1. ข่าวประเสริฐไปถึงที่ใดการข่มเหงก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั่นเนื่องจากว่าซาตานต้องการกำจัดคริสเตียน
2. คริสเตียนไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นยิวและต่างชาติ แต่เป็นพระกายเดียว อวัยวะเดียวกันในพระคริสต์ เรากินอิ่มไปมาร่วมกันได้ในทุกเรื่อง
3. คำว่า คริสเตียนสมัยก่อนเอ่ยถึงผู้ที่ติดตามพระเยซูในด้านลบ แต่ทุกวันนี้คริสเตียนถูกใช้เพื่อเรียกผู้เชื่อในด้านบวกซึ่งก็คือไม่มีการดูถูกเหยียดหยามเหมือนสมัยสาวก
4. ของประทานในการทำนายมีจริงแต่ไม่ใช่ทุกคนมีและใช้ได้เฉพาะบางเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเท่านั้น เมื่อพระเจ้าใช้คนมาเตือนพระองค์ก็จะนำการช่วยเหลือมาสู่พวกเราด้วยเหมือนกัน
5. เมื่อพี่น้องผู้เชื่อด้วยกันพบความยากลำบากเราไม่ทิ้งกัน โดยเฉพาะในพระกายก่อน จากนั้นก็คนที่ไม่เชื่อ
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดเผยให้เราได้เห็นชัดเจน เข้าใจกระจ่าง เรื่องไม่มีผู้ใดชอบธรรม ไม่มีเลย ในโรมบทที่ 3 ข้อที่ 10 ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่าไม่มีคนที่ชอบธรรมสักคนเดียว ไม่ ไม่มีเลย นี่คือความชอบธรรมที่มาจากพระเจ้า ซึ่งถามว่ามนุษย์เป็นคนชอบธรรมไหม บางคนก็พยายาม บางคนก็ทำดีมากกว่าทำชั่วก็มีอยู่
แต่สิ่งเหล่านี้เรารู้แล้วว่า มานาที่ซ่อนไว้เปิดเผยโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือเราพบว่ามีความดีความชอบธรรมที่ตายแล้ว ทุกสิ่งที่มาจากอาดัม คือสิ่งที่มันตายแล้วพระเจ้ารับไม่ได้พระเจ้าไม่เอาเป็นเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่มีใครชอบธรรมสักคนเดียว ก็คือไม่มีใครที่มีความดีของพระเจ้าที่อยู่ในเขาและพระเจ้าเป็นคนกระทำเพื่อเขาแทนเขาไม่มีเลย
แต่ตอนนี้พอมาถึงยุคพระคุณ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ตอนนี้ทุกคนที่เชื่อเป็นคนชอบธรรม เราตอนนี้มีฐานะมีสถานะเป็นคนชอบธรรมแล้วมีแล้ว ซึ่ง ตรงข้ามกับโรมบทที่ 3 ข้อที่ 10 ในสมัยยุคพระบัญญัติและยุคบาป
แต่ตอนนี้ยุคพระคุณ ก็คือเราทุกคนที่เชื่อเป็นคนชอบธรรมแล้ว เอเมนสรรเสริญพระเยซู และเมื่อเราชอบธรรม เราก็ได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ และการดูแลฝ่ายร่างกาย ทุกสิ่งที่เป็นการใช้เพื่อดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ไม่ทิ้งเราและขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพวกเราทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายวิญญาณ
และเรื่องสัตว์ หรือว่าสัตว์ที่เป็นมลทินสัตว์ที่ไม่สะอาด ยุคพระบัญญัติก็คือพระเจ้าสั่งห้ามไม่ให้กินสัตว์หลายชนิดหลายประเภท แต่ตอนนี้พระเยซูตรัสว่ากินอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากก็คือสิ่งที่เป็นมลทิน เป็นสิ่งที่ Un Clean (สะอาด) หรือไม่สะอาด
เพราะฉะนั้นมาถึงยุคนี้อาจจะมีสัตว์บางชนิดที่เราเลือกกินได้ เนื่องจากว่าการเลี้ยงสัตว์ของคนยุคสมัยใหม่ ไม่เหมือนสมัยแต่ก่อน อย่างเช่นหมู ฟาร์มหมู ซึ่งแต่ก่อนก็คือหมูมัน ขอโทษนะ คือมันกินอุจจาระของมันเองและมันกินสิ่งที่สกปรก มันไปที่ไหนก็ได้คือไปทั่วแล้วก็ไปกินขยะกินอุจจาระกินอะไรก็แล้วแต่
แต่ทุกวันนี้ก็คือการเลี้ยงหมูการเลี้ยงสัตว์หลายชนิด คือเขาทำเน้นที่ความสะอาด ความสะอาด ความปลอดภัย เราจึงกินได้ เราไม่มีคำถามแล้ว เรากินได้ ยกเว้น ยกเว้นอะไรที่กินแล้ว คือมันรักษาไม่ได้เรื่องสุขภาพ มันช่วยไม่ได้เรื่องสุขภาพ มันจะทำลายสุขภาพเรา อย่างเช่นเลือด ทานเลือดอันนี้คือเปาโลจึงห้ามโดยพระวิญญาณ เพื่ออนาคตหลายคนชอบหลายคนจะกินหลายคนจะทำเป็นอาหารเมนูหลายชนิด
แต่คริสเตียนเราหลีกเลี่ยงได้เราควรหลีกเลี่ยง เพราะว่าน้ำที่เดือดพอเอาเลือดลงไปต้ม ปรากฏว่ามันมีพยาธิบางชนิด เชื่อไหมว่ามันตายไม่ได้มันไม่ตายมันโดนความร้อนที่ร้อนมากๆ จนน้ำเดือดก็ไม่ตาย นอกจากจะเอาไปเผา เพราะฉะนั้นเราหลีกเลี่ยงเลือดและหลีกเลี่ยงสัตว์บางชนิดที่ไม่ปลอดภัยเรื่องเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
ก็ขอบคุณพระเยซูที่กินอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่เราควรระมัดระวังมากกว่าการกิน คืออะไร คือคำพูด คือสิ่งที่ออกมาจากปาก คือสิ่งที่ออกมาจากใจ ที่จะทำให้พี่น้องเจ็บใจ เสียใจ น้อยใจ ท้อใจ หรือมีกำลังใจ หรือดีใจ หรือได้รับความอบอุ่น ได้รับความรัก การเสริมสร้างกันและกัน นี่คือประเด็นสำคัญที่เราควรจะตระหนักและคิดถึงมากกว่าเรื่องการกินสัตว์ต่างๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบคุณพระเจ้า เดี๋ยวนี้ปัจจุบันนี้เรามีสถานะใหม่ เราเป็นคนชอบธรรม การเป็นคนชอบธรรมได้รับผลประโยชน์มากมายจากพระเจ้า ได้กลายเป็นบุตรพระเจ้า ได้บังเกิดใหม่ ได้เป็นครอบครัวของพระเจ้า ได้เป็นลูกแห่งอาณาจักร ได้รับมรดกที่พระเยซูได้รับ ทุกสิ่งพระเยซูรับเราก็ได้รับเหมือนกัน และความรอดแน่นอนเราได้รับความรอด
และสิ่งที่มนุษย์ต้องการในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตายแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ สิ่งนั้นก็คือความสุข สรรเสริญพระเจ้าเมื่อเราเชื่อ เราได้รับการชำระให้กลายเป็นคนชอบธรรม เรามีสันติสุขมีความสุขที่มนุษย์ทุกคนแสวงหาแล้ว และจะมีตลอดไปชั่วนิรันดร์ ฮาเลลูยาสรรเสริญพระเจ้าเอเมน
...
ผมอยากจะขยายความสักนิดนึงเกี่ยวกับข้อที่ 1 ข่าวประเสริฐไปถึงที่ใดการข่มเหงก็ย่อมเกิดขึ้นที่นั่น สำหรับคริสเตียนเรา มีหลายคริสตจักร มีผู้นำหลายคนที่สอนว่า เมื่อเชื่อพระเจ้าชีวิตจะราบรื่น ซึ่งผมเองก็เคยสอนแบบนั้นมีความเชื่อแบบนั้น เนื่องจากได้รับคำสอนได้รับการเรียนรู้มาอย่างนั้น
แต่เราพบว่า เราขอบคุณพระเจ้าในหนังสือกิจการเป็นเรื่องราวของคริสเตียน ที่เผชิญกับทุกสิ่งที่เข้ามา และเราก็พบว่าปัญหาก็ตามมาด้วย เมื่อมีความเชื่อ เมื่อมีคริสเตียนแพร่ขยายมากมายอยู่ที่ไหน ภาษาอังกฤษที่ผมเคยได้ฟังและคนพูดใช้บ่อยมากที่อเมริกา ก็คือ do not Marry to the good Only ความหมายคืออะไร?
