1. หมายสำคัญอันเดียวจากพระเยซูที่จะสำแดงให้ฟาริสีและสดุสีได้เห็น
2. เชื้อของฟาริสี และสดุสี
3. "พระคริสต์" - "พระบุตรของพระเจ้า"
4. คำว่า "คริสตจักร" ความหมายที่แท้จริง
5. กุญแจแห่งอาณาจักรคืออะไร - ผูกมัดและแก้
6. เอาชนะตนเอง แบกกางเขนและตามเรามา
7. เสียดายชีวิต (จิต) ก็จะเสียมันไป
8. บางคนยังไม่ตายจะได้เห็นพระบุตรเสด็จมาในอาณาจักรของท่าน
16:1 พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีได้มาทดลองพระองค์โดยขอร้องให้พระองค์สำแดงหมายสำคัญจากฟ้าสวรรค์ให้เขาเห็น
16:2 พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า "พอตกเย็นท่านทั้งหลายพูดว่า `รุ่งขึ้นอากาศจะโปร่งดีเพราะฟ้าสีแดง'
16:3 ในเวลาเช้าท่านพูดว่า `วันนี้จะเกิดพายุฝนเพราะฟ้าแดงและมัว' โอ คนหน้าซื่อใจคด ท้องฟ้านั้นท่านทั้งหลายยังอาจสังเกตรู้และเข้าใจได้ แต่หมายสำคัญแห่งกาลนี้ท่านกลับไม่เข้าใจ
16:4 คนชาติชั่ว และเล่นชู้แสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ศาสดาพยากรณ์เท่านั้น" แล้วพระองค์ก็เสด็จไปจากเขา
** "หมายสำคัญของโยนาห์" คือท่านอยู่ในท้องปลาสามวัน หมายสำคัญของพระเยซูจะสำแดงให้ทั้งโลกเห็นคือการสิ้นพระชนม์ และถูกฝังทั้งจะฟื้นขึ้นจากตายหลังจากสามวันผ่านไป
** "ท้องแผ่นดินโลก" คือท้องแผ่นดิน ที่ตรงกลางของโลกนี้ คือที่กักขังวิญญาณของผู้เชื่อ และไม่เชื่อ ที่มีเหวกั้นกลาง
** เมื่อผู้เชื่อและไม่เชื่อตาย วิญญาณจะถูกนำไปกักขังไว้ที่เมืองวิญญาณใต้แผ่นดินโลกนี้ เพื่อรอการตัดสินให้ได้เข้าในราชอาณาจักรในยุคหน้า (2 คร 5:10)
16:5 ฝ่ายพวกสาวกของพระองค์ เมื่อข้ามฟากนั้นได้ลืมเอาขนมปังไปด้วย
16:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี"
16:7 เหล่าสาวกจึงปรึกษากันว่า "เพราะเหตุที่เรามิได้เอาขนมปังมา"
16:8 ฝ่ายพระเยซูทรงทราบจึงตรัสกับเขาว่า "โอ ผู้มีความเชื่อน้อย เหตุไฉนพวกท่านจึงปรึกษากันและกันถึงเรื่องไม่ได้เอาขนมปังมา
16:9 ท่านยังไม่เข้าใจ และจำไม่ได้หรือ เรื่องขนมปังห้าก้อนกับคนห้าพันคนนั้น ท่านเก็บที่เหลือได้กี่กระบุง
16:10 หรือขนมปังเจ็ดก้อนกับคนสี่พันคนนั้น ท่านเก็บที่เหลือได้กี่กระบุง
16:11 เป็นไฉนพวกท่านถึงไม่เข้าใจว่า เรามิได้พูดกับท่านด้วยเรื่องขนมปัง แต่ได้ว่าให้ท่านระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี"
16:12 แล้วพวกสาวกก็เข้าใจว่า พระองค์มิได้ตรัสสั่งเขาให้ระวังเชื้อขนมปัง แต่ให้ระวังคำสอนของพวกฟาริสี และพวกสะดูสี
** ให้ท่านระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสี และพวกสะดูสีให้ดี "เชื้อ" ในที่นี้ คือคำสอนของพวกเขาที่แปลกปลอมผสมผสานเข้ากับพระคำล้วนๆ ของพระเจ้า
** ฟาริสีไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางพระเยซูแต่เนื่องจากว่าพวกเขาไม่เข้าใจแผนการงานของพระเจ้าเกี่ยวกับยุคเก่ายุคใหม่ พระเยซูมาเพื่อทำให้ทุกสิ่งในพระคัมภีร์เดิมสำเร็จ เขาจึงต้องการกำจัดพระเยซู
** ฟาริสีสมัยใหม่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางผู้เชื่อที่เชื่อแตกต่าง แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ถูกเปิดตาจึงคิดว่ากลุ่มคนที่ค้นพบพระคำล้ำลึกเชื่อผิดจึงพยายามที่จะขัดขวาง ขอพระบิดาเมตตาพวกเขา
มธ 13:33 "อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด"
** เมื่อผู้เชื่อกินเชื้อนี้เข้าไป จะทำให้เขาไม่สามารถเติบโตได้
** เพราะว่าพระคำล้วนๆ จะช่วยให้ผู้เชื่อโต ยอห์น 17:17
ยน 17:17 ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ (แยกออกจากชีวิตอาดัม หรือให้โต) ด้วยความจริงของพระองค์ พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
