** ครั้งหนึ่งเปโตรกล่าวว่า ถ้อยคำของเปาโลเป็นสิ่งที่เข้าใจยากมาก (2 ปต 3:16)
ใช่...คือเนื่องจากว่าเปโตรยังไม่ได้ถูกเปิดตา พระวิญญาณให้เปาโลเขียน และพระวิญญาณก็ต้องเปิดตา...ผู้อ่านจึงจะเข้าใจได้ง่าย และเข้าถึงวิญญาณ (อฟ 1:18-19)
** มานาที่ซ่อนไว้ คืออะไรกันแน่
ก่อนที่พระเยซูจะจากสาวกสิบสองคน พระองค์อธิษฐานว่า ขอพระบิดาทรงชำระพวกเขาด้วยพระคำของพระองค์ ...(ยอห์น 17:17)
พระบิดาก็ตอบคำอธิษฐานของพระเยซู คือเลือกเปาโลให้มาช่วยพวกเขาให้ได้รู้ และเข้าใจพระคำแห่งความจริง และข่าวประเสริฐที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ (กาลาเทีย 1:17-24 / 2:1-14)
** เมื่อเราพบพระคำล้ำลึก (มานาที่ซ่อนไว้) เราต้องขอให้พระเจ้าเปิดตามากขึ้น และสะสมทั้งนำมาฝึกเดินในชีวิตประจำวันเพื่อเราเติบโตตามกำหนดเวลาของพระเจ้า ทุกวันนี้มีการตีความหมายและการแปลก็ผิดอยู่มากมายหลายเรื่องด้วยกัน
** การชำระด้วยพระคำที่จะนำเรามาถึงการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณที่ ผู้ชนะต้องรู้...
- สำหรับเรื่องที่จะช่วยให้เราเลิกกลัวว่าจะไม่รอด และเลิกกลัวพระเจ้า และกลับมามีความสงบสุขภายในจิตใจของเรา ก็คือเรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า มาทางพระโลหิต รอดมีสองรอด และรอดแล้วรอดเลย
a. เรื่องการยกโทษบาปของพระเจ้า (พระโลหิตจัดการกับปัญหาสี่ประการของเราแล้ว)
1. บาปทุกชนิด พระเจ้ายกโทษบาปทุกชนิด ไม่ว่าจะบาปเล็ก บาปใหญ่ บาปมากบาปน้อย บาปตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะเห็นแก่พระโลหิตไม่ใช่เพราะมองดูที่เราว่าดีหรือไม่ดี
2. ขอบพระคุณทันที เราสารภาพเมื่อไหร่ที่ไหน การยกโทษมีอยู่ที่นั่น และเมื่อนั้นแน่นอน (1 ยน 1:9)
3. ยกโทษและชำระ ทันทีที่พระองค์ยกโทษให้เรา พระองค์ก็ ลบ ล้าง และลืมมันไป (1 ยน 1:9)
4. ขอการเลิกทำบาป การสารภาพที่ครบถ้วน คือต้องขอการชำระด้วย เพื่อเราไม่ต้องกลับไปทำบาปอีก
5. พระเจ้าเข้าใจว่าจิตใจของเราป่วย (ยรม 17:9) พระองค์ต้องการช่วยเราให้เลิกทำบาป เราจึงสารภาพ และให้พระคริสต์ก่อชีวิตขึ้นภายในเราในเวลาต่อมา
b. เรื่องเข้ามาทางพระโลหิต
- ถึงแม้ว่าเราจะ อธิษฐาน อ่าน สนิทบอกรัก นมัสการพระเจ้า ทำดี หรือถ่อมใจ ก็ไม่อาจทำให้พระเจ้าต้อนรับเราได้ มีทางเดียวที่พระเจ้าต้อนรับก็คือมาทางพระโลหิต (ฮบ 10:19)
- ขณะที่เราทำบาปหรือทำดี เราเข้ามาทางพระโลหิตได้ 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน
c. เรื่องรอดมีสองรอด two salvations
- หนังสือมัทธิวเป็นข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรสวรรค์
และพระเยซูใช้คำว่า เข้าไปในอาณาจักร (ไม่ใช่เข้าสวรรค์)
และผู้ที่จะเข้าได้ต้องแย่งชิงด้วยใจร้อนรน
และความชอบธรรมต้องเหนือกว่าพวกฟาริสี และธรรมาจารย์
การได้รอดเข้าไปในอาณาจักรนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จมา และพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์
ส่วนผู้เชื่อที่ยังไม่มีจิตใจใหม่ ยังเลิกทำบาปในแต่ละวันไม่ได้ ก็จะถูกตีสอนอยู่นอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี
- ส่วนความรอดในวันสุดท้าย หรือรอดจากบึงไฟ คือรอดโดยพระคุณทางความเชื่อ
