เพราะฉะนั้นก่อนหน้ากางเขน เราจะไม่พูดถึง เราจะไม่มอง เราจะไม่คิด เราจะไม่ฟัง เราจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง ที่เรียกว่าชีวิตก่อนที่จะมาถึงกางเขนของพระเยซู ไม่มีอะไรที่จะเล็ดลอดผ่านกางเขนของพระเยซูมาได้ เราจะมองแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น พระเจ้ามองเราว่าเราบังเกิดใหม่ และฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพระเยซูร่วมกับพระเยซู และเราตอนนี้อยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา เราอยู่ในสวรรค์สถาน เราอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้า เราอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ เราอยู่ในฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าชำระวิญญาณเราให้บริสุทธิ์ พระเจ้าเรียกเราว่าผู้บริสุทธิ์ พระเจ้ามองเราว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้ามองทุกสิ่งดีหมดทั้งหมดเลย (2 คร 16-17)
เพราะฉะนั้นการที่จะเป็นคริสเตียนที่ร่วมกับพระกาย เรียกว่าคริสตจักร ต้องอยู่ในสภาพของคนใหม่ หูใหม่ ตาใหม่ การมองทุกสิ่ง การตัดสินใหม่ทั้งหมด พระเจ้าจึงจะทำงานในเรากับเราได้ และซาตานแตะเราก็ไม่ได้ ชีวิตของเราก็จะจำเริญขึ้นในพระคุณของพระเจ้าได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย ถ้าหากเราทำหนังสือเราทำบทความในลักษณะที่ผมพูดถึงแล้วแจกพี่น้องแบ่งพี่น้อง ให้เขาตระหนักและให้เอาไปคิดตรึกตรอง อธิษฐานขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เข้าใจชัดเจน เราจะพบว่าการอยู่ด้วยกันการอยู่ร่วมกันมันไม่ได้ยากอะไร ขอเพียงแค่เราถูกเปิดตาโดยพระวิญญาณ
การดำเนินชีวิตคริสเตียนที่จะมาถึงผู้ชนะได้ก็ต้องรับการเปิดเผยเปิดตา
การที่จะเป็นคริสตจักรเป็นพระกายเที่ยงแท้ของพระเยซู ก็ต้องได้รับการเปิดเผยเปิดตาร่วมกันเหมือนกัน เอเมน
สำหรับพี่น้องบางคนที่มีภาระใจเรื่อง "คริสตจักร" สามสิ่งตอนนี้ที่เราเผชิญปัญหามากมาย แต่สามสิ่งเราควรยึด ก็คือ..
1. Do your best เราทำดีที่สุด
2. ก็คือการไม่มองลบ ไม่มองลบ ไม่คิดลบ การไม่มองลบไม่คิดลบ
3. ก็คือไม่ตัดสิน
เราทำหน้าที่ดีที่สุด หน้าที่ของเราก็คือเป็นปุโรหิต เราทำทุกสิ่งที่เราได้รับการเปิดเผยเปิดตาว่าเราอยู่ในพระคริสต์แล้ว
เราให้หน้าที่การตัดสิน ให้หน้าที่การตีสอน ให้หน้าที่ทุกหน้าที่เป็นของพระเจ้าเป็นของพระเยซู
และสำหรับเรา เราคิดบวกเรามองบวก Think positive ก็คือคิดบวกมองบวก คือมันจะทำให้ภาระไม่หนัก เราไม่ต้องไปกลุ้มใจ ไม่ต้องไปคิดมาก ปล่อยให้เป็นการกำหนดตามเวลาของพระเจ้า แต่เราหน้าที่ของเรา ก็คือทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้
เราจะเห็นว่าทุกวันนี้ "คริสตจักร" ก็ยังดูใหม่อยู่นะครับ คริสตจักรฝ่ายวิญญาณ พระกายที่พระเยซูให้เราก่อขึ้นในสภาพของพระกายฝ่ายวิญญาณ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปี ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ต่างประเทศที่อเมริกาที่ไหนก็ตามก็ต้องใช้เวลา แล้วทุกวันนี้ก็ยังมีปัญหา คือปัญหามันจะต้องมีอยู่ตลอด เนื่องจากว่ามีพี่น้องที่รับการเปิดตาเข้ามาใหม่ และรับการเปิดตามากขึ้น มากขึ้นๆๆ ระดับการเปิดตาการเปิดเผยของพระเจ้า ตาเรานะครับไม่เท่ากัน การมองเห็นไม่เท่ากัน
เพราะฉะนั้นผู้ที่มาใหม่ หรือคนที่ได้รับการเปิดเผยเปิดตาไม่มาก ก็จะนำปัญหาเข้ามา การพูด การมอง การคิด การตัดสิน การบ่น การอะไรก็แล้วแต่เขาจะนำเข้ามา แต่เราต้องทำอะไร คือสามสิ่งนะครับ
1. ก็คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ด้วยความรัก ด้วยความรัก
2. ก็คือไม่ตัดสิน พระเจ้าให้หน้าที่มอบหมายหน้าที่ให้ใครเป็นคนตัดสิน หรือพระเจ้าตัดสินเอง เราก็ปล่อยให้เขาทำ ส่วนเรา Do your best ทำดีที่สุด
3. ก็คือมองบวก คิดบวก เราจะไม่มองว่าคนนี้จุดอ่อน บกพร่องตรงนี้ตรงนั้น ไม่เห็นแกทำได้สักที ฉันรอมานานแล้ว ฉันอยากให้เราเกิดมี กลุ่มอะไรที่เป็นแบบตามน้ำพระทัย อันนี้เราจะหลีกเลี่ยงในสิ่งที่เป็นลบ
เพราะว่าพระเจ้ามองที่เราบริสุทธิ์ชอบธรรม เราก็ต้องมองทุกคนบริสุทธิ์และชอบธรรม เอเมน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ที่มีภาระใจเรื่องการก่อตั้งคริสตจักร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมนะครับ ของขวัญหรือบำเหน็จชิ้นใหญ่ที่พระเจ้าจะประทานให้เรา กลุ่มไหนทำได้ คริสตจักรไหนทำได้ และเราทำหน้าที่ปุโรหิตที่ดีที่สุด อาณาจักรเป็นของเรา บำเหน็จเป็นของเรา มงกุฎเป็นของเรา ถ้าเราคิดถึงตรงนี้เราจะเห็นนะครับว่าเปาโลชื่นชมยินดี เปาโลรับใช้นะครับ เขาเป็นทุกข์ เขามีภาระ เรื่องพี่น้องคริสเตียนที่ยังไม่เติบโตสักที แต่สุดท้ายเปาโลก็ปลาบปลื้มปิติยินดี เพราะว่าเขารู้นะครับว่าบำเหน็จที่ไม่รู้ร่วงโรยก็เป็นของเขาแล้ว