ยน 17:19 ข้าพระองค์ถวายตัวของข้าพระองค์เพราะเห็นแก่เขา เพื่อให้เขารับการทรงชำระแต่งตั้งไว้โดยความจริงด้วยเช่นกัน
** เพราะว่าพระคำล้วนๆ ที่แปลถูก จะช่วยให้เราเป็นอิสระ ไม่ใช่แบกภาระ รักษาพระบัญญัติจนทนไม่ไหวเหมือนดั่งทุกวันนี้
** ด้วยเหตุนี้ พระเยซูจึงตรัสสั่งว่า ระวังเชื้อของพวกฟาริสีให้ดี
16:13 ครั้นพระเยซูเสด็จเข้าไปในเขตเมืองซีซารียาฟีลิปปี พระองค์จึงตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราซึ่งเป็นบุตรมนุษย์คือผู้ใด”
16:14 เขาจึงทูลตอบว่า “บางคนว่าเป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ และคนอื่นว่าเป็นเยเรมีย์ หรือเป็นคนหนึ่งในพวกผู้พยากรณ์”
16:15 พระองค์ตรัสถามเขาว่า "แล้วพวกท่านเล่า ว่าเราเป็นผู้ใด"
16:16 ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า "พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่"
** พระบุตรของพระเจ้า ในที่นี้ คือการยอมรับของเปโตรว่าพระเยซูมีฐานะเท่าเทียมกับพระเจ้า
16:17 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะว่าเนื้อหนังและโลหิตมิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ
** มนุษย์ไม่อาจจะรับความจริงของพระเจ้าได้เพราะความคิดจิตใจของเราไม่ตรงกับพระเจ้าหรือไม่คิดเหมือนที่พระเจ้าคิด
16:18 ฝ่ายเราบอกท่านด้วยว่า ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งแดน มรณาจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้
** ภาษากรีกแปลว่า "ท่านคือศิลา (ก้อนหินก้อนเล็กๆ) และบนศิลานี้ (ก้อนหินก้อนใหญ่ๆ)" คือคริสตจักรจะถูกก่อขึ้นบนรากฐานของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่บนรากฐานของท่านเปโตร
** คริสตจักร ไม่ใช่สถานที่ตึกอาคารบ้านเรือน แต่หมายถึงผู้เชื่อทุกคนที่ติดตามพระเยซู เมื่อผู้เชื่อกลับจากการนมัสการ พระเจ้าจะไม่สถิตอยู่ที่นั่น แต่ทรงสถิตอยู่กับทุกคนทุกที่ทุกแห่งหนที่เขาอยู่
บทความเพิ่มเติม :
16:19 เราจะมอบลูกกุญแจของอาณาจักรแห่งสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะผูกมัดสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกมัดในสวรรค์ และท่านจะปล่อยสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะถูกปล่อยในสวรรค์"
** "กุญแจ" ในที่นี้ คือ ข่าวประเสริฐเรื่องราชอาณาจักรสวรรค์ และไม่ใช่เรื่องความรอดในวันสุดท้าย
** "ผูกมัด" คือไม่ยกโทษบาปเพื่อไม่ได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์และไม่รอดอีกด้วย
- เมื่อผู้เชื่อประกาศข่าวประเสริฐกับใคร และคนนั้นไม่รับพระเยซูจะไม่มีโอกาสรอดและได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์เพราะบาปของเขายังถูกผูกมัดเหมือนเดิมในบัญชีแห่งสวรรค์
** "แก้" หรือ "ปล่อย" คือการอภัยโทษบาปเพื่อให้ได้เข้าในราชอาณาจักรสวรรค์และได้รอด
- เมื่อผู้เชื่อประกาศและคนนั้นรับก็ได้รอดและมีโอกาสเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ ผู้ประกาศก็ได้นำการแก้มัดคือการยกโทษบาปของพระเจ้ามาสู่เขา
** ใน มัทธิว 18:18 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งใดซึ่งท่านจะผูกมัดในโลก ก็จะถูกผูกมัดในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะปล่อยในโลกก็จะถูกปล่อยในสวรรค์
มีผูกมัดและแก้เหมือนกัน แต่ในข้อนี้เน้นที่ผู้เชื่อที่ตกลงกันไม่ได้หรือไม่ยอมยกโทษให้พี่น้อง ถ้าหากคริสเตียนไม่ยอมยกโทษแก่กันและกันก็จะมีปัญหาเรื่องไม่ได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์เพราะโทษของเขาผูกมัดความผิดบาปของเขา (แต่ได้รอดในวันสุดท้าย) ถ้าตกลงกันได้และเขายกโทษให้พี่น้อง ความผิดนั้นก็ถูกแก้แล้วและเขาได้เข้าไปในอาณาจักรสวรรค์
สรุป.
