ขอบคุณพระบิดาที่พระองค์ให้เรามีชีวิตอยู่อีกวันหนึ่ง และเป็นชีวิตที่เต็มล้นด้วยชีวิตของพระเจ้า และในชีวิตนั้นมีสันติสุข มีพลัง มีการดูแล เราอยู่ใต้พระคุณ และอยู่ในพระคุณซ้อนพระคุณ และเราอยู่ในพระสัญญาของพระองค์ที่ประทานแก่อับราฮัมโดยผ่านพระเยซูคริสต์ เราขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นเหตุให้เราได้มาถึงชีวิตที่พบเคล็ดลับ พบความจริง คือวิธีการเอาชนะบาปได้ ขอบคุณพระเยซู และพระองค์นั่นแหละที่เป็นผู้ชนะที่เอาชนะบาปในเรา ไม่ใช่ตัวเราเอง ขอบคุณพระเจ้า
- "เรื่องแรก ก็คือปัญหาเรื่องบาป คือการเลิกทำบาปไม่ได้เนื่องจากว่าตัวบาปได้ครอบงำ ครอบครองชีวิตมนุษย์ตั้งแต่อาดัมเริ่มทำบาปแล้ว"
- "และปัญหาที่สอง ก็คือเรื่อง ตาบอดฝ่ายวิญญาณ อาการบอดฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างที่พระเยซูตรัสอย่างหนึ่ง ชาวยิวก็เข้าใจไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วก็กลับมาถามพระเยซูว่าเราไม่เคยเป็นทาสใคร แล้วเราจะต้องเป็นอิสระจากใคร แล้วพระเยซูก็ตรัสว่า คนที่กระทำบาปก็เป็นทาสของบาป ซึ่งเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายเนื้อหนังฝ่ายร่างกาย และพระเยซูตรัสเป็นเรื่องของฝ่ายวิญญาณ เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับฝ่ายวิญญาณ เราจะต้องรับการเปิดเผยโดยพระวิญญาณ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของโลกฝ่ายวิญญาณ"
สำหรับข้อที่ 33 เราจะเห็นว่ายิวกล่าวว่า "เขาทั้งหลายทูลตอบพระองค์ว่า เราสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม แต่ไม่เคยเป็นทาสใครเลย เหตุไฉนท่านจึงกล่าวว่าท่านทั้งหลายจะเป็นไทย" แล้วพระเยซูก็ตรัสตอบกับเขาว่า ข้อที่ 34 " พระเยซูตรัสตอบเขาทั้งหลายว่าเราบอกความจริงแก่ท่านว่า ผู้ใดที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป"
** คำว่า ทาสของบาป ในที่นี้ ภาษากรีก ก็คือตัวบาป คือเป็น Singular เป็นเอกพจน์ คือมีตัวเดียว เป็นคนเดียว เป็นบุคคล เป็นชีวิตของซาตานที่สิงสถิตอยู่ในจิตเก่าของมนุษย์ แล้วก็อยู่ในร่างกายเก่า ซึ่งเป็นร่างกายแห่งความบาปของมนุษย์
ร่างกายของเราของมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา เรียกว่าร่างกายแห่งความบาป และร่างกายแห่งความตาย เนื่องจากว่ามีความบาป และมีตัวบาปอยู่ในร่างกายนี้ เพราะฉะนั้นคำๆ นี้ เป็นไทหรือหลุดพ้นจากบาป ไม่ใช่ความบาป แต่หลุดพ้นจากตัวบาป
เราขอบคุณพระเยซูที่เราไม่เพียงแต่รับการชำระเมื่อเราได้ต้อนรับพระเยซู เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม เนื่องจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ชำระเราด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เราจึงสะอาด บริสุทธิ์ เป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุด บริสุทธิ์มากกว่าชาวยิวที่เขาพยายามทำตัวให้บริสุทธิ์
เราเพียงแต่เชื่อพระเยซู เราก็ได้เป็นคนบริสุทธิ์เท่ากับชาวยิวที่เคร่งศาสนา รักษาพระบัญญัติ 10 ประการครบ เเล้วก็ถวายสิบลดครบ แต่เราเพียงแต่เชื่อเท่านั้นเราก็ได้กลายเป็นคนที่บริสุทธิ์เท่ากับเขา มันได้เปรียบกันมาก เนื่องจากว่าพระเยซูเป็นผู้ที่รักเราแล้วก็ให้เรามาถึงจุดนี้ได้
สำหรับข้อที่ 35 "ทาสนั้นมิได้อยู่ในครัวเรือนตลอดไป พระบุตรต่างหากอยู่ตลอดไป" คืออะไร?
