สำหรับอีกหลายคน ยังอีกหลายคนที่พระเจ้าเปลี่ยนทันเวลา แล้วโดยเฉพาะแล้วมานาที่ซ่อนไว้นี้ เขาเรียกว่า ฉุกเฉิน เป็นสิ่งช่วยเหลือฉุกเฉิน แปลว่า จะเลิกเชื่อ ก็มาเจอมานาที่ซ่อนไว้ แล้วก็เลยเชื่อต่อ หลายคนก็มีปัญหาทุกอย่างเลย แต่ก็ขอบคุณพระเจ้าสุดท้ายมาก็กลับคืนมาหาพระเจ้า แล้วกลับคืนมาแรงกว่าเก่า ทุกอย่างก็ดีกว่าเก่าอีก คือพูดง่ายๆ มานาที่ซ่อนไว้เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราดีกว่า
เรารับอาหารน้ำนมทั่วไปตามคริสตจักรต่างๆ ก็ได้ ก็ดี ก็โอเค ก็พอใช้ได้ แต่บางครั้งน่ะมันก็ยิ่งแย่กว่าเดิม เพราะว่าเราถ้าเราอยู่ในอาหารน้ำนม คือเราพยายามฝืนใจ อดกลั้น แต่สุดท้ายมันระเบิด การทะเลาะกับครอบครัวมันก็ยิ่งแรงกว่าเก่า ชีวิตของเรายิ่งทำบาปมากกว่าเก่า (เคยเห็นภาพไหม มองเห็นภาพไหม) ถ้าไม่มีมานาที่ซ่อนไว้ ถ้าเรารับอาหารน้ำนม แล้วเราพยายามรักษาพระบัญญัติ พยายามเชื่อฟังพระเจ้า ยิ่งพยายามเท่าไหร่ เรายิ่งทำมากเท่านั้น อันนี้มันเป็นกฎของมนุษย์
ในโรมบทที่ 7 ข้าพเจ้ายิ่งเชื่อฟังมากเท่าไหร่ ข้าพเจ้าก็ยิ่งไปทำบาปมากกว่านั้น อันนี้คือเปาโลพูด เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า เราไม่ต้องพยายาม เราไม่ต้องทำอะไร เราอยู่เฉยๆ แล้วมันจะมีบางอย่างที่จะยกมือเราขึ้นยื่นไปขอจับมือศัตรู ยื่นไปกอดศัตรูได้ รักคนที่อยู่รอบข้างที่พูดไม่ดี เสียงไม่เพราะ พูดด่าว่าเรา ตำหนิเรา ตัดสินเรา คือใจของเรามันเปลี่ยนไปแล้ว นี่คือการทำงานของพระเยซูที่ได้มาจากการสะสมพระคำล้ำลึกนี้
แล้วมีพี่น้องคนหนึ่งถามว่า เราจะฝึก เราจะนับยังไง เราจะนับว่าตายแล้วยังไง พอดีผมเห็นว่าการฝึกการนับมันสำคัญมาก เราก็เลยจะใช้เวลาเพื่อพูดถึงเรื่องนี้
การฝึกเดิน การนับ ที่ถูกต้อง แล้วการฝึกเดินการนับที่ประสบความสำเร็จ หลายคนเอาไปฝึกแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ล้มเหลว เพราะว่าเขาไม่เข้าใจ หรือใช้บางข้อเท่านั้น
แต่อันนี้เป็นการฝึกเดินการฝึกนับที่ครบถ้วน แล้วการฝึกนับ ฝึกเดิน มันไม่ได้ใช้เวลาสัปดาห์สองสัปดาห์ หรือหนึ่งเดือน หรือหกเดือน หรือปีหนึ่ง มันใช้เวลาตลอดชีวิตของเรา แล้วพระเจ้าให้สุกงอมเมื่อไหร่ก็สุกงอมเมื่อนั้น เป็นเวลาของพระเจ้า คนที่ปลูก คนที่หว่าน คนที่รดน้ำก็ทำหน้าที่ของเขาไป แต่คนที่ให้สุกงอมคนที่ให้ถึงความสุขงอมจริงๆ ก็คือพระเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ฝึก เอเมน
ข้อที่ 1.ถ้าหากเราจะเติบโตเข้าสู่ชีวิตใหม่
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเราจะเติบโตเข้าสู่ชีวิตใหม่ ถ้าหากเราจะเปลี่ยนเราได้ ไม่ต้องแคร์ไม่ต้องไปรอให้คนอื่นเปลี่ยนแล้วเราดีใจ ไม่ต้อง. เราดูที่เรา เป้าหมายของพระเจ้าก็คือเปลี่ยนเรา ไม่ใช่เปลี่ยนสิ่งรอบข้างให้ถูกใจเรา แล้วเราดีใจ ไม่. พระเจ้าเปลี่ยนเราให้เราดีใจในขณะที่หลายคนทุกคนที่อยู่รอบข้างเรายังไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย นี่คือเป้าหมายของพระเจ้า
พวกคุณเข้าใจผิดที่เมื่อก่อนพวกคุณพยายามอยากให้คนอื่นทำดีพูดดีเพื่อคุณจะมีความสุข เพื่อคุณจะพอใจ มันไม่ได้เป็นแบบนั้น วิธีของพระเจ้าคือเปลี่ยนคุณ
...
เพราะฉะนั้นเราเมื่ออยู่ในอาหารน้ำนม
อาหารน้ำนมคืออะไร?
- อันแรก คือพูดถึงแต่ความเชื่อ มาโบสถ์เมื่อไหร่ก็พูดถึงแต่ความเชื่อ จงมีความเชื่อ จงเชื่อพระเยซู ถ้าไม่เชื่อพระเยซูไม่รอด จงเชื่อ เชื่อพระเยซู เชื่อสิ พูดถึงแต่ความเชื่อ
- อันที่สอง คือเรื่องพระพร คือสอนแต่เรื่องพระพร เชื่อพระเยซูแล้วได้รับพระพร เชื่อพระเยซูแล้วร่ำรวย เชื่อพระเยซูแล้วสุขภาพดีการงานดีธุรกิจดีอะไรก็ดีไปหมด ใช่พระเจ้าให้เรา แต่เราไม่ต้องพูดถึง เราพูดนิดๆ หน่อยๆ เราไม่ต้องพูดถึงบ่อยๆ
- อันที่สาม คือการอธิษฐาน การบัพติศมา เรื่องความรอด ประกาศข่าวประเสริฐเรื่องความรอด
* สิ่งเหล่านี้อยู่ในฮีบรูบทที่ 6 พูดถึงอาหารน้ำนมมีหกอย่าง กลับไปอ่านดู อาหารน้ำนมมีหกอย่าง เราจะเห็นว่าเราไปคริสตจักรไหนเราจะเจออาหารน้ำนมหกอย่างนี้ ที่ผู้นำจะนำมาสอนมาเทศนาอยู่เป็นประจำ นี่คือเหตุผลที่คริสเตียนทุกวันนี้โตไม่ได้ ชีวิตไม่ไปถึงไหน ขึ้นลงๆ สุขทุกข์ดีบาปไปจนตาย เพราะว่าเขาอยู่ในอาหารหกอย่างนี้
...
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซูที่พระเยซูนำเราเข้าสู่อาหารผู้ใหญ่
อาหารผู้ใหญ่คืออะไร?
- อาหารผู้ใหญ่ก็คือเราพบอาณาจักรของพระเจ้า เรารู้ว่าอาณาจักรก็คือการร่วมครอบครองกับพระเยซู แล้วขอบคุณพระเยซูที่คนที่จะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้า ต้องมีคุณสมบัติ มีนิสัย มีชีวิต เหมือนพระเยซู เราเป็นมนุษย์เราเคยเป็นทาสของความบาป เราถูกขายให้บาป เราเป็นคนตาย เราถูกสาปแช่ง เราเสื่อมโทรมเสื่อมทราม ตกต่ำแล้ว เราจะทำดีมีชีวิตนิสัยเหมือนพระเยซูไม่ได้
- เพราะฉะนั้นเราพยายามเท่าไหร่เราก็จะล้มเหลว ไม่มีทางที่มนุษย์ดินมนุษย์อาดัมคนนี้จะเปลี่ยนเป็นนิสัยของพระเยซูมันไม่ได้ เราต้องพึ่งใคร? เราต้องพึ่งพระเยซูให้เข้ามาอยู่ในเราและสำแดงชีวิต และนิสัยของพระองค์อยู่ภายในเราผ่านเราออกมา นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็น
* คริสเตียนมากมายทุกวันนี้พยายามทำดีขอกำลังเสริม แต่เราขอบคุณพระเจ้าอาหารผู้ใหญ่ก็คือให้พระเยซูเข้ามาทำ แล้วพระเยซูทำเลยเราไม่ต้องทำอะไร
...
