ตั้งแต่ข้อที่ 11 จนถึงข้อที่ 26 ข้อที่สำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจของยอห์นบทที่ 11 ก็คือ พระเยซูตรัสกับเธอว่า เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก ในข้อที่ 25
เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้น ขอบคุณพระเยซู และมีชีวิต ไม่เพียงแต่เป็นขึ้น และมีชีวิตด้วย คือยิวที่ไม่เชื่อในพระเยซูและเคร่งศาสนาถือรักษาพระบัญญัติได้ครบก็จะมีโอกาสได้รับชีวิตพระเจ้า แต่เขาจะได้รับในยุคพันปีและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่เท่านั้น เขาจะไม่มีโอกาสได้รับชีวิตพระเจ้าอย่างครบในชีวิตนี้ อย่างคริสเตียนพวกเรา
แต่พี่น้องที่รักครับ เรื่องที่น่าเศร้า ก็คือยังมีคริสเตียนอีกมากมายที่ไม่มีโอกาสได้รู้ เขาไม่ได้ถูกเปิดตา และรู้ความจริงนะครับว่า ตอนนี้ชีวิตนี้ เขามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์แล้ว เขายังแสวงหา เขายังขอให้มีชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เขายังขอสันติสุข ขอพลังจากพระเจ้า ทั้งๆ ที่เขามีอยู่แล้วอยู่ภายในเขา
และเราขอบคุณพระเจ้านะครับที่เราได้รู้ได้เข้าใจ ได้ถูกเปิดตาโดยมานาที่ซ่อนไว้ เรามีชีวิตที่ครบบริบูรณ์แล้ว ซึ่งชีวิตที่ครบบริบูรณ์นี้ ทันทีที่เราเชื่อ เราได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และวิญญาณของเราได้บังเกิดใหม่ หลังจากนั้นพระเจ้าทั้ง 3 พระภาคก็เข้ามาอยู่ในเรา และพระเจ้าก็ให้ชีวิตเรามี เป็นชีวิตที่เรียกว่า "โซเอ้" เป็นชีวิตพระเจ้า
เพราะฉะนั้นพระเจ้ากับเราทุกวันนี้เป็นหนึ่งเดียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และพระเจ้ามีอะไร เราก็มีอันนั้นนะครับ สันติสุขอย่างเต็มล้น สันติสุขที่ไม่กระหายอีกเลยและพลังยิ่งใหญ่ที่อยู่ในเรา เราขอบคุณพระเยซู แต่ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อนะครับ มีคริสเตียนอีกมากมายที่ยังใช้ชีวิตที่ไม่มีสันติสุขทุกวันเวลาและยังไม่มีพลังที่พระเจ้าประทานให้
ทันทีที่เราได้รู้ เราเชื่อ เราก็จะได้เห็น ความเชื่อคือการนำมาสิ่งซึ่งตามองไม่เห็น ให้เกิดขึ้นได้ (ฮีบรู 11:1) เราสรรเสริญพระเยซู
พระเยซูเป็นเหตุ พระเยซูเท่านั้นในจักรวาลนี้ในโลกนี้ ไม่มีใครที่เป็นเหตุให้มนุษย์ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้ อาจจะมีใครบางคนนะครับที่ตายไปแล้ว พรุ่งนี้มะรืนนี้ 2-3 วันต่อมา เขาฟื้นขึ้นมา บางคนก็ 5-6 วันใช่ไหม แต่สำหรับยิวนะครับ ประวัติศาสตร์ของยิวบันทึกไว้ ไม่เคยมีผู้ใดที่ตายไปแล้ว 4 วันแล้วฟื้นขึ้นมา แต่มีคนที่ตายไปแล้ว 1 วัน 2 วันและ 3 วันไม่เกิน 3 วันเขาฟื้นขึ้นมาจากความตาย แต่พอมาถึงวันที่ 4 ก็คือตายแล้ว ไม่มีหวังแล้ว ก็คือเอาไปฝังเอาไปทิ้งไว้ที่อุโมงค์
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเหตุการณ์ในวันนี้นะครับ ก็คือพระเยซูรอให้ลาซารัสตายไป และตายจริงๆ คือตายสนิทจนถึง 4 วัน วันที่ 4 เห็นไหมครับ
