• ทุกวันนี้คริสเตียนไม่ใช่คริสเตียน ครอบครัวคริสเตียนไม่ใช่ครอบครัวคริสเตียน และคริสตจักรไม่ใช่คริสตจักร ภาระก็หนัก กางเขนก็หนัก สามวันทำดี สี่วันทำบาป สามวันมีความสุข สี่วันมีความทุกข์ ชีวิตขึ้นลง สุขทุกข์ ดีบาปไปจนตาย ไม่เคยได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ที่ครบบริบูรณ์เลย ไม่มีรักแท้อะกาเป ยังต้องสวมหน้ากาก แสดงละครตอนที่อยู่ร่วมกันท่ามกลางพี่น้องคริสเตียน ยังมีจิตใจที่หยิ่งผยองพองตัว อวดรู้ อวดดี อวดฉลาด อวดชอบธรรม อวดเก่งกิเลสตัณหา โลภ โกรธ หลง คริสเตียนส่วนมากได้รับแต่พระคำพระเจ้าที่เป็นอาหารเด็ก หรืออาหารน้ำนมไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยได้กินอาหารผู้ใหญ่เพราะยังไม่ได้พบ และปัญหาที่สอง คือแปลความหมายพระคำพระเจ้าผิดจากความหมายที่แท้จริงเรียกว่ากินเชื้อยีสต์เข้าไป ทำให้ผู้เชื่อไม่ได้รับอาหารที่เป็นความจริงมีชีวิต และเป็นฤทธิ์เดช
• บทเรียนจากหนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้ท่านได้พบสันติสุขทุกเวลานาที และเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ในแต่ละวันได้
เมื่อเราถูกเปิดตาเราจะเลิกกลัวพระเจ้า และมั่นใจในความรอดของเรา
a. พระโลหิต คือเหตุผลที่ทรงยกโทษบาปให้เรา
- พระเจ้าทรงยกโทษบาปให้เราเพราะเหตุพระโลหิต ไม่ใช่เพราะการทำดีทำบาปของเรา ไม่ใช่เพราะเราเป็นผู้รับใช้หรือไม่ น่ารักหรือไม่ เมื่อเราสารภาพพระบิดาก็จดจำว่าพระโลหิตได้จ่ายหนี้บาปของเราแล้ว จึงยกโทษให้เรา
- ฮบ 9:12 พระเยซูทรงเสด็จขึ้นไปสู่พระบิดา นำพระโลหิตเข้าไปในพระวิหารถวายเป็นค่าจ่ายหนี้บาปนิรันดร์แล้ว พระเจ้าจึงตั้งพระโลหิตไว้ เพื่อการไถ่บาปเรา ทุกครั้งที่มีการสารภาพบาป ก็ต้องมีการยกโทษแน่นอน สมมุติว่าถ้าหากพระเจ้าเปลี่ยนพระทัยจะไม่ยกโทษบาปให้เรา พระองค์ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม และที่จริงพระเจ้าก็ต้องการยกโทษให้เราอยู่แล้ว
- พระโลหิต ไม่ใช่เพื่อนำมาล้างชำระบาปของเรา แต่มีไว้ เพื่อพระเจ้าเห็น และจดจำว่าเป็นค่าใช้หนี้บาปเราแล้ว
b. พระเจ้ายกโทษให้เรากี่ครั้ง
- บางคนคิดว่า ถ้าเราทำบาปบ่อยๆ พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้เรา แต่ใน มธ 18:21-22 เปโตรถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ข้าพระองค์ควรอภัยให้คนที่ทำผิดต่อเรากี่ครั้ง เจ็ดครั้งพอไหม พระเยซูตอบว่า ไม่ใช่เจ็ดครั้ง แต่เจ็ดคูณด้วยเจ็ดสิบ คือไม่มีกำหนด ไม่มีเหตุผล เพราะว่าหมายเลขเจ็ด คือหมายเลขของพระเจ้า นี่คือการยกโทษของพระเจ้าต่อเรา
c. บาปทุกชนิด
- ผู้เชื่อบางคนอาจเข้าใจผิด และคิดว่า บาปที่ใหญ่ หรือตั้งใจจงใจทำ พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้เรา แต่ถ้าเราอ่านใน 1 ยน 1:9 พระวิญญาณตรัสผ่านท่านยอห์น กล่าวว่าพระเจ้าจะยกโทษ และชำระบาปทุกชนิด ไม่มีบาปอะไรที่ไม่ยกให้ ไม่ว่าจะเป็นบาปเล็ก หรือบาปใหญ่ บาปมาก หรือบาปน้อย บาปหนัก หรือเบา ตั้งใจทำ หรือไม่ได้ตั้งใจ ทำต่อหน้าผู้อื่น หรือทำในที่ลี้ลับ บาปที่มนุษย์ไม่ยอมยกโทษให้เรา บาปในอดีต บาปในปัจจุบัน และบาปในอนาคตก็ตาม
d. ยกโทษ และชำระ คืออะไร
- ทุกๆ ครั้งที่พระเจ้ายกโทษให้เรา พระองค์ก็ลบล้าง หรือชำระ คือไม่จดจำอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้ของเรา (1 ยน 1:9)
- เมื่อเราสารภาพบาปของเรา เราไม่ควรจดจำความผิดของเรา ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพราะว่าพระเจ้าไม่จดจำอะไรแล้ว เราควรขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่าพระโลหิตมีค่ามากพอที่พระเจ้าจะยกโทษให้เรา
e. พระเจ้าทรงเข้าใจว่าเราป่วย
- พระเจ้าทรงทราบดีว่าจิตใจเราป่วย (ยรม 17:9 และ โรม 7:14-24) การยกโทษบาปของพระเจ้าก็เพื่อทำลายกำแพงบาป เพื่อทำงานภายในจิตของเราอย่างต่อเนื่องได้ และเพื่อป้องกันซาตานที่พยายามกีดกันเราจากพระเจ้า และพยายามปิดหูบังตาเราจากความจริงแห่งพระคำของพระองค์
