คริสเตียนที่ใช้ตัวเก่าชีวิตเก่าซึ่งเป็นชีวิตที่ตายแล้ว
การกระทำทั้งหลายก็ตายแล้ว ทุกสิ่งก็ตายหมดแล้วเป็นไม้ ฟาง หญ้าแห้ง
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์รักเราและเลือกเรา พระเยซูรักเราและเลือกเรากลุ่มคนส่วนน้อยที่มาพบความจริงแห่งพระคำพระเจ้าที่มีชีวิตเป็นความจริงและเป็นฤทธิ์เดช เราสรรเสริญพระองค์เราขอบคุณพระองค์และเรารักพระองค์ ซึ่งความจริงในพระคำพระเจ้านี้ช่วยปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากการเป็นคริสเตียนศาสนา เป็นคริสเตียนที่ใช้ตัวเก่าชีวิตเก่าซึ่งเป็นชีวิตที่ตายแล้ว การกระทำทั้งหลายก็ตายแล้ว ทุกสิ่งก็ตายหมดแล้วเป็นไม้ ฟาง หญ้าแห้ง ซึ่งเรารับใช้ลำบาก เราทำงานหนักเพื่อพระเจ้า เราคิดว่าถ้าตายไปหรือวันสุดท้ายพระเจ้าจะให้บำเหน็จรางวัลเรามากมาย
แต่วันนี้เราได้รู้แล้วว่าสิ่งที่เราทำไปมันสูญเปล่าไม่มีประโยชน์อะไร เป็นไม้ ฟาง หญ้าแห้ง ผ่านไฟแห่งการทดลองไม่ได้ เนื่องจากว่าเราไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่เห็นความจริง คือการใช้ชีวิตของเราต้องมีพระคริสต์เป็นผู้ดำเนินชีวิตแทนเรา และเราเองต้องอยู่ในพระคริสต์ เราเองต้องหลุดพ้นจากชีวิตเก่าชีวิตที่ตายแล้วและการกระทำที่ตายแล้วทั้งหลาย
ซึ่งบทเรียนในวันนี้จะเกี่ยวข้อง ข้องเกี่ยวกับชีวิตเก่า ชีวิตใหม่ ความตายกับชีวิต พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีชีวิต และเพื่อรับชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของพระเจ้า จากต้นไม้แห่งชีวิตในสวนเอเดน แต่ความตายมาจากการไม่เชื่อฟัง และมาจากการออกจากแผนการงานของพระเจ้าความตายก็เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ที่จะให้ความตายเกิดขึ้นได้ แต่เนื่องจากการไม่เชื่อฟังของมนุษย์เอง
แต่เราขอบคุณพระเยซูที่พระเจ้านำเรากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และรับชีวิตดังกล่าวอย่างครบบริบูรณ์ในพระคริสต์ ในพระคริสต์เท่านั้นน่ะครับ มีชีวิตนี้คือชีวิตที่ครบบริบูรณ์
พระองค์เรียกเราออกมาจากความตาย และทุกสิ่งที่อยู่ในความตาย คือชีวิตเก่า ชีวิตในเนื้อหนัง การกระทำ การทำดี การรับใช้ การนมัสการ การประกาศ การกระทำที่เรียกว่าตายแล้วนั่นเอง
ซึ่งเมื่อเรารับการเปิดตาให้เข้าสู่ชีวิต เราหลุดพ้นจากการกระทำที่ตายแล้วนี้ เราจึงอยู่กับพี่น้องที่ยังอยู่ในความตายไม่ได้อีกต่อไป แล้วพระวิญญาณจะนำเราให้มาถึงคริสตจักรที่มีชีวิตอยู่ ตัวตนของพระคริสต์ คือพระกายเที่ยงแท้ที่มีชีวิตอยู่
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าพระเยซูเรียกลาซารัสออกมาจากความตาย ออกมาจากอุโมงค์ ที่ไหนมีความตาย พระเจ้าไม่ชอบ พระเจ้าไม่พอพระทัย และพระเจ้าต้องการจะปลดปล่อยเราให้หลุดพ้นจากความตาย แต่คริสตจักรมากมาย คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ยังอยู่ในความตาย ใช้ชีวิตเก่า เพื่อนมัสการรับใช้ เดินในความเชื่อ และทุกสิ่ง เป็นข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงมาก
และสำหรับเราและบทเรียนในวันนี้เป็นบทเรียนที่มีค่ามหาศาล มีคุณค่ามากมาย นำเราให้มาถึงสันติสุขทุกวันเวลา นำเราให้มาถึงพลังยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ประทานให้เราแล้ว และอีกอย่างก็คือนำเรามาถึงชีวิต ซึ่งเราได้หลุดพ้นจากชีวิตที่ตายแล้ว การกระทำที่ตายแล้ว ทุกสิ่งที่ตายแล้ว
พระเยซูเรียกลาซารัส เราขอบคุณพระเยซูเล็งถึงการทรงเรียกเราที่เป็นคริสเตียนที่ตายแล้วออกมาจากอุโมงค์ ออกจากชีวิตเก่า ออกจากคริสตจักรเก่า ออกจากทุกที่ ที่มีความตายอยู่ในนั้น
และในบทที่ 11 เราจะเห็นว่าคนที่จะได้รอด และได้เห็นการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่คือผู้เชื่อที่ยอมรับ 2 ข้อนี้ คือ
1. พระเยซูเป็นพระคริสต์ ก็คือผู้ที่ถูกเจิม ถูกเลือกไว้ ให้มาตายเพื่อไถ่บาปโลก
2. ก็คือต้องยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า คือผู้ที่มาจากพระเจ้า มีฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้าหรือเป็นพระเจ้านั่นเอง คำว่าพระบุตรของพระเจ้าไม่ใช่พระบุตร ไม่ใช่ลูกชายของพระเจ้า แต่เป็นความหมายที่พระเยซูต้องการจะบอกว่า พระบุตรก็คือพระเจ้านั่นเอง และเป็นพระเจ้านั่นเอง และเท่าเทียมกับพระเจ้า
ถ้าหากเราเชื่อ 2 ข้อนี้ เราจะได้รอดได้บังเกิดใหม่เป็นบุตรพระเจ้า และได้เห็นการอัศจรรย์มากมายที่พระองค์ทรงกระทำ
...
ข้อที่ 40 พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าเจ้าเชื่อ เจ้าก็จะได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้า"
ความหมายก็คือ เนื่องจากว่ามนุษย์ทุกคน เราย่อมจะเชื่อในสิ่งที่ตามองเห็นและความเป็นไปได้หรือด้วยเหตุด้วยผลใช่ไหม? แต่สำหรับพระเจ้าตรงข้าม พระเจ้าเลือกทำในสิ่งที่ตรงข้าม ในสิ่งที่ท้าทาย ก็คือ เหนือเหตุผล เหนือความคิดมนุษย์ และเหนือความเป็นไปได้
ซึ่งการที่จะชุบชีวิตใครบางคนขึ้นมา สำหรับมนุษย์เรามันเป็นไปไม่ได้และอีกอย่างก็คือต้องเห็นกับตาว่ามีอะไรที่จะช่วยเขา จะทำให้เขาฟื้นขึ้นมา
แต่ปรากฏว่าสำหรับพระเจ้าก็คือ เชื่อ ความเชื่อเป็นสิ่งที่ตามองไม่เห็น แต่พระเจ้าทำในสิ่งที่เราเชื่อ เรายอมรับ เป็นสิ่งที่เหนือเหตุเหนือผล เหนือความคิดมนุษย์ เพราะว่าพระเจ้าทำทุกสิ่งได้
...
บางคนอาจจะคิดว่าพระเยซูร้องไห้ทำไม กลัวว่าอาจจะชุบชีวิตลาซารัสไม่ได้หรือ หรือว่าไม่มั่นใจในฤทธิ์เดชของพระเจ้าหรือยังไง
พระเยซูรู้ดีว่าพระองค์ชุบชีวิตมนุษย์ได้ จากความตายให้มีชีวิตขึ้นมาใหม่ แต่เนื่องด้วยว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่มีความรักและพระเมตตามากกว่าเราหลายเท่า
ซึ่งมีบางคนใช่ไหม อาจจะเห็นใครที่มีปัญหาแล้วร้องไห้ ก็ร้องตามกับเขา หรือว่าดูหนังฟังเพลงหรืออะไรที่มันโศกเศร้าเราก็โศกเศร้าไปด้วย แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์ยิ่งมีพระทัยที่คือเป็นคนที่ใจอ่อน และเป็นคนที่ขี้สงสาร เป็นคนที่มีเมตตา มีพระเมตตามากๆ มากกว่ามนุษย์ทั้งมวลทั้งปวง ใครที่มีจิตใจที่ร้องไห้ง่ายๆ จิตใจที่โศกเศร้าง่ายๆ เห็นใจผู้อื่นมากๆ เมตตามากๆ ก็คือเรามีจิตใจที่...
