เมื่อเราเชื่อถูกและฝึกเดินถูกวิธี พระวิญญาณก็ช่วยเรา...
ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราได้พบความจริงว่าหนังสือยอห์นและจดหมายของเปาโลคือการเปิดเผยความรู้ฝ่ายวิญญาณเกี่ยวกับพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา
ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราได้พบความจริงว่า พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา
ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราได้พบความจริงว่า พระเจ้าต้องการร่วมทำทุกสิ่งกับมนุษย์ซึ่งพระเจ้าเป็นคนทำ เราเป็นคนถวายอวัยวะนี้ให้พระองค์ทำผ่านเรา
และขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราได้พบความจริงว่า พระเจ้าต้องการการสามัคคีธรรมซึ่งก็คือการสนิทนั่นเอง
ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่เหมือนการนับถือศาสนาทั่วๆ ไป มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ ความผูกพัน ระหว่างพระเจ้าผู้สร้างและมนุษย์ผู้ที่ถูกสร้าง เมื่อเราได้รับการเปิดตา เราจึงกล้ายอมรับว่าหนังสือกาลาเทียบทที่ 2 ข้อที่ 20 คือหลักการการดำเนินชีวิตคริสเตียนในแต่ละวัน
*ข้าพเจ้าถูกตรึงข้าพเจ้าคนเก่าถูกตรึงและตายไปแล้ว* (พร้อมกับพระเยซูที่เป็นมนุษย์) *ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป* (คือมนุษย์คนเก่า ตัวเก่า ชีวิตเก่า ถูกตรึงตายบนกางเขน และไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป) *นี่คือความจริงของพระเจ้า* และกุญแจอยู่ที่นี่ คือ *แต่พระคริสต์ต่างหาก*
แต่พระคริสต์ต่างหาก ที่มีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ซึ่งในข้าพเจ้าคนนี้ก็คือข้าพเจ้าคนใหม่ ที่เป็นขึ้นมาจากความตายพร้อมกับพระเยซู เมื่อสองพันปีก่อน เพื่อเป็นอวัยวะของพระองค์ (โรม 6:12-13)
แต่พระคริสต์ต่างหาก ก็คือพระเยซูผู้ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย ที่เป็นพระวิญญาณ ผู้ได้รับเกียรติและสิทธิอำนาจที่จะแจกวิญญาณของพระองค์ เข้ามาสู่คริสเตียนทุกๆ คน เพื่อพระองค์จะเป็นคนดำเนินชีวิตแทนเราในเราและเพื่อเรา
แต่พระคริสต่างหาก จึงเป็นความหวังแห่งสง่าราศี ของการดำเนินชีวิตคริสเตียน ข้าพเจ้าจึงไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป คำนี้ ถ้าเราคิด ให้ดี อย่างถ้วนถี่ คือ ไม่ใช่ตัวข้า not i; ไม่ใช่ข้าอีกต่อไปแล้ว No longer i; ไม่ใช่ข้าแต่พระคริสต์ต่างหาก not i but christ ถ้าหากข้าพเจ้าตาย ข้าพเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์คิด พูด และกระทำ เมื่อเราได้รับการเปิดตา (knowing) ในพระคำข้อนี้แล้ว ปัญหาก็คือทำอย่างไรพระคริสต์จึงลุกขึ้นและดำเนินชีวิตแทนเราในเรา?