คือวันที่ 1 ยิวอาจจะมีความหวัง วันที่ 2 มาธารและมารีย์ก็อาจจะมีความหวังว่าน้องชายเขาอาจจะฟื้นได้เป็นไปได้ใครจะไปรู้
แต่ในที่สุดผ่านไป 4 วัน คือมาธารหมดหวังแล้ว เห็นไหมครับมาธารบอกว่า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตายหรอก แต่มัน 4 วันผ่านไปแล้ว มาธารก็หมดหวังทั้งๆ ที่รู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเยซูบอกว่าไม่เป็นไร เราจะช่วยเขาให้ฟื้นขึ้นมา เขาจะฟื้นขึ้นมา แต่มาธารก็สับสนไม่เข้าใจคำพูดของพระเยซู มาธารคิดว่าพระเยซูตรัสถึงคนที่ตายไปแล้ว แล้วฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย แต่ถึงอย่างไรก็ตามในวันนั้นพระเยซูชุบชีวิตของลาซารัสที่ตายไปแล้ว
แล้วหมดหวังจริงๆ ตายจริงๆ ตายสนิท นี่คือทางออกของพระเจ้า นี่คือการช่วยเหลือของพระเจ้า การแก้ไขของพระเจ้าจะมา เมื่อเราหมดหวังจริงๆ ตายสนิทจริงๆ ยอมจำนนจริงๆ ทางตันจริงๆ คือมันหมดหนทางแล้ว หาใครมาช่วยไม่ได้แล้ว หาพระ...องค์ไหนมาช่วยก็ไม่ได้แล้ว สุดท้ายนะครับก็คือเมื่อเราร้องเรียกพระนามพระเยซู การช่วยเหลือของพระเจ้าก็จะมา เอเมน
และในข้อนี้เราเห็นสาวกหลายคนสับสนคำพูดของพระเยซู พระเยซูตรัสว่า เขาหลับอยู่ ซึ่งในพระคัมภีร์มีบางตอนที่พูดถึงเรื่องการหลับอยู่ แต่สาวกยังไม่เข้าใจ คิดว่านอนหลับ แต่สาวกบอกว่าลาซารัสไม่ได้นอนหลับ เขาตายจริงๆ พระเยซูบอกว่าโอเคอ่ะตายก็ตาย คือเพื่อให้เขาเข้าใจเพื่อไม่ให้เขาสับสน พระเยซูก็เลยอ่ะพูดตามเขาไปเลยโอเคตายก็ได้
แต่สำหรับพระเจ้านะครับความตายมันไม่มี พระเจ้าเรียกความตายว่าการหลับอยู่ เนื่องจากว่าอีกไม่นานต่อมาเมื่อถึงวันพิพากษา ทุกคนก็จะตื่นขึ้นมาจากการหลับอยู่ และเข้าสู่การพิพากษา แล้วก็จะตื่นอยู่ตลอดไปไม่มีหลับอีกแล้ว
บางคนอาจจะตื่นอยู่แล้วไปอยู่ที่บึงไฟ และบางคนอาจจะตื่นแล้วก็เข้ามาที่ยุคพันปีและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
สำหรับข้อที่ 15 เพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลายเราจึงยินดีที่เรามิได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ แต่ให้เราไปหาเขากันเถิด
การแปลถ้อยคำประโยคนี้ ไม่ค่อยจะได้เนื้อหาที่ทำให้เราเข้าใจ ความจริงแล้วควรจะแปลว่า เพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลายมันเป็นการดีนะที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลายเป็นการดีที่เราไม่ได้อยู่ที่นั่น เพื่อท่านจะได้เชื่อ แต่ให้เราไปหาเขากันเถิด
หาเขา ก็คือหาลาซารัส อย่างที่ผมพูดนะครับก็คือพระเยซูรอ รอให้ลาซารัสตายสนิทก่อน จนถึง 4 วัน แล้วพระเยซูจะกลับที่แคว้นอยู่เดีย แต่พระองค์ยังไม่กลับ ซึ่งสาวกสับสนในคำพูดของพระเยซูและโธมัสสาวกทั้งหลายทุกคนสับสนในสิ่งที่พระองค์ตรัส เรื่องการตายก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็เรื่องลาซารัสที่เรียกว่าหลับอยู่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็น 2 เรื่องที่เขาสับสน