อย่าลืมนะครับ สามข้อเอาไปใช้ แล้วเราจะรับใช้พระเจ้าแบบสบาย ถึงแม้ว่าปัญหามันจะยังมีอยู่ และยังจะมีมาเรื่อยๆ คนเก่า (คนที่รับมานา มานาน) หรือคนใหม่ (พึ่งรับมานา) ไม่ได้สำคัญอะไร สำคัญอยู่ที่เรากับพระเจ้า เรากับพระเจ้าเท่านั้น แล้วปัญหาที่เราเห็น ก็คือพระเจ้าให้เราทำการบ้าน เพื่อการฝึกของเรา จริงๆ แล้วเราใช้หลักสูตรเดิม ปัญหามันอยู่ที่เรา เอเมนไหม คือเราจะให้ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเราดีพร้อมมันคงยาก และไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ แต่พระเจ้าต้องการให้เรามีหัวใจที่พร้อมสำหรับพระเจ้า
1. ทำดีที่สุด
2. ไม่ตัดสิน ไม่มองไม่ต้องไปสนใจใส่ใจ ใครเป็นอะไร ใครเป็นยังไง เราเอเมน แต่เราทำส่วนของเราให้ดีที่สุด
3. มองบวก คิดบวก
สำหรับผมนะครับขอบคุณพระเจ้า คริสตจักรไม่พร้อม คริสตจักรมีปัญหา คนเก่า คนใหม่ อะไรก็แล้วแต่ คือผมปล่อยวาง ผมทำหน้าที่ให้ดีที่สุด คือมีของประทานอะไรที่เราใช้ พระเจ้าให้ใช้ เราใช้ และนี่คือส่วนของเราที่ดีที่สุดแล้ว
ประเด็นที่เราเห็น ปัญหาในคริสตจักร ปัญหากับพี่น้องบางกลุ่มในกลุ่ม จริงๆ แล้วเราเป็นห่วง ใช่ครับเรารักเราต้องการให้ทุกสิ่งมันดีขึ้น เป็นหัวใจของบุตรพระเจ้าใช่ครับ เอเมน. เพียงแต่ว่า 1. ถ้าพระเจ้ามอบหมายหน้าที่ให้เรา 2. หรือถ้าพระเจ้าไม่มอบหมายหน้าที่ให้เรา
1. พระเจ้ามอบหมายหน้าที่ให้เรา ก็คือเราพูดคุยกับเขาได้ด้วยความรัก และพูดให้ตรงประเด็น พูดในลักษณะที่ คือการพูดของเรานะครับมันอยู่ที่การพูด พูดด้วยพระวิญญาณ
2. ไม่ใช่หน้าที่ของเรา ก็คือยกเรื่องนี้ให้ทีมงาน ที่พี่น้องทำ ทำถูกแล้วครับ คือเราไม่พูดต่อหน้าใคร เราไม่พูดในท่ามกลางที่ประชุม แต่เราพูดในทีมประสานเราพูดได้ไม่เป็นไร และให้ผู้ที่มีหน้าที่ หรือมีของประทาน ที่เป็นผู้ดูแล ผู้ปกครอง หรือผู้ที่พูดได้ เตือนได้ เราหาวิธีแก้ไข อธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าครับ
แต่อย่าลืมนะครับปัญหาจะไม่หมด ปัญหาจะมีมาเรื่อยๆ คริสตจักรที่ไม่มีปัญหาก็คือคริสตจักรร้าง แล้วเราจะไม่มีอะไรฝึกนะครับ ไม่มีอะไรที่จะใช้เพื่อการฝึกชีวิตคริสเตียน และชีวิตคริสตจักร เราต้องการสิ่งนี้เพื่อฝึก และพระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น และมันก็จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากว่าการเปิดตาคริสเตียนยังมีเด็ก ยังมีหนุ่ม ยังมีพ่อ ตลอดไป เราควรจะคุยกับพี่น้องทีมประสานนะครับให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น และก็เราอธิษฐานเผื่อ และถ้าผมเตือนได้ ผมก็จะเตือน
ถาม.
ข้อที่ 5 บอกว่า อยู่ในความจริง ข้อ A บอกว่า คนใหม่แล้ว ชอบธรรมแล้ว เป็นมนุษย์วิญญาณ ความหมายข้อ B บอกว่า เรามาถวายชีวิตใหม่ในพระคริสต์เพื่อพระบิดาจะใช้ คำว่าพระบิดาจะใช้ อันนี้หมายถึงยังไงคะ
ตอบ.
คือการมารวมกันของพระกาย คริสตจักรตามน้ำพระทัย ก็คือเมื่อเราเข้ามาร่วมกัน เราอยู่ในการคำนึงถึงทุกเวลาว่าเราเป็นคนใหม่ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย คนเก่าตายไปแล้ว อาดัมไม่มี เนื้อหนังไม่มี ตอนนี้เราเป็นมนุษย์วิญญาณ นี่คือการนมัสการในความจริง ความจริงของพระเจ้าก็คือเราเป็นคนใหม่แล้ว เราฟื้นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระเยซูแล้ว
เราได้รับพระพรทุกประการแล้วในฝ่ายวิญญาณ แล้วก็เราเป็นคนชอบธรรม เป็นคนบริสุทธิ์ พระวิญญาณสถิตอยู่ในเรา พระคริสต์อยู่ในเรา พระคริสต์ทำหน้าที่เป็นพี่ชายที่นำเราในการสามัคคีธรรม แม้แต่ขณะนี้ก็เหมือนกัน ขณะนี้พระเยซูเป็นพี่ชายคนโตที่นำเรา ที่พูดผ่านเรา ที่ฟังผ่านเรา ที่ร่วมเคลื่อนไหวในเราผ่านเรา และพระบิดาก็พอพระทัย และพระบิดาทรงสถิตอยู่กับพวกเรา และฟังเสียงร้องเพลง อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ เผยพระวจนะ ทุกสิ่ง นี่คือเรียกว่าการนมัสการในความจริง
เราจำเป็นต้องถวายไหม ต้องถวายนะครับ คือการนมัสการแม้แต่ชาวยิวเมื่อเขาจะมานมัสการพระเจ้า ถ้าหากไม่มีความผิดไม่ได้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาป เขาจะนำเครื่องถวายบรรณาการ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Gift หรือภาษาไทยภาษาลาวเรียกว่า ของขวัญ นำของขวัญมาถวายแด่พระเจ้า เรานำความรัก นำการขอบพระคุณ นำการยกย่องสรรเสริญ นำสิ่งที่ดีดีมาพูดยกย่องสรรเสริญพระเจ้า อันนี้เรียกว่าการถวายของขวัญ และเราถวายอวัยวะของเราที่เป็นคนใหม่ ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ให้พระเยซูใช้เพื่อสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านเรา
ถาม.