f. ขอบพระคุณทันที
- การยกโทษบาป เป็นระบบ คือทันทีที่เราสารภาพ พระเจ้าก็ยกโทษเดี๋ยวนั้นเลย เราไม่ต้องรอ ห้า หรือสิบนาที หรือสามสิบนาที หรือหนึ่งชั่วโมง หรือรอดูการสัมผัสของพระเจ้า เมื่อการสารภาพเสร็จสิ้นลง เราก็ขอบพระคุณทันที ไม่รีรอ เรายิ้ม และเชื่อว่าบาปเราได้รับการอภัยแล้ว (1 ยน 1:9)
g. ขอการเปลี่ยนแปลงหลังจากการสารภาพ
- การสารภาพที่ครบถ้วน คือควรจบลงด้วยการขอการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ เพื่อเราจะทำบาปน้อยลง และไม่ต้องมาสารภาพบ่อยๆ คำว่า "ขอการเปลี่ยนแปลง" คือพระคริสต์จะสำแดงชีวิตในเรามากขึ้นในแต่ละวัน ชีวิต และนิสัยที่เป็นธรรมชาติของพระเจ้าจะก่อตัวขึ้นในเรา เพื่อแทนที่ชีวิตนิสัยธรรมชาติของอาดัม
โรม 12:2 กล่าวว่า “จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่” ไม่ใช่ "ท่านจงเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่”
a. ผู้เชื่อมากมายเข้าใจผิด คิดว่า ถ้าเราจะอ่านพระคำพระเจ้า อธิษฐาน และมาร่วมประชุม สามัคคีธรรมกับพี่น้อง เราต้องมีจิตใจที่บริสุทธิ์ และไม่ทำบาป พระเจ้าจึงจะต้อนรับเรา ซึ่งเป็นการเข้าใจที่ผิด
b. ถึงแม้ว่าเราจะเชื่อฟัง และไม่ทำบาป หรือทำบาป ก็ไม่สำคัญอะไรถ้าหากเรามาทางพระโลหิต พระเจ้าจะต้อนรับเราอย่างแน่นอน เพราะว่าเรามาทางพระโลหิต
c. ฮบ 10:19 “เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์โดยทางพระโลหิตของพระเยซู”
a. พระโลหิตเป็นเหตุทำให้พระเจ้ายกโทษบาปของเรา (ฮบ 9:12 / 1 ยน 1:9)
- เพราะพระโลหิตยกโทษไม่มีกำหนด บาปทุกชนิดทรงลบล้างความผิดเราทันที ไม่จดจำ ทรงทราบดีว่าเราป่วย ขอบพระคุณทันที และขอการเปลี่ยนแปลงหลังจากการสารภาพ
b. เรามาหาพระเจ้าได้โดยทางพระโลหิต
c. ไม่ต้องฟ้องผิดในใจ พระเจ้าทรงลบล้าง และลืมมันหมดแล้ว (1 ยน 1:9)
- ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายกลัว และฟ้องผิดอยู่ภายในใจ คิดไปว่าพระเจ้าคงจะไม่ยกโทษให้เขา เพราะทำบาปไว้มากมาย และยังทำบาปทุกวันเพราะเขาไม่เข้าใจ และไม่รู้จักคุณค่าที่ยิ่งใหญ่มากมายของพระโลหิตของพระเยซูนั่นเอง ขณะที่เราฝึกเดินฝ่ายวิญญาณ เราก็ยังต้องทำบาปอยู่ เราจึงไม่กล้าบอกรักพระเยซู ไม่กล้าเข้าใกล้สนิทพูดคุยสนทนา แต่อย่าลืมว่าพระโลหิตได้จัดการกับปัญหาเรื่องความผิดบาปในแต่ละวันของเราแล้ว เพราะฉะนั้นให้เราแยกเรื่อง การทำบาป และการฝึกเดิน สนิทในพระคริสต์บอกรักพระองค์ ออกเป็นสองเรื่อง คือเราสนิทพูดคุยบอกรัก ขณะที่ยังทำบาปอยู่ แต่รีบสารภาพและฝึกเดินต่อไป
d. ซาตานไม่อาจฟ้องเราต่อพระเจ้า เหมือนตอนที่มันเคยฟ้องท่านโยบ เพราะว่าตอนนี้เรามีพระเยซูคริสต์เป็นทนายความเพื่อต่อสู้การฟ้องของซาตานทุกวัน
a. ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ คือเชื่อเท่านั้นก็ได้รอดแล้ว (ยน 3:16 / อฟ 2:8-9)
b. ความรอดที่เราได้รับนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำดี เชื่อฟัง เพราะความรอดเป็นพระคุณ และเป็นของขวัญจากพระเจ้า เราได้มาทางความเชื่อเท่านั้น (อฟ 2:8-9 / โรม 11:6)
c. ทุกวันนี้มีผู้เชื่อมากมาย กลัวว่าเชื่อเท่านั้นจะไม่รอด พวกเขาจึงต้องพยายามเชื่อฟังพระเจ้า รักษาพระบัญญัติ ถวายสิบลด และไปโบสถ์เป็นประจำ เปาโลเรียกคำสอนนี้ว่า ข่าวประเสริฐอื่นที่คริสเตียนชาวยิวจำนวนหนึ่งประกาศในสมัยอัครสาวก และมีผลจนถึงทุกวันนี้เพราะเขาไม่เข้าใจ (กท 1:6-9)
d. เพราะฉะนั้น ถ้าหากใครสอนว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอ เราต้องเชื่อฟังด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่รอดเป็นอันขาด เขาก็ได้ประกาศข่าวประเสริฐอื่น และจะถูกสาปแช่งจากพระเจ้าแน่นอน (กท 1:8-9)