เรามีหน้าที่ตาย พระองค์มีหน้าที่มีชีวิตอยู่
เรามีหน้าที่ต่ำ พระองค์มีหน้าที่สูงขึ้น
เรามีหน้าที่เล็กลง พระเยซูมีหน้าที่ใหญ่ขึ้นขยายตัว
ขอบคุณพระเยซูสำหรับมานาที่ซ่อนไว้
* เพราะฉะนั้นเมื่อเราพบมานาที่ซ่อนไว้ เราพบพระคำล้ำลึก เมื่อเราพบพระคำล้ำลึกสะสมเลย สะสม การสะสมไม่ใช่แค่มาฟังผมทุกๆ วันอาทิตย์ แล้วกลับไปบ้านจบ ไม่. ไปติดตามยูทูป ไปติดตามหนังสือในเฟส ไปติดตามในเว็บไซต์ แล้วก็สะสมมา สะสม เขียน จด จำ ท่อง ฝึก ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จเป็นคนที่เข้าถึงพระเจ้าจริงๆ ได้ เป็นคนที่มีความสำเร็จในชีวิตคริสเตียนจริงๆ เป็นผู้ชนะจริงๆ
...
แล้วพระคำล้ำลึกมาจากใคร ทุกวันนี้คริสเตียนมีสองสายใช่ไหม สายเปกับสายเปา
คริสเตียนทุกวันนี้มีสองสาย
1. ก็คือสายเปโตร สายเปโตรเป็นศาสนา สายเปโตรก็คือพยายามทำดีเชื่อฟังพระเจ้าด้วยกำลังของเขาเอง
2. แต่สายเปาโล ก็คือพระคริสต์อยู่ในเราทำแทนเรา พระคริสต์รักษาพระบัญญัติในเรา พระคริสต์เป็นคนที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนหัวใจ เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างให้คิดแบบใหม่ไม่ให้คิดเหมือนเดิมเหมือนศาสนา เรามาอยู่ในชีวิตเราไม่ได้มาอยู่ในศาสนา
แต่คริสเตียนมากมายทุกวันนี้เข้ามาอยู่ในศาสนาคริสต์เป็นศาสนาคริสต์ไปแล้ว วันอาทิตย์ก็มาโบสถ์ กลับบ้านจบ อ่านพระคัมภีร์เล็กน้อย อธิษฐานเล็กน้อย อธิษฐานบางครั้งก่อนทานข้าวก่อนนอนจบ หรือว่ามีปัญหาก็อธิษฐาน ถ้าชีวิตเรียบง่ายราบรื่นก็ไม่อธิษฐาน อันนี้เป็นศาสนาคริสต์
เพราะฉะนั้นชีวิตคริสเตียนที่ปกติ ชีวิตคริสเตียนที่เป็นผู้ที่พระเจ้าพอพระทัยมาก ก็คือชีวิตที่ติดสนิทกับพระเยซู ไม่ว่าคุณจะชีวิตราบรื่น หรือชีวิตขึ้นลงก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเจอมรสุม หรือว่าคุณจะอยู่ในความสงบสุขก็ตาม คุณจะสนิทในพระเยซู คุณจะบอกรักพระเยซู คุณจะผูกพันอยู่กับพระเยซูตลอดเวลา ถ้าเรายังไม่ทำสิ่งนี้ เรามาร่วมกันสู้ไปด้วยกันหนุนใจกันเข้ากระตุ้นกัน
ตอนเช้าเมื่อเช้าเราสังเกตเห็นบางคนอธิษฐาน เวลาเรามาคริสตจักรเราเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า เรามีหน้าที่จุดไฟ คือปลุกทุกคนให้กระตือรือร้น การจุดไฟต้องทำแบบไหน เวลาอธิษฐาน (พระ เย ซู พวก เรา รัก พระ องค์ พระ เยซู ขอบ คุณ สำ หรับ ทุก สิ่ง ทุก อย่าง. เสียงเบามากกก...) อันนี้มันจุดไฟไหม คือเสียงน้ำเสียง
สำหรับเราเราร้องเสียงดังมันไม่ได้หมายความว่าเราเป็นศาสนา ไม่นะ อาการร้องเสียงดังก็คือการกระตือรือร้น พระเจ้าต้องการให้เราเป็นคนที่กระตือรือร้นเวลานมัสการพระเจ้า เวลาอยู่กับพี่น้องเวลาอยู่ร่วมกัน คือเรียกว่าจุดไฟเผาทุกคน ถ้าเราร้องเสียงดังเท่าไหร่เราเผาได้ทุกๆ คน แล้วเวลาที่เราได้ยินเสียงร้องเรารู้สึกยังไง? (สรรเสริญ) ใช่ แล้วก็ปลุกพี่น้องด้วยให้กระตือรือร้นให้ลุกจากความหงอยเหงา
ถ้าคุณอธิษฐาน (พระ เย ซู ขอบ คุณ พระ องค์ สำ หรับ ทุก สิ่ง ทุก อย่าง. เสียงเบา...) พวกเรารู้สึกยังไงก็เฉยๆ ใช่ไหมเราก็เฉยๆ แต่ถ้าคุณพูด (เอเมนพระเยซูพวกเรารักพระองค์. เสียงดังฟังชัด...) พวกเรารู้สึกยังไง กระตุ้นเราไหม
การร้องขึ้นมีความหมายมีเป้าหมายร้องขึ้นแบบธรรมดา ไม่ใช่แบบร้องดังเกินไป โอเวอร์ ไม่ใช่แบบนั้น. การกระตือรือร้นการเผาไหม้ เราจะรุนแรงร้อนรนได้
สรุปข้อที่ 1. ก็คือเราพบมานาที่ซ่อนไว้แล้ว
สะสมก็คือเอาหนังสือก็ได้ โทรศัพท์ก็ได้ มาเขียนมาจดจำมาท่องจำ เรื่องบัพติศมาเป็นยังไง เรื่องตายกับพระเยซูเป็นยังไง เรื่องเป็นขึ้นมากับพระเยซูเป็นยังไง เรื่องรอดแล้วรอดเลยคืออะไร จำ จด เอาข้อพระคัมภีร์มาสนับสนุน จด จำ ข้อพระคัมภีร์ด้วย อย่าให้แต่คนนี้เป็นคนช่วยคนเดียว ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งคนนี้ไม่ได้อยู่จะทำยังไง ยังไงก็ตามสะสมมานาฯ สะสมข้อพระคำ เพื่อเป็นดาบเราต้องมีดาบนะ ทุกวันนี้หลายคนไม่มีดาบ คนที่มีดาบก็คือรู้ข้อพระคัมภีร์เยอะมาก เพื่อต่อสู้เพื่อตอบโต้กับซาตานที่ใช้มนุษย์เข้ามาถกเถียงเรา มาสู้กับเรา
ข้อที่ 1. เราพบมานาฯ หรือยัง ขอบคุณพระเยซูพวกเราส่วนมากพบมานาฯ แล้ว เอเมน
ข้อที่ 2. เราสะสมหรือยัง ทุกวันนี้เราสะสมหรือยัง กำลังสะสมอยู่ เอเมนขอบคุณพระเยซู
ข้อที่ 3. สร้างความผูกพันสนิทบอกรักกับพระเยซู ขอบคุณพระเยซูที่หลายคนทำได้และกำลังทำอยู่ และบางคน บางคนที่ยังไม่ได้ทำ ไม่เป็นไร ยังไม่สายเกินไป เริ่มใหม่เอเมน ลุกขึ้นเลยปลุกเราเองน่ะ ปลุกเสือปลุกสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างในเราให้มันลุกขึ้น ให้มันบอกรักพระเยซู เอเมน ที่ผ่านมาไม่เป็นไรเราอาจจะแบบ สบายๆ ชีวิตง่ายๆ ถ้าทำแบบนั้นอันตรายนะ ชีวิตคริสเตียนถ้าเราเป็นคริสเตียนแล้วเนี่ยก็เป็นให้มันถึง
ทีนี้การนับว่าตัวเก่าตาย ตัวใหม่อยู่ คุณจะต้องมีพื้นฐาน คุณจะต้องมีความเข้าใจ มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องตายและเป็นขึ้น อยู่ดีๆ มาบอกให้นับตัวเก่าตายแล้วตัวใหม่เป็นอยู่ อันนี้นับไม่ถูก อันนี้มันก็เป็นเหมือนศาสนา อะไรที่เราจะทำเราต้องรู้และเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อน สิ่งไหนที่เราจะเอามาฝึกเราต้องรู้และเข้าใจให้ถ่องแท้
ก็คือตัวเก่าตาย มันตายยังไง มันตายเมื่อไหร่ ทำไมมันต้องตาย มาถึงข้อที่ 4. เป็นคำตอบสำหรับพี่น้องที่ถาม ทำไมต้อง นับ นับยังไง
