โรมบทที่ 1 ข่าวประเสริฐของพระเจ้า
โรมบทที่ 2 ความบาปของมนุษย์
โรมบทที่ 3 การพิพากษา
พระเจ้าได้โปรดประทานพระพรอันพิเศษแก่พวกยิว
3:1 ถ้าเช่นนั้น พวกยิวจะได้เปรียบคนอื่นอย่างไร และการเข้าสุหนัตนั้นจะมีประโยชน์อะไร
3:2 มีประโยชน์มากในทุกสถาน เป็นต้นว่าพวกยิวได้เป็นผู้รับมอบให้รักษาพระดำรัสของพระเจ้า
** "สุหนัต" คือการขลิบหนังหุ้มปลายองคชาตของผู้ชาย ซึ่งพระเจ้าสั่งอับราฮัมให้ทำเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพระสัญญาระหว่างท่านและลูกหลานกับพระเจ้า ท่านและลูกหลานจะเป็นประชากรเพื่อรับพระพรจากพระองค์ตลอดไป คริสเตียนเข้าสุหนัตฝ่ายวิญญาณแล้วไม่จำเป็นต้องทำเหมือนพวกยิว
** พระเจ้าเลือกให้ลูกหลานอับราฮัมเข้าสุหนัตเพื่ออยู่ในพระสัญญาระหว่างพวกเขากับพระเจ้า
3:3 ถึงมีบางคนไม่เชื่อ ความไม่เชื่อของเขานั้นจะทำให้ความสัตย์ซื่อของพระเจ้าไร้ประโยชน์หรือ
3:4 ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย ถึงแม้ทุกคนจะพูดมุสาก็ขอให้พระเจ้าทรงสัตย์จริงเถิด ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า ‘เพื่อพระองค์จะได้ปรากฏว่า ทรงเป็นผู้สัตย์ซื่อในพระดำรัสทั้งหลายของพระองค์ และทรงมีชัยเมื่อเขาวินิจฉัยพระองค์’
** เราจะเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่มี และเราจะเชื่อว่าพระเจ้าทรงสัตย์ซื่อหรือไม่ ความเชื่อของเราก็ไม่ได้เปลี่ยนพระเจ้าได้อย่างแน่นอน
3:5 แต่ถ้าความอธรรมของเราเป็นเหตุให้เห็นความชอบธรรมของพระเจ้า เราจะว่าอย่างไร จะว่าพระเจ้าทรงลงอาญาโดยไม่ยุติธรรมอย่างนั้นหรือ (ข้าพเจ้าพูดอย่างมนุษย์)
3:6 พระเจ้าไม่ทรงโปรดให้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพระเจ้าจะทรงพิพากษาโลกได้อย่างไร
** พระเจ้าต้องพิพากษาโลกเนื่องมาจากความสัตย์ซื่อ ความชอบธรรมและความยุติธรรมของพระองค์
3:7 เพราะถ้าความจริงของพระเจ้าปรากฏมากยิ่งขึ้นเพราะเหตุความอสัตย์ (การโกหก) ของข้าพเจ้าเป็นที่ให้เกิดเกียรติยศแด่พระองค์แล้ว ทำไมเขาจึงยังลงโทษข้าพเจ้าว่าเป็นคนบาป
** ความโกหกของเราเป็นเหตุให้ความจริงของพระเจ้าปรากฏขึ้นได้
3:8 และทำไมเราจึงไม่ทำความชั่วเพื่อความดีจะได้เกิดขึ้น (ตามที่เราได้ถูกกล่าวร้ายและตามที่บางคนยืนยันว่าเราได้กล่าวอย่างนั้น) พระอาชญาของคนเช่นนั้นก็ยุติธรรมแล้ว
** การโกหก และการทำบาป ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าให้เราทำเพื่อพระคุณจะเพิ่มขึ้น แต่ที่เราทำบาปเพราะเราอดใจไม่ได้และยังอยู่ในการฝึก เมื่อเราทำบาปก็รีบสารภาพและอยู่ในการสนิท แล้วอดทนรอคอยจนกว่าชีวิตพระคริสต์จะก่อร่างขึ้น ขยายใหญ่ขึ้นในเรา
ทุกคนเป็นคนบาป
3:9 ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร พวกเราจะได้เปรียบกว่าพวกเขาหรือ เปล่าเลย เพราะเราได้ชี้แจงให้เห็นแล้วว่า ทั้งพวกยิวและพวกต่างชาติต่างก็อยู่ใต้อำนาจของบาปทุกคน
3:10 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า ‘ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย
** ก่อนที่พระเยซูจะเสด็จมา ไม่ว่ายิวจะเคร่งพระบัญญัติ และต่างชาติจะเคร่งศาสนา ทั้งยิวและต่างชาติต่างก็ถูกมองว่าเป็นคนบาปกันทั้งนั้น
3:11 ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า