1. มัทธิว 16:19 เน้นคนที่ไม่เชื่อรับหรือไม่รับข่าวประเสริฐและถูกแก้หรือถูกผูกมัด(รับการอภัยโทษบาปหรือไม่ได้รับการอภัย)
2. มัทธิว 18:18 เน้นผู้เชื่อเท่านั้นซึ่งได้รอดแล้ว แต่จะต้องกำจัดตัวเก่าและตัวบาปที่หยิ่งผยองพองตัวกิเลสตัณหาโลภโกรธหลงให้ได้ด้วยพระคริสต์ดำเนินชีวิตในเขา
- เราทำผิดต่อกัน หรือทำบาปต่อพระเจ้า เราแสวงหาการชำระจากพระเจ้าเพื่อเราจะไม่ต้องรับการตีสอนอยู่นอกอาณาจักรเป็นเวลาพันปี พระเยซูทุกวันนี้คือมานาที่ทรงเก็บซ่อนไว้เพื่อให้เราพบสุขทุกวันเวลาและเข้าสู่กระบวนการการเปลี่ยนใหม่สู่พระลักษณะของพระองค์ เพราะว่าอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่บาปของเขาถูกแก้แล้วในสวรรค์ คือเขาไม่เดินในบาปในแต่ละวัน
16:20 แล้วพระองค์ทรงกำชับห้ามเหล่าสาวกของพระองค์ มิให้บอกผู้ใดว่า พระองค์ทรงเป็นพระเยซูพระคริสต์ผู้นั้น
16:21 ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่และพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารเสีย แต่ในวันที่สามจะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่
** พระเยซูกล่าวกับทุกคน เกี่ยวกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์
16:22 ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ เริ่มทูลท้วงพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ให้เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย"
** เปโตรที่อยู่ในสภาพเนื้อหนังไม่อาจเข้าใจ และรับต่อน้ำพระทัยพระเจ้าไม่ได้
16:23 พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า "อ้ายซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์"
** หลายความคิดจิตใจที่เราคิดหรือทำ ถ้าเป็นการงานของเนื้อหนัง ก็ถวายเกียรติแด่พระเจ้าไม่ได้ เพราะเป็นการงานที่ตายแล้วที่มีมารซาตานร่วมทำด้วย ซึ่งแอบแฝงหรือหวังผลประโยชน์อะไรบางอย่างเสมอ
16:24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
** "เอาชนะ" คือการยอมทิ้งความสุขความต้องการของจิตใจที่รักโลกนี้
** "แบกกางเขน" คือการยอมรับการทนทุกข์ที่จะมีมาแน่นอนเมื่อเราติดตามพระเยซูแบบผู้ชนะ บางคนอาจถึงตายได้ แต่บำเหน็จมีมากมายในยุคหน้า
16:25 เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตของตนรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด
** "เอาชีวิตรอด" คือรักจิต (soul) ของเรา // ถ้าเรารักชีวิตฝ่ายเนื้อหนังของโลกนี้ เราจะพลาดอาณาจักรในยุคหน้า แต่จะรอดในสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
16:26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตของตนกลับคืนมา
** "จิต" เป็นคำเดียวกันที่ใช้ในข้อ 25 คือ (Soul)
16:27 เหตุว่าบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานบำเหน็จแก่ทุกคนตามการกระทำของตน
** นี่คือเหตุการณ์ที่จะเกิดในการพิพากษาพระที่นั่งของพระคริสต์ เมื่อทรงเสด็จมาพร้อมกับราชอาณาจักรสวรรค์ในยุคหน้า (2 คร 5:10 / 1 คร 3:14 / ฮบ 10:35 / วว 22:12)
16:28 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่ มีบางคนที่ยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในราชอาณาจักรของท่าน"
** "บุตรมนุษย์เสด็จมาในราชอาณาจักรของท่าน"
- เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในบทที่ 17:1-5 สาวกสามคนได้เห็นพระเยซูในสภาพของพระองค์ที่จะครอบครองราชอาณาจักรของท่าน