ก่อนที่จะนับ 1. เราต้องรู้ก่อน ก่อนที่จะนับต้องรู้ก่อน รู้อะไร? ตัวเก่าตาย ทำไมตัวเก่าต้องตาย ตายเมื่อไหร่ ตายยังไง? มนุษย์เราทุกคนเกิดมาเสื่อมทราม ตกต่ำถูกสาปแช่ง มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ถูกพระเจ้าสาปแช่งเพราะว่าเป็นลูกหลานของอาดัม เชื้อสายของอาดัมถูกสาปแช่ง ลูกหลานๆ ต่อมาถูกสาปแช่งทั้งหมด ตกต่ำทั้งหมดทุกๆ คนเลย เพราะฉะนั้นมาถึงกางเขน กางเขนเป็นที่ประหารชีวิตของอาดัมและลูกหลานเชื้อสายทุกๆ คน ทุกๆ คนจะมาจบที่กางเขน
เพราะฉะนั้นเราที่เป็นลูกหลานของอาดัม อยากจบชีวิตก็ต้องยอมรับการตายที่กางเขนของพระเยซู เมื่อพระเยซูตายบนกางเขนวันนั้น เป็นวันที่พระเยซูนับทุกคน นับทุกคนเข้าไปมีส่วนในการตายกับพระเยซู พระเยซูก่อนที่จะตายบนกางเขน พระเยซูนับคุณ นับทุกๆ คนเข้าร่วมในการตายของพระองค์
คนที่ถูกตรึง ก็คือพระเยซู แล้วคนที่ตายร่วมกับพระเยซู ก็คือพวกเรา คนที่เจ็บ ก็คือพระเยซู แต่คนที่ไม่เจ็บ ก็คือพวกเรา
แต่พวกเรามีส่วนในการตายกับพระองค์ เข้าใจน่ะ นี่น่ะคือความหมาย พระเจ้าต้องประหารชีวิตตระกูลของอาดัมเชื้อสายของอาดัม เพราะว่าเชื้อสายนี้บาปแล้ว ตกต่ำแล้ว เสื่อมทรามแล้ว ใช้ไม่ได้แล้ว ก็ต้องทิ้งไป ก็ต้องฆ่าทิ้ง ถามว่าพระเจ้าฆ่าชีวิตเก่าตัวเก่าของเราเพื่ออะไร นี่คือเหตุผล
แล้วตายเมื่อไหร่? ตายที่กางเขนสองพันปีก่อน ทุกคนที่เกิดมาทีหลัง หลังจากไม้กางเขน เรียกว่าความไม่จริง ทุกวันนี้พวกเราอยู่ในความไม่จริง มนุษย์อยู่ในความไม่จริง
สำหรับพระเจ้า คำว่า ไม่จริง เรียกว่า ชั่วคราวอนิจจัง ชั่วคราว หรืออนิจจัง เรียกว่า ความไม่จริง
ทุกวันนี้มนุษย์ตายแล้ว พระคัมภีร์เรียกว่าคนตาย ทุกคนที่ไม่เชื่อพระเยซูเรียกว่าคนตาย แล้วชีวิตของเราดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันนี้เรียกว่าความไม่จริง มันไม่จริง เห็นอยู่น่ะว่ากินข้าวอยู่
แต่สำหรับพระเจ้ามันไม่มีอะไรเลย มันล่องหน มันเป็นลมๆ แล้งๆ มันเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นคล้ายๆ กับลักษณะที่ พวกคุณเคยเห็นทีวีแล้วมันมีคลื่นอะไรเข้ามา เปิดทีวีแล้วมีคลื่นอะไรเข้ามาเป็น ปู๊ๆๆ แล้วก็หายไป ชีวิตของเราก็เป็นแบบนั้นประมาณนั้น เราอยู่ในความไม่จริง เราเป็นมนุษย์ เราเป็นคนตาย จำได้ไหมพระเยซูบอกว่าให้คนตายไปฝังคนตาย
แล้วขอบคุณพระเยซูที่เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระเยซูประทานชีวิตให้พวกเรา พวกเราจึงได้เกิดใหม่ การบังเกิดใหม่นี้เรียกว่าเข้าสู่ความจริง ความจริงของพระเจ้า
อีกครั้งหนึ่ง คือเมื่อสองพันปีก่อนพระเยซูตายบนกางเขน พระเยซูจบชีวิตของอาดัมแล้ว แล้วทุกคนที่เกิดมาและยังไม่ได้เชื่อพระเยซู ก็เรียกว่าคนตายหรืออยู่ในความไม่จริง เพราะว่าชีวิตของเขาจบตั้งแต่กางเขนแล้ว จบที่กางเขน
ความจริงหาได้ที่ไหน? ความจริงตอนนี้อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระคริสต์ ทีนี้เมื่อคุณเชื่อพระเยซูปุ๊บ ร่างกายคุณก็ยังอยู่ที่นี่ ร่างกายยังอยู่ที่นี่ แล้วเมื่อคุณเชื่อพระเยซู ร่างกายนี้เรียกว่าร่างกายใหม่ คือพระเจ้าไม่ได้ทำให้ขาวขึ้น หรือพระเจ้าทำให้มันดีขึ้น พระเจ้าทำให้หล่อสวยกว่าเดิม ไม่. ก็เป็นอันเดิมนั่นแหละ แต่พระเจ้าเปลี่ยน เปลี่ยนคำพูด เปลี่ยนฐานะของเราว่าเป็นคนใหม่
สมมุติน่ะสมมุติว่าคุณช้าง คุณช้างเมื่อก่อนเป็นทหาร ใส่ชุดสีเขียวเป็นชุดทหาร รองเท้า กางเกง เสื้อ หมวก ทุกอย่างเป็นทหารหมด บ่งบอกว่าเป็นทหาร แต่ปีนี้เขาเลิกเขาไม่เป็นทหารอีก เขากลายมาเป็นตำรวจ ถ้าตำรวจเนี่ยต้องใส่ชุดอะไร? คนๆ เดิมแต่เปลี่ยนชุด
เราเมื่อก่อนเราเป็นมนุษย์อาดัมเป็นมนุษย์เนื้อหนังเราสวมเสื้อเก่าเราสวมชีวิตเก่า แต่เดี๋ยวนี้เราเชื่อพระเยซู เราได้บังเกิดใหม่ เราสวมชีวิตพระเยซู เราสวมเสื้อใหม่แล้ว เห็นไหมก็คนๆ เดิมนี่ล่ะ แต่เปลี่ยนฐานะเปลี่ยนสิ่งที่สวมอยู่เปลี่ยนชีวิตใหม่
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ สิ่งที่ผ่านไม้กางเขนมีแต่ความจริง ความจริง ก็คืออยู่ในพระเยซู จริงในพระเยซู
ความไม่จริง ก็คือในอาดัมเหมือนเดิม แล้วทุกอย่างจะจบที่บึงไฟ แล้วความจริงในพระเยซูจะจบที่แผ่นดินใหม่
แล้วคนที่ดำเนินชีวิตในความจริงของพระเยซูจะได้รับพระพร ชีวิตราบรื่น เข้าสู่ชีวิตใหม่ เข้าสู่สันติสุขทุกวันทุกเวลา เข้าสู่อะไรก็ตาม ค้นหาเอา มันมีหลายสิ่งมันมีทรัพย์สมบัติเยอะแยะที่เราต้องไปค้นหา ขอบคุณพระเยซูพวกเราได้พบทรัพย์สมบัติหนึ่ง ก็คือสันติสุขทุกวันเวลา ขอบคุณพระเยซูที่พวกเราได้พบว่าพระเยซูอยู่ในพวกเราเป็นพลังยิ่งใหญ่ ขอบคุณพระเยซูที่ไม่มีความอ่อนแอมีแต่ความเข้มแข็ง ขอบคุณพระเยซูไม่มีความทุกข์ใจมีแต่ความสุขใจ
ขอบคุณพระเยซูที่เมื่อก่อนเราเป็นคริสเตียนแต่ครอบครัวแตกสาแหรกขาด เป็นครอบครัวที่มันมีแต่ปัญหา มันมีแต่ความทุกข์ มันมีแต่ความกังวล มันมีแต่ความคิดมาก มันมีแต่ความกลัว กลัวจะไม่รอด แต่เดี๋ยวนี้เราพ้นจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เห็นไหมมันมีหลายสิ่งในพระคริสต์ ในพระเยซูมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต้องไปค้นหา ไปค้นเอา แล้วเอามาใช้ในชีวิตของเรา
คริสเตียนทุกวันนี้มีเยอะมากที่ยังไม่พบทรัพย์สมบัติยิ่งใหญ่ในพระคริสต์ เขายังเดินในทางไหนคุณรู้ไหม คริสเตียนเชื่อพระเยซูแล้วแต่ยังเดินในทางนี้ยังเดินในความไม่จริง
รู้ก่อนว่าเราตายยังไง ตายเมื่อไหร่ ตายเพื่ออะไร ทำไมต้องตาย ต้องรู้ก่อน แล้วทีนี้ในพระคัมภีร์บทไหน อยู่ในพระคัมภีร์ข้อไหน มันต้องมีหลักฐาน ต้องมีสิ่งที่ยืนยันว่าเราตายจริงๆ หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเออ..อาจารย์คนนี้พูด อาจารย์มาพูดเราทุกคนตายกับพระเยซูแล้วนะ แล้วไม่มีพระคัมภีร์ยืนยันไม่มีหลักฐาน