ขอบคุณพระเยซูที่พระเจ้าประทานให้เรามีมาก่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เป็นนิสัยเป็นชีวิตนิสัยของพระเจ้า แล้วพระเยซูเห็นเขาร้องไห้พระเยซูก็ร้องไห้ตามไปด้วย พระองค์รู้ รู้ว่าพระองค์ชุบชีวิตได้ ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจ
...
และสำหรับการอัศจรรย์ การอัศจรรย์คือสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าใช้เพื่อมนุษย์จะได้เห็นสง่าราศีของพระเจ้าและเชื่อในพระองค์ แต่อย่าลืมว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของพระเจ้าที่กระทำ แต่เราไม่ควรนำมาเป็นหลัก ไม่ควรนำมาเป็นหลักในการประกาศข่าวประเสริฐ ในการนมัสการ ในสถานที่ประชุมนมัสการ สามัคคีธรรม หรือในการรับใช้ หรืออะไรก็แล้วแต่
เราทำการอัศจรรย์ เรารักษาโรค เราไล่ผี เราอธิษฐานเผื่อพี่น้องให้พระเจ้าตอบเรา คือเมื่อถึงเวลาที่พระเจ้ากระตุ้น เมื่อถึงเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์นำเรา ไม่ใช่ว่าจะเอามาใช้ในทุกๆ สัปดาห์ ในการนมัสการในวันอาทิตย์ ซึ่งคริสตจักรมากมายทุกวันนี้ล้มเหลว และใช้การอัศจรรย์เป็นหลักในการนมัสการพระเจ้าอันนี้ผิด
แล้วเราควรจะเอาอะไรที่เป็นหลักในการนมัสการพระเจ้า ในการประกาศข่าวประเสริฐ ในการทำทุกสิ่ง เราพูดถึงเฉพาะพระเยซู พระเยซูๆๆ เท่านั้นที่เป็นหลัก คำตอบอยู่ที่ไหน 1 คร 3:12-15 คือการกระทำทุกสิ่งเอาพระเยซูเป็นหลัก ไม่ใช่วางรากฐานสิ่งอื่นเป็นหลัก วางพระเยซูเป็นรากฐาน เป็นสิ่งที่จะทำให้เรารับผลซึ่งเป็นทองคำ เงิน และเพชรพลอย
สำหรับการสามัคคีธรรมในกลุ่มพวกเราหรือไม่ว่าจะเป็นคริสตจักรพวกเรา พระกายฝ่ายวิญญาณของพวกเรา เมื่อเราคุยกันสามัคคีธรรม จะพูดอะไรก็แล้วแต่ พูดเรื่องอื่นให้น้อย แต่พูดถึงพระเยซู ยกย่องพระเยซู ขอบพระคุณพระเยซู สรรเสริญพระเยซู อะไรก็พระเยซูให้มากที่สุด นี่คือการให้พระเยซูเป็นรากฐานของชีวิต และของการนมัสการ และของการรับใช้ ของการกระทำทุกสิ่ง เราจะมีบำเหน็จมากมาย
ถาม.
สอบถามข้อ 39 ที่บอกว่า "จงเอาศิลาออกเสีย" คือหน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราหมายถึงว่าเป็นการประกาศมานาหรือคะ
ตอบ.
สำหรับคนที่ตายแล้วก็คือลาซารัส ก็คือคริสเตียนที่ตายแล้ว และเราเอาหินออกเพื่อให้เขามีโอกาสที่จะออกมาจากความตาย ก็คือประกาศมานาให้เขาสอนเขาเปิดเผยความจริงของมานาของพระคำล้ำลึกนี้ให้เขา ใช่ครับผม
...