** คำว่า อยู่ในครัวเรือน ก็คือการเป็นบุตร เป็นครอบครัวของพระเจ้าที่พระเจ้าเป็นพระบิดา เราก็คือเป็นลูกหลานเป็นน้องๆ เป็นครอบครัว เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนชาวยิวมีพระเจ้าเป็นพระบิดา และชาวยิวก็เป็นครอบครัวของพระเจ้า พระเจ้าเลือกเขาให้เป็นประชากรของพระองค์
แต่สิ่งหนึ่งที่มีค่ามากที่เกิดขึ้นกับคริสเตียน เราเพียงแต่เชื่อไม่ต้องรักษาพระบัญญัติ ไม่ต้องรักษาพระสัญญา ไม่ต้องรักษาอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องทำอะไรให้พระเจ้าพอพระทัย เพียงแต่เชื่อ และต้อนรับพระเยซูว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราก็ได้อยู่ในครัวเรือนกับพระองค์แล้ว
สำหรับพระเจ้า พระเจ้านำทุกคนย้ายทุกคนออกมาจากครัวเรือนของซาตาน ซึ่งมีพ่อเป็นมาร มีมารเป็นพ่อ แล้วปัจจุบันนี้พระองค์ย้ายเราออกมาสู่ครัวเรือนใหม่ ก็คือครัวเรือนของพระเจ้า ซึ่งเรามีพระเจ้าเป็นพระบิดา และพระเยซูเป็นพี่ชายของพวกเรา พวกเราเป็นน้องๆ ของพระองค์ เป็นครอบครัวใหญ่ทั่วโลก ทีนี้ทำไมเราไม่เห็นการปกป้อง ดูแล คุ้มครอง พระสัญญา สันติสุข การรักษาโรค การช่วยเหลือต่างๆ ที่พระเจ้าสัญญา
เนื่องจากว่าคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ไม่เข้าใจคำว่า อยู่ในครัวเรือน ไม่เข้าใจคำว่า เป็นพี่เป็นน้อง ไม่เข้าใจการเป็นครอบครัวใหญ่ของพระเจ้า เราทุกวันนี้แบ่งแยก แตกแยก เกลียดชัง ชิงดีชิงเด่น สุดท้ายเราจะเห็นว่าในโลกนี้มีคริสเตียนมากมายหลายคณะนิกายองค์กร มีแบ็บติสต์ มีเพ็นเทคอสต์ มีเพรสไบทีเรียน มีออร์ทอดอกซ์ มีโน่นมีนั่นเต็มโลกไปหมดเลย แล้วถามว่าเป็นครอบครัวเดียวของพระเจ้าจริงไหม.. คำตอบคือไม่.. เขาแตกแยก เขาแบ่งแยก เขากลายพันธุ์เป็นศาสนาคริสต์ไปแล้ว
เราคนที่ตระหนักตลอดเวลาว่า เราเป็นครัวเรือนของพระเจ้า ก็คือผู้ที่ถูกเปิดตา ผู้ที่พระเจ้าให้เรามองทะลุพระคำของพระองค์ เราจึงตระหนักว่าใครก็ตามที่มามีส่วนในพระกายนี้ เราจะนับเขาให้เป็นส่วนหนึ่งในพี่ในน้องในครอบครัวของพระบิดาของเรา เรารักกันด้วยน้ำใสใจจริง เราไม่มีอะไรที่ซ่อนเร้น เราเปิดเผย เราเปิดใจคุยกัน มีอะไรพูดคุยกันได้ คุยกันได้ เพราะว่าเรารักกันจริง
