัน เพื่ออะไร เพื่อให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถ้าหากไม่มีความคิดอย่างเดียวกัน เราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก สุดท้ายก็จะเกิดการขัดแย้ง แบ่งแยก ชิงดีชิงเด่นกัน
เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ให้ความรักอยู่ในเราแล้วและพระองค์นั่นแหละที่เป็นความรักนี้และพระองค์ให้เรามีความคิดอย่างเดียวกัน ก็คือ ส่งมานาที่ซ่อนไว้ให้พวกเราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ได้รู้พระประสงค์ ได้รู้น้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าสองสิ่งที่สำคัญที่เราจะใช้ชีวิตคริสเตียนอยู่ในโลกนี้ก็คือ
1. รัก
2. มีความคิดอย่างเดียวเพื่อให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้
พระเยซูอธิษฐานขอพระบิดาให้เรารักและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนเปาโลให้เปาโลเขียนเพื่อเตือนพวกเราให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและมีความรัก ขอบพระคุณพระเยซูที่สอนเรา
และข้อที่ 3 ถึงข้อที่ 7 คือชีวิตและนิสัยของพระเยซูที่กระทำกิจในเราผู้ชนะ เมื่อเราพบอาหารผู้ใหญ่พระคำล้ำลึกนี้ช่วยให้พวกเราได้สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูได้ ถ้าหากไม่มี เราจะกลายเป็นคริสเตียนศาสนา เราจะใส่หน้ากาก จะเป็นคนที่หน้าซื่อใจคด เหมือนอย่างที่พวกเราเป็นมาหลายปี เราขอบพระคุณที่พระองค์ปลดปล่อยพวกเราให้เป็นไท ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์นำเราเข้ามาถึงความจริงแห่งพระคำของพระองค์ เพื่อเราจะพบความรักแท้และการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่แท้จริง โดยที่ไม่ต้องฝืนใจทำเหมือนเมื่อก่อน
สุดท้ายก็คือพระองค์ถ่อมใจ พระองค์ยอมรับฐานะของคำว่าคนใช้ คนใช้จริงๆ แล้วเป็นคำที่หลายคนไม่ชอบเพราะว่าเป็นคนที่ต้องต่ำ เป็นคนที่ไม่มีอะไร เป็นคนที่เขาใช้ เราเป็นคนทำ เป็นคนที่ต้องลำบาก แต่ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ ไม่ถือว่าสำคัญ ไม่ถือว่าต้องรักษาหน้าตา เพราะฉะนั้นเมื่อเราเป็นผู้ชนะเราก็ถือว่าเราเป็นคนใช้ ไม่ได้หมายความว่าเขาใช้อะไรเรา เราก็ต้องทำ ไม่ใช่ครับ ก็คือเราถ่อมใจ เรายอมช่วย เรายอมทำในสิ่งที่เราเห็นว่าเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของข่าวประเสริฐ เพื่อเห็นแก่พี่น้องที่ขัดสน เพื่อเห็นแก่คนที่ลำบากอยู่ ขอบคุณพระเยซู เอเมน
...
ข้อที่ 1-2 พระเจ้าเป็นความรัก พระเจ้ารักเราด้วยการกระทำตั้งแต่ก่อนสร้างโลกจนถึงนิรันดร์กาลพระเจ้ามีประสงค์ให้เรารักเหมือนพระองค์ พระองค์จึงให้พระคริสต์เข้ามาดำเนินชีวิตในเราแทนเรา
ประการที่สอง เมื่อเราอยู่ร่วมกัน พระบิดามีพระประสงก์ให้เรามีความคิดอย่างเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้งแบ่งแยกจนเกิดชิงดีชิงเด่น
พระเยซูขอพระบิดาให้เราทั้งหลายรักและเป็นหนึ่งเดียว พระวิญญาณให้เปาโลเขียนเพื่อเตือนใจพวกเราใน ฟป 2:1 ให้เรารักและเป็นหนึ่งเดียวเป็นหลัก ขอบพระคุณพระเยซูที่ทรงสอนเราว่ารักและเป็นน้ำหนึ่งใจ
เดียวกันนั้นสำคัญมากสำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียน
...