e. อฟ 2:8-9 ภาษากรีกแปลว่า โดยพระคุณ ท่านทั้งหลายได้ รอดแล้ว ไม่ใช่อาจจะรอด หรือจงพยายามรอดให้ได้ แต่รอดแล้ว (You have been saved) และไม่ใช่เพราะตัวท่านเองเป็นผู้กระทำ แต่เป็นของขวัญจากพระเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำดี เพื่อจะไม่มีผู้ใดอวดได้
f. ยน 10:28 พระเยซูตรัสว่า “แกะนั้นจะไม่พินาศเลย และจะไม่มีใครมาแย่งแกะไปจากมือเราได้เลย”
g. โรม 11:6 “ถ้าหากเป็นทางพระคุณ ก็ไม่ได้เป็นทางการกระทำ เพราะฉะนั้น พระคุณก็จะไม่ใช่พระคุณอีกต่อไป”
h. อฟ 4:30 “โดยพระวิญญาณนั้น ท่านทั้งหลายได้ถูกประทับตราหมายไว้จนถึงวันที่ทรงไถ่ให้รอด”
i. ถ้าหากวันหนึ่ง ผู้เชื่อได้ละทิ้งพระเจ้า เลิกเชื่อในพระเยซู ก็คือคนที่ไม่เคยได้บังเกิดใหม่เลย เขาอาจดูเหมือนคริสเตียนอย่างมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาเป็นข้าวละมานใน มธ 13:24-30 นั่นเอง
j. ความเชื่อที่ไม่มีการประพฤติ ก็คือความเชื่อที่ตายแล้ว คืออะไร
- หนังสือยากอบ 2:14 ท่านไม่ได้กล่าวว่า "มีความเชื่อแล้วต้องประพฤติ" แต่ความหมายในภาษากรีก คือท่านกล่าวว่า "ความเชื่อที่แท้จริงนั้นจะมีการประพฤติ" เช่นอยากรู้เรื่องพระเจ้า พระเยซู พระคัมภีร์ เรื่องความรอด อยากอ่านอยากอธิษฐาน อยากไปร่วมกับพี่น้องที่คริสตจักร อยากช่วยคนยากคนจน
สรุป ก็คือความเชื่อที่แท้จริงนั้น จะทำให้เราได้มาถึงการบังเกิดใหม่ และมีการประพฤติไม่มากก็น้อย และการประพฤติดังกล่าว ไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยให้เรารอด แต่เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าเราได้บังเกิดใหม่จริงๆ
k. มธ 5:20 พระเยซูกล่าวว่าถ้าหากความชอบธรรมของท่าน ไม่เหนือกว่าความชอบธรรมของพวกฟาริสี และธรรมาจารย์ ท่านจะเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้เป็นอันขาด และยังมีข้อพระคัมภีร์อีกมากมายหลายตอน ที่พูดถึงเรื่องเชื่อเท่านั้นไม่พอต้องมีการประพฤติเชื่อฟัง รักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งครัด แต่นั่นไม่ใช่ความรอดจากนรกบึงไฟในวันสุดท้าย แต่เป็นความรอดได้เข้าไปในอาณาจักร หรือจะได้ร่วมครอบครองกับพระเยซู ในยุคหน้า หรือยุคพันปีนั่นเอง เพราะว่าผู้ที่ไม่ได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ยุคพันปี ยังไม่มีจิตใจใหม่ ยังเอาชนะบาปในแต่ละวันไม่ได้
a. ความรอด ในพระคัมภีร์มีสองความรอด คือ
(1) รอดจากนรกบึงไฟ ได้เข้าไปในฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ของคนที่เชื่อพระเยซู
(2) รอดจากการลงโทษพันปี ในเกเฮนา ในยุคพันปีได้เข้าไปในอาณาจักร
b. "อาณาจักร" คืออะไร
- "อาณาจักรสวรรค์" หรือ "อาณาจักรของพระเจ้า" คือการเสด็จกลับมาของพระเยซู เพื่อครอบครองโลกนี้เป็นเวลาพันปีผู้เชื่อที่จะได้ร่วมครอบครองกับพระเยซู ต้องมีชีวิตจิตใจเหมือนพระเยซู ซึ่งไม่มีใครทำได้นอกจากพระเยซูที่เป็นพระวิญญาณพระคริสต์ เข้ามาอยู่ในเรา และทำแทนเราในแต่ละวัน
c. ถ้าหากเราอ่านพบพระคำพระเจ้าที่กล่าวว่า เชื่อเท่านั้นก็รอดแล้ว คือรอดจากนรกบึงไฟ แต่ถ้าหากเราอ่านพบพระคำพระเจ้าที่กล่าวว่า เชื่อเท่านั้นไม่พอ ต้องเชื่อฟังเลิกทำบาป คือรอดเข้าไปในอาณาจักรเพื่อร่วมครอบครองกับพระเยซูในยุคพันปี และตลอดไป
- เรื่องยุค เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ผู้เชื่อควรรู้ และเข้าใจ เพราะว่ายังมีผู้เชื่อมากมายที่เข้าใจผิดคิดว่ายุคนี้เป็นยุคสุดท้ายแล้ว และพวกเขาอยู่เพื่อรับพระพร ชีวิตที่ดีราบรื่น ทั้งเข้าใจผิดเรื่องหลักการแห่งความรอดในยุคพระคุณ และยุคอาณาจักร ทำให้พวกเราหลงยุค
- โลกนี้มีสี่ยุค คือ 1. ยุคบาป > 2. ยุคพระบัญญัติ > 3. ยุคพระคุณ และ > 4. ยุคอาณาจักร หรือยุคสุดท้าย
(1.) ยุคบาป คือ (ตั้งแต่อาดัม จนถึงโมเสส)
(2.) ยุคพระบัญญัติ คือ (นับจากโมเสส จนถึงพระเยซูเสด็จมา)
(3.) ยุคพระคุณ คือ (นับจากพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ จนถึงพระเยซูเสด็จมาเพื่อครอบครองโลกนี้ในยุคอาณาจักร)