แต่พระเยซูก็อธิบาย พระเยซูอธิบายว่าพระองค์ให้เขาฟื้นขึ้นมาจากความตายในวันสุดท้าย และพระองค์จะช่วยเขาวันนี้ ก็คือให้ฟื้นขึ้นมาในวันนี้เดี๋ยวนั้นเลย
สำหรับการช่วยเหลือของพระเจ้าจะมาถึงครอบครัวนี้อย่างแน่นอน เรารู้ดีนะครับ เพราะว่าพระเจ้ารัก 3 พี่น้อง ซึ่งเป็นสาวกของพระเยซู พระองค์รักมากนะครับ 3 คนนี้ คือมาธารแล้วก็มารีย์แล้วก็ลาซารัส แต่พระเยซูรอให้เขาตายสนิท และให้ทุกคนเห็นว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ และเลยกำหนดเวลาที่จะฟื้นขึ้นมาจากความตายก็คือ 3 วัน
เพื่อมนุษย์จะได้เห็นว่าวันนี้คือการทำงานของพระเจ้า เนื่องจากว่าชาวยิวหลายคนที่ตาย อย่างที่ผมพูดนะครับก็คือฟื้นขึ้นมาในวันที่ 1 วันที่ 2 หรือวันที่ 3 อาจเป็นไปได้ แต่ไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่าวันที่ 4 เขาฟื้น เพราะฉะนั้นลาซารัสเป็นคนแรกที่ฟื้นมาในวันที่ 4 และเป็นผลงานของพระเจ้าไม่ใช่การฟื้นขึ้นมาเนื่องจากว่าร่างกายอาจจะสลบไสล หรือว่าการตายที่อาจมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาได้
เราจะเห็นเมืองไทยเมืองลาว เราจะเห็นหลายประเทศใช่ไหม ก็มีคนตายแล้วปรากฏว่าหลายวันต่อมาเขาก็ฟื้นขึ้นมา อันนี้ก็มีนะครับ เนื่องจากว่ามีการผิดพลาดเกี่ยวกับร่างกายอะไรก็แล้วแต่ แต่สำหรับประเทศอิสราเอล ก็คือแค่ 3 วันจบ และขอบคุณพระเยซูวันที่ 4 พระเยซูทำกิจ พระองค์ทำงานทำการอัศจรรย์ และชาวยิวตอนนั้นก็ถวายเกียรติแด่พระเจ้า เนื่องจากว่ามีการอัศจรรย์เกิดขึ้นไม่ใช่บังเอิญ
สำหรับข้อที่ 21 มาธารจึงทูลพระเยซูว่าพระองค์เจ้าข้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์คงไม่ตาย
นี่คือความคิดของมนุษย์ใช่ไหม และมาธารแนะนำพระเยซูว่า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายคงไม่ตาย และอีกอย่างผมขอย้ำเราจำกันได้ ก็คือยิวเชื่อว่าคนตายเนี่ย ตาย 3 วัน แต่วันนี้เป็นวันที่ 4 แล้ว คือมาธารหมดหวังแล้ว เห็นพระเยซูก็หมดหวังแล้วไม่มีความหวังอีกแล้ว แต่เขาไม่รู้นะครับว่าพระเยซูจะชุบชีวิตน้องชายเขาขึ้นมาได้
ก็ขอบคุณพระเยซู สำหรับมาธารสิ้นหวังที่พระเยซูมาช้า และคิดว่าพระเยซูกล่าวถึงการฟื้นขึ้นในวันสุดท้าย จำได้ไหมครับที่พระเยซูตรัสว่า น้องชายของเจ้าจะฟื้นขึ้นมาอีกในข้อที่ 23 น้องชายของเจ้าจะฟื้นขึ้นมาเอง มาธารก็คิดว่าจะฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้ายเป็นเรื่องที่แน่นอน แต่พระเยซูทำการอัศจรรย์ในวันนั้น
และมาถึงข้อที่ 25 ก็คือหัวใจของพระคัมภีร์ยอห์น หนังสือยอห์นบทที่ 11 บทนี้ คือพระเยซูอีกครั้งนะครับ "พระเยซูตรัสกับเธอว่า เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก" 1. เป็นขึ้น และ 2. มีชีวิต