ข้อที่ 3-7 คือชีวิตและนิสัยของพระเยซู ที่กระทำกิจในเราผู้ชนะ ถ้าหากผู้เชื่อไม่ได้ถูกเปิดตาให้ได้พบอาหารผู้ใหญ่หรือพระคำล้ำลึกก็จะไม่สามารถสำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซูได้ พระเยซูถ่อมใจ เราถ่อมใจ พระเยซูถือว่าพระองค์เป็นคนใช้หรือคนรับใช้ของมนุษย์ เราถือว่าเราไร้ค่าเหมือนพระองค์ ผลตอบแทนคือ ที่นั่งแห่งการครอบครองร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรตลอดไปเป็นนิตย์
ฟีลิปปีบทที่ 2:8-13
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดเผยความจริงพระคำแห่งชีวิตและพวกเราได้รับจนอิ่ม ขอบพระคุณที่พระคำนี้จะเป็นสิ่งที่สำแดงชีวิตและนิสัยของพระองค์มากขึ้นในเรา และขอบคุณพระเยซูสำหรับหนังสือฟีลิปปี พระองค์เปิดเผยผ่านเปาโลว่าพระองค์ขยายใหญ่ขึ้นในชีวิตของเรา
ชีวิตของเรานี้ ก็คือชีวิตใหม่และพระองค์ก็คือพระคริสต์ผู้เป็นวิญญาณที่กระทำกิจในเราทั้งความปรารถนาและการกระทำ
...
ก่อนอื่นผมอยากให้พวกเราเข้าใจว่าทำไมเปาโลถึงเขียนหนังสือถึงเมืองฟีลิปปีถึงผู้เชื่อชาวฟีลิปปี เนื่องจากว่าในเมืองฟีลิปปี มีทหารชาวโรมันมากมายที่ปลดเกษียณ ที่ไม่เชื่อพระเจ้าอาศัยอยู่ และพวกเขาเหล่านี้ฆ่าและข่มเหงคริสเตียน เปาโลจึงหนุนใจผู้เชื่อในเมืองนี้ให้อดทน ต่อสู้ จดจ่อในการเดินในพระวิญญาณ เพื่อเขาจะได้เติบโตสู่ชีวิตพระคริสต์และการรับใช้ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และผลที่สุดก็คือการที่จะบากบั่น วิ่งแข่งเพื่อเข้าสู่เส้นชัย
เส้นชัยในที่นี้เราไม่ต้องแปลกใจ ไม่ใช่ความรอดในวันสุดท้ายเพราะว่าเรารอดแน่นอน เมื่อเราเชื่อในพระคริสต์
แต่การรอดในที่นี้ก็คือ รอดเข้าสู่อาณาจักรรอดเพื่อรับบำเหน็จ รอดเพื่อที่จะมีส่วนร่วมครอบครองจักรวาลในยุคหน้าและฟ้าสวรรค์ในแผ่นดินโลกใหม่ร่วมกับพระเยซู
...
สำหรับข้อที่ 8 พระเจ้าพระบุตรเสด็จมาจากสวรรค์บังเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อพระองค์เป็นมนุษย์ก็คือมีรูปแบบเดียวกันเหมือนกับพวกเรา แต่พระองค์เป็นร่างกายอย่างที่เราเข้าใจกันนะครับ
โรม 8:3 บอกว่า "เพราะสิ่งซึ่งพระราชบัญญัติทำไม่ได้ เพราะเนื้อหนังทำให้อ่อนกำลังไปนั้น พระเจ้าทรงใช้พระบุตรของพระองค์มาในสภาพเสมือนเนื้อหนัง ที่บาปและเพื่อไถ่บาป พระองค์จึงได้ทรงปรับโทษบาปที่อยู่ในเนื้อหนัง"
พระองค์มีร่างกายที่คล้ายมนุษย์ คือไม่ได้รับเลือดเนื้อไม่ได้รับเนื้อหนังที่มาจากมารีย์ คือเป็นผลงานของพระวิญญาณที่ดลบันดาลให้เกิดมีร่างกายนี้ขึ้นมา แต่สิ่งที่พระองค์รับ สิ่งที่พระองค์ได้ ก็คือความเจ็บปวด ความหิว หิวข้าวเป็น หนาวร้อนเป็น เหนื่อยเป็น กลัวตายเป็น และพระองค์เองก็ยังสวมชีวิตที่ถ่อมจิต ถ่อมใจ และกระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา จนถึงความตายที่กางเขนเมื่อถึงกำหนด
การตายที่กางเขนเป็นกำหนดของพระบิดาที่วางแผนให้พระคริสต์เข้าสู่การตายนี้เพื่อไถ่คนทั้งโลก และทุกครั้งพระเยซูทรงยอมรับ เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้า พระเจ้าองค์หนึ่งเสด็จลงมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งและมีสภาพเหมือนพวกเราทุกอย่าง หิวข้าวเป็น เหนื่อยเป็น เจ็บปวดเป็น กลัวตายเป็น ร้อนเป็นหนาวเป็น เพราะฉะนั้นพระองค์มีสภาพมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์
