บทเรียนมานาฯ เราควรจะเรียกจริงๆ แล้วก็คือ พระคำล้ำลึก หรือพระคำพระเจ้าที่ไม่มีเชื้อ รวมทั้งถึงอาหารเด็กและอาหารผู้ใหญ่ด้วย คือสิ่งที่พระเจ้าใช้ เพื่อนำผู้เชื่อ ให้เข้ามาใกล้พระเจ้าจนถึงชั้นในสุดในวิหารของพระองค์ และสุดท้ายจะเหลือเพียงแต่เราเหลือแค่เรากับพระเจ้าสองคนเท่านั้น ผู้อื่นไม่เกี่ยว ผู้นำก็ไม่เกี่ยว ผู้ที่พระเจ้าใช้เพื่อเปิดตาเราก็ไม่เกี่ยว
สิ่งที่สำคัญนะครับที่เราทุกคนควรรู้ พี่น้องที่รับมานาฯ แล้วควรรู้นะครับ ก็คือบทเรียนมานาฯ มีหลายระดับ จากง่ายไปสู่ยาก จากอาหารผู้ใหญ่ในระดับถ้อยคำแห่งสติปัญญา ความรู้ สู่ความเข้าใจเรื่องการฝ่ายวิญญาณ
เราขอบคุณพระเจ้าพอเข้ามาถึงการฝึก เมื่อได้รับรู้ เรียนรู้มานาที่ซ่อนไว้ การฝึกของผู้รับมานาฯ เริ่มจากการได้เป็นอิสระจากความกลัวและแบกแอกที่หนัก สู่ความไม่กลัวและแบกแอกที่เบา
ถามว่าทำไม พี่น้องที่รับมานาฯ มากมายถดถอยไป เหตุมาจาก
1. ไม่ได้รับการเปิดตาจริงๆ บางคนนะครับบางคนไม่ได้รับการเปิดตาจริงๆ แต่แค่ชอบบทเรียน
2. รับการเปิดตาแต่ไม่มาก
3. รับการเปิดตาแต่ยังไม่ถึงระดับที่มองด้วยตาฝ่ายวิญญาณ จึงยังเห็นเนื้อหนังของผู้อื่น และแบกภาระหนัก และสะดุดผู้นำ หรือสะดุดอะไรก็แล้วแต่ สะดุดพี่น้องผู้เชื่อก็เหมือนกันนะครับ
4. คือยังรักในการบาป ยังรักในความบาป จึงปล่อยตัว รู้สึกว่าตนเองเป็นอิสระแล้วไม่กลัวพระเจ้าแล้ว ก็ปล่อยตัวไปทำบาปเพราะว่ายังรักในการบาปอยู่
5. ก็คือการทดลองมันเยอะเกินไป
พระเจ้านะครับกำลังทำอะไรกับพี่น้องที่รับมานาที่ซ่อนไว้ พระเจ้ากำลังเลือกนะครับ เลือกคนที่พระองค์เห็นว่าเขาจะเลือกพระองค์ และจะนำเขาเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ คือไม่กลัวการทดลอง และก็ไม่กลัวเรื่องปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา และก็ไม่กลัวเรื่องการบาป ทำบาปเขาสารภาพเขากลับมา ไม่ท้อ และเขาไม่ได้สนใจว่าผู้นำว่าใครจะล้มลง จะอยู่ในการบาป จะเป็นยังไงเขาไม่ได้สนใจ เขาไม่ได้มองอะไร คือเขามองบทเรียนที่เขาได้รับ และเขานำบทเรียนนั้นไปฝึก เพื่อให้เขาเดินขึ้นไปบนภูเขา เดินขึ้นไปบนภูเขาจนถึงพระเจ้า จนถึงเส้นชัย นี่คือสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำ
แล้วสำหรับพวกเรา สำหรับพวกเราต้องวิ่งแข่ง อย่าลืมนะครับเราวิ่งแข่งเพื่อเข้าสู่เส้นชัย ถ้าพวกคุณมองไปที่ปัญหาแล้วพวกคุณท้อ พวกคุณล้มเหลว
ถ้าพวกคุณมองไปที่การบาปและเห็นว่าเลิกไม่ได้สักที ท้อแล้วไม่ไหวแล้ว ไม่ฝึกต่อ มานาฯ ใช้ไม่ได้ พวกคุณล้มเหลว
แล้วถ้าพวกคุณสะดุด สะดุดใครก็ตามที่เป็นผู้นำ สะดุดพี่น้องคริสเตียนด้วยกัน สะดุดอาจารย์ สะดุดอะไรก็แล้วแต่ ชอบสะดุด ชอบมองเนื้อหนัง เห็นเนื้อหนัง ไม่มองไปที่ 2 โครินธ์ 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิดสิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