(โรมบทที่ 6 / กาลาเทียบทที่ 2 / 2 โครินธ์บทที่ 5 / โคโลสี 4 บทที่ 3 ข้อ 3)
2 โครินธ์บทที่ 5 ข้อที่ 14 บอกว่ายังไง เหตุฉะนั้นคนผู้หนึ่งตายเพื่อคนทั้งปวงและคนทั้งปวงจึงตายแล้ว (เพราะว่าความรักของพระคริสต์ได้ครอบครองเราอยู่ เพราะเราคิดเห็นอย่างนี้ว่า ถ้าผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง เหตุฉะนั้นคนทั้งปวงจึงตายแล้ว) คนหนึ่งตายเพื่อคนทั้งปวง ก็คือพระเยซูตายเพื่อพวกเราทุกคน แล้วเราทุกคนก็ได้ตายด้วย
โรมบทที่ 6 ข้อ 3 ถึง 4 บอกว่า (ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์ เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น) พวกคุณไม่รู้หรือว่าพวกคุณบัพติศมาเข้าส่วนในพระเยซูคริสต์ พวกคุณก็เข้าส่วนในความตายของพระเยซูแล้ว แล้วพวกคุณไม่รู้หรือว่าพวกคุณถูกฝังกับพระเยซูแล้ว แล้วพวกคุณไม่รู้หรือว่าพระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย พวกคุณก็มีชีวิตใหม่ เห็นไหม
โลโคสีบทที่ 3 ข้อที่ 3 บอกว่า (เพราะว่าท่านได้ตายแล้ว และชีวิตของท่านซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระเจ้า) ทุกวันนี้ชีวิตของพวกคุณถูกซ่อนไว้ในพระคริสต์ พวกเราไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่แบบธรรมดาปกติที่พระเจ้ามองเห็น พวกเราซ่อนอยู่ในพระคริสต์ พวกเราปัจจุบันนี้ลี้อยู่ ลี้อยู่ พระเจ้าพระเยซูซ่อนพวกเราไว้ในพระองค์ให้ปลอดภัยทุกอย่าง ลี้อยู่เข้าใจไหมคำว่าลี้ ถ้าคุณซ่อนนะครับคุณลี้อยู่คุณก็จะปลอดภัย
(ลี้เป็นภาษาลาว แปลเป็นไทยคือหลบหรือซ่อน)
ถ้าสมมุติว่าประเทศลาวมีเครื่องบินหลายลำมาแล้วก็ทิ้งระเบิดใส่ แล้วถ้าคุณลี้อยู่ คุณมีที่ที่กำบังที่เข้มแข็ง ที่กำบังที่ที่มันปลอดภัย คุณจะเป็นยังไง คุณถูกระเบิดไหม เห็นไหม ทุกวันนี้ขอบคุณพระเยซูที่พระเยซูเป็นป้อมกำบังที่เข้มแข็งให้พวกเรา แล้วพวกเราก็ลี้อยู่ซ่อนอยู่ (โคโลสี 3:3)
สำคัญที่สุด คือ รู้ รู้พระคัมภีร์อยู่ที่ไหน ข้อไหน มีหลักฐานยืนยันไปค้นหามาให้หมด แล้วเก็บสะสมแล้วอ่าน ทีนี้เมื่อคุณรู้ คุณต้องอ่าน คุณต้องเชื่อ คุณต้องเข้าใจ
สำหรับผม ผมอ่านโรมบทที่ 6 กาลาเทียบทที่ 2 ตายกับพระเยซูไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปผมอ่าน 100 - 1,000 ครั้ง ไม่ได้อ่านครั้งเดียวผมจะอ่านๆๆๆ คือเจาะเข้าไป เจาะให้มันเข้าใจทุกๆ คำ ในความตายเกี่ยวกับพระเยซู แล้วเราตายด้วย
อ่านเพื่อให้พระวิญญานเปิดๆๆๆ พระวิญญาณจะค่อยๆ เปิดทีละน้อย ขอให้จำไว้นะ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดตาผู้เชื่อพระเจ้าเปิดทีละน้อยทีละน้อยไม่ได้เปิดให้ทีเดียวมาก เพราะฉะนั้นการอ่านเพื่อให้พระเจ้าเปิด
"อ่าน หยุด" "กลับมาอ่านใหม่" "แล้วกลับมาอ่านอีก" กลับมาอ่านอีกหลายๆ รอบ อ่าน อ่านๆ จดออกมา
ข้าพเจ้าถูกตรึงกับพระเยซูคริสต์แล้วข้าพเจ้าถูกตรึง
"ถูกตรึง ก็คือ ถูกตรึง" ร่วมกับพระเยซูไม่มีชีวิตอีกต่อไป ก็คือมันตายแล้ว ตัวเรานี้มันไม่มีชีวิตอยู่อีกแล้วมันตาย ถ้ามันตายมันเป็นยังไง คือหาเหตุหาผลหาความจริงหาความเข้าใจ
ถ้าสมมุติผมตายผมตายกับพระเยซูเมื่อ 2000 ปีก่อน ถ้าตายแล้วคนตายทำอะไรได้บ้าง คนตายมีสิทธิ์อะไรไหม คนตายมันเป็นยังไง คือหาเหตุหาผล เพื่อทำความเข้าใจกับมัน
คือเราตายแล้วถ้าคนตายมันมีสิทธิ์ไหมเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าคนตายแล้วมีสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของรถไหม เป็นเจ้าของภรรยาสามีไหม เป็นเจ้าของบ้านไหม เป็นเจ้าของอะไรอีกไหม ถ้าตายแล้วคุณก็หมดสิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของครอบครองอะไรสักอย่างในโลกนี้ แล้วแม้แต่ตัวคุณด้วยคุณก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของครอบครองมันอีก
แล้วพระเจ้าเป็นคนมีสิทธิ์เป็นผู้มีสิทธิ์ในชีวิตของคุณและเป็นผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินในทุกสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของครอบครอง คือหาเหตุหาผล นั่งคิดนั่งตึกตรองให้ดี
การดำเนินชีวิตคริสเตียนมันก็ไม่ต่างไปจากการสร้างบ้าน ถ้าคุณจะสร้างบ้านคุณจะต้องทำอะไรบ้าง คุณจะต้องคำนวณ คุณต้องไปหาสถานที่ให้เหมาะ จะไปปลูกบ้านที่ไหน ทำเล แล้วหลังจากได้ทำเลแล้ว คุณจะไปซื้ออุปกรณ์ ต้องการบ้านแบบไหน
(ต้องวางแผน บ้านจะต้องแข็งแกร่ง บ้านจะต้องฝนตกคือไม่รั่ว บ้านจะต้องแบบลมพัดมามันจะต้องไม่โครงเครง ต้องแข็งแรงแข็งแกร่ง คือครบทุกอย่างมีห้องนอนให้ครบให้ทุกคนได้นอน ลูก แม่ พ่อ ทุกคน ห้องน้ำกี่ห้องน้ำชั้นล่างชั้นบน ถ้าชั้นล่างอย่างเดียวชั้นบนต้องวิ่งลงมานานต้องให้มันสะดวกคือต้องวางแผน ต้องวางแผน)
ถ้าคุณดำเนินชีวิตคริสเตียนคุณก็ต้องวางแผนเหมือนกัน เอเมน
ไม่ใช่มาเชื่อแล้วไปคริสตจักร แล้วก็มาเชื่อแล้วก็มาคริสตจักรแค่นั้นจบไม่นะ
คุณต้องวางแผน แล้วเมื่อวางแผนนั้น คุณก็ต้องดำเนินการสร้างชีวิตของคุณอยู่ในความเชื่อให้เป็นไปตามวันเวลาให้สม่ำเสมอ
ผมขอบคุณพระเยซูที่เห็นพวกเรามาคริสจักรอย่างสม่ำเสมอ พวกเราเข้าสู่การวางแผนแล้ว แล้วตอนนี้พวกเรากำลังสะสม แล้วตอนนี้หลายคนเอาไปฝึกใช้ ขอบคุณพระเยซู
นี่คือการทำงานของพระเจ้าผ่านคริสตจักรพวกเรา
"รู้ อ่าน เชื่อ ทำความเข้าใจ"
100 ครั้ง 1,000 ครั้ง อ่านไปเลยเรื่องอะไรที่ตายเกี่ยวกับตายกับพระเยซูร่วมกับพระเยซูเป็นขึ้นมากับพระเยซู ชีวิตอยู่ในพระคริสต์เป็นยังไง
คือทำความเข้าใจ อ่านเยอะๆ อ่านบ่อยๆ อ่านมากๆ