อย่างน้อยเราขอบพระคุณพระองค์ที่กางเขนคือเส้นทางที่พระบิดาทรงกำหนดให้พระบุตรเดินเข้าสู่ความตายที่กางเขนเอง แล้วก็พระองค์ทรงยอมรับสภาพความต่ำต้อยของมนุษย์แล้วก็ขณะเดียวกันพระองค์ทรงมีฐานะเท่าเทียมกับพระบิดา แต่พระองค์ทรงเห็นว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่สำคัญ
เรามาเป็นมนุษย์เราก็เป็นมนุษย์ เราก็หิว เราก็กลัวตาย เราก็หนาวร้อน เหมือนกับมนุษย์ เหนื่อยเหมือนกับมนุษย์ และสิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงเข้าใจ เมื่อเราเหนื่อย เราท้อ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา พระเยซูทรงรับทราบ พระเยซูทรงเข้าใจ
ไม่เหมือนกับเวลาเราไปหาหมอ หมอไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้เจ็บปวด เรามีบาดแผลเราเจ็บปวด หมอบอกว่าไม่เป็นไรๆ ฉันเข้าใจเธอนะ อันนี้เขาเป็นแต่คำพูด แต่พระเยซูเมื่อเรามีปัญหาเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราเจ็บปวด ร้อน หนาว หิวข้าวยากจน มีมรสุมอะไรเข้ามาสู่ชีวิตเรา พระองค์ทรงเข้าใจจริงๆ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนพวกเรา
...
ข้อที่ 9 จนถึงข้อที่ 11 ก็คือเมื่อพระบุตรถวายเกียรติแด่พระบิดาด้วยการถ่อมใจ พระองค์จึงได้รับการยกชูขึ้น ให้อยู่เหนือนามชื่อทั้งปวงในสวรรค์สถานและแผ่นดินโลก นามชื่อ เยซู นี้จึงมีชัยชนะ มีอำนาจ มีสง่าราศี ทั้งทุกแห่งหนในจักรวาลนี้ เราขอบคุณพระเยซู เราสรรเสริญพระเยซู เรายกย่องพระเยซู เรานมัสการพระเยซู เรารักพระเยซูมาก
และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในฟีลิปปี 2:9-11 ก็คือ จะเกิดขึ้นในยุคหน้าและแผ่นดินโลกใหม่ คือพระนามเยซูนี้จะเป็นที่เคารพบูชา กราบไหว้นมัสการ ยกย่อง อย่างครบบริบูรณ์ครบถ้วน
แต่ตอนนี้ก็คือเฉพาะเราคริสเตียนที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณจริงๆ จึงมาถึงการยกย่องสรรเสริญเห็นคุณค่าความหมายของชื่อว่า เยซู เมื่อเราเป็นคริสเตียนศาสนาเราไม่เข้าใจคำนี้ เรารู้นะว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เรารู้พระเยซูเป็นพระผู้ไถ่ เรารู้พระเยซูเป็นอะไรเรารู้ แต่เมื่อมาถึงพระคำล้ำลึกมาถึงมานาที่ซ่อนไว้ เรารู้ว่า เยซู มันมีความหมายมากๆๆ ที่สุดไม่เหมือนที่เราเข้าใจเหมือนเมื่อก่อน
...
ข้อที่ 12 "เหตุฉะนี้พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนท่านทั้งหลายได้ยอมเชื่อฟังทุกเวลา และไม่ใช่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้เมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วยท่านทั้งหลายจงให้ความรอดของตนเกิดผลด้วยความเกรงกลัวตัวสั่น"
ความรอด ในที่นี้ก็คือรอดเข้าอาณาจักร คือทุกคนต้องแข่งขันขยันขันแข็งแย่งชิงกันด้วยความเกรงกลัวจนตัวสั่น
เปาโลพูดจงยำเกรงพระเจ้ายำเกรงจนตัวสั่นคืออะไร คือทำให้ถึงที่สุด คือจดจ่อ คือตั้งใจ คือมีใจ และสิ่งนี้เราจะทำเองมันไม่ได้
...