(4.) ยุคอาณาจักร หรือยุคสุดท้าย คือ (การเริ่มครอบครองโลกนี้ จนถึงการทำลายโลกนี้เมื่อยุคอาณาจักรผ่านพ้นไป พระเจ้าจะทำลายโลกนี้ และสร้างโลกใหม่ให้เรา)
* ตอนนี้เราอยู่ในยุคพระคุณ เรียกว่ายุคทำนา ยุคหน้า คือเวลาแห่งการรับค่าจ้างรางวัล พระพร ตำแหน่ง และชีวิตที่ครบบริบูรณ์จากพระเจ้า ยุคนี้เราอยู่เพื่อการฝึกฝนชีวิตให้พร้อมสำหรับยุคหน้า เรานำคนมาหาพระเจ้า และนำพระเจ้าเข้ามาหาคนที่เชื่อแล้ว
* ลำดับเหตุการณ์ / แผนการบริหารงานของพระเจ้า: ยุคบาป > ยุคพระบัญญัติ > ยุคพระคุณ > การพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์ > ยุคอาณาจักร > การพิพากษาที่พระบัลลังก์ใหญ่สีขาว > ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
* ตั้งแต่อาดัม จนถึงโมเสส ตั้งแต่โมเสสจนถึงพระคริสต์เสด็จมา ตั้งแต่พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากตาย จนถึงพระเยซูกลับมาเพื่อครอบครองโลกนี้ พระเยซูจะตัดสินผู้เชื่อเท่านั้น (มธ 7:21-23 / 2 คร 5:10)
* 1 คร 3:12-15 พระเยซูครอบครองโลกนี้ร่วมกับผู้ชนะเป็นเวลาพันปี พระเยซูจะตัดสินคนที่ไม่เชื่อเท่านั้น ผู้ชนะจะได้ร่วมครอบครองกับพระเยซู ผู้ไม่ชนะจะเป็นแค่ประชากรของโลกใหม่เท่านั้น คนที่ไม่เชื่อจะอยู่ในบึงไฟนอกนครเยรูซาเล็มใหม่
a. การนับว่าตายทุกวัน (โรม 6:11 / ลก 9:23)
b. การเดินด้วยตัวใหม่ทุกวัน (1 คร 15:31 / กท 2:20 / ฟป 1:21)
c. การสนิทบอกรักพระเยซูอยู่ทุกเวลา (ยน 15:1-5)
d. รับการเปลี่ยนความคิดใหม่ คือการสะสมพระคำที่แปลความหมายถูก
(ยน 17:17 / โรม 12:2)
e. การดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อเอา ไม่เดินด้วยสายตา อารมณ์และความรู้สึก (2 คร 5:7)
- การเปลี่ยนความคิดใหม่ เป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นที่สุด เพราะว่าที่ผ่านมาคริสตจักรนำ “เชื้อ” เข้ามาผสม ในหลักคำสอนแห่งความจริงของพระคำพระเจ้า โรม 12:2 กล่าวว่า“จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ ด้วยการเปลี่ยนความคิด” คือเมื่อเราเปลี่ยนความคิดใหม่ จากผิด เป็นถูก เรียกว่าการชำระด้วยพระคำ พระวิญญาณก็จะนำเราเข้าสู่การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือชีวิตพระคริสต์จะก่อร่างขึ้นในเรา เราจึงมีธรรมชาติใหม่ และเลิกทำบาปได้
“การตาย และการฟื้นขึ้นมาจากตายร่วมกับพระเยซู"
• เนื่องจากว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และมีตัวบาปสิงอยู่ในทุกคน (โรม 7:14-24) จิตใจของมนุษย์ก็ป่วย และไม่สามารถเชื่อฟังพระเจ้า และเป็นคนดีรอบคอบได้ (ยรม 17:9) ทางออกมีอยู่ทางเดียวเท่านั้นคือ "ตาย" เมื่อพระเยซูตายที่กางเขน พระองค์ได้นับเราทุกคน เข้าไปมีส่วนในการตายกับพระองค์ด้วย เมื่อพระเยซูตายเราก็ตาย ท่านได้ตายแล้ว ตัวเก่าอาดัมของท่านได้ถูกตรึงกับพระคริสต์แล้ว ท่านไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในท่าน (กท 2:20)
สองพันปีก่อน เมื่อพระเยซูตาย ท่านก็ตาย (2 คร 5:14 / โรม 6:3-11 / กท 2:20 / คส 3:3) เมื่อพระเยซูถูกฝัง ท่านก็ถูกฝังด้วย (โรม 6:4) และเมื่อพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากตาย ท่านก็ได้รับชีวิตใหม่ การตาย และเป็นขึ้นมากับพระเยซู เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเลิกทำบาป และดำเนินชีวิตใหม่ในพระคริสต์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้
• พี่น้องคริสเตียนมากมาย ยังไม่รู้ว่าตัวเก่าของพวกเขาได้ตายแล้ว เขาจึงพยายามเป็นคนใหม่ ด้วยการพยายามไม่ทำบาป แต่การเลิกทำบาปก็ไม่ได้เปลี่ยนเราให้เป็นคนใหม่ หรือเป็นคนชอบธรรมได้ แต่การบังเกิดใหม่ต่างหากที่ทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ และคนชอบธรรมได้ การบังเกิดใหม่เป็นเพียงแค่หน้าฉาก แต่การตายแล้วนั้น คือหลังฉาก ผู้เชื่อมากมายยังไม่รู้ว่าเขาตายแล้ว ตายอย่างไร ตายเมื่อไหร่ และทำไมต้องตาย