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่หลายคนก็จะลืม เวลาเรามาร่วมกัน คือลืมไปว่าเรามาร่วมกันในฐานะของคนใหม่ของคนที่ตายร่วมกับพระเยซูแล้ว แล้วก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว บางครั้งเราก็จะหลุดจะเผลอจะลืม ใช้ความคิดเก่าใช้อะไรที่เป็นตัวเก่า มันก็อาจจะส่งผลที่ทำให้เกิดมีด้านลบเข้ามาในคริสตจักร
ตอบ.
สำหรับคริสตจักรนะครับ ถ้าเราจะประสบความสำเร็จเรื่องนี้ คือการนมัสการในความจริง เราเน้นเราพูดถึงเราย้ำบ่อยๆ ในที่ประชุม หรือทำหนังสือ หรือเขียนบทความนะครับ แล้วก็ส่งเข้าในกลุ่ม หรือเราย่อสั้นๆ ย่อสั้นๆ ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 บอกว่าขอบคุณพระเจ้าวันนี้เรานมัสการพระเจ้าในความจริง ในความจริงคืออะไร เราย้ำเราเน้นให้พี่น้องหลายคนที่อาจจะลืมนึกไม่ถึง
เรามนุษย์มีจุดบกพร่องนะครับ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในพระคริสต์ พระเจ้านำเราเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ แต่จิตของเราที่ยังไม่ได้รับการก่อขึ้น มันชอบมักที่จะลืม แล้วก็การใส่ใจอาจจะไม่ค่อยมีนะครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยได้ ก็คือการที่เราช่วยคอยล้างเท้าพี่น้องอยู่เป็นประจำ และงานสำคัญก็คือการเตือนพี่น้อง ว่าขอบคุณพระเจ้าเราเป็นคนใหม่ นมัสการในความจริงคืออะไร นมัสการในวิญญาณคืออะไร ให้ทุกคนเข้าใจ
สำหรับเรานะครับที่ได้รับการเปิดตาได้รับรู้เรื่องพระคำล้ำลึก เรารู้ดีนะครับว่าไม่ใช่บังเอิญที่พระเจ้าเรียกเราเลือกเราให้มาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เราเองนะครับ และการดำเนินชีวิต เราทุกคนอยู่ในแผนการงานของพระเจ้า ไม่ว่าจะเจออะไร ดีไม่ดี เราขอบพระคุณ เราขอบพระคุณ เราขอบพระคุณ และเรายอมรับในสิ่งที่เข้ามา เราชื่นชมยินดี เราพอใจ เราขอบพระคุณ
พี่น้องที่มาเราขอบพระคุณ พี่น้องที่ไปเราขอบพระคุณ พี่น้องที่ร่วม ไม่ร่วม เราขอบพระคุณ พี่น้องที่พูดไม่ดีกับเรา เราขอบพระคุณ ต้องขอบพระคุณทุกกรณี เมื่อมีการขอบพระคุณการงานของพระวิญญาณก็จะมีมากขึ้น และผมขอย้ำเราก็ทำถูกนะครับ ที่เราเป็นห่วง เรารักคริสตจักร รักพระกาย รักพี่น้องที่ได้รับการเปิดตา ไม่อยากให้เขาออกไป แต่นะครับพระเจ้าอนุญาต พระเจ้าให้เกิดกับเขา เพราะว่าพระเจ้ามีเหตุผล
เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมพูดนะครับ สามข้อ กลับมาพูดถึงสามข้อ แล้วมันจะทำให้เราแบกภาระที่เบา กางเขนที่เบาสบายมาก
1. ก็คือทำดีที่สุด หน้าที่ของเราคือทำดีที่สุดก็พอ ใครจะทำแบบไหนจะทำยังไง พอใจเราหรือไม่พอใจเรา หรือช้า หรือเร็ว หรือยังไงก็แล้วแต่ แต่เราทำหน้าที่ดีที่สุด มงกุฎก็เป็นของเราแล้ว
2. ก็คือเราไม่ตัดสิน *ยกเว้น* นะครับนอกเสียจากว่าพระเจ้าประทานสิทธิอำนาจให้เรามีของประทานในการเป็นผู้ดูแล และเราตัดสินได้ แต่คนๆ นั้นที่มีของประทานในการตัดสิน ก็จะพูดด้วยความรัก เอาความรักเป็นหลัก เอาความรักเป็นใหญ่ แล้วการพูดมีรสเค็ม ทำให้คนนั้นกลับใจได้ แทนที่จะโกรธเคืองแค้นเคืองไม่พอใจหรือหนีไป แต่ถ้าหากว่าเราพูดโดยพระวิญญาณตัดสินโดยพระวิญญาณ แล้วเขาไม่กลับใจ อันนั้นก็จะเป็นเรื่องของเขา โทษก็จะเป็นของเขาการตีสอนก็จะเป็นของเขาก็ไปกับเขา
3. ก็คือคิดบวก มองบวก เราจำกันได้ดี 2 คร 5:16-17 ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์ก็เป็นคนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิดมีแต่สิ่งใหม่ๆ ทั้งนั้น ถ้าหากเราเห็นพระคำพระเจ้าในข้อนี้ชัดเจนและเรานำมาขอการเปิดเผยเปิดตา ที่เราได้เข้าใจถึงการรู้รู้ รู้รู้ ก็คือเข้าสู่ประสบการณ์ชีวิตที่เราจะมองทุกคนไม่เห็นจุดบกพร่องของเขาเหมือนเมื่อก่อนที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาหรือรับมานาใหม่ๆ
เราจะเห็นทุกคนดีพร้อมหมด เพราะว่าพระเจ้ามองเราเห็นความดีพร้อมบริสุทธิ์ชอบธรรม พระคริสต์ปกปิด ปิดบัง ซ่อนเราไว้ในพระองค์ เพราะฉะนั้นพระคริสต์ก็ปกปิดซ่อนทุกคนไว้ในพระองค์ เราก็ไม่ต้องมองนะครับ
และหน้าที่ ที่จะทำให้แต่ละคนเติบโต ต้นองุ่นนะครับ พระเยซูเป็นผู้ที่ดูแล พระบิดาเป็นผู้ครอบครองควบคุมดูแล และเรามีหน้าที่ติดต่อ ต่อติดเชื่อมต่อกับพระเยซู และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราขอบคุณพระเจ้าที่เราโตมาถึงจุดนี้ และเราอธิษฐานเผื่อพี่น้อง อธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังมาไม่ถึง
แล้วอย่างที่ผมพูดนะครับขอย้ำว่า คริสตจักรหรือแม้แต่พระกายเที่ยงแท้ จะไม่มีทางที่จะไม่มีปัญหา ปัญหาจะต้องมีมาเป็นระยะๆ เพื่อเราฝึก เพื่อการฝึกของเรา และเพราะเหตุผลที่ว่า พี่น้องที่รับมานาใหม่ๆ หรือรับการเปิดตาไม่มากเท่าเรา จะมองไม่เหมือนกัน จะนำปัญหาเข้ามา เราชื่นชมยินดีเราทำดีที่สุดนะครับ มงกุฎก็เป็นของเราแล้ว เอเมน
ถาม.