คืออย่าแต่งงานกับด้านดีด้านบวกสิ่งที่ดีเท่านั้น คือเราอย่าหวังว่าชีวิตคริสเตียนจะราบรื่นเหมือนที่เราเคยรู้เคยคิดเคยได้รับคำสอนมา เนื่องจากว่าพระเยซูตรัสเอง พระองค์ถูกข่มเหงและสาวกทุกคนก็คือพวกเรานี่แหละก็จะถูกข่มเหงด้วย เพียงแต่ว่าเราอยู่ภายใต้การดูแล การอนุญาตของพระเจ้าให้เกิดขึ้น และการปกปักรักษา และการช่วยเหลือ จากร้ายกลายเป็นดี หนักกลายเป็นเบา ยากกลายเป็นง่าย เมื่อเราอยู่ใต้ปีกของนกอินทรีย์ ก็คือของพระเยซู
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า เราขอบคุณพระเจ้า ไม่หวังไม่คาดหวังจะให้ชีวิตราบรื่นและดีไปตลอดกาล จะมีบ้างบางเวลาที่เราจะพบเจอเผชิญกับปัญหามรสุมชีวิตเข้ามา เนื่องจากว่าพระองค์ต้องการทดลองเราทดสอบเรา เพื่อทดสอบความเชื่อของเรา และเพื่อตีสอนเราเป็นบางครั้งเนื่องจากว่าเรายังอยู่ในเนื้อหนัง ยังทำบาปอยู่เป็นบางครั้งคราว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอบพระคุณสำหรับพระโลหิต ขอบพระคุณสำหรับพระเยซูที่เป็นผู้เลี้ยงที่ดีของเรา ซึ่งพระองค์ยกโทษและทำให้หนักเป็นเบาได้ และพระองค์ดูแลรักษาช่วยเหลือคุ้มครองปกปักรักษาเรา เอเมน
...
สำหรับข้อที่ 2 ก็คือ ทุกวันนี้คริสเตียนเรา เราจะเห็นคริสตจักรมากมายที่มีปัญหานี้ ก็คือการแบ่งแยก บางคริสตจักรรับเฉพาะอาจจะเป็นนักธุรกิจ บางคริสตจักรก็คือตาสีตาสา ก็คือคนธรรมดาทั่วไปที่เข้ามาแล้วรู้สึกดีฐานะก็ประมาณนั้นๆ ก็คืออยู่ด้วยกันสบายๆ ก็ได้
คือฐานะไหนก็จะแบ่งเป็นคริสตจักรที่มีฐานะนั้นๆ และคริสตจักรที่เป็นขอโทษนะเป็นเพศที่สามเขาก็จะอยู่ของเขา ไม่กล้ามาเข้ามามีส่วนร่วมกับคริสตจักรที่เป็นชายหญิง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่หนังสือกิจการเปิดเผยว่า พระเจ้าให้ผู้รับใช้ไปประกาศกับขันที พระเจ้าให้ผู้รับใช้ไปประกาศกับเพศที่สาม และพระเจ้าไม่เคยถือสาไม่เคยรังเกียจไม่เคยให้เราแบ่งแยกหรือเกลียดชังใคร ที่มีลักษณะในการเป็นเพศที่สาม หรือเป็นคนยากจน หรือเป็นคนที่ต่ำต้อย
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้เราไม่แบ่งแยก ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้เราเป็นยิวฝ่ายวิญญาณ เราไม่มีไทยลาว เราไม่มีฝรั่งอเมริกาจีน หรือชาติไหน แต่เราเป็นชาติเดียวของพระเจ้า ก็คืออิสราเอลฝ่ายวิญญาณ สรรเสริญพระเจ้า
และพระเจ้าน้ำพระทัยของพระองค์ ก็คือให้เราไม่แบ่งแยก แต่ปัญหาทุกวันนี้ซาตานทำให้คริสตจักรแบ่งแยก แตกเป็นกิ่งก้านสาขามากมายหลายคณะนิกายเป็นพันๆ
แต่ขอบคุณพระเยซูที่เราเป็นพระกายเที่ยงแท้ เราเป็นพระกายเดียว เป็นอวัยวะของพระเยซู ไม่มีชาติไหน ไม่มีฝรั่งลาวไทย แต่เราเป็นอิสราเอลเป็นยิวเป็นบุตรของอับราฮัมฝ่ายวิญญาณแล้ว ขอบคุณพระเจ้า
และอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นสำคัญมากที่เราจะพบบ่อยๆ ถ้าเราเคยร่วมหรือไปร่วมคริสตจักรเพนเทคอส หรือคริสตจักรเขาเรียกกันว่าคริสตจักรพระวิญญาณ กลุ่มพระวิญญาณ กลุ่มที่พูดภาษาแปลกๆ เราจะเห็นคนที่อวดอ้าง อวดว่าเขามีของประทานในการทำนายเยอะมาก เราเคยเห็น หรือเราบางคนในที่นี้ที่เคยร่วมกับคริสตจักรเพนเทคอสก็อาจจะเคยเป็น ผมคนหนึ่งเคยเป็นบางครั้งในสมัยก่อนขอสารภาพเลย ว่าทั้งๆ ที่พระเจ้าไม่เคยใช้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เคยให้ของประทาน
แต่ด้วยความที่ว่าอยากเด่นดังมั้ง อยากมีชื่อเสียงบ้าง อยากให้พี่น้องบางคนให้เกียรติเรา ก็เลยบอกว่า เนี่ยน่ะอนาคตเขาจะเป็นแบบนี้แบบนั้น คือทำนายเลย แล้วเราพบว่าทุกวันนี้คริสเตียนที่อยู่ในกลุ่มเพนเทคอสมากมายเขายังทำกันอยู่ ทั้งๆ ที่พระเจ้าไม่ได้ใช้ ทั้งๆ ที่ไม่มีของประทาน
เพราะฉะนั้นเราที่เป็นพี่น้องในคริสตจักรในกลุ่มที่รับพระคำล้ำลึกที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราหลีกเลี่ยงนะครับ เราหลีกเลี่ยง อย่าคิดนะครัย อย่าคิด หรืออย่าอวดอ้างว่าเรามีของประทานในการทำนาย หรือสังเกตวิญญาณ แต่ให้เราถ่อมใจจนถึงดิน และไม่พูดไม่อวดว่าเราเป็นอะไรมีอะไร จนถึงวันและเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ของประทานแก่เรา และเราก็พูดตามนั้นไม่พูดเพิ่มเติมเสริมแต่ง
แน่นอนที่สุดของประทานในการทำนายมีบางครั้งบางคราวบางเวลา นานๆ พระเจ้าจะใช้บางคนพูด แต่เขาก็จะพูดด้วยความที่แบบคือสั้นๆ ถ่อมใจ ไม่พยายามทำให้คนแบบยกย่องเขา ยกยอเขาขึ้น เอเมน
คือสำหรับพระเจ้าอวดตัวนิดนึงก็ไม่ได้ หยิ่งผยองพองตัวนิดเดียวพระเจ้าก็ไม่เอา ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ขัดแย้งกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ใจของพระเยซูไม่มีการอวดโอ้ การหยิ่งผยองพองตัว การอวดว่าเราเป็น เราคือ เราใหญ่ เราเก่ง เรารู้ เราอะไร ไม่...
แต่เราเป็นคนที่ไม่มีอะไรไม่มีค่าอะไร ผมขอบคุณพระเจ้า พระเจ้ากินคำพูดนี้ของพี่น้องหลายคนที่พูด ก็คือเราไม่มีค่าอะไรเลย แต่พระเจ้ายกเราขึ้น นี่คือการถ่อมตัวที่แท้จริง สรรเสริญพระเยซูเอเมน
และสุดท้ายก็คือเราไม่ทิ้งกัน พี่น้องผู้เชื่อพี่น้องคริสเตียนเมื่อเรามาอยู่ร่วมกัน สามัคคีธรรมร่วมกัน กินอาหารร่วมกัน รับการเสริมสร้าง ก่อกันขึ้นโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสิ่งหนึ่งที่เราขาดไม่ได้ก็คือเราช่วยกัน แต่เราช่วยกันตามขนาดของความเชื่อ ขนาดของความเชื่อเราได้เท่าไหน เราเชื่อ เราให้ เราช่วยเหลือพี่น้องตามที่เราไม่ฝืนใจไม่บังคับใจไม่เสียดาย และทำด้วยหัวใจที่รักพระเยซูและรักพี่น้อง และนี่คือร้อยลดมันมากกว่าสิบลดเลยน่ะ
เราไม่หักสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนที่เราได้มาแล้วให้พี่น้องให้คริสตจักร แต่เราให้ด้วยความไม่ฝืนใจ ด้วยความพอใจ เต็มใจ และด้วยหัวใจรักพระเยซูและรักพี่น้องที่เราให้เขา นี่แหละคือการถวายร้อยลดที่แท้จริง และบำเหน็จก็คือยัด สั่น แน่น พูน ล้น
ถาม.