• พี่น้องผู้เชื่อมากมายยังไม่รู้ว่าเขาตายแล้ว และเป็นขึ้นมาแล้วกับพระเยซู เขาจึงไม่เข้าใจเรื่องการนับว่าตาย คืออะไร เขาจึงใช้มนุษย์เนื้อหนัง เพื่อทำดี และรับใช้พระเจ้า
• ผู้เชื่อบางกลุ่มอาจได้เรียนรู้เรื่องการตาย และเป็นขึ้นกับพระเยซู แต่ไม่ได้เน้นสอนสมาชิกว่าต้องนับว่าตาย พระเยซูสั่งให้นับทุกวัน (ลก 9:23) และพระวิญญาณตรัสผ่านเปาโลให้นับว่าตาย (โรม 6:11) ท่านเองก็นับทุกวัน (1 คร 15:31) ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ใหม่ในพระคริสต์ทุกวัน (กท 2:20 และ 2 คร 5:17)
• ข้อลึกลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด คือพระคริสต์อยู่ในเรา เป็นความหวังแห่งสง่าราศี ผู้เชื่อมากมายยังไม่รู้ พวกเขาคิดว่าพระเยซูอยู่ที่พระบัลลังก์กับพระบิดา จึงอธิษฐานขอเชิญพระองค์มาเยี่ยมที่บ้าน หรือคริสตจักร เนื่องจากเรื่องนี้เป็นข้อลึกลับที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด พระเจ้าเลือกเปิดให้ผู้ที่ถ่อมใจ และเปิดใจเท่านั้น เมื่อเราได้รู้ข้อลึกลับนี้แล้ว พระคริสต์ก็จะก่อร่างขึ้นในเรา (กท 4:19) พระคริสต์จะขยายใหญ่ขึ้นในเรา (ฟป 1:20) ชีวิตของเรา คือพระคริสต์ (ฟป 1:21 และ กท 2:20 / 5:22-23) พระคริสต์จะเป็นสติปัญญาของเรา (1 คร 1:30)
• มนุษย์วิญญาณ: ยน 3:6 กล่าวว่า“ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนังซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ” ชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์ คือ “วิญญาณ” วิญญาณของคริสเตียนถูกควบคุมโดยพระวิญญาณแล้ว วิญญาณควรจะเป็นนายของจิต และจิตที่ยอมจำนนต่อวิญญาณ จะเชื่อฟัง และยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของพระวิญญาณ
• การบังเกิดใหม่: เมื่อเราเชื่อและต้อนรับพระเยซู เราก็ได้บังเกิดใหม่ทันที พระวิญญาณจะบันดาลให้วิญญาณของเราบังเกิดใหม่ จากนั้นก็จะเข้ามาสถิตอยู่ในวิญญาณนั้น เพื่อครอบครอง และสร้างบ้านให้เป็นวิหารของพระเจ้าทั้งสามพระภาค
ขั้นตอนต่อมาพระเจ้าจะเคาะที่ประตูใจ (วว 3:20) คือเปิดตา (ตาใจ/ตาฝ่ายวิญญาณ) ของเราให้ได้รู้ว่า
การ "เชื่อเอา" ว่าทรงเป็นเจ้าของครอบครองจิตเรา เพื่อให้เราเลิกทำบาป และเชื่อฟังพระเจ้าได้
• การได้รู้ว่าพระคริสต์อยู่ในเรา และสร้างบ้านอยู่ภายในจิตเราโดยการ "เชื่อเอา" (อฟ 3:17) เรื่องนี้สำคัญมาก แต่ผู้เชื่อมากมายไม่รู้ คริสเตียนได้บังเกิดใหม่โดยการเชื่อเอาฉันใด และได้เป็นผู้ชนะเลิกทำบาปได้ก็โดยการเชื่อเอาฉันนั้น เราได้บังเกิดใหม่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่เราจะเห็นอาการที่หิวกระหาย และแสวงหาการดำเนินชีวิตฝ่ายวิญญาณ (ยน 3:3-5)
• ผู้เชื่อมากมายมักจะเข้าใจผิดคิดว่า เราเป็นคนชอบธรรมได้ ด้วยการเชื่อฟังเลิกบาป และเราเป็นคนบาปเพราะเรายังเลิกทำบาปไม่ได้ แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า การทำดีหรือทำชั่วไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนบาป หรือชอบธรรมเลย ทุกคนที่เกิดมาก็เป็นคนบาปแล้ว เพราะเป็นเชื้อสายลูกหลานอาดัม
• พระเจ้าทรงรักโลก และทรงประทานพระบุตรลงมาเพื่อไถ่โลก ทุกคนที่เชื่อก็ได้กลายเป็นคนชอบธรรมทันที และฐานะคนชอบธรรมนี้จะอยู่กับเขาไปจนตาย (โรม 5:19-21) การได้กลายเป็นคนชอบธรรม เราได้มาโดยทางความเชื่อ คือพระเจ้าทรงนับ "ความเชื่อ" ของเราว่าเป็นความชอบธรรม (โรม 4:22-25)
• ผู้เชื่อทุกคนได้รับการชำระด้วยพระโลหิตทันทีที่เขาเชื่อ (1 คร 1:2) การชำระนี้ทำให้เราได้รับการยกโทษบาป และได้กลับมาคืนดีกับพระเจ้า เราได้กลายเป็นคนชอบธรรม คนใหม่ บริสุทธิ์ เพราะเหตุพระโลหิตนี่เอง พระบิดาจะมองว่าเราใหม่ชอบธรรมบริสุทธิ์ทุกเวลา
• การชำระ มีอยู่สามแบบ หรือสามขั้นตอน อย่างเช่น :
1. การชำระด้วยพระโลหิต จากนั้นก็
2. ชำระด้วยพระคำ (รับการเปิดตาให้ได้พบอาหารแข็ง) และ
3. ชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (จิตใจถูกครอบครองโดยพระคริสต์จนเลิกทำบาปได้)ซึ่งจะเกิดขึ้นในเราเมื่อได้รับการชำระด้วยพระคำแล้ว
• ทุกวันนี้ มีการแปล และตีความหมายพระคำพระเจ้าผิดอย่างมากมาย เป็นเหตุให้มี “เชื้อ” ผสมในความจริงแห่งพระคำ พระคำจึงไม่ใช่ความจริง ไม่มีชีวิต และฤทธิ์เดช และถ้าหากผู้เชื่อกินพระคำที่มีเชื้อเข้าไป เราก็จะเชื่อแบบผิดๆ คิดผิด อธิษฐานแบบผิดๆ อ่านแบบผิด ดำเนินชีวิตแบบผิดๆ นมัสการ และรับใช้แบบผิดๆ หลงยุค หลงประเด็นไปหมด ในที่สุด เราก็ไม่เติบโตสู่ชีวิตผู้ชนะที่สุกงอม พระเยซูทรงอธิษฐานเผื่อเรื่องนี้ใน (ยน 17:17)
• ถ้าหากเรากำจัดคำสอนที่มี “เชื้อ” หรือแปลความหมายผิดได้ เรียกว่าได้รับการชำระด้วยพระคำ และจากนั้นพระวิญญาณก็จะชำระเรา จิตใจเราจะถูกครอบครองโดยพระคริสต์ และทำบาปไม่ได้ เพราะว่าเรามีธรรมชาติใหม่
• สรุป การเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ คือการได้มาจากการสะสมพระคำที่แปลถูกนั่นเอง
• การชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการได้รับจิตใจใหม่ หรือชีวิตธรรมชาติของพระเจ้าแล้ว พระคริสต์ทรงครอบครองจิตใจได้ ก็เพราะว่าเราเข้าใจพระคำพระเจ้าอย่างถูกต้อง และฝึกเดินในพระวิญญาณอย่างถูกวิธี
• ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมาย ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนแปลงจิตใจใหม่ เพราะเขาได้รับแต่พระคำที่เป็นอาหารเด็ก (อาหารน้ำนม) และมีเชื้อผสมตลอดชีวิต เขาจึงมีชีวิตที่ขึ้นลง สุขทุกข์ ดีบาป ไปจนตาย
• โรม 12:2 เปาโลกล่าวโดยพระวิญญาณว่า “จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยการรับการเปลี่ยนความคิด” ความหมายก็คือ เปลี่ยนจากการแปลความหมายผิด เป็นแปลถูก เปลี่ยนจากความคิดศาสนา เป็นชีวิต
9. ชาวสะมาเรียใจดี หลักการแห่งความรอด/the good Samaritan; the new principle of salvation
10. คริสเตียน/the Christian
11. คริสเตียนมีสามระดับ/three levels of Christian faith
12. สามใหม่/three new
13. ความชอบธรรมของพระคริสต์ และพระคริสต์เป็นความชอบธรรมของเรา/Christ ‘s righteousness and Christ is our righteousness
14. มนุษย์วิญญาณหรือมนุษย์คนใหม่/spiritual man or the new man
15. มนุษย์ภายนอกและมนุษย์ภายใน/outer man and inner man
16. มนุษย์คนแรกและมนุษย์คนที่สอง/the first man and the second man
17. ในอาดัมและในพระคริสต์/in Adam and in Christ
18. หลักการแห่งความรอด/the principle of salvation
19. การงานของไม้กางเขน/ the work of the cross
20. เสื้อที่ดีที่สุดและเสื้อสำหรับงานเลี่ยงแต่งงาน/the best robe and the wedding garment
21. การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในเรา/the Holy Spirit dwells in us
22. การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่เหนือเรา/the Holy Spirit comesupon us
23. การเต็มล้นภายนอกและการเต็มล้นภายใน/filled inward and filled outward
24. ชีวิตผู้ชนะ/the overcomer
25. คนเก่า/the old man
26. คนใหม่/the new man
27. ยอห์นเก่าและยอห์นใหม่/old John and new John
28. จงกลับใจเสียใหม่/repentance
29. บัพติสมาในน้ำ/water baptism
30. บัพติสมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์/baptize in the Holy Spirit
31. พระคุณ/grace
32. เชื่อและเชื่อเข้าใน/believe and believe into
33. สันติสุข/peace and joy
34. ชื่นชมยินดี/joyfulness
35. ความเชื่อที่ไม่มีการปฏิบัติคือความเชื่อที่ตายแล้ว/faith without works is dead
36. หล่นจากพระคุณ/fallen from grace
37. พระบัญญัติ/the law
38. เรามาเพื่อให้พระบัญญัติสำเร็จ/I have come to fulfil the law
39. เราหลุดพ้นจากพระบัญญัติ/we’re freed from the law
40. กระทำทุกสิ่งด้วยความรัก/do all things with love
41. เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย/I never knew you
