ถาม.
ผมมีความสงสัยเรื่อง คำที่อาจารย์บอกว่า ไม่ให้ใช่คำว่าขอพระเจ้าเสริมกำลัง ผมติดใจคำนี้มาก พอดีวันนี้ มาอ่านพระธรรมโรมเจอคำนี้ซึ่งเปาโลใช้ โรม 1:11
ตอบ.
- โรม 1:11 ภาษาอังกฤษและกรีกใช้คำว่า เสริมกำลังแล้ว Established เป็นอดีตกาลครับ ความหมายกรีกก็คือ "เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รู้ว่าท่านได้รับการเสริมกำลังแล้ว"
- ฟป 4:13 แปลกรีกคือ "ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้าแล้ว"
ทั้งสองข้อนี้เป็นอดีตกาล คือพระเจ้าเสริมกำลังเรา (แล้ว)
- ยังมีอีกข้อคือ 2 ธส 3:3 ที่กรีกใช้คำว่าเสริมกำลังแล้วเหมือนในโรม 1:11 ครับ
สรุป.
- พระคริสต์ทรงเป็นผู้เสริมกำลังเราแล้ว เพียงแต่เราเชื่อว่าเรามีกำลังรับการเสริมกำลังจากพระคริสต์แล้ว พระวิญญาณก็จะนำเราเข้าสู่ประสบการณ์ที่มีแต่พลังกำลังเรี่ยวแรงในการกระทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าได้ ไม่ใช่มองที่เนื้อหนังความอ่อนแอของเรา และคิดว่าเราไม่มีกำลังต้องการ การเสริมกำลังจากพระเจ้า เราจึงขอพระเจ้าเสริมกำลังอยู่เป็นประจำ นี่คือการเดินที่ไม่ถูกต้องหรือเดินในเนื้อหนังอารมณ์ความรู้สึก
- ขณะที่เราอ่อนแอ เราเชื่อว่าพระคริสต์เป็นกำลังเสริมกำลังเราแล้ว โรม 8:2 พระคริสต์นำกฏแห่งชีวิตเข้ามาเพื่อเราจะมีพลังยิ่งใหญ่ในพระองค์..
เราพูดว่า ขอบพระคุณพระเยซูที่ทรงเสริมกำลังข้าแล้ว ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นกำลังของข้า ..
ในอาดัมมีแต่ความอ่อนแอ ในพระคริสต์มีแต่ความเข้มแข็ง ข้าไม่ได้อยู่ในอาดาม แต่ข้าอยู่ในพระคริสต์
โอ้ พระเยซูอาเมน ๆ ๆ เราก็จะเห็นการทำงานของพระวิญญาณในเราครับ (ช่วงที่ฝึกใหม่ๆ อาจจะต้องใช้เวลา แต่จะไม่นานเกินไปเราจะมีประสบการณ์ในพลังนี้ในแต่ละวัน)
- อย่าลืมนะครับว่า ชีวิตคริสเตียนเดินด้วยความเชื่อ เริ่มต้นก็ด้วยเชื่อเอาและจบลงก็ด้วยเชื่อเอา คือเชื่อในสิ่งที่พระเจ้ากระทำแล้ว ในพระคริสต์ (โรม 1:17)
ฮบ 11:1 ความเชื่อ (เอา) คือการยอมรับในสิ่งที่ตามองไม่เห็นว่ามีอยู่จริง (หรือได้รับแล้ว)
..