ความรอดเป็นของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานให้โดยไม่คิดค่าใดๆ เพียงแค่เราเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ เราก็ได้บังเกิดใหม่และได้รอดผ่านการพิพากษาที่พระที่นั่งใหญ่สีขาว เข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
d. เรื่องรอดแล้วรอดเลย (มั่นใจในความรอด) sure saved
- ทันทีที่เราเชื่อ พระเจ้าทรงซื้อเราจากซาตานความบาปและความตายแล้ว จากนั้นพระองค์ก็ชุบวิญญาณของเราให้ได้บังเกิดใหม่กลายเป็นบุตรพระเจ้า
และต่อมาพระเจ้าทั้งสามพระภาคก็เข้ามาสถิตอยู่ในเรา เราเป็นบ้านเรือนของพระองค์ เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า และแยกจากกันไม่ได้อีกแล้ว พระเจ้าจะไม่ขายเราให้ซาตานอีก
เอเฟซัสบทที่ 4 ข้อที่ 30 กล่าวว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ประทับตราเราแล้วให้ถึงความรอดในวันสุดท้าย
ยอห์น 10:28- 29 พระเยซูตรัสว่า ไม่มีใครแย่งชิงแกะของเราไปจากมือของเราและของพระบิดาได้เป็นอันขาด
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นแกะที่ไม่ดี แต่พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี แกะที่หลงไปแม้แต่ตัวเดียวพระองค์ก็จะตามกลับมา
เพื่อให้ถึงความรอดทุกตัวอย่างแน่นอน แกะเหล่านั้นจะไม่พินาศเลย (ยน 10:28)
- เรื่องต่อไปก็คือเรื่องความสุขแท้ คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนทั่วโลก และแม้แต่คริสเตียนศาสนาต่างก็แสวงหาแต่ไม่พบ เขาได้พบความสุขชั่วคราวและต้องแลกมาด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่สำหรับคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราถูกเปิดตาและพบว่าความสุขแท้อยู่ในเรานานทั้งวันตลอดเวลา เราพบว่าพระเยซูเป็นน้ำแห่งแห่งชีวิตที่เมื่อเราได้ดื่มกินจะไม่กระหายอีกเลย
a. พระคริสต์เป็นสันติสุขในเรา เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตในเรา (ยอห์น บทที่ 4)
- ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ย่อมแสวงหาสิ่งเดียวเท่านั้นและนั่นก็คือความสุข
แต่เมื่อไม่มีพระเจ้ามนุษย์ก็จะไม่มีความสุขแท้พระเยซูเป็นความสุขแท้ของเรา
พระเยซูเป็นน้ำแห่งชีวิตถ้าหากผู้ใดได้ดื่มพระองค์ก็จะไม่กระหายอีกเลย
คือเราสามารถรับความสุขแท้จากพระเยซูในวิญญาณ และแพร่กระจายมาสู่จิตของเราได้ตลอดเวลา
เราไม่ต้องขอแต่แค่ขอบพระคุณและเชื่อ ว่าพระองค์เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเรา
เราหายใจเข้าออก เรายิ้ม เราสรรเสริญพระเยซู และเชื่อว่าได้รับ เราก็จะมีประสบการณ์ความชื่นชมยินดีหัวเราะยิ้มขณะที่เราเหนื่อย เป็นทุกข์ และอยู่ท่ามกลางมรสุมหรือปัญหามากมาย
b. พระคริสต์เป็นสะบาโตของเรา (มธ 11:28 / ฮีบรู บทที่ 4)
- พระเยซูไม่เพียงแต่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตที่อยู่ภายในเรา แต่พระองค์เป็นสะบาโตของเรา
- ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ย่อมต้องการการพักผ่อน ชาวยิวมีสะบาโตแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น คือตั้งแต่หกโมงเย็นของวันศุกร์ จนถึง หกโมงเย็นของวันเสาร์
แต่ขอบพระคุณพระเจ้าพระเยซูเป็นสะบาโตใหม่ของพวกเรา