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า เมื่อเราอยู่ในครัวเรือนของพระเจ้าสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำที่จะเป็นครัวเรือนจริงๆ ก็คือเราสังเกตเห็นว่าพระเยซูตรัสว่า ถ้าอยู่ในครัวเรือนก็ไม่ทำบาปใช่ไหม เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในครัวเรือนของพระเจ้าในยุคเดิม ในยุคพระบัญญัติ คือเขาพยายามรักษาพระบัญญัติให้ได้ และบางครั้งเขาก็มาที่พระวิหารแล้วก็ถวายเครื่องบรรณาการแด่พระเจ้า เมื่อทำบาปก็ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เขาพยายามรักษาพระบัญญัติ แล้วก็ถวายสิบลด เพื่อที่จะเป็นครัวเรือนของพระเจ้า
แต่ทีนี้มาถึงยุคนี้ คือยุคพระคุณ ขอบพระคุณพระบิดาเราอยู่ในครัวเรือนของพระเจ้าโดยการ สนิท บอกรักพระเยซู และเดินในวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์ตลอดเวลา นี่คือการอยู่ในครัวเรือนจริงๆ วันไหนที่คุณไม่พูดคุยสนทนา ไม่บอกรักพระเยซู ไม่สนิทในพระเยซู ไม่ฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ คุณปักใจไปที่ฝ่ายเนื้อหนังคุณไม่ได้อยู่ในครัวเรือนของพระเจ้า
เรื่องเกี่ยวกับการอยู่ในครัวเรือนหรือไม่อยู่ ก็คือแต่ละระยะเวลา แต่ละวัน แต่ละชั่วโมง "เราอยู่ที่ไหน" เราอยู่ในครัวเรือนของพระเจ้าหรืออยู่ในครัวเรือนของซาตาน เรากลับไปกลับมา ย้ายไปย้ายมา
เพราะฉะนั้นขอให้ฝึกที่จะปักใจไปที่พระวิญญาณ อยู่ในฝ่ายวิญญาณ คือการบอกรัก พูดคุย สนทนากับพระเยซู ทำอะไร จะคิดอะไร จะมองอะไร จะฟังอะไร จะพูดอะไร จะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็คือมีพระคริสต์มีส่วนด้วยในทุกๆ สิ่ง ในทุกๆ อย่าง ทุกเหตุการณ์ นี่คือบุตรพระเจ้า บุตรที่รักของพระองค์ที่อยู่ในครัวเรือนของพระเจ้า และเราจะเห็นการปกป้อง การปกปักรักษา การดูแล การคุ้มครอง การช่วยเหลือ พระพร สันติสุข การรักษาโรค อะไรก็ได้พระเจ้าจะให้ แต่เรายื่นอยู่ตรงที่ ตำแหน่ง พิกัด ที่เรียกว่าครัวเรือนของพระเจ้า
สำหรับข้อที่ 36 "เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรจะทรงกระทำให้ท่านเป็นไทยท่านก็จะเป็นไทยจริงๆ"
** เรารู้แล้วว่าพระเยซูเป็นเหตุให้เราได้หลุดพ้นจากปัญหาเรื่องบาป และหลุดพ้นจากปัญหาเรื่องบอดฝ่ายวิญญาณ ยอห์นบทที่ 8 พูดถึงสองปัญหา ก็คือเรื่องบาปและเรื่องบอด
"บาป ก็คือเป็นทาสของตัวบาป" "บอด ก็คือบอดฝ่ายวิญญาณ"
เพราะฉะนั้นทั้งบาปทั้งบอด พระเจ้าก็จะช่วยให้เรา เป็นอิสระและตอนนี้เราเป็นไทแล้ว
การที่จะหลุดพ้นจากตัวบาป เราก็รู้ดีว่าเปาโลพูดถึงในโรมบทที่ 6 ข้อที่ 6 กล่าวว่า "เราทั้งหลายรู้แล้วว่า มนุษย์เก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้น จะถูกทำลายให้สิ้นไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป"