หนึ่ง: มันเป็นเรื่องของตา
สอง: มันเป็นเรื่องของการเข้าสู่ตาฝ่ายวิญญาณ ก็คือเข้าสู่ประสบการณ์
สาม: มันเป็นเรื่องของการที่จะเข้ามาถึงจุดที่สูงสุด ก็คือพวกคุณกำลังวิ่งแข่งกันอยู่
เพราะฉะนั้นถ้าใครถอยไป ถ้าใครวิ่งหนี ถ้าใครถดถอย ถ้าใครไม่ลุกขึ้น เราพยายามช่วยนะครับ แต่ในเมื่อเราช่วยอย่างที่สุดแล้ว มันก็เป็นหน้าที่ของระหว่างเขากับพระเจ้า แต่เรานะครับก็คือต้องวิ่งแข่ง
สำหรับข้อที่ 5. การทดลองเยอะเกินไป สำหรับในมัทธิวบทที่ 13 ที่พูดถึงแสงแดด พอแสงแดดมันแรง เรารับมานาที่ซ่อนไว้มากก็จริง แต่เรายังมาไม่ถึงระดับที่สองก็คือ การเข้าสู่การฝ่ายวิญญาณ
การฝ่ายวิญญาณ ก็คือประสบการณ์ที่มีมากในพระเจ้า ก็คือเราสนิทกับพระเจ้ามากๆ สนิท ฉันไม่แคร์เรื่องการกระทำ ทำๆๆๆ ฉันไม่แคร์เรื่องอะไรทั้งนั้น เนื้อหนัง ฉันไม่แคร์เรื่องอะไร ฉันจะสนิท สนิทๆ ลูกเดียว แล้วทีนี้พระเจ้าก็นำปัญหาเข้ามานะครับ ปัญหาจะเข้ามาเยอะมาก แล้วเราไม่ยอมแพ้นะครับ เราล้มลง เราลุกขึ้น เราพ่ายแพ้ เราลุกขึ้น เราถดถอย เราลุกขึ้น ปัญหาจะเข้ามา ยิ่งพระเจ้ารักเรามาก และจะให้เราเป็นผู้ชนะระดับสูง ก็คือปัญหาจะมีมาก
สำหรับพี่น้องที่รับมานาฯ ได้มากพอสมควร รับการเปิดตาจริงๆ มีสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกที่ฟ้องอยู่ภายในใจของเรา อยู่ภายในจิตใจของเราว่าสิ่งที่เรารับแน่นอน ชัวร์ เอเมน คือเป็นพระคำล้ำลึก เป็นความจริงที่พระเจ้าปลดปล่อยเปิดตาเราให้เข้าสู่ความจริง ให้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยมีโอกาสได้เห็นในช่วงที่เราอยู่ในคริสตจักรศาสนา เนื่องจากว่าเราอยู่ในคริสตจักรศาสนานานเกินไป กินน้ำนมนานเกินไป และกินเชื้อสะสมเชื้อมากเกินไป สุดท้ายเราตาบอด หูหนวก หูตึง นี่คือพระคัมภีร์พูดเองนะครับผมไม่ได้พูด
สำหรับมานาฯ พระเจ้าไม่ต้องการทำให้เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่มีผลงานมากมาย เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่พระเจ้าจะนำเรามาเป็นผู้เล็กๆ น้อยๆ คือเป็นที่ไม่มีใครรู้จักเป็นผู้ที่ล้มเหลวต่อหน้ามนุษย์ แต่ประสบความสำเร็จต่อหน้าพระเจ้า มันต้องตรงข้ามกัน
แล้วก็สิ่งเดียวที่เรารับมานาที่ซ่อนไว้ เป้าหมายของเราก็คือเข้าไปใกล้พระเจ้าจนถึงที่สุด จนทิ้งทุกอย่างไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
และถ้าหากเรามาถึงจุดนั้นที่ทิ้งทุกอย่างไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เราก็ภูมิใจ เราก็พอใจ เพราะว่าชีวิตของพระคริสต์เต็มล้นอยู่ในจิตใจของเราครอบครองจิตใจของเราได้แล้ว