42. เนื้อหนัง/the flesh
43. เดินด้วยเนื้อหนัง/walk in the flesh
44. เดินในความมืด/walk in the dark
45. เนื้อหนังและจิตไม่รับอนุญาตให้เดินในความเชื่อ/the flesh and the soul not allowed to walk in faith
46. เมื่อเรารักษาพระบัญญัติ เราก็อยู่ใต้พระบัญญัติและเป็นเนื้อหนัง/when we keep the law we’re underlaw and become flesh
47. ใต้พระบัญญัติ/under the law
48. เดินด้วยอารมณ์ความรู้สึก/walk by sight feeling and emotion
49. จิต/soul
50. จิตสำนึกและจิตใต้สำนึก/conscious and subconscious
51. บทเรียนจากชีวิตเปโตร/Peter
52. รอดจากความบาป แต่ยังเป็นทาสของตัวบาป/we’re saved from sins but still being slave unto sin
53. รอดโดยพระคุณ และถูกรักษาโดยพระคุณ/saved by grace and being kept by grace
54. คริสเตียนที่ขาดรักดั้งเดิม/lose the first love
55. คริสเตียนโลก/the worldly Christian
56. คริสเตียนศาสนา/religious Christian
57. คริสเตียนที่ตายแล้ว/the dead Christian
58. คริสเตียนที่เป็นอุ่นๆ/the looked warm Christian
59. พระสัญญาเดิมและใหม่/the old covenant and the new covenant
60. วิญญาณ/the spirit
61. เดินด้วยวิญญาณ/walk in the Spirit
62. เดินด้วยความเชื่อไม่ใช่ด้วยสายตา/walk by faith not by sight
63. เริ่มต้นด้วยเชื่อเอาจบลงด้วยเชื่อเอา/begin with faith and end with faith
64. การแตกหักของมนุษย์ภายนอกเพื่อปลดปล่อยมนุษย์ภายใน/the brokenness
65. ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตา/the beam in the eye
66. ไม่มองพี่น้องฝ่ายเนื้อหนังอีกต่อไป ( 2คร. 5:16–17 ; 2 คร.5:7)/we’re no longer see man in the flesh
67. การเปลี่ยนความคิดใหม่/being renew of the mind
68. การเปลี่ยนแปลง/not changing life but exchange life
69. พระคริสต์เป็นบ่อน้ำแห่งชีวิตของเรา/Christ as our living water
70. พระคริสต์เป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์/Christ as our justification
71. พระคริสต์เป็นผู้ทำให้เรามีใจใหม่หรือการแยกออกเพื่อการบริสุทธิ์/Christ as our sanctification
72. พระคริสต์เป็นอาหารแห่งชีวิตของเรา/Christ as our bread of life
73. พระคริสต์ผู้เป็นสติปัญญาของเรา/Christ as our wisdom
74. พระคริสต์ผู้เป็นชีวิตของเรา/Christ who is our lives
75. พระคริสต์ก่อร่างขึ้นในเรา/Christ formed in us
76. พระคริสต์ขยายใหญ่ขึ้นในเรา/Christ magnified in our body
77. พระคุณกระทำกิจภายในเรา/grace is working in us
78. อธิษฐานอ่านและหายใจเพื่อรับพระวิญญาณ/pray, read and breathe to gain Christ
79. อธิษฐานความหมายตามภาษากรีก/pray in Greek
80. การอธิษฐานที่เหมาะสมตอนอยู่คนเดียว/how to pray right
81. พระวิญญาณเข้าๆออกๆ/can the Holy Spirit leave us
82. เราอยู่ได้วันเดียวเท่านั้น/we can live only one day
83. กฎของจิต (ใจ)/law of my mind
84. กฎแห่งความบาปและกฎแห่งควาตาย/the law of sin and the law of death
85. กฎแห่งพระวิญญาณและกฎแห่งชีวิต/the law of the Spirit and the law of life
86. ตัวบาปและความบาป/sin person and sins
87. ร่างกายแห่งความตาย/the body of death
88. ร่างกายแห่งความชอบธรรม/the body of righteousness
89. ร่างกายแห่งชีวิต/the body of life
90. ร่างกายแห่งความบาป/the body of sin
91. ข่าวประเสริฐของพระเจ้า/the Gospel of God
92. ข่าวประเสริฐเรื่องความรอด/gospel of salvation
93. ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์/the gospel of Jesus Christ
94. ข่าวประเสริฐเรื่องไม้กางเขน/the gospel of the cross
95. ข่าวประเสริฐเรื่องสันติสุข/gospel of peace
96. ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักร/the gospel of the kingdom)
97. ข่าวประเสริฐเรื่องชีวิตนิรันดร์/the eternal gospel