ถาม.
แล้วการประกาศนี้คือเรา ถ้าเกิดว่าคนที่เขายอมจำนนแล้วคือเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เราประกาศใช่ไหมคะ แต่คนที่เขายังไม่ยอมนี้คือเขาจะไม่เข้าใจเหรอคะ
ตอบ.
สำหรับคนที่ยอมจำนน ก็คือ ดิน ที่เป็นดินดี ในมัทธิวบทที่ 13 เป็นดินดี คือการเปิดใจต้อนรับพระคำล้ำลึกเปิดใจถ่อมใจ คนที่ถ่อมใจคนที่เปิดใจ เป็นดินดี ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะใช้โอกาสนี้ สอน ป้อน เปิดตาเขาทีละนิดทีละหน่อย เลี้ยงดูเขาจนเติบโต จนรับมานาจนครบ
แล้วคนที่ไม่เปิดใจ ก็คือคนที่มีใจแข็งกระด้างเป็นดินตามทาง เป็นดินริมทาง คนเหล่านี้เมื่อฟังมานาเขาจะไม่เข้าใจ และจะแว้งกลับมาเพื่อที่จะต่อสู้เรา ถกเถียง ขัดแย้งกับเรา ไม่เห็นของดีเป็นสิ่งที่มีค่า
เพราะฉะนั้นพระเยซูก็บอกว่าอย่าโยนไข่มุก อย่าไปโยนไข่มุกให้เขา อย่าไปโยนของดีให้เขา แต่ก่อนอื่นเราจะรู้ได้หรือไม่ว่าใครถ่อมใจหรือไม่ถ่อมใจ เราก็ให้เขาก่อน ให้เขาไปก่อน คือประกาศมานากับเขาก่อนถ้าหากใครเปิดใจเขาก็จะถาม ''น่าสนใจคือมันดีมากเลย ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูเหมือนจะแปลถูกน่ะ มีเหตุผลน่ะ" คือคนที่พูดแบบนี้ก็คือคนที่เปิดใจ แต่คนที่ฟังแรกๆปุ๊บแล้วบอกว่า "น่าจะสอนปลอมมั้ง ดูไม่เหมือนในพระคัมภีร์ไม่เหมือนอาจารย์ทั่วไปเขาสอนกัน สงสัยจะเทียมเท็จ" อันนี้ก็คือเริ่มมาแล้วครับการไม่ถ่อมใจ
แล้วสำหรับเรา เราทำใจน่ะครับ เราปล่อย ปลง วาง ไม่ต้องไปน้อยใจ ไม่ต้องไปเสียใจ ไม่ต้องไปท้อใจ หรือพยายามตื้อเขา ไม่ครับ. คือเราทำแบบง่ายๆสบายๆ พระเยซูให้เราแบบภาระง่ายๆ เบาๆ ประกาศได้ก็ประกาศ เขาไม่ต้อนรับเขาไม่เปิดใจเราก็ไม่ประกาศ เราก็เอเมน ยิ้มมีสันติสุข รักษาสันติสุขของเราไว้ไม่ต้องไปเป็นทุกข์เดือดร้อนอะไรให้เขา เพื่อจะดึงเขามาให้รับมานาให้ได้
...