คือผมก็เข้าใจนะว่าคริสตจักรผู้ชนะก็ต้องมีปัญหา แต่ว่า คือผมเห็นว่าบางครั้ง เวลามีปัญหาเกิดขึ้น เราหรือหลายๆคนไม่เอาวิธีการแก้ปัญหาที่เราเคยเรียนรู้มา มาใช้ มันก็เลยกลายเป็นว่าปัญหามันแก้ไม่ได้ ถึงแก้ได้ก็เหนื่อยหนักกว่าจะได้ จริงๆ เรื่องมันไม่ได้ใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเราไม่แก้ปัญหาตามวิธีที่มันควรจะแก้
ตอบ.
สำหรับพี่น้องที่เดือดร้อนแล้วมาหาเราร้องไห้หรืออะไรก็แล้วแต่ เราบอกพี่น้องไปนะครับว่า
1. คนแรกที่เราต้องพึ่งก็คือพระเจ้า ขอให้วางใจในพระเจ้า
2. ก็คือเราจะคุยกับพี่น้องทีมประสาน หรือพี่น้องที่มีภาระใจ แล้วเขาจะช่วยหรือไม่ช่วย ช่วยมากหรือช่วยน้อย อันนั้นก็อยู่ที่ภาระใจขนาดของความเชื่อของพี่น้อง ความเดือดร้อนไม่เดือดร้อนของพี่น้อง และขอให้เราเข้าใจว่า คือกลุ่มพวกเรา ไม่ได้เป็นองค์กร ไม่ใช่คณะนิกาย ไม่มีผู้หนุนหลังที่มีฐานะร่ำรวย ไม่มีองค์กรใหญ่ๆ ที่ ซัพพอร์ดเรา หน้าที่พวกเราหน้าที่หลัก ก็คือนำพี่น้องมาถึงการเปิดเผยเปิดตา นี่คือหน้าที่หลัก ส่วนหน้าที่รอง ก็คือการช่วยเหลือ แต่การช่วยเหลือนี้มันจะไม่ได้ตามที่เราปรารถนาหรือเราต้องการ เพราะฉะนั้นเราฝึกนะครับที่จะพึ่งพระเจ้ามากกว่าพึ่งมนุษย์
3. การช่วยเหลือของกลุ่มของพวกเรา มันไม่ถึงไม่เหมือนกับคณะองค์กร คณะนิกายที่เขามีกลุ่มใหญ่ มีทุนเยอะนะครับ นี่คือสิ่งที่เราอธิบายกับเขา ง่ายๆ ครับ
ถาม.
ที่ผ่านมาก็ติดเรื่องของการเห็นใจครับ เรื่องที่ว่าเราอาจจะทำด้วยความคิดของเรา อาจจะมีสิ่งที่เราเคยทำพลาดมาครับ โดยที่ไม่ได้พึ่งพระวิญญาณครับ
ตอบ.
ก็ขอพระบิดาชำระเรานะครับ ให้เข้าสู่ความเข้าใจ และการใช้บทเรียนอย่างถูกต้อง ถูกวิธี เพื่อน้ำพระทัยพระบิดาจะสำเร็จในกลุ่มพวกเรา เอเมน
คือทุกอย่างมันอยู่ที่การอธิบาย อยู่ที่ทำให้เขาเข้าใจ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เข้าใจเป้าหมายของกลุ่มมานาพวกเราว่าเราทำยังไง เกี่ยวกับเรื่องแก้ไขปัญหาเรื่องพี่น้องเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือจากเรา
หลายคนก็กลุ้มใจ หลายคนก็บอกว่าต้องช่วยเขาต้องช่วยเขา ต้องเรี่ยไร ต้องพยายามหาวิธีช่วยเขา อันนั้นมันไม่ใช่ ไม่ใช่แล้วนะครับ
คือเราทำตามขนาดของความเชื่อ เราทำตามขนาดของทุนทรัพย์ที่เรามี เราทำตามการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะให้ถูกใจจะให้เป็นที่พอใจของทุกคนอันนั้นเป็นไปไม่ได้ องค์กรคณะนิกายเขาทำให้ถูกใจมนุษย์ หลังจากนั้นเขาก็ได้รับสิ่งที่เขาได้รับการซัพพอร์ดก็คือเงินถวาย
แต่พวกเรานะครับ เราขอบคุณพระเจ้า เราพึ่งพระเจ้า เราเห็นนะครับว่าคริสตจักรพวกเราไม่พูดถึงการถวาย การช่วยเหลือ การซัพพอร์ดจากใครทั้งนั้น ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์นะครับนำพา กระตุ้นให้ใครทำอะไร ช่วยใคร ซัพพอร์ดใคร ให้พระเจ้าเท่าไหร่ ให้การงานการรับใช้เท่าไหร่ ช่วยคนยากจนเท่าไหร่ เราทำตามขนาดของความเชื่อ นี่คือสิ่งที่เราฝึกและเราควรทำเพราะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
ในหนังสือกิจการนะครับการงานของสาวกทั้งหลายไม่เคยเอ่ยถึงสิบลด ไม่เคยเอ่ยถึงการถวาย ไม่เคยเอ่ยถึงว่าต้องให้เงินคริสตจักรเท่านี้เท่านั้น เพื่อการใช้จ่าย ไม่มี. แต่เขาอยู่รอดนะครับเพราะอะไร เพราะเขาพึ่งพระเจ้า
ถาม.
แล้วมีบางครั้งที่แบบว่า เราเป็นคนขี้เกรงใจไม่ค่อยกล้าพูด ไม่ค่อยอะไรกับพี่น้อง คือกลัวว่าพี่น้องจะไม่พอใจหรือว่าจะสะดุดเรา สมมุติว่าผมมาขอความช่วยเหลือคริสตจักร แล้วแบบคริสตจักรก็คุยกันแล้ว มันไม่น่าจะช่วยได้ แต่ว่าก็ไม่กล้ามาคุยกับผมไม่กล้าบอก คือกลัวว่าผมจะไม่พอใจว่าทำไมคริสตจักรไม่ช่วย คือมันก็เลยกลายเป็นปัญหายิ่งแย่ไปกว่าเดิม เพราะคนที่มาขอความช่วยเหลือเขาก็คิดว่า เราไม่สนใจเขาหรือเปล่า หรือว่าเราบอกให้เขารอแต่ทำไมไม่เห็นบอกอะไรเขาเลย อะไรอย่างนี้ครับ
ตอบ.