ในกิจการบทที่ 9 อาจารย์เปาโลได้พยายามแนะนำ ไปสั่งสอนความรู้ฝ่ายวิญญาณ แล้วก็กิจการบทที่ 11 นี้เห็นว่าอาจารย์เปาโลก็ได้ปรากฏตัวและแสดงว่ากิจการบทที่ 11 อาจารย์เปาโลได้รับการสั่งสอนเรื่องฝ่ายวิญญาณแล้วใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับเหตุการณ์ที่เปาโลกับมาจากประเทศอาราเบีย 3 ปีกว่าที่ได้เรียนรู้ความจริงข่าวประเสริฐแห่งความจริงครบถ้วนบริบูรณ์จากพระเยซูเอง แล้วกลับมาเมื่อไหร่อันนี้ผมยังไม่แน่ใจต้องขอโทษด้วยนะครับ แล้วเดี๋ยวเราจะค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วยกันและขอการเปิดเผยโดยพระวิญญาณไปด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าตอนไหนนะครับ แต่เดี๋ยวอีกสักนิดนึง สักนิดนึงเราก็น่าจะได้รู้ครับผม
และสิ่งที่สำคัญถ้าหากพี่น้องอยากจะรู้ก่อน ก็คือขอให้สังเกตคำพูดของเปาโล คำพูดของเปาโลจะแบบคือไม่เกรงใจใคร ไม่เกรงใจใครและพูดตามตรงพูดแบบคือไม่ไว้หน้าใครอีก ขณะเปโตรที่เป็นสาวกที่ยิ่งใหญ่ เปาโลก็ยังไม่เกรงใจ แล้วก็ยังติเตือนเขาตำหนิเขาต่อหน้าทุกคนเลย นั่นคือเหตุการณ์ที่เปาโลกลับมาจากการได้เรียนรู้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว
ถาม.
เท่าที่ดูในหนังสือกิจการ อาจารย์เปาโลก็กล้าหาญที่จะประกาศเรื่องพระเยซูเท่านั้น แต่ว่าความรู้ฝ่ายวิญญาณที่เห็นในหนังสืออื่นๆ ก็ยังไม่เหมือนกันเพราะว่าอาจจะเป็นเริ่มแรกของการประกาศข่าวประเสริฐก็ได้ เอเมน
ตอบ.
เท่าที่ผมได้อ่านช่วงแรกๆ นะครับก็คือพอเปาโลกลับใจเชื่อต้อนรับพระเยซู แล้วกลายเป็นคริสเตียน และมาพบกับสาวกบางคน ซึ่งมียากอบ แล้วก็น่าจะมีเปโตรด้วยผมไม่แน่ใจ แล้วพวกสาวกเขาพูดเรื่องเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับคนต่างชาติหรือเรื่องการกิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดต่อพระบัญญัติเดิมผิดต่อธรรมเนียมกฎของชาวยิว ปรากฏว่าเปาโลก็อยู่ที่นั่นแล้วเปาโลยืนเงียบเฉยไม่ตอบโต้ไม่พูดอะไร ซึ่งตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะให้เกียรติอาจจะได้รู้พระคำล้ำลึกจากพระเยซูแล้ว แต่เขาน่าจะให้เกียรติมากกว่า หรือเขายังไม่รู้อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะครับ ซึ่งต่อไปอีกไม่นานเราจะได้รู้โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เอเมน
ถาม.
อยากจะถามว่าเวลาตาเรากระตุก เวลาเราอธิษฐาน เผื่อเขา ตาเราจะหยุดเต้นหยุดกระตุกนะคะ
ตอบ.
สำหรับเรื่องกระตุก เราเรียกกันว่าตากระตุกใช่ไหม มีพี่น้องคริสเตียนมากมายที่เข้าใจผิดคิดว่าอันนี้เป็นของศาสนาพุทธหรือศาสนาอื่นไม่เกี่ยวกับคริสเตียน อย่าไปคิดแบบนั้นนะครับ สำหรับเรื่องนี้นะครับการกระตุกอาการกระตุกของตาของคิ้วของแขนไหล่ขา มันจะมีทุกที่ บางครั้งก็ข้างขวา บางครั้งก็ข้างซ้าย อย่าไปเข้าใจผิดนะครับว่าเป็นเรื่องของศาสนาพุทธไม่นะครับ
อันนี้เป็นกฎของพระเจ้า อันนี้เป็นการกระทำของทูตสวรรค์ และอันนี้เป็นการกระทำของพระเจ้าที่ทำกับทุกคนในโลกนี้ ไม่ต่างไปจากการตอบแทนผลการทำดีทำชั่วของมนุษย์ในโลกนี้ พระเจ้าก็ตอบแทนเขา คือในโลกนี้นะครับอยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้า และโลกนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่พระเจ้าให้ทำให้เกิดกับมนุษย์ทุกคนทั้งเชื่อและไม่เชื่อ รวมถึงการกระตุกอาการกระตุกของร่างกายไม่ว่าจะเป็นตาคิ้วอะไรก็แล้วแต่ มันจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ บางครั้งเราอย่าประมาณและอย่าไปคิดว่าเป็นของศาสนาอื่น
อันนี้มาจากทูตสวรรค์ เราเชื่อกันแบบนั้น นอกเสียจากว่ามันจะมีบางช่วงที่เส้นประสาทหรือเขาเรียกกันว่าเส้นเอ็นมันอาจจะตึงจะเคร่งแล้วก็เกิดมีอาการตอบสนองอะไรบางอย่างแล้วทำให้มันกระตุกก็มีนะครับ แต่เป็นมาโดยทูตสวรรค์ก็มี ขอให้เข้าใจตรงนี้นะครับ เป็นมาโดยทูตสวรรค์ก็มีที่เขามาเตือนเรา
อันนี้นะครับผมเองก็เจอผมเองก็โดนผมเองก็เป็น ถึงแม้ว่าจะรับมานาที่ซ่อนไว้ รับพระคำล้ำลึก เข้าใจความจริงและขอบพระคุณพระเจ้าที่อยู่ภายใต้การดูแลปกปักรักษาของพระเจ้าเป็นอย่างดี ผมขอยืนยันเป็นอย่างดี แต่อาการกระตุกเนี่ยก็มี และเมื่อมีอาการกระตุกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็จะมีผลตามมามีสิ่งที่เกิดขึ้น กระตุกข้างขวาสิ่งที่ไม่ดีก็จะเกิด และกระตุกข้างซ้ายสิ่งที่ดีก็จะเกิด เป็นการเตือนเป็นการบอกให้รู้ล่วงหน้าของทูตสวรรค์
และถ้าหากเรา เราขอบคุณพระเยซู เราอธิษฐาน เราขอบคุณพระเยซู ขอให้ทุกสิ่งหนักเป็นเบา ร้ายเป็นดี พระเจ้าก็จะช่วย พระเจ้าก็อาจจะทำให้มันหายไปไม่เกิดขึ้นกับเราก็ได้ หรือเมื่อเราคิดจะเดินทางไปไหนที่ไหนเราอธิษฐานแล้วก็จริง แต่มีอาการกระตุกเกิดขึ้น ถ้าไม่มีเสียงของพระวิญญาณเตือน ห้ามไม่ให้ไป แต่มีอาการกระตุกเกิดขึ้น เราหยุดไปก่อนนะครับ เราหยุด เราไม่ไป
หรือเราจะทำอะไร แล้วปรากฏว่ามีอาการกระตุกข้างขวาเราก็ไม่ไป ไม่ทำ เราหยุดก่อน แล้วอธิษฐานนะครับ อธิษฐานขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ ขอให้หนักเป็นเบา ร้ายเป็นดี ยากเป็นง่าย เอเมนพระเยซูเท่านั้นนะครับ พระเจ้าก็จะช่วยเราครับ
สำหรับผมเมื่อก่อนผมก็เคยได้เรียนรู้นะครับคำสอนของคริสตจักรบางคริสตจักรที่ผมเคยไปร่วม เขาก็บอกว่าเป็นของศาสนาอื่นไม่เกี่ยวกับเรา เราไม่ได้นับถือศาสนาอื่นแต่ปรากฏว่าเรามีอาการเกิดขึ้นเมื่อไหร่นะครับ ปรากฏว่าสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นมันก็มา ผมบอกว่าไม่เชื่อ (ข้าพระองค์ไม่เชื่อ พระเจ้านี่คือของศาสนาอื่นข้าพระองค์ไม่เชื่อ) แต่มันก็มา ถ้ามาเราก็ต้องยอมรับว่าเป็นความจริงและเรารู้นะครับว่าตอนนี้ไม่ใช่ของศาสนาอื่นแต่เป็นของพระเจ้า
อย่างที่ผมพูดนะครับอันนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนาไหนมาจากพระเจ้าครับผม มาจากทูตสวรรค์ ไม่ว่าเราจะเป็นศาสนาพุทธหรือศาสนาคริสต์หรืออิสลาม มุสลิมอะไรก็ตาม ทุกคนในโลกนี้นะครับจะมีอาการกระตุกนี้และอาการกระตุกนี้เป็นมาโดยทูตสวรรค์และเป็นมาโดยพระเจ้าครับ
ถาม.
