สำหรับความสว่างอย่างที่เราได้เข้าใจมาส่วนหนึ่งแล้ว ก็คือไม่ใช่แสงสว่าง แต่ความสว่างนี้จริงๆ แล้วยอห์นต้องการสื่อให้เรารู้ว่า โลกที่เสื่อมนี้เรียกว่าความมืด โลกที่ตกต่ำแล้วเรียกว่าอยู่ในความมืด และมนุษย์ทุกวันนี้ก็อยู่ในความมืด แล้วความมืดนี้เรียกว่าความไม่จริง สิ่งที่เราเห็นอยู่ ทุกอย่างที่เห็นอยู่ ที่เป็นอยู่ มันคือสิ่งที่ไม่จริง คือความไม่จริง
เราอาจจะสายตาดี มองเห็น หูได้ยิน แต่สิ่งที่เราได้ยิน คำพูดก็ไม่จริงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นความจริง ความสว่างเกิดขึ้นในโลกนี้ตอนที่อาดัมกับเอวายังไม่ได้ทำบาป เมื่อโลกตกต่ำ เมื่ออาดัมทำบาป ความมืด ความไม่จริงก็เกิดขึ้น
แล้วพระเจ้ารักมนุษย์จึงลงมาเพื่อที่จะนำความสว่างกลับมาสู่มนุษย์อีกครั้งหนึ่ง แล้วทุกวันนี้ความสว่างมาถึงแล้ว และโลกนี้มีความสว่างของพระเจ้าสองพันปีที่แล้วจนถึงทุกวันนี้
แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ศาสนาคริสต์ แล้วก็ทุกศาสนา โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ที่เขาบอกว่าพบความสว่างแล้ว จริงๆ แล้วเขายังไม่ได้พบความสว่าง เขาก็ยังอยู่ในความมืด เพราะว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ก็คือเรียกว่านับถือศาสนาคริสต์
...
ถามว่าทำไม ?
- เพราะว่าความสุขทุกวันยังไม่มี
- สันติสุขทุกวันยังไม่มี
- ชีวิตที่เต็มล้นด้วยพระคุณ ความหวังยังไม่มี
- ชื่นชมยินดีก็มีบ้างเป็นบางเวลา
ชีวิตที่อยู่ในความสว่างจริงๆ ก็คือ มีพลัง ไม่ท้อ มีสันติสุขอยู่ข้างในและมีความสุขอยู่ข้างนอก เป็นชีวิตที่ไม่ได้เป็นทุกข์ ไม่ได้กังวล ไม่ได้ก็วนกระวายอีกต่อไป แต่เราเห็นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ได้เป็นอย่างที่พระคัมภีร์พูดถึง
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่เราเข้าใจว่าตอนนี้ ความสว่างอยู่ในพระคริสต์ "อยู่ในพระคริสต์" ไม่ใช่อยู่ในอาดัม ไม่ใช่อยู่ในโลกนี้ที่สายตาเรามองเห็น "แต่อยู่ในพระคริสต์" "อยู่ในฝ่ายวิญญาณ" สิ่งเดียวที่เราจะเข้าไปสู่โลกพระคริสต์ที่เต็มล้นด้วยสันติสุข พระพร ความหวัง มีความสุข ปลง ปล่อย วาง กับโลกนี้ได้สิ่งเดียวก็คือ "เชื่อ"
ฮีบรู 11:1 บัดนี้ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
ในพระคริสต์ความสว่างนี้มองไม่เห็น เรามองไม่เห็น แต่เรา เชื่อ
พระเยซูบอกว่าสันติสุข เราให้เจ้าแล้ว เป็นน้ำแห่งชีวิตที่อยู่ในเจ้า เราบอกว่า เอเมน เราเชื่อ เราก็จะได้สัมผัสชีวิตที่เต็มล้นด้วยพลัง กระตือรือร้น ร้อนรน ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ ไม่ยึดกับโลกนี้ ก็คืออยู่ในพระคริสต์แล้ว เราเชื่อ เมื่อเราเชื่อเราก็จะได้เห็น
สิ่งเดียวที่เป็นกุญแจที่จะเข้าไปสู่โลกแห่งความสว่างของพระเจ้าได้ก็คือ "เชื่อ"
เราขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้หลายคนเข้าไปอยู่ในความสว่างนี้ และเห็นความสว่างนี้ และเข้าใจความสว่างนี้แล้ว
...