คำว่า เกรงใจ ขี้เกรงใจ นะครับ เราที่เป็นมนุษย์วิญญาณควรที่จะ คือเรามีได้ เราเป็นได้เป็นคนขี้เกรงใจ แต่ว่าการพูดของเรา มันอยู่ที่การพูด คำพูดของเราที่จะพูดให้เขาเข้าใจ เราไม่กล้าพูดเราเกรงใจเขา กลัวเขาจะไม่พอใจในสิ่งที่เราพูด มันก็ช่วยไม่ได้นะครับ
แต่คำอธิบายของเราจะช่วยให้เขาเข้าใจเหตุผล ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนมีเหตุผล เพราะฉะนั้นการพูด การตอบ การอธิบาย การใช้เหตุผลให้เขาเข้าใจ ก็จะช่วยเขาได้ คือมีคนมายืมเงิน เราไปคุยกับทางพี่น้องทีมประสาน พี่น้องทีมประสานบอกว่าช่วยไม่ได้ยังรอคำตอบจากพระเจ้า เราก็บอกความจริงนะครับ เราก็ไปบอก แต่ถ้าเขาจะโกรธไม่พอใจเสียใจหรืออะไร ก็ช่วยไม่ได้ครับ
เรารักเขา เราอยากช่วยเขา แต่การช่วยเหลือของเรามันมีเท่านี้ และเราต้องรอการนำพาของพระเจ้า อีกครั้งนะครับการบริหารงานของคริสตจักรเที่ยงแท้ คือให้พระเยซูเป็นศีรษะที่แท้จริง ก็คือรอคำตอบจากพระเยซู เราจะรีบร้อนไม่ได้ เราจะเอาใจเขา หรือเอาใจพระเยซู เปโตรตอบว่ายังไงครับ แน่นอนที่สุดผู้รับใช้ที่แท้จริงต้องตามใจพระเยซูมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราปฏิเสธเขาแบบหน้าซื่อๆ เราปฏิเสธด้วยความรัก เราบอกเหตุผลนะครับว่าเราช่วยได้เท่านี้ หรือเรายังรอคำตอบจากพระเจ้าอยู่ และอย่าลืมนะครับว่าพวกเราไม่มีทุนเยอะ และพี่น้องทีมประสานก็ไม่ได้เพอร์เฟค เขาก็อธิษฐานอยู่คุยกันอยู่ว่าจะทำยังไง เขาก็มีภาระใจเหมือนกันอยากช่วยและอธิษฐานเผื่ออยู่ นี่คือคำตอบที่ดีนะครับ
ถาม.
คือเวลามีพี่น้องใหม่ๆ เข้ามา คือมันก็เป็นเรื่องปกติที่เขาก็พยายามอยากจะเรียนรู้ให้ได้ไวๆ ไม่ว่าจะเป็นการสะสมบทเรียน หรือการฝึกชีวิตอะไรก็แล้วแต่ คล้ายๆ เหมือนกับอยากจะให้มันไวๆ ขึ้นหน่อย ให้ไวขึ้นให้มากที่สุดเท่าที่จะไวได้ ทั้งๆ ที่มันก็ควรจะเป็นไปตามเวลา แต่ด้วยความที่เขาอยากได้ไวๆ ก็เลยแบบอยากจะหาโค้ชเก่งๆ คนเก่งๆ หรือใครที่ดูแล้วเข้มแข็ง คนนี้น่าจะรู้เยอะ คือเขาก็จะพยายามไปดูคนนั้นพยายามไปดูเขาทำอะไรยังไง คือการมารวมกลุ่มกันผมเห็นว่าที่ผ่านมา คือหลายๆ คนจะเน้นที่การเป็นพยาน คือคนก็อยากฟังคำพยานเพราะอยากได้ประสบการณ์ชีวิตแบบนั้นบ้างไวๆ แต่ผมเห็นว่าการเน้นที่การเป็นพยานเยอะเกินไป มันก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เราน่าเน้นที่การนมัสการ หรือการแบ่งปันพระคำมากกว่า คือเราเป็นพยานได้นิดๆหน่อยๆเพื่อคำพยานของเราจะช่วยพี่น้องได้ แต่ไม่ใช่แบบเยอะเกินไป ใช่ไหมครับ
ตอบ.
อันนี้เราหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนครับ แต่การพูด การเป็นพยานที่พูดยาวเกินไป น้ำท่วมทุ่งบ้าง หรือพูดไม่ถูกในลักษณะของรูปแนวชีวิต ทำให้พี่น้องไม่ได้รับการเสริมสร้าง ไม่ได้รับการก่อขึ้น เป็นเรื่องปกติที่เราต้องเจอบ่อยๆ เหมือนกับปัญหาที่เข้ามาที่เราต้องเจอบ่อยๆ หลายๆ เรื่องนะครับ
เราเน้นสิครับเราเน้น เราชวนพี่น้องทีมประสานหรือชวนพี่น้องที่เข้าใจเหมือนเรา เน้นย้ำในกลุ่มนะครับ เราเน้นบ่อยๆ การเน้นบ่อยๆ เป็นสิ่งที่พี่น้องในกลุ่มผู้ชนะเขาทำกัน ขออนุญาตนะครับ ขอเสริมนะครับ การเป็นพยานแบบนี้แบบนั้นคือมันยาวไปไม่ได้เสริมสร้างพี่น้อง เราตัดให้สั้นเข้า หรือพูดในลักษณะที่มีความรักนะครับ แล้วทุกคนผมเชื่อนะครับทุกคนก็เข้าใจหลายคนก็ถ่อมใจ
สิ่งที่เป็นจุดบกพร่องของพวกเราทุกวันนี้ ก็คือเราไม่ย้ำ ไม่เน้น หลายคนก็ลืม ทุกคนมีจุดบกพร่องเรื่องลืมนะครับ เรามักจะลืมว่าเป็นคนใหม่นมัสการพระเจ้าอยู่ และคำพูดควรสั้น ควรเป็นแบบไหน เสริมสร้างหรือไม่เสริมสร้าง พูดอะไร พูดเรื่องอะไรบ้าง หลายคนไม่ได้เข้าสู่บทเรียนเรื่องคริสตจักรนะครับ เพราะฉะนั้นเราที่เป็นผู้ที่เข้าใจเห็นภาพที่ชัดเจน เราก็ชวนพี่น้องบางคนที่เข้าใจเหมือนเรา ย้ำบ่อยๆ เน้นบ่อยๆ ในกลุ่ม นี่คือการแก้ปัญหาที่ดีนะครับ ขั้นแรกครับ
สำหรับเรื่องการเติบโต ต้องการให้เติบโตเร็วๆ สะสมมานาให้มาก ให้มากๆ ก็ให้เขาฟังคลิป ให้เขาฟังให้เขาอ่านในเว็บไซต์ ให้เขาอ่าน บอกเขานะครับว่ามีสองทางมีแค่นี้ แล้วพออ่านพอฟังก็คือขอการเปิดตาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ครับ ถ้าเขาเห็นว่ามีใครที่เป็นโค้ชที่ดีของเขา สอนเขาได้ดีมากกว่าใคร ก็หนุนใจเขาก็อธิษฐานเผื่อเขา แล้วก็ให้เขาไปคุยกับคนนั้นก็ไม่เป็นไรครับ
ถาม.