1 คร 3:10 โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนในช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระมัดระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร
** เปาโลเป็นคนที่วางรากเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ คือคนที่ฉลาดน่ะครับ แล้วอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้นขอทุกคนจงระมัดระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร
** เปาโลวางรากขึ้นแล้ว คือพระคริสต์เป็นรากเป็นฐาน และเราเองจะก่ออะไรขึ้นก็อยู่ที่เรา ถ้าจะก่อขึ้นดี ก็ได้ดี ก็ได้ทุกสิ่ง ผลงานก็กลายเป็น ทองคำ เงินเพชรพลอย มีบำเหน็จมีรางวัลให้ ก็คือก่อ คือให้พระคริสต์เป็นรากของชีวิต ให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ให้พระคริสต์เป็นหลัก การสนิท การบอกรัก การอยู่ในการยกย่องสรรเสริญ การติดสนิทในพระเยซู เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดมากกว่าสิ่งใด มากกว่าที่เราจะไปชวนพี่น้องพูดในไลน์กลุ่ม กลุ่มอะไรก็แล้วแต่ ชวนพูดแต่เรื่องการอัศจรรย์ๆๆๆๆ การไล่ผีหรือว่าเรื่องพระพร พระเจ้าอวยพรใหญ่เลยน่ะมาเชื่อสิ. หรือว่าพูดถึงเรื่องปัญหา อะไรก็ปัญหาปัญหาๆๆๆ บ่อยมากจนเกินไป
** เราลืมไปน่ะครับว่ารากของเราคือพระเยซู ชวนพี่น้องเหล่านั้นกลับมาน่ะครับ ชวนกลับมา ขอสรรเสริญพระเยซู ยกย่องพระเยซูหน่อย วันนี้เราได้คุยกันเรื่องพระเยซูหรือยัง หรือว่าคุยแต่ปัญหา บางครั้งเราก็ลืมใช่ไหม? เราเองที่เป็นผู้ที่รับมานาบางครั้งก็ลืม เพราะฉะนั้นชวนพี่น้องบางครั้งน่ะครับ มาสรรเสริญ ยกย่องพระเยซูก่อนได้ไหมขอสัก 10 นาที 15 นาทีครึ่งชั่วโมงวันนี้ ให้เวลาพระเยซูน่ะครับ
...
เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ยกเราขึ้นแล้วเราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เลือกเราให้เข้าใจถ้อยคำของพระองค์ซึ่งเป็นความจริงนี้ และขอบคุณพระเยซูที่เรามีชีวิตที่เหนือชีวิต เรามีชีวิตที่เบาสบาย เรามีชีวิตที่หลุดพ้นจากการอยู่ใต้แอกที่หนัก ภาระที่หนัก และไม่มีการพักผ่อนในเมื่อก่อน
แต่ตอนนี้เรามาถึงสันติสุขได้ทุกวันทุกเวลาแล้วและขอบคุณพระเยซูเรามีพลังยิ่งใหญ่ในพระองค์แล้ว และเราปล่อย ปลง วางได้แล้ว
ยิ่งรับการเปิดตามากเท่าไหร่ ก็ทำบาปน้อยลง
ยิ่งรับการเปิดตามากเท่าไหร่ ก็มีสันติสุขมากขึ้น
ยิ่งรับการเปิดตามากเท่าไหร่ ก็มีพลังของพระเจ้าและมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ในพระองค์ทำกิจในพวกเรา
ยิ่งรับการเปิดตามากเท่าไหร่ และยิ่งสนิทมากเท่าไหร่ เราก็อยู่ในพระคริสต์และพระคริสต์ใช้ชีวิตของเราเพื่อสำแดงพระองค์มากเท่านั้น
เราไม่ได้รักผู้อื่น แต่พระคริสต์รักผู้อื่นในเรา
เราไม่ได้เมตตาสงสารผู้อื่น แต่พระคริสต์เป็นคนที่เมตตาสงสารผู้อื่นผ่านเรา
เราไม่สามารถยกโทษให้ใครได้ แต่พระคริสต์ยกโทษผ่านเราได้ สรรเสริญพระเจ้า
เราทำในสิ่งที่หลายคนทำไม่ได้และเมื่อก่อนเราก็ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้เราทำได้โดยพระคริสต์เป็นคนทำแทนเรา
...
สำหรับพี่น้องที่เข้ามาใหม่ ขอให้เปิดใจและอ่านค้นหาความจริงต่อไปและขอพระวิญญาณบริสุทธิ์รักษาเราไว้ในความจริง
พระองค์เจ้าข้า ขอให้ข้าพระองค์ถูกเปิดตา รับการเปิดตา รับยาทาตาของพระองค์และรักษาข้าพระองค์ให้หายจากอาการบอดฝ่ายวิญญาณ เพื่อข้าพระองค์จะได้รับการปลดปล่อยและมีสันติสุขเหมือนพี่น้องเหล่านี้และได้รับชีวิตที่มีพลังไม่อ่อนแอ ไม่เหนื่อยล้า ไม่ท้อถอย เหมือนเมื่อก่อน
แต่มีพลังยิ่งใหญ่ ทำให้ข้าพระองค์เดินไปในพระองค์ทุกก้าวได้ ทุกวันได้เอเมน