98. ข่าวประเสริฐอื่น/the other gospel (กท 1:6–9)
99. พี่น้องจอมปลอม/false brothers
100. ข้อลึกลับของพระเจ้า/the mystery of God
101. ข้อลึกลับของพระคริสต์/the mystery of Christ
102. ข้อลึกลับแห่งอาณาจักรสวรรค์/the mystery of the kingdom
103. อะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้า/what is the will of God
104. นายแห่งความรอดกัปตันแห่งความรอดคืออะไร (ฮบ 2:10)/captain of faith
105. พระเยซูคริสต์ และพระคริสต์เยซู/Jesus Christ and Christ Jesus
106. พระเยซูในฐานะบุตรมนุษย์/Christ as the Son of man
107. พระเยซูในฐานะบุตรพระเจ้า/Christ as the Son of God
108. รู้และรู้จัก/two different of knowing
109. ต้นไม้แห่งชีวิตและต้นไม้แห่งรู้ดีรู้ชั่ว/tree of life and tree of knowledge of good and evil
110. ปุโรหิตหลวงของพระเจ้า/the priests of God
111. ยากจนในวิญญาณ คืออะไร (มธ 5:3)/poor in the spirit
112. ผู้ใดสร้างสันติ (มธ 5:9)/peacemaker
113. ผู้ใดโศกเศร้า (มธ 5:4)/mourn
114. ผู้ใดมีใจบริสุทธิ์ (มธ 5:8)/pour heart
115. ผู้ใดมีใจเมตตากรุณา (มธ 5:7)/merciful
116. ผู้ใดมีใจอ่อนสุภาพ (มธ 5:5)/meek
117. ผู้รับใช้/the servants
118. พระเจ้าอวยพรแล้ว/blessed
119. มานาที่เปิดเผย/the open manna
120. มานาที่ซ่อนไว้/the hidden manna
121. อาณาจักรของพระคริสต์ และอาณาจักรของพระบุตร/the kingdom of Christ and the
kingdom of the Son
122. อาณาจักรของพระเจ้า/the kingdom of God
123. อาณาจักรสวรรค์/the kingdom of Heaven
124. อาวุธของคริสเตียน/the Christian’s armor
125. ล้างเท้าคือล้างใจ/washing feet
126. นมัสการในความจริง/worship in truth
127. นมัสการในวิญญาณ/worship in spirit
128. การถวายของคนยิว/Jews offering
129. ทำทานช่วยเหลือการให้ของคริสเตียน/giving helping and offering of the Christian
130. การถวายของคริสเตียน/Christian offering
131. ของประทาน/the gifts
132. คริสตจักร/the church
133. คริสเตียนข่มเหงคริสเตียน/the carnal believers persecutes the spiritual believers
134. บาปที่จะไม่รอด หรือจะไม่มีการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป คืออะไร (ฮบ.10:26–29)/no longer sacrifice
135. สาวกและอัครสาวก/discipleand apostle
136. สิบลดและร้อยลด/one tenth and ten tenth
137. สวรรค์/heaven
138. ซาตาน/Satan
139. ความสว่างที่เอากระบุงครอบไว้ คืออะไร
140. ทูตสวรรค์หรือเทวดา/the angels
141. การทดลอง/temptation
142. นางมารีย์และนางมาธาร์สอนอะไรแก่เรา/Mary and Martha
143. ทะเลบึงไฟ/the lake of fire
144. บุตรน้อยหลงหาย แกะและเหรียญที่หลงหาย/the lost son the lamb and the coin
145. บาปที่นำไปสู่ความตาย/sin unto death
146. ไม่จำเป็นต้องกลับใจใหม่เหลือวิสัยที่จะกลับใจใหม่คืออะไร/no need to repent
147. ให้พวกเราสร้างมนุษย์/let us make man
148. พระกายของพระคริสต์/the body of Christ
149. พระฉายาของพระเจ้า/the image of God
150. การพิพากษาที่พระที่นั่งของพระคริสต์/the judgment seat of Christ
151. การพิพากษาที่พระบังลังค์ใหญ่สีขาว/the judgment great white throne
152. พระกายของพระเยซู/the body of Christ
153. พระเจ้าสามพระภาค/Elohim
154. มารทดลองพระเยซู/the temptation of the lord Jesus
155. การลงโทษตีสอนคริสเตียน/the punishment
156. หิวและกระหายความชอบธรรม/hunger and thirst after righteousness
157. อัครสาวก/the disciple
158. ร้อยลด
159. การรับขึ้น/the rapture
160. เกเฮนนา/gehena
161. เป็นหนึ่งในพระกาย/oneness in the body
162. เป็นหนึ่งในวิญญาณ/being one in the spirit
163. เมืองบรมสุขเกษม/paradise
164. แดนคนตาย/hades
165. การแต่งงานของคนยิว/the Jews wedding
166. บัพติสมาในไฟหรือจุ่มลงไปในไฟ/fire baptism