โค้ชของเราก็คือพระเยซูใช่ไหมครับ แล้วก็การสะสมมานาก็คือพระคำล้ำลึก คือการที่จะให้โค้ชทำงานเพื่อที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปิดตาเราใช่ไหมครับ
ตอบ.
สำหรับพระเจ้านะครับ พระเจ้ามองว่าใครที่ชอบคนไหน เนื่องจากว่าความเชื่อเขายังเด็กอยู่ เขาชื่นชอบคนไหนเขาอยากให้คนนั้นเป็นโค้ชหรือเป็นครู ก็เรียนรู้จากคนนั้นก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับคนที่เป็นโค้ชหรือเป็นครู ก็ควรเข้าใจนะครับว่าผู้ที่เป็นโค้ชจริงๆ ก็คือพระเยซู
สำหรับผมขอบคุณพระเจ้า ใครจะชอบใคร ใครจะอยากเรียนรู้กับใคร ใครจะฟังใครมากกว่าใคร อันนี้เราสรรเสริญพระเยซู เพราะว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้ที่จะได้รับเกียรติก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราก็เอเมนกับสิ่งนั้นครับ อันนี้มันเป็นปัญหาของคริสตจักรศาสนาที่มีมานาน เรื่องความนิยมชื่นชอบอาจารย์คนนี้อาจารย์คนนั้น แล้วถ้าไม่ใช่เรา เราก็อาจจะไม่พอใจ
แต่นะครับสำหรับพระเจ้า พระเจ้าบอกเราเหมือนกับบอกบางคนผู้รับใช้ในพระคัมภีร์เดิม ถ้าเราต้องการที่จะให้ใครยกเราขึ้น หรือพระเจ้ายกเราขึ้น ก็คือเราเต็มด้วยความรัก เต็มด้วยความถ่อมใจ ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ เต็มด้วยความอ่อนสุภาพ สุภาพอ่อนโยน
เราไปกินอาหารร้านไหนที่เห็นว่าเขาทำอร่อย อร่อยมากๆ แน่นอนครับเราไปไหนก็ลืมร้านที่เราเคยไปกินที่มันอร่อยไม่ได้เราต้องกลับไปกิน ไม่มีใครที่ไปร้านไหนที่เจ้าของร้านบ่น แล้วก็พูดหยาบคาย พูดไม่เพราะ ก็อาจจะมีบางคนที่ไปเพราะว่าอาหารมันอร่อย
แต่ร้านที่ดีที่สุด ร้านที่ดีที่สุด ที่ขายดีที่ได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คน ก็คือทั้งพูดดีและทั้งอาหารอร่อยทั้งสองสิ่งนะครับต้องได้ เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมพูดนะครับ เรากลับมาอีก กลับมาอีก สามคำที่ผมเคยบอก เราทำดีที่สุด ใครจะเป็นยังไง ใครจะชอบใคร ใครจะชื่นชมใคร ใครจะอยากเรียนจากใคร เราก็เอเมน เราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดก็พอ
ถ้าหากพี่น้องมีโอกาสได้อ่านคำอธิบายหนังสือ 1 เปโตร 2 เปโตร ตรงนี้นะครับคือหัวใจของการเติบโต ของการสะสมมานา ของการอยู่ในกระบวนการการก่อขึ้น ตามกำหนดเวลาของพระเจ้า คืออันแรกเรารู้แล้วว่าบทเรียนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยให้เราเข้าใจว่าการสนิทในพระคริสต์ สนิทในพระเยซู บอกรักพระเยซู ก็จะได้รับการก่อขึ้น และรับการเปิดตา
เอาแรกๆ เลยนะครับ 1. พระเจ้าเปิดตาเราให้มาถึงการเข้าใจเรื่องการสนิท 2. เราสนิท เราสนิทพระเจ้าจะเพิ่มชีวิตของพระคริสต์ให้ก่อมากขึ้น ก่อขึ้นมากขึ้นในเรา และเปิดตาเรามากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเราสนิทเราสำแดงชีวิตพระคริสต์มากขึ้น และพูดคุยบอกรักกับพระเยซูมากขึ้น เราจะรับการเปิดตามากขึ้น เห็นไหมครับ ยิ่งเราสำแดงชีวิตพระเยซูมากเท่าไหร่ ความชอบธรรมของเราเพิ่มขึ้นนะครับ การเปิดตาก็จะมีมากขึ้น และเรายิ่งสนิทในพระคริสต์มากเท่าไหร่ การเปิดตาก็จะมีมากขึ้น
เราทำดีมากขึ้น การเปิดตามากขึ้น เราสนิทมากขึ้น เราทำดีมากขึ้น สรุปนะครับ ก็คือสนิท บอกรัก สะสมมานา หัวใจของการรับการก่อขึ้นตามกำหนดเวลาของพระเจ้ามันอยู่ตรงนี้
เพิ่มความชอบธรรม เอาความชอบธรรมนะครับเพิ่มขึ้น ก็คือสำแดงชีวิตของพระคริสต์มากขึ้น หลังจากนั้นพระเจ้าก็จะเปิดเผยเปิดตาเราให้เข้าใจความจริงแห่งพระคำพระเจ้ามากขึ้น เราก็สนิทมากขึ้น 3 สิ่งนี้จะควบคู่กันไป
แล้วถ้าหากเรารีบหรืออยากโตเร็วๆ อันนี้ไม่มีทางนะครับ การโตเร็วเนี่ยเป็นไปไม่ได้ แต่การโตช้า ทำให้งานของพระเจ้าล่าช้าเนี่ยได้
เพราะฉะนั้นถ้าหากเรามีหัวใจ มีภาระใจอยากเติบโต อยากโตเร็ว ก็คือตามกำหนดเวลาของพระเจ้า จะรีบเร่งพระเจ้าไม่ได้ อันนี้ต้องทำใจ แต่หน้าที่ของเราที่ดีที่สุดในแต่ละวัน ก็คือรับการเปิดตาเรื่องการสนิท เราก็สนิทนะครับ เมื่อเราสนิทพระเจ้าให้ความชอบธรรมเกิดขึ้น เราสำแดงชีวิตพระคริสต์ และเราหน้าที่ของเราต่อมา ก็คือสนิทและสำแดงชีวิตของพระคริสต์ การเปิดตาก็จะมีมากขึ้นอีก เราเห็นไหมครับนี่คือการทำงานของพระเจ้า เอาบทเรียนใน 1 เปโตร 2 เปโตร มาทำความเข้าใจ ขอการเปิดเผยจากพระวิญญาณนะครับแล้วเราจะเห็น เอเมน
ถาม.
