- บางคนพูดว่า หลังจากที่เราเชื่อแล้ว เราต้องเลิกทำบาป ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะสูญเสียความรอดไป. ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้า.
- การที่เราจะได้รับความรอดนั้นไม่ได้ขื้นอยู่กับการทำดีในอดีต, ในปัจจุบัน หรืออนาคต แต่ขึ้นอยู่กับการเชื่อในพระเยซูว่าพระองค์ทรงรับแบกบาปของเราและทรงตายแทนเราเท่านั้น.
- ไม่ว่าความบาปของเรามีมากมายสักเพียงไรก็ตาม ความบาปเหล่านั้นได้ตกอยู่ที่พระเยซูหมดแล้ว ตราบใดที่เราเชื่อในพระเยซู เราก็จะรอดแน่นอน.
- เราไม่ได้รับความรอดด้วยกำลังของเราเอง และเราก็ไม่สามารถที่จะช่วยเราเองให้รอดได้ แต่พระเยซูต่างหากที่ทรงไถ่เราให้รอด.
- ผู้เชื่อมากมายคิดว่าตนอาจไม่รอด เพราะเขาไม่เข้าใจหลักการแห่งการได้รับความรอด.
พวกเขาคิดว่าการประพฤติผิดในอดีตพระเยซูทรงรับไปแล้ว แต่การประพฤติผิดหลังจากที่เชื่อแล้วนั้น เขาจะพินาศ. ความเชื่อนี้เป็นหลักการเชื่อถือแบบยุคพระคัมภีร์เดิม หรือพันธสัญญาเดิมนั่นเอง.
- ในพันธสัญญาใหม่ หรือพระคัมภีร์ใหม่ ผู้เชื่อได้รับตำแหน่งใหม่ โดยทางความเชื่อ เราได้รับชีวิตใหม่ และ เราสามารถเข้ามาหาพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเราโดยทางความเชื่อเช่นเดียวกัน.
- เราไม่ได้เข้ามาหาพระเจ้าทางการกระทำดี แต่เรามาหาพระเจ้าได้ทางตำแหน่งใหม่ (new position) ที่เราได้รับจากพระเจ้าโดยทางความเชื่อ และตำแหน่งใหม่นี้เราไม่อาจสูญเสียไปได้โดยเด็ดขาด.
- ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายไม่มีความชื่นชมยินดีแห่งความรอด เพราะเขาพยายามรักษาความรอดด้วยการทำดีในแต่ละวัน. ความรอดไม่ได้ได้มาด้วยการทำดีในแต่ละวัน. การทำดีจะไม่ช่วยให้เราได้รอดแต่ความเชื่อต่างหากที่ช่วยให้เราได้รับความรอด.
ถ้าเราจะถามคนที่ได้รับความรอดแล้ว ว่า เขารอดได้อย่างไร คนที่เข้าใจเขาก็จะตอบว่า พระเยซูเป็นผู้ช่วยข้าพระเจ้าให้รอด ไม่ใช่การกระทำดีของข้าพเจ้าที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด ข้าพเจ้าไม่มีความสามารถอะไรที่จะช่วยให้ตนเองได้รับความรอด แต่พระเจ้าเป็นผู้ทำหรือช่วยให้ข้าพเจ้าได้รับความรอด. คนที่มาถึงความเชื่อนี้จะได้รับความชื่นชมยินดีในชีวิตประจำวันของเขา.