ผู้ที่เชื่อในเรานั้นถึงแม้ว่าเขาตายแล้ว ก็ยังจะมีชีวิตอีก และมีชีวิตในที่นี้ ก็คือเป็นคำเดียวกับในบทที่ 3 ข้อที่ 15-16 แต่ภาษาไทยแปลว่ามีชีวิตนิรันดร์ ความจริงนะครับ ก็คือควรจะแปลว่ามีชีวิตของพระเจ้าที่เป็นอยู่นิรันดร์ มีชีวิตของพระเจ้าที่เป็นอยู่นิรันดร์ คือมี 2 สิ่งที่เราจะได้รับก็คือ 1. เราจะมีชีวิตของพระเจ้า 2. ชีวิตนี้ ก็จะเป็นอยู่นิรันดร์
ซึ่งถ้าผู้เชื่อคริสเตียนศาสนาเขาจะเข้าใจแบบนี้ ก็คือจะมีชีวิตนิรันดร์ ก็คือจะรอดในวันสุดท้าย เขาไม่รู้นะครับว่าเขามีชีวิตของพระเจ้าอยู่ในเขาแล้ว
เราขอบคุณพระเจ้าที่เราได้รู้ความจริงนี้ อีกครั้งนะครับผมขอย้ำ พระเยซูตรัสว่าเราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต มีชีวิต คำว่า มีชีวิต ตรงนี้ ก็คือมี โซเอ้ zoe - โซเอ้ zoe ภาษากรีกเรียกว่าชีวิตของพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่ ปสุเค (Psuche) ที่เป็นชีวิตของมนุษย์ และชีวิตของพระเจ้าตายไม่ได้เป็นอมตะเป็นอยู่ชั่วนิรันดร์และเป็นอยู่ตลอดไปเป็นนิต
คำว่า เชื่อในเรา เชื่อในเรา ในที่นี้ ก็คือเชื่อและยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์
1. เชื่อว่าพระเยซู ยอมรับว่าพระองค์เป็นพระคริสต์
2. ก็คือเชื่อว่าพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า ความหมายนี้ก็คือพระบุตรพระเจ้า ก็คือพระเจ้าที่เท่าเทียมกับพระบิดา
คนที่จะรอด คนที่จะมีชีวิตพระเจ้า มีชีวิตที่เป็นอยู่นิรันดร์
1. ก็คือเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ ก็คือพระผู้ไถ่ พระผู้ช่วยให้รอด
2. ก็คือเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่เท่าเทียมกับพระบิดา
ผมขอย้ำนะครับถ้าหากเราเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ ก็คือ 1. พระองค์มาตายเพื่อไถ่บาปโลก เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และ 2. พระองค์มีฐานะเท่าเทียมกับพระบิดา ซึ่งพระองค์เป็นพระบุตร
ถ้าหากเราเชื่อในสองสิ่งนี้ เราจะมีชีวิตพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา พระองค์จะทำให้เราได้บังเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ พระเจ้าจะเข้ามาอยู่ในเราและเป็นหนึ่งเดียวกันกับวิญญาณของเรา ไม่มีสองอีกแล้วนะครับ เราขอบพระคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้
การได้รับชีวิตพระเจ้า ก็คือโอกาสครั้งที่สอง และโอกาสครั้งสุดท้ายที่พระเจ้าจะประทานแก่มนุษย์ จำได้นะครับว่า ลูกหลานอาดัมไม่มีโอกาสได้รับชีวิตพระเจ้า เนื่องจากว่าเขาไม่ได้มีโอกาสได้กินผลไม้ที่เป็นชีวิตของพระเจ้าที่อยู่ในสวนเอเดน ซึ่งเป็นต้นไม้แห่งชีวิต