ช่วงที่รับมานาใหม่ๆ ก็จะเร่งสะสมก็จะฟังคลิปทั้งวันทั้งคืน แล้วก็จะอ่านสะสมมานาบทเรียน ค่อนข้างมากด้วยครับ แต่ว่าช่วงหลังๆมานี้ ก็เริ่มเหมือนกับอาการขี้เกียจหรือเปล่าครับ ว่ายังไงครับ หรือว่าเรามีปัญหา
ตอบ.
สำหรับพี่น้องที่มาถึงพระคำแห่งความจริง ได้รับการเปิดตาเข้าสู่มานาที่ซ่อนไว้ หรือพระคำล้ำลึก มันจะมีบางช่วงบางจุดบางเวลา ที่พอเรารับไปนานขึ้นนานขึ้นนานเข้า เราจะเห็นว่าจิตของเราในส่วนที่ยังไม่ถูกชำระ และซาตานจะพยายามทำให้เรารู้สึกว่า เออ..พระเจ้าฉันก็ไม่กลัวแล้วเหมือนเมื่อก่อน เข้ามาหาพระเจ้าก็ง่ายๆ มาทางพระโลหิต ทำบาปพระเจ้าก็ยกโทษให้ คือทุกสิ่งมันเบามันง่ายไปหมด สันติสุขก็มีได้สบายๆ แบบไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องเฝ้าเดี่ยว และการรับพระวิญญาณก็รับง่ายๆ
คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อยู่ในเราตลอดเวลา ไม่ต้องขอ ไม่ต้องอัญเชิญ ไม่ต้องรักษาชีวิตให้บริสุทธิ์ คือทุกสิ่งมันง่ายไปหมด และจะทำให้เราเกิดมีอาการขี้เกียจ เกิดมีอาการไม่กลัว เกิดมีอาการเฉื่อยชา และสุดท้ายก็ไม่รู้สึกขยันเหมือนเมื่อก่อน อันนี้มันเป็นเรื่องปกติของจิตของทุกคน มันเกิดขึ้นกับทุกคนครับ ผมก็เคยเป็นครับ
เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะครับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของผู้ที่ได้รับการเปิดตา แต่นะครับอีกไม่นานต่อมาพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะช่วยกู้ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเรา ให้เรากลับมาสู่จุดที่กระหาย ร้อนรน กระตือรือร้น อยากกิน อยากดื่ม อยากรับพระคำเข้ามาอีก สุดท้ายเราก็กลับมาหาพระเจ้า และนานๆ เราก็อาจจะขี้เกียจเหมือนเดิม คือมันจะมีการต่อสู้ระหว่างพระวิญญาณบริสุทธิ์ เนื้อหนังต่อสู้กับพระวิญญาณ พระวิญญาณต่อสู้กับเนื้อหนัง แต่สุดท้าย สุดท้ายก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ชนะแน่นอน พระเจ้าต้องเป็นผู้ชนะนะครับ เอเมน
เราไม่ต้องแปลกใจและไม่ต้องกลัวไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องที่ต้องเกิดขึ้นกับเรา เพียงแต่หัวใจเรา "พระเยซูช่วยข้าด้วย พระองค์เป็นพระผู้ช่วย พระองค์ช่วยกู้ข้าพระองค์จากทุกสถานการณ์ทุกเหตุการณ์" พระเจ้าก็ทำหน้าที่ของพระองค์ครับ
ถาม.
แล้วสำหรับพี่น้องอาจจะแบบว่า ยังไม่ค่อยเห็นสติปัญญาของพระคริสต์หรือว่าเห็นการทรงนำของพระวิญญาณเท่าไหร่ สำหรับเรื่องชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน คบกับใคร หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่มันเป็นสิ่งที่เราต้องเลือกต้องตัดสินใจ คือเราจะหนุนใจยังไงดีครับหรือว่ายังไงครับนอกจากอธิษฐานเผื่อและหนุนใจได้นิดๆหน่อยๆ
ตอบ.
จำได้ไหมครับ สามข้อ ทำหน้าที่เรา ของเราให้ดีที่สุดแค่นั้นครับ นอกเหนือไปจากนั้น ก็คือให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้า และผู้อื่นที่พระเจ้าใช้ครับ เอเมน
ถาม.
สำหรับเรื่องคริสตจักรนะครับในเมืองไทยเรา คือไม่เคยมีใครเห็นภาพคริสตจักรผู้ชนะจริงๆใช่ไหมครับว่ามันเป็นยังไง ประชุมกันยังไง การนมัสการ การเผยพระวจนะ หรือการอยู่ร่วมกันเขาทำยังไง ผมเองก็ไม่เคยเห็นนะ คือเห็นนิดๆ หน่อยๆ
ตอบ.
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับจุดเริ่มต้น การเริ่มต้นที่ดีของคริสตจักรฝ่ายวิญญาณในเมืองไทย และมันเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด ไม่ช้าก็เร็วพระกายเที่ยงแท้ก็จะเกิดขึ้น ไม่มีใครห้ามได้ ไม่มีใครขัดขวางได้ เนื่องว่าพระเยซูเป็นผู้ก่อคริสตจักรเที่ยงแท้ของพระองค์ที่เมืองไทยและหลายๆ ประเทศแน่นอนครับ อาจจะช้านิดนึงหรืออาจจะเป็นไปตามกำหนดเวลาของพระเจ้าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครทราบ เพียงแต่เราทำหน้าที่ของเรา
และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเจ้าให้เกิดมี ยังดีกว่าใช่ไหมที่เมื่อก่อนไม่เคยมี เราไม่เคยเห็น เราไม่เคยได้รู้ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่เราเห็นภาพไม่มากก็น้อยแล้วใช่ไหม ที่ตอนนี้เรามารู้ว่าพระกายเที่ยงแท้ไม่ใช่ศาสนาคริสต์ ไม่ใช่คริสตจักรศาสนา ที่เราเห็นกันอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง และการนมัสการของเขาเป็นยังไงเป็นแบบไหนลักษณะไหนเราพอเห็นคร่าวๆ
การประชุมเดือนเมษายนนะครับผมจะพูดถึงมากกว่านี้ และเราจะใช้เวลาเรื่องคริสตจักรมากพอสมควร เคียงคู่ไปกับหนังสือโครินธ์ และเรื่องหลัก ก็คือเรื่องการเดินในฝ่ายวิญญาณ การฝึกชีวิตผู้ชนะ เราจะใส่ใจตรงนี้นะครับ
อีกครั้งนะครับชีวิตผู้ชนะ ชีวิตที่ได้รับการเปิดตา คือชีวิตที่เบาสบาย เเอกเบา กางเขนเบา ได้รับการพักผ่อน ลืมมันได้ก็ลืมมันไปเรื่องการมองด้านลบการมองปัญหา ถ้าเป็นหน้าที่ของเราก็ขอบคุณพระเจ้า เราเอามาแบกแต่ไม่ต้องแบกมากเกินไป เราวางไว้ที่พระหัตถ์ของพระเยซู ภาระเป็นภาระของพระเจ้า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แน่นอนครับมงกุฎจะเป็นของเรา เราเป็นบุรุษไปรษณีย์ที่ทำหน้าที่ของเรา ใครจะเปิดอ่านไม่เปิดอ่าน รับไม่รับ ดีไม่ดียังไงก็แล้วแต่ เราเบาสบาย
ถาม.