การมาเป็นคริสเตียนมานาที่ซ่อนไว้ไม่ได้หมายความว่าอ่านแต่คำอธิบายของอาจารย์...เท่านั้น พระคัมภีร์สําคัญกว่าอย่าลืมนะ พระคัมภีร์สําคัญกว่า ผมแค่อธิบายแต่คนที่เปิดตาจริงๆ คือพระวิญญาณ แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเปิดตาผ่านคำอธิบายก็จริง แต่จะเปิดตาผ่านพระคำให้เห็นชัดเจนเข้าใจลึกซึ้งเห็นแก่นแท้ของความหมายที่ผมอธิบายให้ เอเมน
อย่าลืมน่ะ กลุ่มคริสเตียนมานาฯ มีอีกกลุ่มหนึ่งที่คล้ายๆ กับพวกเรา ก็คือกลุ่มฟื้นฟู แต่กลุ่มฟื้นฟูเขากลายเป็นศาสนาโดยที่ไม่รู้ตัว วิสเนสลี เป็นลูกน้องของ วอชแมนนี ที่เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงแก้คำสอนของวอชแมนนีเยอะมาก บางคนเขาอ้างว่าวิสเนสลีเขาอายุแก่ อายุแก่แล้วก็คือหลงๆ ลืมๆ ความจำไม่ดีก็เลยทำให้เขียนพระคัมภีร์แปลพระคัมภีร์ผิด เขาแก้ตัวแบบนี้ผมไม่เข้าใจนะว่าเขาจะแก้ตัวหรือว่ายังไง แต่ไม่ทราบ
ทุกวันนี้กลุ่มฟื้นฟูกลายเป็นศาสนา ทุกวันได้แต่ร้อง โอ้ พระเยซูๆๆ แบบนั้น แล้วก็ถ้าชีวิตปกติก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีปัญหาเขาก็จะเนื้อหนังออกมา ก็มีกิเลส ตัณหา โลภ โกรธ หลงออกมาเหมือนกัน แล้วรักษาพระบัญญัติเยอะกว่าคริสเตียนทั่วไปด้วย กลุ่มฟื้นฟูเขาถวาย 15 ลด หรือ 20 ลด หรือ 25 ลด ผมถามเขาว่าทำไมต้องถวายเยอะกว่าคริสเตียนทั่วไปหรือยิว เขาบอกว่าความชอบธรรมต้องเหนือกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์ เราก็ต้องถวายเยอะกว่า อันนั้นถูกไหม ไม่ถูกน่ะ
คือการควักกระเป๋า 15% 20% 25% ให้ มันไม่ได้หมายความว่ามีความชอบธรรมที่เหนือกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์ ถ้าคุณอยากมีความชอบธรรมที่เหนือกว่าฟาริสีและธรรมาจารย์ ก็คือให้พระเยซูทำแทน แล้วคุณเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างร้อยลดร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นของพระเจ้าทั้งหมด อันนี้เรียกว่าความชอบธรรมของเราเหนือกว่า
อีกครั้ง คือกลับไปอ่านๆๆ ข้อพระคัมภีร์ที่พูดถึงตายกับพระเยซู เป็นขึ้นมากับพระเยซู อ่านๆๆๆๆ ทั้งวัน อ่านเป็นประจำ กลับไปอ่านข้อพระคัมภีร์ทุกข้อที่พูดถึงเรื่องการตายกับพระเยซู และเป็นขึ้นมากับพระเยซู อ่านไปอ่านมาๆ อ่านช้าๆ ไม่ต้องรีบ
การเรียนรู้มานาที่ซ่อนไว้ คือห้ามรีบร้อน ไม่ให้รีบ อ่านช้าๆ ค่อยๆ อ่าน อย่ารีบ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ อ่าน เรามีเวลาตลอดชีวิตเพื่อเรียนพระคำพระเจ้าเอเมน
ทีนี้ตัวเก่าเราตาย พอพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายออกมาจากอุโมงค์ เรามีชีวิตใหม่ ตอนนั้นก็คือสองพันปีก่อน พระเยซูตายบนไม้กางเขนแล้วพระเยซูก็นับทุกๆ คนเข้าไปตายกับพระเยซู แล้วพระเยซูบอกว่า "สำเร็จแล้ว" ก็สิ้นใจ เมื่อพระเยซูตายตอนนั้นมีใครตายด้วย? เราทุกคนตายกับพระเยซู เราต้องเชื่อและฝังใจ เชื่อและฝังใจ ฝังความเข้าใจนี้ เชื่ออย่างตายใจว่าเราตายกับพระเยซูแล้ว
ทีนี้สามวันพระเยซูถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ แล้วใครอยู่ในอุโมงค์กับพระเยซูไหม? เราทุกคนอยู่ในอุโมงค์กับพระเยซู และสามวันต่อมาพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระคัมภีร์บอกว่าเราทุกคนก็มีชีวิตใหม่
ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่พวกเราจะมีชีวิตใหม่ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย สาวกก็ยังอยู่สาวกก็ยังรออยู่ พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตายพระเยซูปรากฏกับสาวกบางคน แล้วหลังจากนั้นพระเยซูก็บอกว่ารอนะเดี๋ยวเรามา แล้วพระเยซูก็ไปสวรรค์ไปหาพระบิดา
ไปหาพระบิดา พระเยซูไปทำอะไร? ถวายพระโลหิตตั้งไว้เพื่ออะไร? เพื่อการยกโทษบาปชั่วนิรันดร์ มีการบาปอยู่ที่ไหนมีการยกโทษอยู่ที่นั่น สารภาพเมื่อไหร่มีการยกโทษอยู่ที่นั่น รับพระเยซูเมื่อไหร่ก็มีการชำระด้วยพระโลหิตและได้รับความรอดอยู่ที่นั่น เมื่อพระเยซูถวายพระโลหิตให้พระบิดา พระบิดาพอใจพระเยซูมาก แล้วพระบิดาทำอะไรรู้ไหม?
พระเยซูตอนนั้นพระเยซูเป็นผู้ชายชื่อเยซูที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย แล้วเมื่อพระเยซูทำในสิ่งที่พระบิดาชอบพระทัยมาก คือตายเพื่อไถ่บาปคนทั้งปวง ดำเนินชีวิตอยู่อย่างคนชอบธรรมตลอด 33 ปีกว่า ทีนี้เมื่อขึ้นมาหาพระบิดา แล้วพระบิดาพอพระทัยผู้ชายคนนี้ชื่อเยซูมากๆ แล้วพระบิดาก็ให้พระเยซูมีสิทธิอำนาจอย่างหนึ่ง พระเยซูมีหน้าที่ใหม่มีสิทธิ์อำนาจพระบิดามอบให้ ก็คือแจกชีวิตให้ทุกๆ คนที่เชื่อ ยอห์น 7:39 บอกว่าเมื่อพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดาแล้วพระองค์ก็มีสิทธิอำนาจในการแจกจ่ายชีวิตของพระองค์ คือตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูขึ้นไปอยู่กับพระบิดาและในยอห์นบทที่ 7 ข้อที่ 39 บันทึกไว้ พระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา เราได้รับพระวิญญาณ
เพราะฉะนั้นเมื่อพระเยซูขึ้นไปแล้วพระเยซูก็ได้รับสิทธิอำนาจที่จะแจกจ่ายชีวิตของพระองค์ เราทุกคนตอนนี้มีองค์เยซูอยู่ในพวกเรา เริ่มพูดคุยกับพระองค์ได้แล้ว เราจะไปอยู่ที่ไหน เราจะไปอยู่บ้านอะไร เราไปอยู่ในดงในป่าอยู่ที่ไหนก็ตาม องค์เยซูนั้นก็อยู่กับเรา ขอให้จำ ขอให้เชื่อ ขอให้ตายใจในสิ่งนี้ แล้วพวกคุณจะเห็นการคุยของพระเยซูเกิดขึ้น การพูดการทำงานการเคลื่อนไหวการสัมผัส พวกคุณจะได้เห็น เพราะว่าองค์เยซูองค์นี้เป็นองค์เดียวกับที่นั่งกับพระบิดาทุกวันนี้
ถาม.
เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราได้รับพระวิญญาณ
ตอบ.