** พระเยซูตรัสว่า เขามีตาแต่มองไม่เห็นและเขามีหูแต่ไม่ได้ยิน
** อันที่จริง ไม่มีใครแสวงหาพระเจ้า เพราะจิตใจที่เสื่อมอ่อนแอและอยู่ในความมืด การแสวงหาของมนุษย์เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น
3:12 เขาทุกคนหลงทางไปหมด เขาทั้งปวงเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี ไม่มีเลย
** "เป็นคนไร้ค่า" คือไม่มีพระเจ้าสถิตในเขา เขาเป็นแค่ภาชนะดินที่ไม่เคยถูกเปลี่ยน
** "ทำดี" ในที่นี้ คือสำแดงชีวิตของพระเจ้า
3:13 ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง ภายใต้ริมฝีปากของเขามีพิษของงูร้าย
3:14 ปากของเขาเต็มด้วยคำแช่งด่าและคำขมขื่น
3:15 เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด
3:16 ในทางเดินของเขามีความพินาศและความทุกข์
3:17 และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข
3:18 ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า’
** นี่คือความบกพร่องของมนุษย์ ทั้งยิว ต่างชาติ และคริสเตียนศาสนาด้วย
3:19 บัดนี้ เรารู้แล้วว่าพระราชบัญญัติทุกข้อที่ได้กล่าวนั้น ก็ได้กล่าวแก่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้พระราชบัญญัติเพื่อปิดปากทุกคน และเพื่อให้มนุษย์ทุกคนในโลกมีความผิดจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า
** "พระบัญญัติ" เล็งถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าในด้านการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกคนในโลก ผู้ที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตเหมือนที่พระบัญญัติบ่งไว้ก็มีความผิดต่อพระเจ้าและถูกพิพากษา
3:20 เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเนื้อหนังคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าได้โดยการประพฤติตามพระราชบัญญัติ เพราะว่าโดยพระราชบัญญัตินั้นเราจึงรู้จักบาปได้
** "เนื้อหนัง" คือชีวิตเก่า อาดัม ที่เราได้รับมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
** การรักษาพระบัญญัติ เรียกว่า ความดีที่ตายแล้ว อาจมีค่าสำหรับมนุษย์ แต่นำมาถวายแด่พระเจ้าจริงๆ ไม่ได้ พระบัญญัติจึงเป็นสิ่งชั่วคราวเพื่อให้ชาวยิวรักษาจนกว่าพระคริสต์จะเสด็จมาเพื่อนำผลของพระวิญญาณมาถวายแด่พระเจ้า
ความชอบธรรมโดยความเชื่อ
3:21 แต่บัดนี้ได้ปรากฏแล้วว่าความชอบธรรมของพระเจ้านั้นปรากฏนอกเหนือพระราชบัญญัติซึ่งพระราชบัญญัติกับพวกศาสดาพยากรณ์เป็นพยานอยู่
** พระบัญญัติและผู้เผยพระวจนะได้เป็นพยานถึงความชอบธรรมของพระเจ้าที่ไม่ได้ได้มาด้วยการรักษาพระบัญญัติ แต่โดยการเชื่อในพระเยซูคริสต์
** ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความชอบธรรมผ่านพระเยซู ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการรักษาพระบัญญัติของพวกเราที่เป็นคริสเตียน
พระราชบัญญัติมั่นคงโดยความชอบธรรมของพระคริสต์
3:22 คือความชอบธรรมของพระเจ้าซึ่งทรงประทานโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์สำหรับทุกคนและแก่ทุกคนที่เชื่อเพราะว่าคนทั้งหลายไม่ต่างกัน