* การนับ / การทำบัญชี* ถือว่า /นับ /ทำบัญชี
* นับ/ทำบัญชี ว่าคนเก่าตายไปอีกครั้งเป็นอยู่
การนับ การทำบัญชี การถือ ถือว่า นับว่า เป็นสิ่งที่เราจะทำต่อมา คือการนับ การทำบัญชีว่า การนับว่า คนเก่าตายไป และคนใหม่ก็เป็นอยู่
พี่ชายคนหนึ่งได้ยินเพลงที่เขาเคยชอบ แล้วเขาก็รีบร้องตาม ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า เดี๋ยวก่อน ถ้าฉันตาย ฉันคงไม่มีสิทธิ์ทำสิ่งที่ฉันพอใจ ไม่มีสิทธิ์จะชอบสิ่งที่ฉันเคยชอบ นี่คือการถือ การนับ การทำบัญชี เขาเริ่มทำเเล้ว
พี่น้องชายอีกคนโดนรถเฉี่ยว เขารีบตระโกนใส่ผู้ชายคนนั้น จะรีบไปตายรึไง แล้วเจ้าของรถอีกคันก็ตอบกลับ คุณตาบอดหรือเปล่า?
ขณะที่เขาโกรธอยู่ เขาเกิดมีความคิดอยู่ในใจ เดี๋ยวนะ ถ้าฉันตาย ฉันจะโกรธได้อย่างไร?
นี่คือการเริ่มนับ นับว่าตาย ทำบัญชีว่าตาย ถือว่าตาย แล้วเริ่มกลับมาตั้งอารมณ์ตาย เราตายต่อตัวเก่าแล้ว เราต้องทำบัญชีเราต้องนับ
เมื่อเราฝึกพระวิญญาณก็ช่วย ทำให้การฝึกเดินในพระวิญญาณก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
พระเจ้าทรงเข้าใจเราจึงตั้งพระโลหิตเพื่อการชำระบาปของเราแล้วเริ่มใหม่ การนับถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งเราฝึกมากพระวิญญาณก็ช่วยเรามาก
สำหรับการฝึกของเราถ้าหากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาช่วย การก้าวหน้า ความก้าวหน้า การพัฒนาก็จะไม่มี
การฝึกต้องใช้เวลา และต้องผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน
เราจะพูดคำว่าเดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวนะ..
ถ้าเราตายแล้วเนี่ยเราจะไปโกรธเขาได้ยังไง
ถ้าเราตายแล้วเนี่ยเราจะร้องเพลงเพลงนี้ได้ยังไง
ถ้าเราตายแล้วเนี่ยเราจะไปมองสิ่งที่ไม่ดีได้ยังไง
ถ้าเราตายแล้วเนี่ยเราจะเกิดความโลภขึ้นมาได้ยังไง
ถ้าเราตายแล้วเราจะโกหกเขาได้ยังไง คำนี้เป็นสิ่งที่เราจะใช้อยู่บ่อยๆ เพราะว่าการฝึกนี้ ก็คือการฝึกตั้งอารมณ์ตาย
วันนี้คุณนับ ท่องจำ ถือว่า ทำบัญชี เรื่องตายต่อชีวิตเก่าและเป็นอยู่ด้วยคนใหม่ หรือยัง?
ถาม.
ถ้าเป็นพระคัมภีร์ ฉบับ Living Stream Ministry ของวิทเนส ลี จะแปลว่า ถอดแบบการตาย คิดว่าลี แปลถูกไหม
ตอบ.
พระเยซูตั้งอารมณ์ตายต่อชีวิตเก่าเนื้อหนัง ไม่สนใจกิเลศตัญหาโลภโกรธหลงซึ่งแท้ที่จริงก็เป็นธรรมชาติของพระองค์อยู่แล้ว
และการตั้งอารม์ณ์ตายคือสิ่งที่พระองค์ให้เราทำตาม พระวิญญาณจะช่วยเราในการตั้ง อรต. (อารมณ์ตาย)
เราจะใช้คำว่า ถอดแบบของพระเยซูก็ได้ ขอแค่เราเข้าใจความหมายนะครับ
และสรุป การตั้งอารมณ์ตาย คือทุกชั่วโมงเราถามตัวเองว่า เราตายอยู่หรือไม่ พูด คิด ด้วยตัวเก่าหรือไม่ (พระวิญญาณจะช่วยเราในการฝึกเดิน)