เราไม่ใช้คำว่า "ขอพระเจ้าเสริมกำลัง" เพราะว่าพระเจ้าเป็นกำลังของเราแล้ว (ฟป 2:13 / 4:13) กำลังหรือพลังของพระเจ้าก็อยู่ในเรา (อฟ 3:16) เมื่อพระเยซูในสภาพของพระวิญญาณเข้ามาอยู่ในเราทันทีที่เราเชื่อ พระองค์นำสองสิ่งเข้ามาคือ
1. กฎแห่งพระวิญญาณเพื่อการเอาชนะกฎแห่งความบาป และ
2. กฎแห่งชีวิต (ความขยัน-กระตือรือร้น ร้อนรนไม่ขี้เกียจ) (โรม 8:1-2) ขอเพียงแต่เราเชื่อว่าเรามีเราก็มี เราเดินด้วยความเชื่อ คือเชื่อเอา (2 คร 5:7) เราก็จะเห็นพลังยิ่งใหญ่เคลื่อนเราให้ทำหลายสิ่งที่เราทำไม่ได้หรืออ่อนแอในแต่ละวัน (ฟป 4:13 ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า)
...
ถาม.
อาจารย์ที่โบสถ์บอกผมว่าขอพระเจ้าเสริมกำลังได้
อาจารย์ครับผมส่งข้อพระคำของอาจารย์ให้ อาจารย์อีกคนอ่าน ที่อาจารย์บอกว่า พระเจ้าเสริมกำลังเราแล้ว แต่อาจารย์บอกต่อผมใน ลก. 22:42-44 ว่า
42 ว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดีอย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด”
43 [ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่พระองค์ ช่วยชูกำลังพระองค์
44 เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนัก พระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐาน พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่]
ตอบ.
- ข้อ 42-43 นี้ไม่เกี่ยวกับผู้เชื่อ แต่เป็นเรื่องของพระเยซูรับการชูกำลังจากทูตสวรรค์ครับ
- สำหรับคริสเตียน: เมื่อพระเยซูเป็นพระวิญญาณทรงเสด็จกลับมาอยู่กับเราในเรา พระองค์นำกฎแห่งชีวิตเข้ามาด้วย เราจึงขยันได้ มีประสบการณ์ในพลังของพระคริสต์ในเราได้
เพียงแต่เราเชื่อเอาว่ามีแล้วและขอบพระคุณ เราจะสัมผัสในสิ่งที่เป็นฝ่ายวิญญาณได้
- ถ้าหากเราขอในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว แสดงว่าเราไม่เชื่อในความจริงของพระเจ้าที่ทรงประทานกำลังเสริมกำลังให้เราแล้ว ในพระคริสต์
- ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ยังอยู่ในอาดัม แต่คิดว่าเขาอยู่ในพระคริสต์
อยู่ในอาดัมคืออะไร
- คือใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นใหญ่ อารมณ์ดีก็ว่าเข้มแข็งดีชอบธรรมบริสุทธิ์รักคนอื่นได้ อารมณ์ไม่ดีก็ว่าอ่อนแอไม่มีกำลังจึงต้องขอกำลังเสริมจากพระเจ้าและรักคนอื่นไม่ได้
- คือใช้สายตาหูดูมองฟังตัดสิน ไม่เห็นก็คิดว่าไม่มีไม่ได้รับ
อยู่ในพระคริสต์คืออะไร
- คือการเชื่อเอา ว่าได้รับแล้วดีแล้วชอบธรรมแล้วมีสันติสุขแล้วรับการเสริมกำลังอยู่แล้วทั้งๆ ที่ไม่เห็นไม่สัมผัส แต่เราเชื่อเอา เพราะว่าในความจริงของพระเจ้าพระองค์กระทำให้เราแล้วในพระคริสต์
1. ในอาดัมมีแต่ความผิดหวัง แต่ในพระคริสต์มีแต่สมหวัง
2. ในอาดัมมีแต่ความอ่อนแอ แต่ในพระคริสต์ไม่มีอ่อนแอ มีแต่พลัง กระตือรือร้นร้อนรน
3. ในอาดัมมีแต่ท้อ เบื่อ บ่น ทนไม่ไหวแล้ว แต่ในพระคริสต์มีแต่ สุข ๆ ๆ เต็มล้น
4. ในอาดัมมีแต่สิ่งที่เป็นลบ ในพระคริสต์ในพระวิญญาณมีแต่สิ่งที่ดีและด้านบวก