เราอาจจะทำงานเจ็ดวันแต่ภายในจิตใจของเราไม่เคยขาดสันติสุขและสะบาโตใหม่ของพระเยซูก็คือการได้พักผ่อนของจิตใจของเรานี่เอง
สันติสุขดังกล่าวจะครอบครองจิตใจของเราไม่ให้คิดมาก เครียด เป็นทุกข์ กระวนกระวาย กังวล กับเรื่องของชีวิตและปัญหาที่เข้ามา
- สะบาโตใหม่ คือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ถ้าหากผู้เชื่อไม่มีสันติสุขทุกวันเวลาได้ เขาก็ได้ละเมิดสะบาโตเสียแล้ว
a. อาหารเด็กมีหกอย่าง คือเรื่อง...
การกลับใจเสียใหม่
ความเชื่อ
บัพติศมาต่าง ๆ
การวางมือ
การเป็นขึ้นมาจากความตาย
การพิพากษาครั้งสุดท้าย
b. อาหารผู้ใหญ่ คือเรื่อง...
1. ข้อลึกลับแห่งอาณาจักร (ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร)
2. ข้อลึกลับที่มั่งคั่งที่สุด (พระคริสต์สถิตอยู่ในเราเป็นความหวังแห่งสง่าราศี)
3. ข้อลึกลับของพระคริสต์ (คริสตจักร)
4. การมีส่วนในการตายและเป็นขึ้นกับพระคริสต์
5. พระคริสต์เข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง
6. ในพระคริสต์ (ความหมายของคำว่า)
7. มีชีวิตอยู่และเดินในพระวิญญาณ
8. เดินด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยตามองเห็น อารมณ์และความรู้สึก
9. และอีกมากมาย
* เปาโลสั่งผู้เชื่อ ว่าเราควรที่จะพอได้แล้วกับอาหารเด็ก และเข้าสู่ความก้าวหน้าในชีวิตคริสเตียน ก็คือแสวงหาอาหารผู้ใหญ่ ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้พระเจ้านำเรามาสู่อาหารผู้ใหญ่ หรืออาหารแข็ง แต่มีผู้เชื่ออีกมากมายที่รับไม่ได้ เนื่องจากว่าเขามองว่าเป็นคำสอนที่ผิด แต่เมื่อเราได้รับและได้ชิมลิ้มรส เราสรรเสริฐพระเยซู เรารักพระเยซู เราพบความหวังแท้ สันติสุขแท้ และการดำเนินชีวิตคริสเตียนของเรามีความหมายมากกว่าตอนที่เป็นคริสเตียนศาสนา
a. อาณาจักรของซาตาน และอาณาจักรของพระเจ้า kingdom of Satan and kingdom of God
- เดิมทีโลกนี้ถูกสร้างให้เป็นอาณาจักรของอาดัมเพื่อเขา และลูกหลานจะอยู่เพื่อสำแดงชีวิต และนิสัยของพระเจ้าต่อกันและกัน ต่อมนุษย์ และต่อทูตสวรรค์ทั้งหลาย แต่เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อฟัง โลกนี้จึงถูกซาตานยึดไป และกลายเป็นอาณาจักรของมัน
เมื่อพระเยซูเสด็จมา พระองค์นำมนุษย์กลับคืนสู่แผนการงานของพระเจ้า และผู้เชื่อทุกคน ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า
สำหรับผู้เชื่อที่ไม่เคยเรียนรู้ และดำเนินชีวิตในฐานะของราษฎรแห่งอาณาจักรก็เป็นได้แค่สมาชิกโบสถ์ และนับถือศาสนาคริสต์เท่านั้น เขาไม่มีโอกาสมาถึงประสบการณ์ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายใน รับพระพรฝ่ายวิญญาณครบทุกประการ ที่ลูกๆ ทั้งหลายแห่งอาณาจักรควรจะได้รับ
b. เรื่องสี่ยุค และการหลงยุคของคริสเตียน the four ages in the Bible
- การที่เราได้รู้เรื่องยุคจะช่วยให้เราไม่หลงทางไม่หลงยุค เนื่องจากว่าหลักการแห่งความรอด และกฎเกณฑ์ข้อบังคับ หรือพระบัญญัติในแต่ละยุคก็ไม่เหมือนกัน ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดคิดว่ายุคนี้เป็นยุคสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วยังไม่ใช่
- สำหรับพระเจ้าโลกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ยุคด้วยกันคือ...
1. ตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส เรียกว่า ยุคบาป
2. ตั้งแต่โมเสสจนถึงพระเยซูสิ้นพระชนม์ เรียกว่า ยุคพระบัญญัติ
3. จากพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์จนถึงการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระองค์ คือ ยุคพระคุณ
4. ตั้งแต่กลียุคผ่านพ้นไปจนถึงวันสุดท้ายของโลกนี้ เรียกว่า ยุคอาณาจักร หรือยุคพันปีนั่นเอง สำหรับเราตอนนี้อยู่ในยุคพระคุณ
c. ในอาดัม กับ ในพระคริสต์ โลกนี้มีแค่สองคน in Adam and in Christ (1 คร 1:30)
- ในอาดัม ก่อนพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ มนุษย์ทุกคนถูกเรียกว่าอาดัม
เนื่องจากว่าพวกเราเป็นลูกหลานของอาดัมเป็นเลือดเนื้อและเนื้อหนัง เป็นคนบาป
สรุปก็คือมนุษย์ทุกคนอยู่ในอาดัมไม่ว่าจะทำดีหรือทำชั่วรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ชอบธรรมแต่เราก็ยังเป็นคนบาปและอยู่ในอาดัมวันยังค่ำ ชีวิตในอาดัมตกต่ำเสื่อมทรามถูกพิพากษาแล้ว เป็นทาสของความบาปและความตาย และอยู่ภายใต้การครอบครองควบคุมของซาตาน
- ในพระคริสต์ ขอบพระคุณพระเจ้า ที่พระองค์นำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ทันทีที่เราเชื่อ ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดคิดว่าเมื่อไหร่ที่เขาทำดีเชื่อฟัง ก็คืออยู่ในพระคริสต์ และเมื่อไหร่ที่ทำบาปก็ไม่ได้อยู่ในพระคริสต์
พวกเขาแสวงหาการรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์เพื่อเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ให้ได้ในแต่ละวัน ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับ 1 โครินธ์ 1:30 เป็นเพราะพระเจ้าพระองค์เป็นคนกระทำเป็นคนนำเราออกจากอาดัม และเข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้วโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร
ขณะที่เราอาจจะยังทำบาปอยู่แต่เราก็ได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว
- ขอให้เราเชื่อว่าเราอยู่ในพระคริสต์และเราจะมีประสบการณ์ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพลัง สันติสุข พระพร การดูแลปกปักรักษา การนำพา การทำงานเพื่อก่อชีวิตของเราขึ้นสู่ชีวิตและนิสัยของพระคริสต์
ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้เราอยู่ในพระคริสต์แล้ว เราได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการแล้ว เรามีพลังที่ยิ่งใหญ่แล้วในเรา เรามีสันติสุขอย่างเต็มล้นแล้ว เราอยู่ใต้พระคุณแล้ว และทุกสิ่งสำเร็จแล้วในพระคริสต์ เอเมน
d. อาดัมคนแรก กับ อาดัมคนสุดท้าย the first Adam and the last Adam (1 คร 15:45)
- มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาคืออาดัม เอวาก็คืออาดัมคนที่สอง และคาอินกับอาเบลก็คืออาดัมคนที่ 3 และที่ 4 จากนั้นก็คืออาดัมคนที่ล้านล้าน
และพอมาถึงพระเยซู พระเจ้าทรงนับพระองค์ว่าเป็นอาดัมคนสุดท้าย