ถ้าหากท่านตายแล้วท่านก็เป็นอิสระก็หลุดพ้นจากตัวบาป มันเป็นเคล็ดลับที่น่าอัศจรรย์มาก วิธีของพระเจ้าไม่เหมือนวิธีมนุษย์ คือวิธีมนุษย์ก็จะพยายามรักษาชีวิตให้ไม่ทำบาป พยายามอ่านพระคัมภีร์เยอะๆ พยายามอดอาหาร พยายามตื่นแต่เช้าเฝ้าเดี่ยว พยายามไปโบสถ์อยู่กับพี่กับน้องคริสเตียน โทรคุยกัน ไลน์คุยกันใช่ไหม เพื่อแบบว่าเตือนกัน แต่สุดท้ายมันก็เผลอจนได้ สุดท้ายมันก็หลุดจนได้ เพราะว่าตัวบาปมันอยู่ในเรา มันจะไปไหนใช่ไหมล่ะ เราก็ต้องทำบาปอยู่ดีในวันใดวันหนึ่ง
ยิ่งพยายาม ยิ่งฝึก ยิ่งบังคับตัวเองมากเท่าไหร่ บังคับตนเองมากเท่าไหร่ มันก็จะระเบิดมากเท่านั้น เสื้อตัวเก่ามันจะขาดถ้าไปกดขี่ ไปบังคับ ฝืนใจ มันจะขาด ในมัทธิวบทที่ 9:16 ที่พระเยซูตรัสไว้
เพราะฉะนั้นวิธีที่ถูกต้อง ผมจะพูดถึงตั้งแต่ในแต่ไรมาแล้ว คริสเตียนมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพยายามเลิกทำบาปให้ได้ แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ มีหลักสูตร 9 ข้อมีวิธีการโน่นนี่นั่น ทำแบบนี้ทำแบบนั้นเพื่อให้เลิกทำบาปได้ ผมก็เคยถูกสอนมาแบบนั้น อาจารย์ก็บอกว่าสนิทในพระเยซู อธิษฐานบ่อยๆ เดี๋ยวไม่นานหรอกหลายๆ ปีผ่านไป ไม่นานก็จะเป็นคนที่บริสุทธิ์ไม่ทำบาปอีก
แต่สุดท้ายเราก็มาพบว่าอาจารย์คนที่เขาพูด ส่วนมากเขาก็ยังแอบทำบาปกันอยู่ เขาก็หน้าซื่อใจคด เขาก็ใส่หน้ากากอยู่ เขาก็พยายามอยู่นะ เขาก็ฝึกแล้วก็ชวนเราฝึก แล้วเขาก็บอกว่าสำเร็จแน่นอนทั้งๆ ที่เขาไม่รู้ว่ามันสำเร็จจริงๆ หรือไม่ เนื่องจากว่าเขาเอาสิ่งหนึ่งมาวัด ก็คือการได้อยู่ใกล้พระเจ้า การได้อธิษฐานบ่อยๆ ก็เกิดมีสันติสุข แล้วก็การได้อยู่ใกล้พระเจ้า การนมัสการพระเจ้าก็จะเห็นผลที่ว่ารู้สึกไม่อยากทำบาป..ก็ใช่.. ตอนที่ใกล้ชิดพระเจ้า ใกล้ชิดพี่น้อง รู้สึกมีความรู้สึกแบบนั้น เพราะว่าเขาเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้านนอก
แต่ทีนี้ถ้าหากเราไม่ทำแบบนั้นไปบ่อยๆ เรานมัสการพระเจ้าอาทิตย์ละครั้ง แล้วก็อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์นานๆ ครั้งหนึ่ง อาการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณด้านนอกจะไม่เกิดขึ้นบ่อยๆ
สิ่งที่จะช่วยให้เราเลิกทำบาปได้จริงๆ และหลุดพ้นจากตัวบาปได้จริงๆ ก็คือตาย คือตายต่อตัวเก่า แล้วเราเองไม่ต้องตายเอง พระเยซูจัดการกับชีวิตเราแล้ว คือนับเราเข้าไปมีส่วนในการตายกับพระองค์ที่กางเขนเมื่อสองพันปีก่อน เราตายแล้วเพียงแต่เราเชื่อ เรานับ เพียงแต่เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ให้เราตายแล้ว