เราจะรู้ได้ยังไง เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเราได้รับพระวิญญาณ เราต้องไปอ่านยอห์นบทที่ 14 ข้อ 16 (เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะทรงประทานผู้ปลอบประโลมใจอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อพระองค์จะได้อยู่กับท่านตลอดไป) พระเยซูตรัสว่า เราจะขอพระบิดาให้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่ท่านทั้งหลาย และพระวิญญาณนั้นจะอยู่กับท่านตลอดไป เราจะมั่นใจได้ยังไง เรามั่นใจเพราะว่าเรารู้ข้อพระคำภีร์ พระคัมภีร์บอก พระเยซูสัญญา และเมื่อพระเยซูสัญญาก็เป็นสัญญา พระเยซูพูดอะไรพระเยซูไม่เคยมุสา พระเยซูเมื่อสัญญาอะไรกับเราสิ่งไหนพระเยซูต้องทำ พระเยซูบอกว่าเราจะขอพระบิดาเพื่อประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่พวกท่าน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่กับพวกท่านตลอดไป
ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว โดยที่ตาเราไม่เห็น เราเชื่อเอา เมื่อเราเชื่อเอา เราก็เห็นการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณ ต้องเชื่อเอาเพราะว่าเราไม่เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาเมื่อไหร่ออกไปเมื่อไหร่อยู่ยังไงเคลื่อนไหวยังไง เราไม่เห็น เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นฝ่ายวิญญาณ
...
ถาม.
ตอนที่พระเยซูขึ้นไปหาพระบิดา พระเยซูขึ้นไปเป็น ร่างกายมนุษย์หรือเป็นร่างกายแบบไหน
ตอบ.
พระเยซูขึ้นไปหาพระบิดาเป็นร่างกายแบบเราไหม ไม่. พระเยซูหลังจากฟื้นขึ้นมาจากความตายแล้วร่างกายของพระเยซูกลายเป็นกายทิพย์ กายทิพย์เรียกว่ากายวิญญาณ เป็นกายวิญญาณ
แล้วทุกวันนี้ถ้าเรามีโอกาสพระเจ้านำเราไปเที่ยวที่สวรรค์ พระที่นั่งที่พระบิดาเคยนั่ง ตอนนี้เราจะเห็นพระเยซู พระบัลลังก์อยู่บนสวรรค์ที่พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์เคยนั่ง พระเจ้าสามพระภาคเคยประทับอยู่เป็นแสงจ้าเป็นลูกแสงสว่างดวงใหญ่จ้าไม่มีตัวตน แต่หลังจากที่พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เราจะเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ที่พระบัลลังก์นั้น ก็คือผู้ชายชื่อเยซูนี่เอง แล้วพระเจ้าที่เป็นดวงสว่างพระเจ้าที่ไม่มีตัวตน ก็จะเข้าไปสถิตอยู่ในผู้ชายชื่อเยซู
พระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูประทับอยู่ที่ข้างขวาของพระบิดา คำว่า ข้างขวา ก็คืออยู่ด้วยกัน ไม่ได้หมายความว่าพระเยซูไปนั่งใกล้พระบิดา แล้วดวงสว่างก็อยู่ข้างๆ แล้วพระเยซูก็นั่งอยู่ข้างๆ และอยู่ใกล้กัน ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ อันนั้นมนุษย์คิด แต่สำหรับพระเจ้าในพระคัมภีร์หลายตอนที่บอกว่า พระเยซูประทับอยู่ที่บัลลังก์ พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่มีร่างกายไม่มีตัวตนเป็นวิญญาณ เพราะฉะนั้นพระเจ้าได้ร่างกายใหม่ก็คือร่างกายของผู้ชายที่เยซูนั่นแหละ เดี๋ยวนี้เป็นกายทิพย์แล้ว ไม่ใช่ร่างกายแบบพวกเราแล้วไปนั่งอยู่ที่สวรรค์ แล้วถ้าพวกเรามองพวกเราก็จะเห็นแต่คนนั่งอยู่ ไม่เห็นเก้าอี้ไม่เห็นอะไรเพราะว่าเป็นโลกวิญญาณ
...
ถาม.
ขออธิบายที่อาจารย์พูดเมื่อกี้ยอห์นบทที่ 7:39
ตอบ.
ยอห์นบทที่ 7 ข้อที่ 39 พูดถึงพระเยซูตรัสว่า พระบุตรก็คือพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา เราทั้งหลายจึงได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่ก่อนพระเยซูไม่มีสิทธิแจกจ่ายชีวิตของพระองค์ แจกจ่ายวิญญาณให้พวกเรา และเมื่อพระเยซูขึ้นไปแล้วพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดา
ยอห์น 7:39 (สิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้รับสง่าราศี) พระเยซูยังไม่ได้รับเกียรติจากพระบิดา พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงมาหาพวกเราไม่ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สามารถแจกจ่ายให้พวกเราได้ เพราะว่าพระเยซูยังไม่ได้รับเกียรติจากพระบิดา
แล้วพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดาเมื่อไหร่? คือพระเยซูมาอยู่ในโลกนี้ 33 ปีกว่า พระเยซูเคยทำบาปไหม? พระเยซูบริสุทธิ์นะครับ แล้วพระเยซูทำอะไรเพื่อคนทั่วโลก? ตายเพื่อไถ่บาปคนทั้งโลก สองสิ่งนี้พระบิดาชอบไหม? พระบิดาพอใจไหม? พระเยซูถวายเกียรติให้พระบิดาไหม? พระเยซูขึ้นมาบนสวรรค์มาหาพระบิดาแล้วถวายโลหิตให้พระบิดา พระบิดาก็พอใจ
ในพระคัมภีร์ข้อนี้ยอห์นบทที่ 7 ข้อ 39 บอกว่าพระเยซูได้รับเกียรติ ตอนนั้นคือตอนที่พระเยซูยังไม่ได้รับเกียรติ ก็ไม่ได้แจกวิญญาณแจกวิญญาณยังไม่ได้
เมื่อพระเยซูได้รับเกียรติจากพระบิดาแล้วนะครับ จึงมีสิทธิ์จึงสามารถแจกวิญญาณของพระองค์ได้ เพราะว่าพระเยซูทำในสิ่งที่พระบิดาพอใจ พระเจ้าพอใจมาก พระเยซูตายเพื่อไถ่บาปคนทั้งโลก แล้วชีวิตของพระเยซูไม่เคยทำบาปเลย เป็นชีวิตที่พระเจ้า ดีใจพระเจ้าพอใจพระเจ้ารักพระเยซูมากๆ แล้วสุดท้ายพระเยซูขึ้นมาหาพระบิดา แล้วพระบิดาก็ให้เกียรติ ตั้งแต่นี้ต่อไปแจกเลยแจกชีวิตแจกวิญญาณให้ทุกคน
ข้อที่ 4 ก่อนที่จะนับทุกวัน ก็คือเราต้องรู้ก่อน ต้องเข้าใจก่อน เราตายยังไง เราตายตอนไหน ตอนที่พระเยซูตายทำไมเราต้องตาย ทำไมพระเจ้าฆ่าเรา? เพราะว่าเราเป็นคนบาปเราเป็นเชื้อสายบาป เชื้อสายอาดัมเสื่อมทราม ตกต่ำ ถูกสาปแช่ง ไม่มีประโยชน์แล้ว ใช้ไม่ได้ พระเจ้าก็เลยต้องฆ่าเราทิ้ง