ข้อที่ 13 เปาโลเปิดเผยว่าไม่ใช่เราเป็นที่ขยันขันแข็งจดจ่อร้อนรนกระตือรือร้นอะไรทั้งนั้นไม่ใช่เรา คือพระคริสต์เป็นผู้กระทำกิจเอง
จุดอ่อนของมนุษย์จะมี 2 สิ่ง
- จุดอ่อนสิ่งที่ 1 ก็คือไม่เกิดมีความปรารถนาคือไม่อยากอ่าน ไม่อยากอธิษฐาน ไม่อยากนมัสการ คือเกิดความขี้เกียจ ไม่อยากไป ไม่อยากทำ
แต่เมื่อเราสนิทในพระเยซูมากๆ เราบอกรักพระเยซูมากๆ เราอยู่กับพระเยซูทุกวันทุกเวลาพูดคุยกับพระองค์ คือมันจะเกิดมีอยู่สิ่งหนึ่งก็คือ ความปรารถนาร้อนรนกระตือรือร้น อยากใกล้ชิดอยากรับใช้ อยากนมัสการ อยากอ่านพระคัมภีร์ อยากทำทุกสิ่งที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณ เราขอบพระคุณพระเจ้า
สิ่งนี้เกิดเพราะว่ากฎแห่งพระวิญญาณที่อยู่ในเราและกฎแห่งชีวิตที่อยู่ในเรา จะทำงานทำกิจมากขึ้นๆ ทำให้เราอยู่นิ่งเฉยไม่ได้
- จุดอ่อนสิ่งที่ 2 ของมนุษย์ก็คือ การกระทำไม่มี หรือการกระทำจะมีก็คือการเสแสร้ง ก็คือการกระทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทน แต่เราขอบพระคุณพระเจ้า พระคริสต์สถิตอยู่ในเราและเรามีกฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต เรากระทำทุกสิ่งออกมาในฐานะของคนใหม่และสิ่งที่เราทำก็คือพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตและเป็นผู้กระทำกิจแทนเรา
...
ข้อที่ 14-16 พระบุตรพระเจ้าแตกต่างจากบุตรอาดัม ก็คือ พระองค์ไม่บ่น ไม่ถูกเถียง ไม่คดโกง ไม่เป็นคนหัวดื้อและถ่อมใจยอมฟังผู้อื่น เพราะฉะนั้นเราเป็นบุตรพระเจ้า เรามีพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา เราก็จะมีชีวิตและนิสัยเหมือนพระเยซู ก็คือ ไม่บ่น เอเมนไหมครับ ไม่บ่นนะ ใครที่ยังบ่นอยู่แสดงว่าเราต้องสนิทในพระเยซูให้มากกว่าเดิมเพื่อเราจะไม่บ่นครับ
และอีกสิ่งคือนิสัยบุตรพระเจ้าก็คือไม่ถกเถียงกัน เราอย่าถกเถียง อย่าเข้าสู่การถกเถียง โต้แย้ง ขัดแย้งกับใคร ใครอยากชนะ อ่ะ เอาไปเลย/ ใครอยากอยู่เหนือเรา เอาไปเลย / คือเรายกให้เขา เราไม่ถกเถียงเราไม่ต่อสู้ เราถอยห่างออกไป เพียงแต่พูด 2 ครั้ง 3 ครั้ง เขาไม่ฟัง เขาไม่ยอม ก็คือเรายอมเขา ผู้แพ้ในวันนี้คือผู้ชนะในวันหน้า
และชีวิต นิสัยของพระเยซูบุตรพระเจ้าต่อไปก็คือ ไม่คดโกง เราไม่โกงใคร เราไม่คดโกงใคร ถ้าเราโกงใครพระเจ้าจะให้เขามาโกงเรา อันนี้เกิดขึ้นจริงนะครับ แล้วก็สำหรับเราแล้ว เราทำทุกสิ่งได้แล้วก็คือเราจะเป็นดวงสว่างแห่งโลก ซึ่งโลกนี้มีแต่ความมืด ความมืดคืออะไร ก็คือมีแต่ชีวิตนิสัยที่เสื่อมและต่ำทรามของอาดัม
...