ทำไมต้องตาย? คำตอบคือเพราะว่าชีวิตเก่าของเรามันใช้ไม่ได้ มันดีไม่ได้ มันไม่มีอะไรดีเลย แม้แต่สักข้อเดียว สักสิ่งเดียวไม่มีอะไรดีเลย พระเจ้าจึงต้องประหารทิ้ง ไม่ใช่พระเจ้าไม่รักเราเพราะว่ารักนั่นแหละจึงฆ่าทิ้ง เมื่อฆ่าทิ้งก็ให้ชีวิตใหม่ (เอเสเคียล 36:26-27) พระองค์จะให้วิญญาณใหม่ ให้จิตใจใหม่ ให้ร่างกายใหม่ ทุกสิ่งใหม่หมด เมื่อมันใหม่มันก็ทำบาปไม่ได้
เราตาย หลังจากตายแล้ว เมื่อเป็นคนใหม่เกิดขึ้นมาใหม่ มีชีวิตใหม่ในพระคริสต์ แล้วทำอะไร พระเยซูก็ยังบอกต่อไป ก็คือยอห์น 15:5 จงสนิทในเรา และเราสนิทในเจ้า แล้วเจ้าก็จะเกิดผลมาก เกิดผลอะไร? เกิดผลแห่งความชอบธรรม เราก็จะทำดีได้ เราก็จะเชื่อฟังได้
พี่น้องที่ฝึกกันมาที่รับมานาฯ มาแล้ว เห็นผลมาแล้ว เรารู้ อันนี้ไม่ต้องถามกันก็ได้ คือเราเริ่มฝึก เราเริ่มนับ อาการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำกิจในเราก็จะเกิดขึ้น รู้สึกว่าไม่อยากทำบาป (แล้วว่าตรงเนี่ยมีจุดบกพร่อง) หลายเดือนผ่านไปก็รู้สึกว่าเอาชนะได้แล้วใช่ไหม นี่คือประสบการณ์ที่เราได้รับจริงๆ ไม่ใช่ว่าเออ มาพูด มาโกหกกัน มาทำอะไรที่แบบคือไม่. ต้องพิสูจน์ เราเห็นด้วยตา เราสัมผัสด้วยความบริสุทธิ์ เรามีประสบการณ์ในสิ่งนี้แล้ว เราสรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเจ้า
ในข้อที่ 37 พระเยซูตรัสว่า "เรารู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่ท่านก็หาโอกาสที่จะฆ่าเราเสีย เพราะคำของเราไม่มีโอกาสเข้าสู่ใจของท่าน"
** ตรงนี้ไม่ใช่เพียงแต่ชาวยิวที่มีปัญหา แต่มันเป็นปัญหาใหญ่ของคริสเตียนทั่วไปทุกวันนี้ ที่ถ้อยคำของพระเยซูไม่ได้เข้าในจิตใจของเขาเลย ผมเอง 18 ปีที่ถ้อยคำของพระองค์พระเยซู ไม่เคยเข้าไปในจิตใจของผมเลย แล้วพี่น้องหลายคนก็เหมือนกัน หลายคนก็หลายปี
แต่ในที่สุดทุกวันนี้ขอบคุณพระเจ้า ถ้อยคำของพระเยซูเข้ามาสู่จิตใจของเราแล้ว เราจึงพบชีวิตที่มีความหวัง มีสันติสุขในขณะนี้ ขอบคุณพระเยซูมากๆ เป็นพระคุณล้นเหลือ
คริสเตียนเป็นร้อยเป็นล้านไม่รู้กี่เท่าไหร่ ที่ไม่มีโอกาสที่จะได้รับถ้อยคำของพระองค์เข้ามาสู่จิตใจ เขาเพียงแต่ได้รับผิวเผิน ได้รับคือเป็นศาสนาคริสต์เป็นคำสอนที่ดี เขาชอบเขารักเขาชื่นชมยินดีกับศาสนาคริสต์ แต่ถ้อยคำของพระเยซูไม่เคยฝัง ไม่เคยเจาะ ไม่เคยเข้าไปในจิตใจของเขา อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