เนื่องจากว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะปิดฉากทำลายล้างมนุษย์เผ่าพันธุ์
อาดัมนี้ให้หมดสิ้นไป และสร้างมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา
เหตุฉะนั้นการตายที่กางเขนของพระเยซู และอุโมงค์ฝังศพของพระองค์ก็คือการตาย และการถูกฝังของมนุษย์เผ่าพันธุ์เก่าอาดัม ถึงแม้ว่าจะมีมนุษย์อาดัมที่ยังมีชีวิต และแพร่พันธุ์อยู่ในโลกนี้จนถึงทุกวันนี้ก็ตาม แต่สำหรับพระเจ้าโลกของอาดัมชีวิตของอาดัม
ลูกหลานอาดัมได้จบลงแล้วที่กางเขน และอุโมงค์ของพระเยซู
e. มนุษย์คนแรก กับมนุษย์คนที่สอง the first man and the second man (1 คร 15:47)
- สำหรับพระเจ้าโลกนี้มีแค่สองคนเท่านั้น คืออาดัม กับ พระคริสต์
พระคัมภีร์เรียกอาดัมว่ามนุษย์คนแรก และเรียกพระคริสต์ว่ามนุษย์คนที่สอง
มนุษย์คนแรกถูกแช่งสาบและพิพากษาแล้ว ทุกสิ่งที่ออกมาจากเขาก็คือความบาป และความตาย และไปสู่การพิพากษา
- พระเจ้าประทานพระเยซูคริสต์เสด็จลงมาเพื่อตายในฐานะของอาดัมคนสุดท้าย
พระองค์ฟื้นคืนพระชนม์พระองค์จึงเป็นมนุษย์คนที่สองเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เป็นมนุษย์วิญญาณเนื่องจากว่าพระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ เหตุฉะนั้นทุกคนที่เชื่อก็ได้บังเกิดใหม่เป็นบุตรทั้งหลายของพระเจ้า และถูกนับเข้าเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เพื่อให้มีชีวิตอยู่เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ตลอดไปขอบพระคุณพระเยซูที่เราทุกวันนี้เป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่เป็นมนุษย์คนที่สอง และเป็นมนุษย์วิญญาณ
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจากว่ายังมีผู้เชื่ออีกมากมายที่ได้บังเกิดใหม่แต่ยังใช้ชีวิตเก่าถูกนับเข้ากับมนุษย์คนที่สอง แต่ยังใช้ชีวิตของอาดัมมนุษย์คนแรก พวกเขาไม่รู้จักการเดินในวิญญาณ อ่าน กิน นั่ง นอน อธิษฐาน นมัสการ รับใช้ ดำเนินชีวิตในวิญญาณ
เท่าที่เห็นก็คือเขาอ่านกินนั่งนอนไปมาอธิษฐานนมัสการรับใช้ในเนื้อหนังด้วยอารมณ์ความรู้สึกและตามองเห็น
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเราที่จะมีชีวิตอยู่ในวิญญาณเดินในวิญญาณรับใช้ในวิญญาณและนมัสการในวิญญาณ เพราะว่าพระเจ้าเป็นวิญญาณ ผู้ที่จะนมัสการพระองค์จะต้องนมัสการในวิญญาณ…เท่านั้น (ยน 4:25)
ถ้าพวกเราดำรงชีวิตอยู่ในพระวิญญาณ ก็ให้พวกเราดำเนินในพระวิญญาณด้วย (กาลาเทีย 5:25)
จงอธิษฐานในพระวิญญาณ (อฟ 6:18)
- ชีวิตของเราเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์คนที่สองที่ผ่านความตาย และออกมาจากอุปโมงค์ของพระเยซูคริสต์
ขอบคุณพระเจ้าเราได้ผ่านความตายและมาถึงชีวิตที่ครบบริบูรณ์แล้ว เราเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่แล้ว ขอให้เชื่อในความจริงของพระเจ้า และเราจะเห็นประสบการณ์ชีวิต และพระพรในฝ่ายวิญญาณอย่างแน่นอน