มีพี่น้องครอบครัวหนึ่งที่ไม่ค่อยมีฐานะแล้วเขาไปเหมือนกับซื้ออาหาร แต่ว่าเชื่อไว้ก่อน ก็คือยังไม่มีเงินจ่าย แล้วก็พี่น้องบางคนก็ไปบอกว่าอันนี้เป็นการกระทำที่ผิดน่ะ เนี่ยเห็นไหมพระเจ้าก็เลยลงโทษ คุณก็เลยป่วย อันนี้เราสรุปได้ไหมครับเพราะว่าจริงๆ การป่วยมันมีหลายสาเหตุ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้านะครับ พระเจ้าจะทำอะไรบางอย่าง เพื่ออาจจะตีสอนเรา เพื่ออาจจะทดสอบความเชื่อของเรา และในกรณีที่เราทำแบบนี้และเราเห็นผลที่เกิดขึ้น ก็น่าจะเชื่อว่าเป็นการตีสอนจากพระเจ้ามากกว่า
ขอรวมเรื่องกระตุกและเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเราทำอะไรโดยการเชื่อไม่เชื่อ การทำถูกตามน้ำพระทัย หรือไม่ถูกตามน้ำพระทัย ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า
คือสำหรับสิ่งที่เราทำนะครับและไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้า บางครั้งพระเจ้าก็นำการตีสอนมาเดี๋ยวนั้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้และเพื่อให้เรายอมรับว่าสิ่งที่เราทำอยู่เป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบพระทัย มันก็เกิดขึ้น และเรื่องการกระตุกคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่พระเจ้าใช้สิ่งนี้และหลายๆ สิ่งเพื่อเตือนเรา
เราจำกันได้นะครับการพูดคุยกับพระเจ้าที่พูดคุยกับเรา ไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะคำพูดเท่านั้น พระเจ้าไม่เพียงแต่สื่อสารกับเราเฉพาะด้านคำพูด พระเจ้าสื่อสารกับเราทั้งหลายเมื่อเราดูทีวี เมื่อเราใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อเราใช้โทรศัพท์มือถือ เมื่อเราเดินทาง เมื่อเราไปมาและเจอมีบางคนมาพูดมาคุยกับเรา ทุกสิ่งพระเจ้าจะใช้เพื่อสื่อสารกับเราขอให้เราเข้าใจตรงนี้ เอเมนนะครับ
เพราะว่าคริสเตียนทุกวันนี้รอคอยเฉพาะพระสุรเสียง อยากได้ยินพระสุรเสียง และคิดว่าเท่านั้นคือสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับเรา ไม่นะครับ พระเจ้าตรัสกับเราหลายๆ ทางทุกทางที่พระเจ้ามีวิธีหาวิธีที่จะคุยกับเราได้ และการกระตุกก็คือสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าใช้เพื่อเตือนเรา
ถาม.
ถ้างั้นกรณีนี้เราก็สรุปได้ว่าสำหรับคริสเตียนเรา ถึงแม้ว่าตอนนั้นเราอาจจะยังไม่มีเงิน เราก็ไม่ควรใช้วิธีไปซื้ออาหารโดยที่เชื่อไว้ก่อน คือยังไม่จ่ายเงินถูกไหมครับ
ตอบ.
เราจำกันได้นะครับว่าเปาโลบอกโดยพระวิญญาณ เปาโลกล่าวว่า อย่าเป็นหนี้ใคร ถ้าหากเราไปทำแบบนี้ก็เท่ากับเรากระทำผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าเรื่องการเป็นหนี้
สำหรับคริสเตียนบางคนนะครับเคยเป็นพยานว่าไม่มีเงินจะซื้อข้าวกิน แต่ก็อธิษฐาน ก็นั่งอธิษฐาน
“ขอบคุณพระเยซูที่ข้าพระองค์ไม่มีกิน แต่ข้าพระองค์ยังมีพระเยซู ขอบคุณที่ไม่มีกินแต่ท้องมันไม่มีอาการหิวเพราะว่าข้าพระองค์อธิษฐาน ข้าพระองค์อ่านพระคำพระเจ้า และกินพระคำของพระเจ้าเป็นอาหารแทน แล้วยิ้มขอบคุณพระเยซู”
รู้ไหมครับพี่น้องหลายคนที่ทำแบบนี้กันอยู่ เขาได้พบการอัศจรรย์ พระเจ้านำคนเอาอาหารมาให้ บางครั้งก็นำเงินมาให้ บางครั้งก็ช่วยเหลือโดยที่แบบคือไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นแต่เป็นการอัศจรรย์ พระเจ้าช่วยเหลือ ไม่ใช่ว่า เอเมนพระเยซูวันนี้ไม่มีข้าวกินไปเป็นหนี้ไปซื้ออาหารแล้วขอติดหนี้ไว้ก่อน อันนี้ไม่ใช่วิธีที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าครับผม
ถาม.
อยากทราบว่าเวลาที่พี่น้องพูดเรื่องของพระเยซู หรือเราคิดถึงพระเยซู ทำไมต้องขนลุกด้วยค่ะเป็นอาการที่ว่าขนลุกมาตลอดเลยค่ะ
ตอบ.
สำหรับสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับคริสเตียนที่มีพระวิญญาณที่พระวิญญาณทรงนำให้พูดกับเรา ให้เผยพระวจนะ หรือให้มาประกาศ มาหนุนใจเรา อาการขนลุกเป็นมาโดยพระวิญญาณที่กระทำกิจอยู่ภายในเราครับ สำหรับบางคนมีอาการขนลุก มีบางคนรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มีบางคนรู้สึกร้อนๆ เย็นๆ มีบางคนรู้สึกว่าพระเจ้ามีใครสักคนหนึ่งมีใครบางคนที่แตะเขา อาจจะแตะที่ไหล่ อาจจะแตะที่ศีรษะ คือพระเจ้าต้องการให้เรารู้ว่าพระองค์อยู่ที่นั่นกับเราและพระองค์ปลอบประโลมเรา และพระองค์รักเรา พระองค์ต้องการจะสำแดงให้เรารู้
ถาม.
แต่ของดิฉันเป็นแบบแตะๆ แล้วแบบมีความรู้สึกว่าสบาย สบายมากเลยค่ะ สบายตัว เป็นอะไรที่แบบน้ำตาก็จะลืมไหลด้วยค่ะ
ตอบ.
นี่คือการกระทำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในเราครับ
ถาม.
ไม่แปลกนะคะ
ตอบ.
ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ สำหรับคริสเตียนใหม่ สำหรับคริสเตียนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาเชื่อ ก็คือได้เห็นการอัศจรรย์ ได้เห็นการสัมผัสของพระเจ้า ก็จะร้องไห้ตื่นเต้นดีใจ มันเป็นเรื่องใหม่เรื่องแปลกสำหรับเขา
แต่สำหรับคริสเตียนที่อยู่นานเชื่อนานได้มีประสบการณ์เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะคริสเตียนฝ่ายวิญญาณพี่น้องที่รับมานาฯ ได้เห็นการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ เหมือนพายุที่อยู่ในห้อง ขณะนั้นเขายังนิ่งเฉยไม่ไปสนใจสิ่งนั้น แต่สิ่งที่เขาสนใจก็คือ “เอเมนรักพระเยซู เอเมนพระเยซู” อยู่ตรงนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสิ่งอื่นใด
คือเราไม่ใส่ใจที่การอัศจรรย์ เราไม่ใส่ใจที่การมาลูบเราแตะเราปลอบประโลมเรา หรือทำให้เราร้องไห้หัวเราะ ยิ้มอะไรก็แล้วแต่ เต็มด้วยสันติสุขก็ตาม เราอาจจะปลื้มเราอาจจะชื่นชมยินดีเราอาจจะร้องไห้นิดนึง แต่ไม่แสดงอาการที่มันทำให้พี่น้องออกจากการเสียสมาธิออกจากการเสียการสามัคคีธรรมระหว่างเขากับพระเจ้าครับ เอเมน
สำหรับพี่น้องที่อยากจะอยู่ในประสบการณ์ชีวิตสวรรค์บนดิน อยากอยู่ภายใต้การสัมผัสการแตะการปลอบประโลม การแสดงให้รู้ว่าพระองค์อยู่ใกล้เรา อยู่กับเราอยู่ในเราเสมอทุกวันทุกเวลา เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ ในวันนี้ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ใส่ไว้ในกิจการบทที่ 11 ข้อที่ 23 ผู้ซึ่ง “เมื่อท่านมาถึงแล้ว และได้เห็นพระคุณของพระเจ้า ก็ชื่นชมยินดี และได้เตือนสติพวกเขาทุกคนว่า ให้พวกเขาตั้งใจว่าจะติดสนิทอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า”
นี่นะครับคือสิ่งที่เราจะได้รับการสัมผัสการอัศจรรย์ การเห็นการปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือคุ้มครองเลี้ยงดูทุกสิ่ง สัมผัสความรักของพระองค์จนร้องไห้ จนยิ้มจนหัวเราะเต็มด้วยใจที่เย็นสบายและมีสันติสุขเป็นสวรรค์บนดินทุกวัน ก็คือตรงนี้ “ติดสนิท อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็คือสนิทในพระเยซู” เอเมนขอบคุณพระเยซู
ถาม.
ถ้าเสียงพระวิญญาณบอกเราว่า (เราให้เจ้าเป็นตัวหนังสือของเราให้คนอื่นได้อ่าน) อาจารย์อธิบายพระคัมภีร์ให้หน่อยค่ะ
ตอบ.
ก็คือเราแบ่งปันข่าวประเสริฐ เราแบ่งปันพระวจนะ เราแบ่งปันพระคำล้ำลึก เราแบ่งปันถ้อยคำความจริงที่เป็นมาโดยพระวิญญาณที่พระเจ้าสอนเราสั่งเรานำเราได้เรียนรู้สะสมมาจนถึงทุกวันนี้ เราก็แบ่งปันไปสู่พี่น้อง
และอย่าลืมนะครับอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุด เราเป็นตัวหนังสือก็คือ การสำแดงชีวิตที่ออกมาโดย คือการใช้ชีวิตเพื่อสำแดงพระเจ้า สำแดงทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสที่เป็นตัวหนังสือ
ถาม.
ก็คือให้คนอื่นเห็นพระเจ้าในเราเหรอค่ะ ที่พระคัมภีร์บอกว่าให้คนอื่นได้อ่าน
ตอบ.
ให้คนอื่นได้อ่าน ได้ยินครับ ได้เห็นเรา ได้กินเรา ได้ฟังเรา ได้เรียนรู้จากเรา ได้รับทุกสิ่งที่เป็นมาโดยพระเจ้าผ่านเราครับ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนเป็น เป็นหนังสือของพระเจ้า เป็นถ้อยคำของพระเจ้า เป็นการสำแดงชีวิตของพระเยซูผ่านเราทุกคน ให้โลกได้เห็น ให้พี่น้องผู้เชื่อด้วยกันได้เห็น
สรุปแล้วคำถามที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือทุกวันนี้เราเป็นหนังสือเล่มไหนให้โลกได้อ่านเรา ให้พี่น้องคริสเตียนและให้คนในครอบครัวและให้คนที่เรารู้จักคนที่ไม่เชื่อได้อ่านเรา เราเป็นหนังสือเล่มไหนครับ (ไม่ตอบก็ได้) เราไปอธิษฐานแล้วก็บอกว่า
“พระเยซูขอชำระข้าพระองค์จากหนังสือผ่านๆ มาที่ข้าพระองค์เป็น ขอให้ข้าพระองค์เป็นตัวอักษรเป็นตัวหนังสือเป็นหนังสือที่ให้โลกให้พี่น้องให้ทุกคนได้อ่านแล้วได้รับการเสริมสร้างได้ผลประโยชน์ได้รับความรอดได้รับพระพร ทุกสิ่งที่เป็นมาโดยพระองค์ เอเมน”
พระเจ้าก็จะเปลี่ยนเราครับ
“ 2 โครินธ์ 3:2-5
2 ท่านเองเป็นหนังสือของเราจารึกไว้ที่ดวงใจของเรา ให้คนทั้งปวงได้รู้และได้อ่าน
3 ท่านปรากฏเป็นหนังสือของพระคริสต์ซึ่งเราเป็นผู้ปรนนิบัติ และได้เขียนไว้ มิใช่ด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ แและมิได้เขียนไว้ที่แผ่นศิลา แต่เขียนไว้ที่แผ่นดวงใจมนุษย์
4 และเรามีความไว้ใจในพระเจ้าโดยพระคริสต์อย่างนั้น
5 มิใช่เราจะคิดถือว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดจากความสามารถของเราเอง แต่ว่าความสามารถของเรามาจากพระเจ้า ”
ถาม.
เราเป็นตัวหนังสือของพระคริสต์ แสดงว่าทุกอย่างพระคัมภีร์จบที่ข้อนี้ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
แน่นอนครับพระเจ้าต้องการให้เรา หัวใจของพระเยซูทุกวันนี้ก็คือ จุดสุดยอดของชีวิตของเราที่พระเจ้าต้องการให้เป็นก็คือ การสำแดงชีวิตของพระเจ้าออกมาผ่านเรา ก็คือการเป็นตัวหนังสือเป็นถ้อยคำของพระเจ้าเป็นทุกสิ่งของพระเจ้า ที่ให้มันเกิดขึ้นอยู่ภายในชีวิตของเราผ่านชีวิตของเรา
ถาม.
เพิ่งออกมาจากโบสถ์เก่าได้ 4 อาทิตย์นี้ แล้วจำเป็นไหมค่ะที่ว่า ขนมปังกับน้ำองุ่น ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
ตอบ.