แล้วทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราไม่นับ เราไม่นับตัวเก่ามันจะฟื้นไหม? ฟื้นแน่นอน นี่คือเหตุผลที่พระเจ้าให้เรานับ เพราะว่าเมื่อไหร่ที่เราไม่นับ ความเชื่อของเรามันก็ลดลง เมื่อเราลดความเชื่อลดการนับ ตัวเก่ามันก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อตัวเก่าฟื้นขึ้นมา ตอนระยะที่ฝึกใหม่ๆ 2-3 ปีแรก เราถูกตัวเก่าฟื้นขึ้นมาเมื่อมีคนด่าเราเราทำยังไง? ด่ากลับแน่นอน
แต่ถ้าเราฝึกไปนานหลายๆ ปี เมื่อคนด่าเรามันจะเฉยๆ มันจะตายสนิท เรียกว่าสนิทในความตาย ในพระคัมภีร์ข้อหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่คริสเตียนหลายคนไม่รู้ เราต้องสนิทอยู่ในความตายกับพระเยซู โรม 6:5 สนิท หรือ ... สนิทติดอยู่ ติดหรือสนิทอยู่ หรือถูกฝังอยู่ในการตาย ให้มันติดอยู่ในการตายกับพระเยซู ให้มันถูกฝังอยู่กับพระเยซู ให้มันอยู่กับพระเยซูในความตายนั้นตัวเก่าเรา อย่าห่างพระเยซู
พระเยซูมีกี่คน? พระเยซูตายตอนนั้นอยู่บนกางเขน เราต้องติดอยู่กับพระเยซูในการตายนั้น อย่าให้มันห่างจากพระเยซูที่เป็นมนุษย์ ทุกวันนี้ให้ชีวิตใหม่ของเราติดอยู่กับพระวิญญาณของพระเยซู พระเยซูมีสองคน 1. ก็คือมนุษย์ 2. ก็คือวิญญาณ แล้วทุกวันนี้ตัวเก่าของเราให้มันตายอยู่กับพระเยซูที่ตายไปแล้ว แล้วตัวใหม่ของเราให้มันติดพันอยู่กับพระเยซูที่เป็นอยู่ที่สถิตอยู่ในเรา
ขอบคุณพระเจ้านะ อันนี้ถ้าพวกเราเข้าใจพวกเราถูกเปิดตา มันจะสนุกมากจะน่าเรียนมาก ตัวเก่าของเราผูกพันติดอยู่กับพระเยซูคนที่ตายแล้ว ตัวใหม่ของเราติดผูกพันอยู่กับพระเยซูที่เป็นวิญญาณในเรา เห็นไหม
เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เราต้องนับ ต้องมีการนับ พระเยซูก็บอกว่าถ้าพวกเจ้าไม่แบกกางเขนและตามเรามาทุกวัน (ลก 9:23 / ลก 14:27) เห็นไหมคือทุกวันเลย แบกกางเขนคืออะไร คือนับ คือนับว่าตาย แบกกางเขนก็คือแบกความตายคือตายทุกวัน แล้วเปาโลก็บอกว่าข้าพเจ้าตายทุกวัน (1 คร 15:31) เปาโลพูดนะว่าเปาโลฝึกทุกวัน ข้าพเจ้าตายทุกวัน
แล้วพวกเราล่ะตายทุกวันไหม? เอเมนขอบคุณพระเจ้าเราตายทุกวัน นับ เชื่อ ลืมเมื่อไหร่กลับมา หรือถ้าใครมีคู่ มีสามี มีภรรยา มีแฟน (ควัก อ้ายตายแล้วบ่ ถ้ายังบ่ตาย ตายซะ ชวนกันไปตาย ตายซะ แต่เวลาพูดระมัดระวังน่ะอย่าใช้สีหน้าที่แบบ ตายซะ!! อันนั้นมันเป็นความหมายอื่นแล้ว เดี๋ยวมีการตีกันเกิดขึ้น เดี๋ยวสามีเราจะบอกว่า เธอก็ยังไม่ตาย เมื่อกี้เธอยังทำตาเหลือกใส่ คือชวนกันไปตาย ไปตายดีนะครับ)
เราต้องตายทุกวัน
เราต้องนับว่าตายทุกวัน
ตัวเก่าของเรามันจะฟื้นขึ้นมาถ้าเราไม่นับ
ถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ ลืมเมื่อไหร่ก็นับใหม่ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นเวลาที่คุณนับนานเป็นเดือนเป็นปี คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะช่วยนับด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะกระตุ้น แล้วสุดท้ายเราก็จะคุ้นเคย คุ้นเคยเคยชินกับความใหม่ แล้วความเก่ามันตายไปคุณก็คุ้นเคย คุณคุ้นเคยกับความตายที่อยู่กับตัวเก่า แล้วคุณคุ้นเคยกับความมีชีวิตใหม่อยู่ในคนใหม่อยู่ในพระวิญญาณ คือมันเป็นความเคยชิน
ร่างกายเรา จิตใจเรา วิญญาณเรา มันมีสิ่งหนึ่งที่ฝังอยู่ พวกคุณรู้ไหมคืออะไร คือความเคยชิน อันนี้มันเรียกว่าอัตโนมัติ ภาษาอังกฤษเรียกว่า automatic ความเคยชิน หรือว่า wont มันจะเกิดขึ้น มันคืออะไร ถ้าคุณนับทุกวันว่าคุณตาย คุณจะเคยชินคุณจะอัตโนมัติ คุณจะเคยชิน ตื่นนอนตอนเช้าคุณรู้เลย บางทีคุณยังไม่ได้นับ คุณรู้ตัวเลยว่าตายแล้ว เข้าใจไหมอัตโนมัติ
พวกคุณทุกวันนี้ใช้นาฬิกาปลุกทุกๆ คนใช่ไหม ตื่นไปทำงาน เคยมีไหมวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ที่คุณไม่ไปทำงาน แล้วคุณตื่นนอนเอง เป็นใช่ไหม อันนี้มันเป็นอัตโนมัติ คือเราตั้งนาฬิกาปลุกทุกวันๆๆๆ ใช่ไหม ปลุกเรื่อยๆๆๆ เป็นเดือนเป็นปี ต่อมาปรากฏว่าทุกวันคุณไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกคุณก็ตื่นเองได้
การฝึก การฝึกเดิน ขอบคุณพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เรามีสิ่งหนึ่งเรียกว่า อัตโนมัติ แล้วสองก็คือพระวิญญาณเป็นคนทำงานเป็นคนกระตุ้นในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ช่วยที่ดีมากๆ เลยนะ ช่วยในการฝึกด้วย และช่วยในการนับด้วย คือช่วยทุกอย่าง ถ้าคุณเห็นความดีของพระวิญญาณบริสุทธิ์คุณจะซาบซึ้งในความรักของพระองค์มาก พระวิญญาณบริสุทธิ์น่ารักมาก เพราะฉะนั้น ฝึก นับ ตัวเก่าตาย ตัวใหม่อยู่
ทีนี่เมื่อคุณฝึกอย่าไปมอง อย่าไปมองว่าทำไมไม่เห็น ทำไมไม่เห็นตัวเก่าตาย ทำไมไม่เห็นใจใหม่ ทำไมไม่เห็นความรัก ยังสงสัยหรือยังรอยังไม่เห็น อันนี้ห้ามทำแบบนี้เด็ดขาด อันนี้เรียกว่าอยู่ด้วยเนื้อหนัง มีชีวิตอยู่ในเนื้อหนัง คือเราอาศัยสิ่งที่ตามองเห็น เราอยู่ด้วยสิ่งที่ตามองเห็น
*เรื่องความเชื่อ กับเรื่องตามองเห็น*
*ความจริงของพระเจ้ากับความจริงของอาดัมมันไม่เหมือนกัน*
สมมุติว่าถ้าคุณอยากเห็นพลังของพระเจ้า อยากเห็นพลัง ตอนนี้คุณรู้สึกอ่อนแอ คุณช้างเป็นคริสเตียนแต่ไม่เคยพบมานาที่ซ่อนไว้ ไม่เคยเรียนรู้พระคำล้ำลึก แล้วคุณช้างจะเป็นแบบนี้ ตื่นนอนตอนเช้าเหนื่อย ทีนี่คุณช้างมีสิ่งดีอยู่อย่างก็คือเชื่อพระเยซู คุณช้างก็เลยอธิษฐาน "พระเยซูข้าพระองค์เหนื่อยเหลือเกิน ขอพลังเสริมให้ข้าพระองค์เข้มแข็ง ไม่อยากขี้เกียจ เอเมน" แล้วทีนี้คุณช้างก็ลืมตาขึ้นมา คุณช้างก็มองดูร่างกายมองดูตัวเอง รู้สึกเหมือนเดิม แล้วเขามองดูเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีพลังไม่มีความเข้มแข็ง เขาก็เชื่อว่ามันไม่มีความเข้มแข็งอยู่ข้างใน เข้าใจไหม