** สมัยก่อนยิวและต่างชาติต่างก็เป็นคนบาป แต่เมื่อเชื่อทั้งยิวและต่างชาติก็ได้เป็นคนชอบธรรมเท่าๆ กัน
3:23 เหตุว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า
** คำว่า "สง่าราศีของพระเจ้า" คือชีวิตพระเจ้าที่สำแดงความรัก ความเป็นจริง ความบริสุทธิ์ และความชอบธรรม เราต้องมีพระคริสต์ทำแทนจึงมีสง่าราศีนี้ได้
3:24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เราเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว
3:25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระองค์ในการที่พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัยและทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น
** พระเจ้าทรงยกโทษบาปเราเพราะเห็นแก่พระโลหิต ไม่ใช่เพราะความดีน่ารักหรือตำแหน่งผู้รับใช้ของเรา
3:26 และเพื่อจะสำแดงความชอบธรรมของพระองค์ในปัจจุบันนี้ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ชอบธรรมและทรงโปรดให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมด้วย
** เราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะว่าพระคริสต์เป็นผู้ชอบธรรมและมาอยู่ในเรา
3:27 เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะเอาอะไรมาอวด ก็หมดหนทาง จะอ้างหลักอะไรว่าหมดหนทางอ้างหลักการประพฤติหรือ ไม่ใช่ แต่ต้องอ้างหลักของความเชื่อ
** เราไม่ควรอวดอะไรทั้งนั้น คือไม่อวดดี อวดฉลาด อวดรู้ อวดเก่ง หรืออวดว่าตนเป็นคนดีชอบธรรม
3:28 เหตุฉะนั้นเราทั้งหลายสรุปได้ว่าคนหนึ่งคนใดจะเป็นคนชอบธรรมได้ก็โดยอาศัยความเชื่อนอกเหนือการประพฤติตามพระราชบัญญัติ
** มีทางเดียวเท่านั้นที่เราจะเป็นคนชอบธรรมได้ คือทางความเชื่อ
** "นอกเหนือ" คือการไม่ต้องพึ่งการรักษาพระบัญญัติเพื่อให้ได้กลายเป็นคนชอบธรรม
3:29 หรือว่าพระเจ้านั้นทรงเป็นพระเจ้าของยิวพวกเดียวเท่านั้นหรือพระองค์ไม่ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วยหรือถูกแล้วพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของชนต่างชาติด้วย
** พระเจ้าไม่ได้เป็นพระเจ้าของยิวหรือคริสเตียนเท่านั้น แต่ทรงเป็นพระเจ้าที่ครอบคลุมทั่วโลกและทรงรักและต้องการไถ่ทุกคนให้รอด ทุกศาสนามักจะอ้างว่าเราเกิดในประเทศนั้นๆ ก็ต้องนับถือศาสนาในประเทศนั้น
3:30 เพราะว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าองค์เดียวและพระองค์จะทรงโปรดให้คนที่เข้าสุหนัตเป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อและจะทรงโปรดให้คนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตเป็นคนชอบธรรมก็เพราะความเชื่อดุจกัน
** ความเชื่อ คือหลักการแห่งความรอด การอยู่ในพระสัญญาของพระเจ้าเพื่อรับทุกสิ่งจากพระองค์
3:31 ถ้าเช่นนั้นเราลบล้างพระราชบัญญัติด้วยความเชื่อหรือขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลยเรากลับสนับสนุนพระราชบัญญัติเสียอีก
** เมื่อความเชื่อเรามีมาก เมื่อเราฝึกเดินในความเชื่อมากขึ้น เราก็จะเห็นการดำเนินชีวิตใต้พระบัญญัติในเรามากขึ้น เป็นธรรมชาติของพระเจ้าในเรา
บทความเพิ่มเติม: เรายังชูธรรมบัญญัติขึ้นอีก โรม 3:31