การทำมหาสนิทร่วมกับพี่น้องในคริสตจักร ขอพูดตามตรงเลยนะครับว่าทุกวันนี้คริสตจักรมากมายที่ทำมหาสนิท ทำอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธี และอยู่ในการตีสอนของพระเจ้า
ถามว่าทำไมผมถึงพูดแบบนี้ การทำมหาสนิทของพี่น้องในคริสตจักรมากมายทุกวันนี้เขาทำเพื่อระลึกถึงการสิ้นพระชนม์การวายพระชนม์ของพระเยซูถูกไหมครับ และกินขนมปังระลึกถึงการแตกสลายของร่างกายของพระเยซูบนกางเขน ดื่มน้ำองุ่นเหล้าองุ่นก็คือเพื่อระลึกถึงพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งไหลบนกางเขนถูกไหมครับ นี่คือเป้าหมายของคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ที่ทำมาหาสนิท
แต่จริงๆ แล้ว เป้าหมายของการทำหาสนิทพระเยซูสั่งไว้ให้เราทำ คืออะไรครับ ผมเชื่อว่าพี่น้องหลายคนจำได้ เป้าหมายของมหาสนิทคืออะไรครับ (จดจำพระเยซู) เอเมน
พระเยซูตรัสว่ายังไงครับ เมื่อพระองค์หักขนมปังและแจกให้สาวกทุกคน และเมื่อพระองค์เอาน้ำองุ่นเอาเหล้าองุ่นแจกให้ทุกคนดื่ม พระเยซูตรัสว่า จงทำสิ่งนี้เพื่อจดจำเรา เพื่อจำเรา นี่คือภาษากรีกและภาษาอังกฤษ “Do this to remember me” remember เรารู้นะครับว่า remember ถามว่าทำไมพระเยซูตรัสว่า “Do this to remember me” จงทำสิ่งนี้ จงทำมหาสนิททุกครั้งที่พวกท่านร่วมกัน จงทำสิ่งนี้เพื่อจดจำเรา เพราะว่าอีกไม่นานเมื่อพวกท่านออกจากคริสตจักรพวกท่านก็จะลืมเรา ผมพูดถูกไหมครับ แม้แต่พี่น้องคริสเตียนที่รับมานาฯ ก็เหมือนกัน
แต่ขอบคุณพระเจ้านะครับ คือเรามีจุดอ่อนแล้วก็เราคือเข้ามาหาพระเยซูอยู่ในพระเยซูจดจำพระเยซูได้มากกว่าสมัยที่เป็นคริสเตียนศาสนา ใช่ไหมครับ ตอนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนา เราไปโบสถ์เรานมัสการพระเจ้า พอออกจากคริสตจักรไปลานจอดรถแล้วก็ขึ้นรถไปปรากฏว่าเราเปิดเพลงอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เพลงคริสเตียน ปรากฏว่าเราพูดคุยกับภรรยา หรือลูก สามี ไม่รู้ว่าจะเป็นพูดเรื่องอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความเชื่อ เรื่องฝ่ายวิญญาณ เรื่องการเสริมสร้าง เรื่องความรักในพระคริสต์เลย มันจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ใช่ไหม แสดงว่าเราลืมพระเยซูไปแล้วขณะที่เราออกจากคริสตจักร
เพราะฉะนั้นการทำมหาสนิทของคริสตจักรมากมายทุกวันนี้ ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าและทำโดยไม่ถูกต้อง การทำมหาสนิทที่ถูกต้องก็คือ ทำแล้วเราไม่ลืมพระเยซู ออกจากคริสตจักรเราขับรถกลับบ้าน เราทำกับข้าว เราไปซื้อกับข้าว เราไปทำงาน เราจะนอน เราจะอาบน้ำ เราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ตื่นนอนตอนเช้าไม่ลืมพระเยซู เราจดจำพระเยซู นี่คือการทำมหาสนิทที่ถูกต้อง
แล้วถามว่าถ้าเราออกจากคริสตจักรไม่ได้ทำมา 2 อาทิตย์แล้ว 2 สัปดาห์แล้ว ผิดไหม? ไม่ผิดครับ เพราะว่าเขาทำผิดมาตั้งแต่แรกเขาทำไม่ถูกมาตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเราออกมาและเราไม่ได้ร่วมทำกับเขาไม่ผิดนะครับ
การทำหาสนิทที่ถูกต้อง ก็คือการกินดื่มน้ำองุ่นและขนมปัง โดยที่เราจดจำได้เสมอทุกวันทุกเวลาว่าพระเยซูอยู่กับเรา ไปกับเรา มากับเรา กินกับเรา นอนกับเรา ทุกเวลาพระเยซูอยู่กับเรา 24 ชั่วโมง 7 วัน นี่คือการทำมหาสนิทที่แท้จริง เอเมน
ถาม.
อาจารย์ค่ะแล้วถ้าแบบเรื่องมหาสนิท ถ้าแบบว่าคือเราตั้งใจว่าเราจะเตรียมน้ำองุ่นขนมปังไปร่วมกินกับพี่น้อง แต่ว่าเราทำอย่างอื่นแล้วลืมขนมปังกับน้ำองุ่น แต่พอจะกินน้ำองุ่นหักขนมปังกับไม่มี แต่เรามาคิดว่าเรากินข้าวแทนแบบนี้ได้ไหมค่ะ
ตอบ.
ถ้าจะพูดแล้วนะครับสำหรับชาวยิวสมัยก่อน หรือสมัยสาวกเวลาเขาจะกินข้าว ก็คือขนมปัง ก็คือยิวเขามีขนมปังเป็นแผ่นที่ใช้กินเป็นข้าวกินแทนข้าว ยิวไม่ได้กินข้าวน่ะ เขากินขนมปังที่เป็นเเผ่นกลมๆ ทำจากน่าจะข้าวโพดข้าวสาลี แต่เป็นแป้งนะครับ เป็นแป้งที่เขาปิ้งให้มันสุกแล้วก็กินกับเนื้อแกะบ้างเนื้อวัวบ้างเนื้ออะไรก็แล้วแต่ นี่คืออาหารประจำวันของเขา
ตอนนั้นวันที่พระเยซูและสาวกอยู่ร่วมกัน ก็คือรับประทานอาหารมื้อเย็นและพระองค์เอาขนมปังมา ก็คือขนมปังก็คือข้าวนั่นแหละ เปรียบเสมือนข้าวนั่นแหละ เอามาแล้วก็หักให้สาวกแล้วก็แจกให้สาวกกิน แล้วบอกว่า นี่คือร่างกายของเรา
แล้วทีนี้ถ้าหากว่าเราไม่ทำเป็นแผ่นกลมๆ ไม่ทำขนมปังจะผิดไหมถ้าเราจะกินข้าวแทน สำหรับผมนะครับสำหรับผม ผมขอบคุณพระเจ้าการรับประทานอาหารมื้อเย็นของพระเยซูในวันนั้น และเป็นประเพณีเป็นวัฒนธรรมเป็นการกินอาหารที่ไม่เหมือนพวกเราที่เป็นคนไทยคนลาวเป็นคนชาติอื่นที่เรากินข้าว เราน่าจะทำได้นะครับ
แต่รู้ไหมครับว่าประเด็นที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องอาหาร บางคนยังถกเถียงกันเลยว่าจะเอาแป้งชนิดไหนไร้เชื้อหรือว่าไม่มีเชื้อหรือว่ามีเชื้อได้ หรือจะเอาน้ำองุ่นที่เป็นเหล้าองุ่นเลยดีไหมที่มีแอลกอฮอล์ เพราะว่าสมัยก่อนชาวยิวกินเหล้าองุ่นต้องมีแอลกอฮอล์ประมาณซัก 2-3 เปอร์เซ็นต์
แต่ทุกวันนี้ก็คือการกินน้ำองุ่นของคริสตจักรทั่วไป ทุกวันนี้ก็คือไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับผม ผมได้เรียนรู้สิ่งหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือคำพูดของพระเยซูที่พระองค์ตรัสว่า “จงกระทำสิ่งนี้ ก็คือจงกินร่วมกัน เพื่อจดจำเรา” นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำมหาสนิท เราไม่มีคำถามมากมายเรื่องเกี่ยวกับว่าจะทำอาหารแบบไหน เป็นแป้งหรือว่าเป็นข้าวหรือว่าทำอะไร หรือว่าน้ำองุ่นจะเอาแบบไหนเป็นเหล้าองุ่นเลยดีไหมหรือเอาน้ำแดงหรือเอาน้ำอะไรมาแทนที่ได้ไหม สิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญนะครับ
สิ่งที่สำคัญก็คือ เรายังจำพระเยซูกันอยู่ไหมตอนที่เราออกจากคริสตจักรและออกมาใช้ชีวิตประจำวันของเรา เรายังจำว่าพระเยซูอยู่ในเราอยู่กับเราทุกวันทุกเวลาได้ไหม นี่คือหัวใจของมหาสนิท เอเมนไหมครับ
สำหรับพวกเราที่ร่วมสามัคคีธรรมในฝ่ายวิญญาณในพระวิญญาณในออนไลน์ เราไม่ได้ทำมหาสนิทใช่ไหมครับ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าการทำมหาสนิทของพวกเราก็คือ เราเชื่อว่าเราทำในฝ่ายวิญญาณ ก็คือจดจำพระเยซู และเรากินอาหารก็คือกินถ้อยคำของพระเยซูในขณะนี้ ดื่มพระเยซูเป็นสันติสุขของพวกเรา เอเมน
ถาม.