ทีนี่เขาก็อธิษฐานใหม่ "พระเยซูทำไมไม่เห็น ขอเสริมกำลังด้วย พระองค์เป็นกำลังไม่ใช่หรอ เอเมน" ทีนี้เขาก็กลับมามองดูตัวเอง ไม่เห็นทำไมไม่เห็นกำลัง อันนี้เรียกว่าอยู่ด้วยตาที่มองเห็น เข้าใจน่ะ
ในพระคัมภีร์ไม่ได้สอนให้พวกเราอยู่ด้วยตาที่มองเห็น ห้ามมอง ห้ามดู แต่เชื่อเอา
ทีนี้คุณช้างตื่นนอนตอนเช้าวันใหม่ คุณช้างได้พบมานาฯ พบพระคำล้ำลึก คุณช้างตื่นนอนคุณช้างเหนื่อยขี้เกียจ "พระเยซูขอบคุณพระองค์ ข้าพระองค์เข้มแข็ง ข้าพระองค์ไม่ขี้เกียจ ข้าพระองค์มีพลัง" ก็ลุกขึ้นทั้งๆ ที่เขายังเหนื่อยอยู่ ทั้งๆ ที่คุณช้างยังเหนื่อยอยู่ ยังอ่อนแออยู่อ่อนเพลียอยู่ยังขี้เกียจอยู่ แต่ในใจของเขาเชื่อว่าเข้มแข็งแล้ว ในพระเยซูไม่มีความอ่อนแอ เมื่อเขาทำแบบนี้แล้วเขาไม่มอง ไม่มองว่าอ่อนแอไม่มอง เขาบอกไม่เชื่อไม่เชื่อ เราเข้มแข็งเอเมน ไปแปรงฟันเขาก็ไปแปรงฟัน วันแรกเขาฝึกมันไม่สำเร็จไม่เห็นพลังของพระเจ้าเกิดขึ้น ไม่เห็นพระวิญญาณเคลื่อนไหว เขาฝึกใหม่ วันต่อมาเขาก็ฝึกเหมือนเดิม
ตื่นนอนบิดขี้เกียจ อธิษฐาน "เอเมนข้าพระองค์เข้มแข็ง ข้าพระองค์อยู่ในพระเยซู ไม่มีความอ่อนแอในพระเยซู ขอบคุณพระเยซูอยู่ในข้าพระองค์มีพลังยิ่งใหญ่ พระองค์นั่นแหละเป็นพลัง เอเมน" เขาลุกขึ้นเดินไป เหมือนเดิมไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขาไม่ท้อ เขาไม่ท้อ เขาจะฝึกต่อไป 3-4 วันต่อมาก็ฝึกเหมือนเดิม 5 วันต่อมาฝึกเหมือนเดิม 2 อาทิตย์ผ่านไปเขาก็ฝึกเหมือนเดิม
3 อาทิตย์ต่อมา วันหนึ่งเขาตื่นนอนเขาขี้เกียจเขาอ่อนแอเขารู้สึกเพลียมาก "พระเยซู เอเมนข้าพระองค์เชื่อ ไม่ท้อ ข้าพระองค์รู้ความจริงนี้ คือพระคริสต์อยู่ในข้าพระองค์ ข้าพระองค์เข้มแข็ง ข้าพระองค์ไม่อ่อนแอ ในพระองค์ไม่มีความอ่อนแอ เอเมน" เขาลุกขึ้นกระปรี้กระเปร่า ความอ่อนแอหายไป ความเหนื่อยหายไป ความง่วงนอนง่วงเหงาหายไป เขาไปห้องน้ำ แปรงฟัน ใส่เสื้อผ้า ไปทำงาน ขับรถไม่รู้สึกง่วงนอน เขากระปรี้กระเปร่าร้อนรน แทนที่จะเปิดเพลง (ใส่ใจได้แต่มอง) แต่เขาเปิดเพลงเป็นเพลงคริสเตียน แทนที่เขาจะ พูดโทรศัพท์กับแฟน แต่เขาคุยกับพระเยซู เห็นไหมมันเปลี่ยนไปเพราะว่าเขาเชื่อเอา
ถ้าคุณอยากเห็นการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์คุณต้องเชื่อก่อน อย่าใช้สายตามอง ว่าเอ๊ะทำไมอ่อนแอ เอ๊ะทำไมอ่อนเพลีย วันนี้เป็นการอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น พรุ่งนี้มันก็จะเกิดขึ้นอีก มะรืนนี้เกิดขึ้นอีก ต่อไปมันจะเกิดขึ้นทุกวันเอเมน เข้าใจน่ะนี่คือการฝึกของคริสเตียน คริสเตียนต้องเดินด้วยความเชื่อ คือเชื่อเอาก่อน ถ้าคุณอยากเห็นการอัศจรรย์คุณต้องเชื่อก่อน
2 โครินธ์ 5:7 เพราะเราดำเนินโดยความเชื่อ มิใช่ตามที่ตามองเห็น
เราดำเนินชีวิต เราเดินไปด้วยความเชื่อ เราเชื่อเอา ไม่ใช่สิ่งที่ตามองเห็น คุณเห็นตัวอย่างเมื่อกี้ไหม คุณช้างไม่ได้อาศัยสิ่งที่ตามองเห็น เขามองเห็นว่าเขาอ่อนแอแต่เขาเชื่อว่าเข้มแข็ง ไม่สนกับความอ่อนแอ เข้มแข็งเอเมนเข้มแข็ง ในที่สุดชีวิตของคุณจะกลายเป็นคนที่เข้มแข็งทุกวัน เพราะว่าคุณฝึก ฝึกๆๆๆ ทุกวัน
ทีนี้เอามาใช้กับคนอื่น คนที่อยู่รอบข้างเรามันด่าเรา มันพูดไม่ดีกับเรา มันพูดไม่เพราะกับเรา มันบ่น มันทำให้เราหงุดหงิด เราพูดเลย เอเมนพระเยซูเขาน่ารักน่าร๊าก เขาจะบ่นเขาจะด่าเขาจะว่าอะไร เอเมนพระเยซูเขาพูดเพราะ เขาพูดเพราะๆ คือเราไม่ชอบสิ่งที่เราได้ยินของคนที่อยู่รอบข้างเรา แต่เราเอเมนก่อน คุณรู้ไหมอีกไม่นานคำพูดคำด่ามันจะเป็นยังไง พระเจ้าจะปิดหูเรา ไม่ให้ได้ยิน
สมมุติว่า มีแม่ที่บ่นมากๆ บ่นเช้า บ่นเย็น บ่นทุกวัน บ่นๆๆๆ อยู่นั่นแหละ มีแต่บ่นกับบ่น เรานี่รำคาญอยากหนีออกจากบ้านแล้วไม่ไหวละ ฝึก ฝึกแบบนี้ฝึกเลย คำพูดของแม่เพราะมากพระเยซูเอ๋ย เอเมนพระเยซูเพราะมากกก เราได้ยินเรารู้สึกรำคาญอยู่น ฝึกใหม่ เอเมนพระเยซูเพราะมาก น่ารักแม่หนูน่ารักมากกกก ฝึกน่ะฝึก แต่ขอให้เชื่อ ไม่ใช่ฝึกแบบฝึกแบบเบื่อนะ ฝึกแบบขอให้เชื่อ ในที่สุดเสียงของแม่เรา เสียงของคนที่เรารำคาญ เสียงของคนที่พูดไม่น่าฟังไม่อยากฟัง มันจะเป็นเหมือนเสียงเพลงที่คุณชอบ ขอให้เชื่อ
พระเจ้าจะไม่เปลี่ยนคนที่เขาบ่นเก่งๆ คนที่บ่นบ่อยๆ คนที่ชอบด่าเรา คนที่ทำไม่ดีพูดไม่ดีกับเรา แต่พระเจ้าจะเปลี่ยนหูเราให้ฟังแล้วมีความสุข เป้าหมายของพระเจ้าคือเปลี่ยนเราไม่ได้เปลี่ยนเขา เป้าหมายของพระเจ้าคือให้เราฝึกโดยที่เราเชื่อก่อน แล้วพระองค์จะเปลี่ยนเขาทีหลัง แต่ว่าตอนนั้นตอนที่เราฝึกพระองค์จะให้เรามีหู หูดี คนที่มีหูดีฟังอะไรมันก็ดีไปหมด ถ้าคนหูไม่ดีฟังอะไรก็ไม่ดี คนหูไม่ดีพูดอะไรนิดหนึ่งก็รำคาญ พูดอะไรที่ดีๆ ก็ไม่ดี เราหวังดีกับเขาแล้วเราไปพูดเขาก็ว่าเราไม่ดี คนเขาดีกับเรา เขาคิดดีกับเราเขาอยากทำดีกับเรา ก็ว่าให้เขา คือขี้ระแวง
เพราะฉะนั้นคนหูดีจะไม่มีขี้ระแวง คนหูดีทุกอย่างมันก็ดีหมด ฟังเพราะไปหมด เสียงด่าของเขากลายเป็นเสียงเพลง อะไรที่เขาทำไม่ดีกับเรามันกลายเป็นดอกไม้ที่เขาโยนมาให้เรา อันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นนะพูดจริงๆ ถ้าเราอยากพบชีวิตที่เป็นแบบนี้นะ ให้ฝึก ฝึก เชื่อ "ขอบคุณพระเยซูในพระคริสต์มีแต่สิ่งใหม่ๆ ขอบคุณพระเยซูมีแต่สิ่งดีๆ" เขาด่าเขาว่าเขาบ่นเขาทำอะไรไม่ดีกับเรา "ขอบคุณพระเยซูที่ทุกอย่างดีหมดเอเมน ลูกเชื่อ ลูกอยู่ในพระคริสต์ทุกอย่างดีหมด โลกของพระเยซูมีแต่สิ่งดีๆ"
เพราะฉะนั้นให้เราเดินอยู่ในโลกของพระเยซู และสุดท้ายมาพระเจ้าจะปกป้อง พระเจ้าจะปกป้องเราจากสิ่งที่ไม่ดี เอเมนไหม เชื่อเอาก่อน เห็นตามมา
สุดท้ายอยากหนุนใจพวกเรา การฝึกเดิน การฝึกเดินโดยที่เชื่อเอาก่อน เราต้องใช้เวลา เท่านั้นแหละ เอเมน.