และสุดท้ายพระคำของพระเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตของพระเยซูมากขึ้น เพราะว่าพระคำของพระเจ้าจริงๆ แล้วก็คือชีวิตของพระเยซู เมื่อเราอ่าน เราร่วมนมัสการ เราสรรเสริญ เราพูดคุย เราเผยพระวจนะ พี่น้องทุกคนและเราเองที่พูด ก็คือเราได้รับพระคำได้รับชีวิตของพระเจ้าเข้ามา เพียงแต่เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อเราจะเห็นการทำงานของพระคำนี้
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเยซูที่พวกเราจะรับการเตือนและหนุนใจจากเปาโล บอกว่าให้เราวิ่งแข่ง ขยันขันแข็ง ร้อนรน กระตือรือร้น สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็คือเราสนิทพูดคุยบอกรักพระเยซูและสะสมพระคำแห่งชีวิตนี้ให้มากเท่าที่จะมากได้ เอเมน
ฟีลิปปีบทที่ 2:21-30
เราขอบคุณพระเยซูเกี่ยวกับเรื่องของเปาโล ทิโมธีและความเป็นห่วงเป็นใยของท่านต่อพี่น้องในพระกายของพระเยซู
สำหรับฟีลิปปีบทที่ 2:21 เพราะว่าคนทั้งหลายย่อมแสวงหาประโยชน์ของตนเองไม่ได้แสวงหาประโยชน์ของพระเยซูคริสต์
คือ แสวงหา ค้นหา ใส่ใจในชีวิตฝ่ายร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการงาน ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการงานการรับใช้พระบิดา และเราใช้ชีวิตใช้เวลาอยู่กับเรื่องฝ่ายร่างกายมากเกินไป จนไม่ได้ทำหน้าที่ปุโลหิต และคนต้นเรือนที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้เราเป็นและให้เราทำ
ข้อนี้เป็นความจริงท่ามกลางคริสตจักรทั้งหลายทั่วโลก ผู้คนส่วนมากประกาศเพื่อหวังพระพร บําเหน็จ ค่าจ้างรางวัล เงินเดือน ค่าตอบแทน ความรอด เพื่อให้คนยกย่อง
...
1 คร 10:24 อย่าให้ผู้ใดเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่น
1 คร 10:33 เหมือนที่ข้าพเจ้าเองได้พยายามกระทำทุกสิ่งเพื่อให้เป็นที่พอใจของคนทั้งปวง มิได้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแต่เห็นแก่ประโยชน์ของคนทั้งหลายเพื่อให้เขารอดได้
...
คำว่า เห็นแก่ประโยชน์ของพระเยซูคริสต์ ก็คือการใช้เวลาทำหน้าที่ปุโลหิตและคนต้นเรือนให้ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาพระเยซูจะนำบำเหน็จมาให้เรา
และอย่าลืม ความรัก อากาเป้ หนึ่งในคุณสมบัติที่หลายๆ คุณสมบัติของความรัก
อากาเป้ ก็คือ 1 คร 13:4 -5 บอกว่า ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทําคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ความรักไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่ทำสิ่งที่ไม่บังควร ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียวไม่ช่างจดจำความผิด
...
สำหรับทิโมธี บิดาของทิโมธีเป็นชาวกรีกและมารดาเป็นยิว เขาเป็นศิษย์และเพื่อนร่วมงานของเปาโล ทิโมธี มีบทบาทก็คือช่วยเปาโลเขียนจดหมายหลายฉบับ
...
สำหรับชีวิตของเปาโลที่เราเห็นในฟีลิปปีบทที่ 2 ตั้งแต่ข้อที่ 25 จนถึงข้อที่ 30 เราจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่ร้อนรนใส่ใจติดตามข่าวคราวของพี่น้องอย่างสม่ำเสมอและเขาอธิษฐานเผื่อหนักมาก
เราบุตรพระเจ้า สิ่งที่เราควรทำอย่างสม่ำเสมอก็คือการอธิษฐานเผื่อพี่น้อง เพราะว่าพระเจ้าทำงานผ่านคำอธิษฐานของพวกเรา เพราะฉะนั้น
สิ่งยากมันก็จะกลายเป็นง่ายได้ สิ่งที่หนักก็จะกลายเป็นเบาได้
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็จะเป็นไปได้
สำหรับคนที่อธิษฐานครับ คำอธิษฐานที่เกิดผลมากเราจำกันได้นะครับ คือคำอธิษฐานของคนชอบธรรม เราขอบพระคุณพระเจ้าขณะที่เราอธิษฐานเราเชื่อว่าเราเป็นคนชอบธรรมแล้ว เพราะว่าพระเจ้าใส่ความชอบธรรมให้เราในเรา และคำว่าชอบธรรม หรือคนที่ชอบธรรมอยู่ในเรา ก็คือพระเยซูคริสต์
1 คร 1:30 โดยพระองค์ท่านจึงอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระเจ้าทรงตั้งพระองค์ให้เป็นปัญญาความชอบธรรม การแยกตั้งไว้ และการไถ่โทษสำหรับเราทั้งหลาย