เวลาเราอธิษฐานวางมือคนเจ็บคนป่วยก็ดี เราวางมือเขาได้ไหมค่ะ เพราะว่ามีบางท่านมีพี่น้องบางท่านในมานาฯ บอกว่าไม่จำเป็นต้องวางมือ พูดเอาเฉยๆ ก็ได้ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ปกติสำหรับการรักษาโรค เราเห็นว่าสาวกทั้งหลายในพระคัมภีร์เมื่อไปเยี่ยมเยียนใคร และเห็นคนป่วยนะครับเขาก็วางมืออธิษฐานแล้วก็ขอการรักษาจากพระเจ้า พระเจ้าก็รักษาให้หาย
เราจะใช้คำว่า ไม่จำเป็นต้องวางมือ อันนี้ผมขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่ครับ สาวกเขาทำเราทำครับผม ในพระคัมภีร์สาวกทำอะไรเราก็ทำสิ่งนั้น นอกจากว่าเราอยู่ไกลไม่สะดวกไปหาเราอธิษฐานเผื่ออันนั้นเราวางมือไม่ได้ก็ไม่วางมือครับ
แต่เมื่อเราอยู่ใกล้ๆ เราไปใกล้เขาไปหาเขาจนถึงที่เราควรจะวางมือครับ และผมหวังว่าพี่น้องที่พูดว่าไม่ควรวางมืออันนี้น่าจะอยู่ที่นี่ใช่ไหม เขาอาจจะมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขาเชื่อว่าพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจพระเจ้าทรงฤทธิ์พระองค์สามารถกระทำทุกสิ่งได้โดยไม่ต้องผ่านการวางมือของเรา ก็ใช่ก็จริงครับพระเจ้าทำได้ จะวางมือก็ได้ไม่วางมือก็ได้ แต่ที่สำคัญนะครับสาวกทำอะไรเราก็ทำแบบนั้น และพระเยซูเมื่อพระองค์รักษาโรคพระองค์ก็วางมือ พระเจ้าเป็นแบบอย่างของพวกเราใช่ไหม เราก็วางมือครับผม
ถาม.
ขออนุญาตถามค่ะเรื่องการวางมือรักษาผู้ป่วย คือสมมุติว่าเราอยู่ไกลกัน เราสามัคคีธรรมกันในออนไลน์ แล้วก็มีพี่น้องบอกว่าปวดหลังหรือป่วยตรงนี้ตรงนั้น เราก็บอกว่าเอามือไปวางแล้วเราก็ช่วยกันอธิษฐานร่วมกันอยู่ที่นี่ แล้วให้คนป่วยหรือคนไม่ป่วยที่อยู่ข้างๆ คนป่วยวางมือ แล้วเราก็ร่วมใจกันอธิษฐานอย่างนี้ก็ได้ใช่ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนที่อยู่ใกล้คนป่วยวางมือได้ และเราที่อยู่ไกลเราร่วมอธิษฐานในวิญญาณในพระวิญญาณและอธิษฐานเผื่อเขาเราทำได้ครับ
สำหรับผมนะครับคือตลอดชีวิตของการเป็นคริสเตียนและเป็นผู้รับใช้ และขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เมตตาสงสารที่ใช้ผมให้เมื่อก่อนมีของประทานในการรักษาโรค และทุกครั้งที่ผมจะไปรักษาโรค ผมขอบพระคุณพระเจ้า และผมขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ การงานของพระองค์ก็สำเร็จ ก็คือไปถึงปุ๊บก็วางมือ
แล้วบางคนอาจจะถามว่าจะวางมือตรงไหนดีวางที่ศีรษะหรือว่าวางที่ไหล่หรือว่าวางที่ไหน หรือวางที่ที่เขาเจ็บป่วย จำเป็นไหมต้องวางตรงที่เขาเจ็บเขาป่วย ปกตินะครับเราวางที่ศีรษะก็ได้วางที่ไหล่ก็ได้ถ้าเป็นคนที่เห็นว่ามีอายุเยอะกว่าเราและเราเห็นว่าเราคือมีอายุน้อยกว่า หรือเราให้ความเคารพรักเขาเราก็วางมือที่ไหล่เขาก็ได้ คือวางที่ที่เหมาะสมนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการงานของพระเจ้าพระองค์จะทำผ่านการวางมือของเราครับ
ถาม.
อยากให้อาจารย์อธิษฐานเผื่อจีนด้วยค่ะ เพราะว่าจีนก็ออกโรงพยาบาลมาได้ 3 วันที่เป็นริดสีดวงเลือดไหล ทีนี้กลับมาอยู่บ้าน 3 วันมันก็หยุดไหล แต่ตอนเช้านี้มันก็เริ่มไหลอีกแล้วค่ะ ขอบคุณพระเยซู
ตอบ.
เอเมนเรามีห้าสิบกว่าคนในกลุ่มนี้และน่าจะมีมากกว่านั้นที่นั่งฟังร่วมกัน ขอบพระคุณพระเยซูสำหรับความรักของพระองค์ ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ได้แบกเอาความเจ็บไข้ของพวกเราทั้งหลายไปที่กางเขน และขอบพระคุณพระเยซูความเจ็บไข้เป็นสิ่งชั่วคราวเป็นเงาเป็นสิ่งที่ไม่จริง และเป็นสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งอาดัมฝ่ายเนื้อหนัง
แต่พวกเราทุกวันนี้เป็นมนุษย์วิญญาณเป็นบุตรของพระเจ้า และเราห้าสิบกว่าคนเราขอบพระคุณพระองค์ และเราอธิษฐานเผื่อน้องจีน และพี่น้องอีกหลายคนที่เจ็บป่วยไข้ มีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ เราขอบพระคุณพระเยซูและขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ ขอพระองค์แตะทุกๆ คนและทุกคนจะหายดีในพระนามพระเยซู เอเมน
ถาม.
เราเดินในมานาฯ เนี่ย เราสั่งในพระนามพระเยซูได้ไหมค่ะ สมมุติเราปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้เราป่วยและเราสั่งในพระนามพระเยซูได้ไหมค่ะ
ตอบ.
มีสองสิ่งที่เราทำได้ อันแรกก็คือ สั่งได้ และอันที่ 2 ก็คือขอบคุณพระเยซู
“พระเยซูขอบพระคุณที่พระองค์รักษาข้าพระองค์ พระเยซูข้าพระองค์ตอนนี้ไม่สบาย ขอบพระคุณที่พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์” อีกครั้งนะครับ ขอบพระคุณที่หนังสือมัทธิวบทที่ 8 ที่พระองค์ตรัสว่า พระองค์ได้แบกเอาความเจ็บไข้ของข้าพระองค์ไปแล้ว
เพราะฉะนั้น “ข้าพระองค์ไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดอยู่ทุกวันนี้ มันเป็นฝ่ายเนื้อหนังเป็นฝ่ายโลกนี้ แต่ข้าพระองค์เป็นฝ่ายวิญญาณอยู่ในพระวิญญาณอยู่ในพระองค์แล้ว ขอบพระคุณที่พระองค์รักษาให้หายแล้ว เอเมน”
ด้วยความมั่นใจนะครับ คำว่า เอเมนให้หนักแน่นนะครับ แล้วก็เราเชื่อตายใจว่าพระองค์จะรักษา แน่นอนการอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้น หรือบางครั้งเราพูดได้นัครับในพระนามพระเยซูให้อาการเจ็บไข้นี้หายไป เอเมน ก็คือการเราเชื่อวางใจในพระเยซูและเราใช้อำนาจของพระเจ้าที่ผ่านเราที่อยู่ในเรา เอเมน
เราสรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญพระบิดา และสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์ สรรเสริญพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์กระทำกิจของพระองค์ท่ามกลางพระกายนี้ เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์รักพวกเราเป็นพิเศษ เลือกพวกเรามาเป็นมนุษย์วิญญาณเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นบุคคลที่พิเศษ เราทุกคนพระเยซูนำเรามาสู่การเปิดตา แน่นอนการดูแลการปกปักรักษาการช่วยเหลือการตอบคำอธิษฐานก็จะมีมากกว่าใคร และพระองค์จะสัมผัสพระองค์จะปลอบประโลมพวกเรา พระเยซูพวกเรารักพระองค์ที่อยู่ท่ามกลางพวกเรา เอเมน
ถาม.
ยุคพระคุณก็คือเราเชื่อเท่านั้นเราก็รอดแล้ว แต่ถ้าเป็นยุคพระบัญญัติเราต้องรักษาพระบัญญัติให้ได้ครบถึงจะได้รอด แต่ในพระคัมภีร์บอกว่าไม่มีผู้ใดสักคนที่รักษาพระบัญญัติได้เลย แล้วในยุคพระบัญญัตินี้เขาจะรอดยังไงครับ
ตอบ.