a. อาณาจักรของพระเจ้าคืออะไร
- อาณาจักรของพระเจ้า คือทุกที่ทุกแห่งหน และทุกคนที่พระเจ้าเป็นผู้ครอบครองปกครองเป็นเจ้าของ
เมื่ออาดัมไม่เชื่อฟังโลกนี้จึงกลายเป็นอาณาจักรของซาตาน
แต่พระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอลให้เป็นประชากรแห่งอาณาจักรของพระองค์ เพื่อคอยเลี้ยงดูดูแล และช่วยเหลือพวกเขา
ชนชาติอิสราเอลล้มเหลวที่จะเป็นประชากรที่ดีของพระเจ้า และในที่สุดพวกเขาไม่ต้อนรับพระเยซูที่จะมาเพื่อเป็นกษัตริย์ของพวกเขา
อาณาจักรของพระเจ้าที่เตรียมเอาไว้ก็ถูกย้ายไปที่ยุคพันปี และยกให้คนต่างชาติทั่วโลก
- พระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่ให้ประชากรของพระองค์ แต่ด้วยความรัก และเมตตา พระองค์จึงเป็นผู้ที่จะมาเพื่อรักษาพระบัญญัติแทนเราในเราในสภาพของพระวิญญาณ
- การแสวงหาอาณาจักร และดำเนินชีวิตของประชากรแห่งอาณาจักรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก (มธ 6:33)
ทุกวันนี้คริสเตียนแสวงหาความรอดในวันสุดท้าย และเขาไม่รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าแท้ที่จริงคืออะไร
b. ความชอบธรรมของพระเจ้าคืออะไร
- ประชากรแห่งอาณาจักรของพระเจ้าต้องมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนชาวโลก ต้องเอารักเป็นใหญ่ เป็นหลัก และเป็นที่หนึ่ง
แต่มนุษย์ตกต่ำแล้วจะดำเนินชีวิตที่มีแต่รักอากาเปไม่ได้ เราจึงต้องแสวงหาความชอบธรรมของพระเจ้า
ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นความชอบธรรมของเรา (1 คร 1:30)
พระคริสต์อยู่ในเราเป็นความหวัง เป็นความชอบธรรมที่เหนือกว่าความชอบธรรมของพวกฟาริสี และธรรมจารย์
วันนี้เราพบความชอบธรรมของพระเจ้าแล้ว พระองค์เป็นชีวิตของเรา
พระองค์เกิดผลแห่งพระวิญญาณในเรา
พระองค์เป็นคนรักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และรักเพื่อบ้านรักศัตรูแทนเรา
เราจึงมีโอกาสได้เข้าไปในอาณาจักรเพราะว่าวันนี้เราดำเนินชีวิตในฐานะของประชากรแห่งอาณาจักรในแต่ละวัน
วันนี้คุณดำเนินชีวิตของประชากรแห่งอาณาจักรอยู่หรือไม่ คุณมีพระคริสต์ทำแทนคุณอยู่หรือไม่
- พระเยซูทรงทราบดีว่ามนุษย์ และผู้เชื่อส่วนมากแสวงหาอาหาร และเสื้อผ้า
แต่พระองค์ตรัสว่า จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระเจ้าจะทรงประทานสิ่งทั้งปวงเพื่อการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้แก่เรา (มธ 6:19-34)
- พระเจ้าทำสัญญากับชนชาติอิสราเอลว่าพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์
โดยมีพระบัญญัติเพื่อให้เขาถือรักษาเพื่อให้ได้รอด และรับพระพร
พระสัญญาเดิมเป็นสัญญาชั่วคราวเพื่อรอให้พระเยซูนำพระสัญญาใหม่มาสู่ผู้เชื่อทุกคน
- พระสัญญาใหม่แท้ที่จริงแล้วเป็นสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำกับท่านอับราฮัมในปฐมกาลบทที่ 12 และพระเยซูเป็นผู้กระทำให้สำเร็จ