และวันนี้นะครับพระเยซูเสด็จมา และพระองค์เป็นผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตนั้น และพระองค์ให้เราได้รับ ได้กิน ได้ดื่ม ได้รับเข้าไป มีส่วนในชีวิต โซเอ้ zoe นี้ ก็คือมีส่วนในชีวิตของพระบิดานี้ แต่เราต้องทำ 2 สิ่ง ก็คือ 1. เชื่อและยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ ก็คือเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ตายไถ่บาปโลก 2. ก็คือเชื่อว่าพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า ก็คือมีฐานะเท่าเทียมกับพระบิดา ก็คือพระเจ้านั่นแหละ เราจะได้รับชีวิตและจะเป็นอยู่ชั่วนิรันดร์ ขอบคุณพระเยซู
การที่จะมีชีวิตของพระเจ้า การได้รับพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา มีผลต่อชีวิตของเราอย่างมาก หนึ่งก็คือ ความสุขเราไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องใช้เงิน ไม่ต้องไปเที่ยว ไม่ต้องไปทำอะไรเพื่อให้มีความสุข ไม่ต้องดื่มสุรา ไม่ต้องไปเที่ยวไปสนุกสนานอะไร แต่ความสุขนี้มันเกิดขึ้นจากภายในของเรา
และพลังเราไม่ต้องการที่จะไปดื่มน้ำดื่มอะไรหรือไปทานอะไรที่มันเป็นสิ่งที่จะกระตุ้นเราให้มีพลังแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า แต่พลังนี้เราได้จากพระเจ้าที่อยู่ข้างในเรา เพียงแต่เราเชื่อนะครับว่าเรามีพลังนี้ เราขอบพระคุณพระเจ้าที่ให้พลังนี้ พลังนี้ก็จะเริ่มทำกิจ การอัศจรรย์ของพระเจ้าก็จะเกิดขึ้นในเรา
แล้วเราขอบคุณพระเจ้าเมื่อเรามีพระเจ้า มีชีวิตของพระเจ้าอยู่ในเรา ผีมารซาตาน ทุกสิ่งในโลกนี้ แม้แต่ทูตสวรรค์ชั่ว มารทั้งหลายก็เข้าใกล้เราไม่ได้ ก็กลัวเรา
มนุษย์โลกนี้อยู่อย่างไม่มีความหวัง ตายไปก็ไม่มีความหวัง ไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง อยู่เพื่ออะไร อยู่ไปวันๆ ก็แค่เอาตัวรอด ทำอะไรก็ได้ให้มีฐานะ ให้มีสุขภาพดี ให้มีความสุข แต่มันเป็นชีวิตที่สั้นๆ มาก แตกต่างจากพวกเราที่ขอบคุณพระเยซูที่เราเชื่อพระเยซูเรามีความหวัง อยู่อย่างมีเป้าหมายมีความหวัง และเรารู้นะครับว่าเมื่อเราตายไปแล้วจะไปอยู่ที่ไหน แล้วจะมีชีวิตที่มีความสุขยังไง เราขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ เอเมน.
สำหรับเราที่พบมานาที่ซ่อนไว้ 2 สิ่งนะครับเพื่อยืนยันความเชื่อของเรา เพื่อให้เราได้รู้นะครับว่าเราบังเกิดใหม่จริงๆ ก็คือ
1.เรายอมรับว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ พระคริสต์ก็คือพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ตายไถ่บาปแทนเรา
2. ก็คือเราเชื่อแน่นอนว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เป็นพระบุตรพระเจ้าเป็นพระเจ้าที่เท่าเทียมกับพระบิดา
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วผมเห็นว่าคริสเตียนมากมาย อาจจะมีปัญหาประเด็นที่ 2. ก็คือเชื่อว่าพระเยซูเท่าเทียมกับพระบิดา บางคนบอกว่าพระเยซูเป็นพระบุตร พระเยซูต่ำกว่าพระบิดา (เห็นไหมพระคัมภีร์บางตอนที่พระเยซูตรัสว่า พระบิดาก็ใหญ่กว่าเรา) อันนี้ทำให้คริสเตียนหลายคนหลงทางสับสนไม่เข้าใจตรงประเด็น แต่เราขอบคุณพระเจ้าเราเข้าใจแล้ว ว่าพระเยซูก็คือพระเจ้า พระเยซูก็คือพระบิดา