ผมก็ขอบคุณพระเจ้าที่พี่น้องมากมายที่เมืองไทยรับมานา แล้วก็พี่น้องที่ลาว แต่จุดอ่อนของหลายคนก็คือ ยังมาไม่ถึง 2 โครินธ์ 5:17 ก็คือไม่ต้องมองที่เนื้อหนัง ไม่ต้องมองที่ฝ่ายโลกนี้ แต่มองที่ตัวเราเองกับพระเจ้า มันเป็นเรื่องของสองคน ระหว่างสองคน ก็คือคุณกับพระเยซู
สำหรับผม คือผมขอบคุณพระเจ้าที่เปิดตาผม และผมขอบคุณพระเจ้าที่ให้ผมเข้าใจถึงการฝ่ายวิญญาณ สำหรับผมนะครับถ้าจะพูดในความเป็นจริงนะครับของฝ่ายเนื้อหนัง ถามว่าผมฝึกสำเร็จหรือยัง ยังนะครับ น่าจะหก เจ็ด แปด จุดที่ผมเข้ามาถึง แต่อาจจะมีหนึ่ง สอง สาม ที่ผมยังมีจุดอ่อนอยู่ แต่สำหรับผม ผมขอบคุณพระเจ้ามาถึงจุดนี้แล้ว ผมไม่เคยท้อ และก็ผมเข้าใจทุกอย่าง คือหัวใจมันเบาสบายมากเลย แล้วเรื่องการรับใช้ การฝึก การเดิน การนมัสการ การที่จะเห็นผู้อื่นมองเรายังไง มันไม่ทำให้เราหนักใจเลย คือมันเฉยๆ มันมาถึงจุดที่แบบว่าคือเฉยๆ แต่ก็เป็นห่วงพี่น้องที่มีภาระ มีปัญหา มีอะไรเราก็อธิษฐานเผื่ออยู่นะครับ
ใช่ครับ 2 โครินธ์ 5:16 -17 อันนี้สำคัญมาก สำหรับคนที่จะมาถึงผู้ชนะ มาถึงระดับหนุ่มหรือพ่อ ก็คือการไม่มองที่มาตรฐานของมนุษย์ของเนื้อหนังของโลกนี้ แต่เรามองที่มาตรฐานของพระคริสต์ ก็คือในฝ่ายวิญญาณเท่านั้น เราไม่เห็นปัญหาของใคร อย่าลืมนะครับทุกคนก็มีบาป ทุกคนก็ทำบาปไม่มากก็น้อย บางคนมีจุดอ่อนด้านนี้ บางคนมีจุดอ่อนด้านโน้น มันก็คล้ายๆ กันเพียงแต่ว่าจุดอ่อนไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน
แต่ยังไงก็ตามเราโน้มตัวไปข้างหน้า แล้ววิ่งแข่งให้ถึงที่สุด แย่งชิงอาณาจักรให้ได้ นี่คือเป้าหมายของเรา ถ้าคุณจะสะดุดล้มใคร ถ้าคุณจะมองที่ปัญหา ถ้าคุณจะมองที่อะไร สมัยที่พวกเราอยู่ในคริสตจักรศาสนา เราก็เคยเรียนใช่ไหม เปโตรเดินบนน้ำทะเล
และห้ามคิดนะครับว่าคนนี้จะเป็นใหญ่ คนนี้จะเป็นเล็ก คนนี้จะเป็นแบบนี้แบบนั้น ห้ามคิดครับ แต่หน้าที่ของเราก็คือวิ่งให้สุดกำลัง วิ่งให้สุดกำลัง เพื่อจะเข้าอาณาจักร แข่งกับผู้อื่น แต่การวิ่งแข่งของเราไม่เหมือนการแข่งของแบบโลก
การแข่งของโลก คือเขาจะวิ่งไม่มองใครไม่สนใจใคร วิ่งคนเดียวเอาชนะให้ได้ แล้วบางคนล้ม เขาก็กระโดดข้ามแล้วก็ไปต่อ แต่คริสเตียนผู้ชนะเรา เราฝึกมานาฯ ก็คือ เราวิ่งไป ใครเหนื่อย เราช่วยเขา อ่ะ.. คุณไปก่อนไม่เป็นไร คุณไปก่อน ผมไปทีหลังก็ได้ ช่วยเขา คนล้ม อ่ะ.. ดึงขึ้นเลย แล้วก็ช่วยเขาพยุงเขา นี่คือการแข่งขันของผู้ชนะ มันตรงข้ามกับการแข่งขันแบบโลกนี้
ราชอาณาจักรกำลังรอเราอยู่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ วิ่งแข่งจนถึงเส้นชัย (ชีวิตใหม่ที่สุกงอม) เพื่อคว้ารางวัลให้ได้ พระเจ้าทรงทำงานหนัก และไม่เคยยอมเเพ้ เพื่อให้เราได้เข้าในราชอาณาจักรที่จะมาในเร็วๆ นี้