ทุกวันนี้ผู้เชื่อได้เข้าสู่พระสัญญาใหม่ดังกล่าวโดยทางความเชื่อ เป็นพระสัญญาฝ่ายวิญญาณ และในพระคริสต์ เราทั้งหลายเป็นลูกหลานแท้ของอับราฮัม และเป็นยิวแท้ เราจะมีส่วนในมรดกที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ผู้เชื่อทุกคน
- ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราเป็นลูกแห่งพระสัญญาใหม่
สรุป พระสัญญา เดิมชั่วคราวชอบธรรมโดยการรักษาพระบัญญัติ แต่ใหม่ชอบธรรมโดยทางความเชื่อ
- พระบัญญัติเดิม คือกฏเกณฑ์ข้อบังคับสองร้อยกว่าข้อ และมีสิบข้อที่สำคัญมากเรียกว่าพระบัญญัติสิบประการ ชาวยิวต้องรักษาเพื่อให้ได้รอดและรับพระพร ถ้าหากว่าพวกเขาละเมิดพระบัญญัติข้อใดข้อหนึ่งเขาต้องนำสัตว์หรือสิ่งของที่นำมาเพื่อจ่ายราคาในการละเมิดของเขา
สำหรับพระบัญญัติเดิมนั้น ถ้าหากรักษาได้ทุกข้อแต่ทำผิดข้อเดียวก็ถือว่าผิดทั้งหมด ต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปแล้วเริ่มใหม่ (ยก 2:10)
- พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู คือพระบัญญัติเดิมของโมเสสที่ได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัดออกและยกระดับมาตรฐานของมนุษย์สู่มาตรฐานของพระเจ้าแล้ว พระบัญญัติเดิมจึงไม่มีอีกแล้วแต่กลายเป็นพระบัญญัติใหม่
ใครก็ตามที่รักษาพระบัญญัติด้วยเนื้อหนังจะถูกสาปแช่ง (กท 3:10)
- ขอบพระคุณพระเจ้าในหนังสือมัทธิวพระเยซูประทานพระบัญญัติใหม่แก่เรา แต่ผู้ที่รักษาพระบัญญัติในหนังสือยอห์นเปิดเผยว่า คือพระคริสต์ในเรานั่นเอง
สรุป พระบัญญัติเดิมกลายเป็นใหม่แล้ว และถ้าหากมนุษย์เนื้อหนังรักษาจะถูกสาปแช่ง
- อยู่ใต้พระบัญญัติ คือเราต้องทำเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย
- แต่ใต้พระคุณ คือพระองค์กระทำเพื่อเราเพื่อให้พระองค์พอพระทัย
- โดยพระคุณของพระเยซูคริสต์พระองค์ตายเพื่อไถ่บาปเรา และเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อมาอยู่แทนเรา
สรุป ใต้พระบัญญัติ คือเราต้องทำเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย /ใต้พระคุณ คือพระเจ้าทำเองทั้งหมดเพื่อพระองค์พอพระทัยในเรา /พระคุณของพระเจ้าจะสำเร็จในเรา ถ้าหากเราเริ่มด้วยเชื่อและจบลงด้วยเชื่อ
- การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายนอกเพื่อการรับใช้เพื่อฤทธิ์เดช
เราไม่ต้องขอแต่ค้นหาสิ่งที่พระวิญญาณทรงประทานให้แล้วนำไปฝึกเพื่อใช้ให้เกิดผล
การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในเพื่อการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ มีพระคริสต์ทำแทนในเราเพื่อเราในแต่ละวัน
เราขอบพระคุณ เชื่อและถวายตัวใหม่ให้พระคริสต์ใช้เพื่อสำแดงพระองค์ผ่านเรา
สรุป การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ภายนอกเพื่อการรับใช้เป็นเรื่องของประทาน ภายในเพื่อชีวิตเป็นเรื่องของการสำแดงตัวตนของพระคริสต์ผ่านเรา