สรุป
เราขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าให้เราเข้าใจถึงความสว่าง ซึ่งมาก่อนผมเคยอ่าน แล้วพี่น้องหลายคนเคยอ่านยอห์นบทที่ 1
- ว่าความสว่างเข้ามาอยู่ในโลก
- พระเจ้าเป็นความสว่าง
เราไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจความหมาย แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเยซูที่เราเข้าใจแล้ว ว่าความสว่างไม่ใช่แสงสว่าง แล้วความสว่างจริงๆ ก็คือ
- เป็นความจริงที่อมตะ
- เป็นความเป็นจริงที่อมตะ
- เป็นสภาพที่อมตะ
ซึ่งทุกวันนี้โลกกลายเป็นความมืด ที่ไม่อมตะ ที่ตกต่ำที่เสื่อม และจะถูกทำลายไปอีกในไม่ช้า
เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้า เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เราได้อยู่ในความสว่างนี้แล้ว โดยพระคริสต์ที่เป็นคนนำเข้ามา
แต่คริสเตียนมากมาย ตั้งแต่สองพันปีก่อนจนถึงทุกวันนี้ คริสเตียนมากมายยังมาไม่ถึงความสว่างนี้ เขายังอยู่ในความมืดเขากลายเป็นศาสนาคริสต์ไปแล้ว
เพราะฉะนั้นเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องเหล่านี้ และเราก็เคยอยู่ในระบบศาสนามาแล้ว
ขอบพระคุณพระเจ้าที่นำเราออกมาสู่ความสว่าง และได้เห็นความสว่าง และเข้าใจความสว่างอย่างชัดเจน และเราตั้งแต่นี้ไป เราอยู่ในพระคริสต์ ก็คือ อยู่ในความสว่างนี่เอง ทุกสิ่งที่ดี พระพร พระคุณ ความหวัง สันติสุข ความรอด มีอยู่ในความสว่างนี้แล้ว
- คว้าเอาเลย ถ้าใครเป็นทุกข์อยู่ก็คว้าเอาสันติสุข
- ใครที่อ่อนแออยู่ ก็คว้าเอาพลังของพระเจ้า
คำว่า "เอเมน" คำว่า "เชื่อ" กลับมาอยู่ในพระคุณ กลับมาอยู่ในความสว่าง
มันไม่ได้ยาก คือเรามาโดยพระโลหิต มาทางพระโลหิต
พระเจ้าพร้อมที่จะต้อนรับเรา พระเจ้าพร้อมที่จะฟังคำอธิษฐานคำพูดของเรา เราสรรเสริญพระเยซู
...
ผมก็ 18 ปีที่อยู่ในความมืดทั้งๆ ที่มารู้จักพระเยซู พบพระเจ้าแล้ว 18 ปีอยู่ในความมืด แต่พอได้เข้าสู่พระคำล้ำลึกก็ได้เห็นความสว่าง แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคนละแบบ
- จากทุกข์มาก กลายเป็นทุกข์น้อย
- จากทุกข์น้อย กลายเป็นสันติสุขทุกเวลา
- จากเหนื่อย ท้อ บ่น เบื่อ ชอบระบายชอบไปพูดกับคนอื่น แต่ตอนนี้พูดกับพระเยซู ไม่เบื่อ ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย มีสันติสุข ไม่บ่น เป็นชีวิตที่อัศจรรย์มาก
อยู่ในความสว่างเป็นพระพร เป็นพระคุณ เป็นของขวัญยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าประทานให้เรา แล้วเป็นแผนการของพระเจ้า พระเจ้ากู้โลกโดยพระคริสต์นำความสว่างเข้ามาสองพันปีก่อน
แล้วทุกวันนี้ มีคนไม่มากที่ได้พบความสว่างนี้จริงๆ เราสรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเยซู
...
ถาม.
ทำได้ขนาดนี้ อาจารย์ นี่ถือว่าเป็นผู้ชนะหรือยังคะ
ตอบ.
ในด้านการฝึก ก็คือผมยังอยู่ในกระบวนการ ส่วนในด้านความเชื่อก็คือเราทุกคน ทุกคนขอให้เชื่อว่าเราเป็นผู้ชนะแล้ว แต่สำหรับเรื่องการปล่อยวางต่อชีวิต ต่อสิ่งของที่เป็นฝ่ายโลก แล้วก็ความทุกข์ ก็ขอบคุณพระเยซู ผมมาถึงจุดที่ไกลมากแล้ว ก็สรรเสริญพระเจ้าน่ะครับที่เมตตาผม
แล้วก็เราหลายคนก็จะมาถึงจุดนี้เหมือนกัน สิ่งที่จะทำให้เรามาถึงจุดนี้ไม่ยากครับ คือใช้เวลาฝึก ไม่ท้อ แค่นั้นเอง คือระยะทางที่เราเดินมันจะเจอ หลุม แล้วก็มรสุม แล้วก็ปัญหา ที่เข้ามา แดดร้อน แต่ไม่เป็นไรสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้มแข็ง จะช่วยให้เรามาถึงจุดที่พระเจ้าต้องการให้เรามาถึงได้
ขออย่างเดียวไม่ท้อ ห้ามท้อ