สำหรับยุคพระบัญญัติถ้าหากมีคนที่จะรอด ก็คือแน่นอนที่สุดครับชาติเดียวในโลกนี้ในยุคพระบัญญัติที่จะรอดก็คือชาวยิว และมีคนอีกบางคนอีกบางคนที่เชื่อพระเจ้าที่พระเจ้าเลือกเขาโดยที่ไม่ใช่ชาวยิว เขารักษาพระบัญญัติของพระเจ้าเขาใช้ชีวิตที่เป็นคนดีพยายามทำดีให้ดีที่สุดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และเมื่อเขาผิดพลาดเขารักษาไม่ครบ เขาจะทำยังไง ในพระคัมภีร์บอกว่าต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาป
คือเป็นแบบนี้ถ้าหากว่ามีพระบัญญัติ 10 ข้อ 10 ประการเขารักษาได้ 9 ประการ 9 ข้อ แล้วเหลืออีกข้อเดียวที่ทำไม่ได้ เขาก็ต้องนำสัตว์มาที่พระวิหารหรือนำอะไรก็แล้วแต่ที่เท่ากับความผิดของเขาที่ถูกกำหนดไว้ และนำมาที่พระวิหารเพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาป แล้วหลังจากนั้นพระเจ้าก็จะยกโทษให้เขา แล้วกลับไปเริ่มใหม่ และเมื่อทำผิดอีกก็ต้องกลับมาใหม่พร้อมกับสัตว์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เท่ากับความบาปที่เขาทำอยู่ จากนั้นก็ถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีก แล้วก็กลับไปเริ่มต้นใหม่อีก
ในหนังสือยากอบ บทที่ 2 ข้อที่ 10 การรักษาพระบัญญัติต้องรักษาให้ครบ 10 ข้อ ถ้าทำได้ 9 ข้อแล้วผิดข้อเดียว ก็คือถือว่าเป็นโมฆะ เมื่อมีคำว่าเป็นโมฆะปุ๊บ ก็จะต้องไปแสดงตัวที่พระวิหารพร้อมกับสัตว์ เพื่อจะนำสัตว์ไปฆ่าเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปให้เขา แล้วกลับมาเริ่มใหม่ คนแบบนี้นะครับก็คือจะรอดในยุคพระบัญญัติ
ถาม.
อยากทราบว่าอย่างลูกชายของดิฉันคือเขาไปโบสถ์ตั้งแต่เด็กๆ ก็อยู่ในชั้นรวี แล้วพอโตขึ้นมาสักนิดนึง ครูรวีก็พารับเชื่อ แล้วก็พออายุประมาณ 10 ขวบก็พาไปรับบัพติศมาในน้ำ แต่คือดิฉันสังเกตว่าชีวิตเขาคือไม่มีพระเยซูอย่างแท้จริง เขาอธิษฐานแค่เฉพาะเวลาที่มีปัญหาหรือว่าก่อนทานอาหารเท่านั้น นอกนั้นคือเขาไม่ได้สนใจเรื่องพระเยซูเลย ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ ไม่อยากไปคริสตจักร ไม่อยากมานมัสการพระเจ้า สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือเราเห็นชัดเลยว่าเขาไม่ได้บังเกิดใหม่ ถ้าสมมุติว่ามีโอกาสเราประกาศกับเขาใหม่ แล้วก็ให้เขารับเชื่อใหม่แล้วก็รับบัพติศมาใหม่ได้ไหมค่ะ
ตอบ.
สำหรับเด็กนะครับจะมีช่วงระยะหนึ่งนะครับ อายุไม่สำคัญ แต่จะมีสักช่วงระยะหนึ่งจะเกิดขึ้นกับบางคน ก็คือเขาจะรู้แยกแยะดีชั่ว เขาจะเข้าใจเรื่องของพระเจ้า เรื่องของพระเยซู เรื่องความดีความชั่ว เขารู้จักแยกแยะ และเมื่อเราพูดกับเขาเรื่องพระเยซู เขาเข้าใจ แล้วเขาถามเราเป็นบางคำบางครั้งว่าพระเยซูคือใคร พระเจ้าคือใคร ความรอดคืออะไร เมื่อเขาเกิดมีความสนใจแบบนี้ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เริ่มที่จะเปิดให้เขา
แล้วเรานะครับก็ฉวยโอกาสที่จะบอกเขาตามความจริง และเขารับได้ เราถามเขานะครับว่าต้อนรับพระเยซูจริงๆ ไหม จริงใจไหม รับพระเยซูเป็นพระเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดไหม แล้วจะให้รับบัพติศมา บัพติศมาก็คือการที่จะจุ่มเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า ก็คือการที่จะจุมชีวิตของเราให้ตายเป็นคนเก่าที่ตายไปแล้ว และคนใหม่ที่เกิดขึ้นบังเกิดใหม่ จะรับไหม สิ่งเหล่านี้นะครับถ้าหากเขาเข้าใจ เขาเข้าใจเขาเต็มใจที่จะรับและเต็มใจที่จะเชื่อ พอเราอธิษฐานให้เขานะครับการบังเกิดใหม่ก็ตามมาครับ
แต่ถ้าหากว่าทุกวันนี้เด็กมากมายที่ไปโบสถ์ แล้วครูรวีก็สอนครูรวีก็ชวนให้เชื่อ แต่นั่นเป็นการชวนเชื่อในลักษณะของศาสนา ศาสนาใดศาสนาหนึ่งที่ชวนเชื่อ ที่นำคนมาเชื่อศาสนานั้น โดยที่ไม่มีการบังเกิดใหม่ เนื่องจากว่าเขายังไม่รู้ยังไม่เข้าใจ ยังไม่รู้จักแยกแยะ และยังไม่ถึงอายุหรือความคิดที่เขาสามารถต้อนรับพระเยซูและเข้าใจในความเชื่อเรื่องฝ่ายวิญญาณได้
สรุป ก็คือถ้าหากว่าเราเห็นอาการของเขา เขาไม่มีคำถาม เขาไม่รู้สึกว่าใส่ใจเรื่องเกี่ยวกับคริสตจักร เรื่องเกี่ยวกับโบสถ์ เรื่องเกี่ยวกับพระเยซู เรื่องพระเจ้า เรื่องการอธิษฐาน การอ่านพระคัมภีร์ไม่เคยสนใจพระคัมภีร์เลย เพราะฉะนั้นเราอาจจะมองเห็นได้ว่า นี่คือบ่งบอกว่าเป็นสิ่งที่เรารู้ว่าเขายังไม่ได้บังเกิดใหม่จริงๆ เขาแค่มาถึงศาสนาคริสต์เท่านั้น
สำหรับเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้ใหญ่ที่ได้มีประสบการณ์ เด็กๆ ก็เหมือนกัน เด็กๆ หลายคนนะครับร้องไห้ก็มี เด็กๆ หลายคนนะครับถามพระคัมภีร์ถามพระเจ้าคือใคร พระเยซูคือใคร บ้านเบธเลเฮมอยู่ที่ไหน แล้วจะทำยังไงถึงจะรอด แล้วรอด รอดแบบไหน คือเขาจะมีคำถามที่จะถามเรา และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเปิดให้เขาและกำลังช่วยเขา
ถาม.
ก็คือว่าถ้าเกิดว่าเป็นอย่างลูกชายดิฉัน เขาไม่สนใจเรื่องของพระเจ้าเลย แต่ถ้าในอนาคตเขาเกิดกลับใจใหม่ แล้วก็เขามาสนใจมาถามก็สามารถนำรับเชื่อใหม่ได้เลยใช่ไหมค่ะ แล้วก็รับบัพติศมาใหม่เลย หรือว่าปล่อยเลยตามเลยค่ะ
ตอบ.
เราไม่ปล่อยเลยตามเลยครับ คือเรานำเขาให้มารับเชื่อใหม่ และนำเขาให้รับบัพติศมาในน้ำใหม่ครับ
ที่สำคัญนะครับสำหรับเราที่มีลูกเล็กๆ พี่น้องคริสเตียนก็เหมือนกัน คือสิ่งสำคัญก็คือเราอธิษฐานในแต่ละวันเราอธิษฐาน
“ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับลูกหลาน ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสามีภรรยา ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพ่อแม่ สำหรับทุกคนในครอบครัว ขอบพระคุณพระเยซูที่ทุกคนอยู่ภายใต้การดูแลปกปักรักษา อยู่ภายใต้แผนการงานของพระองค์ อยู่ภายใต้การกระทำให้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระองค์ เอเมน”
แค่นี้ครับพระเจ้าก็จะทำให้สิ่งที่พระองค์ต้องการทำเกิดขึ้น อย่าลืมนะครับพระเจ้ารักโลกพระเจ้ารักทุกคน และอย่าลืมว่าพระเจ้าต้องการให้ทุกคนรอด เอเมน และอย่าลืมว่าพระเจ้าต้องการให้กระทำทุกสิ่งโดยที่ผ่านการอธิษฐานของเรา