แต่เราขอบคุณพระบิดาที่เราได้รับแล้วถ้อยคำนั้น และถ้อยคำนั้นที่เราเห็นทุกวันนี้ เราเห็นเป็นความจริง เรามองพระคำพระเจ้าเรามองทะลุ ทุกข้อทุกตอน พระคัมภีร์ตอนนี้สนุกมากใช่มั้ย ไม่เหมือนเมื่อก่อน คือสับสน ง่วงนอน ไม่อยากอ่าน และบางครั้งก็อ่านเพราะความจำเป็น
แต่ตอนนี้เรารักมาก รักที่จะอ่านพระคำพระเจ้า เปิดพระคัมภีร์บทไหนข้อไหนรู้สึกว่ามันชัดเจนมันไม่ขัดแย้ง แล้วก็ให้ชีวิตแก่เรา ให้สันติสุขแก่เรา แล้วปลดปล่อยเราให้เป็นไท
และที่สำคัญที่สุด ก็คือเมื่อเราอ่านแล้ว เรามีพลัง เราอ่านแล้วเรารู้สึกว่าได้รับชีวิต รู้สึกว่าได้กิน รับพระวิญญาณของพระคริสต์เข้ามามากขึ้นมากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่าอิ่ม แน่น เต็มในหัวใจ ในร่างกายในชีวิตมันเบาสบาย รู้สึกว่าอิ่ม คืออิ่มเอิบ อิ่มมากๆ เป็นสิ่งที่ซึ่งเมื่อก่อนเราอ่านพระคัมภีร์เป็นแค่เพียงตัวหนังสือ เป็นตัวอักษร แล้วก็เป็นพระบัญญัติ แต่ตอนนี้เป็นชีวิต เป็นฤทธิ์เดช เป็นความจริง เป็นพระวิญญาณ
ในยอห์นบทที่ 8 ปัญหา 2 สิ่งเกิดขึ้นกับคริสเตียนก็คือ 1. เรื่องบาป 2. เรื่องบอด วันนี้พระเจ้าช่วยเราแล้วเกี่ยวกับ บาป - บอด เราได้เป็นอิสระแล้ว เราตาสว่างแล้ว อย่าให้ซาตานมาแย่งอิสระจาก บาป - บอด นี้ อย่าให้มันนำ บาป - บอด กับมาสู่เรา
เราสนิทในพระเยซูแล้วก็สะสมมานาฯ เรื่อยๆ ไป พระเจ้าก็จะเปิดให้มากขึ้น มากขึ้นๆๆ การเลิกทำบาปได้ก็จะมาเอง มันจะมาเอง คือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะชำระเราทีละเล็ก ที่ละเล็กๆๆ จนกว่าเราสะสมมากเท่าไหร่ พระวิญญาณก็จะชำระเรามากเท่านั้น
ในพระคัมภีร์โรมบทที่ 6 ที่เปาโลบอกว่าถ้าหากเราตายแล้ว เราก็หลุดพ้นจากตัวบาป ปัญหาข้อที่ 1 ถูกแก้ไขโดยพระเจ้า เรามีปัญหาเรื่องบาปกับบอด เรื่องบาปหลุดพ้นไปแล้ว
เรื่องบอด ก็คือพระเยซูสั่งให้เราสนิทในพระองค์ อยู่ใกล้พระองค์ แล้วพระเจ้าพระบิดาก็จะเป็นคนที่จะชำระเราด้วยพระคำของพระองค์ คือเปิดตาเรา สุดท้ายเราก็ไม่บอดอีกต่อไป บาป - บอด ก็หมดปัญหาไป แล้วพระเยซูตรัสว่าอยากเลิกทำบาปได้ต้องทำอะไร? อยากเลิกทำบาปได้ก็สนิทสิ ยอห์น 15:5 จงสนิทในเรา และเราสนิทในท่าน เมื่อเราสนิทในท่าน ท่านก็จะเกิดผลมาก เกิดผลแห่งความชอบธรรม ก็คือทำดีได้มาก เชื่อฟังได้มาก รักษาพระบัญญัติได้มาก คือมันจะเป็นเอง