ในวิวรณ์แบ่งกลุ่มไว้เป็นกลุ่มของ 12 ตระกูลอยู่ 144,400 และเรากลุ่มผู้ชนะเราอยู่ใน 144,000 ไหมคะ หรือว่าเป็นอีกกลุ่มหนึ่งของกลุ่มผู้ชนะ ไม่เกี่ยวกับ 12 ตระกูลชาวยิวค่ะ
ตอบ.
สำหรับ 144,000 คน ที่พระเจ้าเลือกให้รอด ก็คือชาวยิว ชาวยิว 12 ตระกูล ที่มาจาก 12 ตระกูล 144,000 คน ที่พระเจ้าจะให้รอดในช่วงกลียุค ขอย้ำนะครับว่าในช่วงกลียุค ช่วง 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน จะมีอยู่ 144,000 คน ที่จะได้รับความรอด ไม่เกี่ยวกับต่างชาติครับ
...
ถาม.
ไม่เกี่ยวกับอิสราเอลของพระเจ้านะคะ
ตอบ.
ไม่เกี่ยวครับ สำหรับชนชาติอิสราเอลของพระเจ้ามี 12 ตระกูล และทุกวันนี้เขาก็ยังมีผู้ที่เชื่อในพระเยซู และก็ได้รอดเป็นระยะๆ ทุกวันนี้มีหลายหมื่นหลายล้านที่เป็นคริสเตียนและได้รับความรอด แต่พอมาถึงช่วงกลียุคหรือ 7 ปีแห่งความทุกข์ทรมาน จะมีอยู่อีก 144,000 คนที่จะได้รับความรอด และคนต่างชาตินะครับก็จะมีเยอะเหมือนกันที่จะเข้าสู่ความรอดในพระเยซู
...
ถาม.
แล้วเราที่เป็นกลุ่มผู้ชนะเราอยู่ในกลุ่มไหนคะ
ตอบ.
สำหรับเราที่เรียกว่ากลุ่มผู้ชนะ ก็คือพระกายเที่ยงแท้ ก็คือพระกายฝ่ายวิญญาณ ตอนนั้นนะครับพอมาถึงช่วงกลียุค หลายคนจะไม่อยู่แล้ว พระเจ้ารับไปแล้ว แต่จะพอมีบางคนบ้างที่ยังอยู่
...
ถาม.
ก็ไม่เกี่ยวกับยิว ไม่เกี่ยวกับอิสราเอลของพระเจ้า แต่เป็นผู้ชนะคือพระกายฝ่ายวิญญาณใช่ไหมคะ
ตอบ.
ใช่ครับผม ผู้ชนะนะครับไม่ใช่ยิว ผู้ชนะคือต่างชาติและยิว ใครก็ตามนะครับที่ฝึกชีวิตที่มาถึงการเปิดตา อยู่ในพระคำแห่งความจริงของพระเจ้า คือพระคำล้ำลึก ก็จะมีโอกาสได้เป็นผู้ชนะ
ส่วนคริสตจักรทุกวันนี้ที่เป็นศาสนาคริสต์ที่เป็นคริสเตียนศาสนา คือเขาเข้าอาณาจักรไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่เคยแสวงหาอาณาจักร ไม่มีใครแสวงหาอาณาจักร และไม่มีใครดำเนินชีวิตในหนังสือมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 บทที่ 7 ไม่มีใครดำเนินชีวิตตามแบบชีวิตที่พระเยซูสั่งใช่ไหม เพราะฉะนั้นศาสนาคริสต์หรือคริสเตียนศาสนาทุกวันนี้ ไม่มีโอกาสที่จะเข้าในอาณาจักร ไม่มีโอกาสที่จะเป็นผู้ชนะ เพราะว่าเขาไม่ได้ฝึกชีวิตผู้ชนะ เขาจะเป็นผู้ชนะไม่ได้
ขอยกตัวอย่าง:
มีบางคนที่เป็นนักวิ่งมาราธอน ที่วิ่งเก่งมากๆ แต่ทีนี้มีการแข่งขันกีฬาที่เขาเปิดขึ้นมาใหม่ คือการว่ายน้ำ แล้วคนที่จะเป็นผู้ชนะที่จะว่ายน้ำเก่งได้เหรียญทองเหรียญอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องไปฝึกว่ายน้ำใช่ไหม นักวิ่งเก่งๆ นะครับที่นักวิ่งที่เก่งมากเนี่ย จะว่ายน้ำไปว่ายน้ำโดยไม่ฝึก มันไม่ได้. นักวิ่งแข่งที่เก่งที่สุด เขาไม่ฝึกว่ายน้ำ แล้วเขาจะเป็นผู้ชนะว่ายน้ำได้ยังไง ถูกไหมครับ
เราเห็นนะครับศาสนาคริสต์ทุกวันนี้ หน้าซื่อใจคด แล้วก็ใช้ชีวิตที่ไม่ใช้ตัวใหม่ แต่ใช้ตัวเก่า 3 วันดี 4 วันบาป สันติสุขไม่มี การดำเนินชีวิตผู้ชนะไม่มาถึงพระคำแห่งความจริง ความจริงนะครับ เขาแปลไม่ถูก แปลพระคัมภีร์ผิดเกือบทั้งหมดผิดเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องหลักๆ คือรอดโดยทางความเชื่อเท่านั้น เขาก็ไม่เชื่อ เขาก็บอกรอดด้วยการรักษาพระบัญญัติ ทำดีเชื่อฟังพระเจ้า พระวิญญาณไม่ได้อยู่กับเรา เราไม่ใช่คนใหม่ แต่เราเป็นคนบาป มีอีกหลายๆ เรื่องใช่ไหม นี่คือสิ่งที่เขามาไม่ถึงความจริงของพระคำพระเจ้า เขาจึงมาถึงผู้ชนะไม่ได้
แต่เรา เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามีโอกาส ที่จะเป็นนักว่ายน้ำที่ดี เพราะว่าเราพบบทเรียนที่มีค่า ที่สอนเรื่องการเป็นผู้ชนะ
สรุป มานาที่ซ่อนไว้เป็นหนังสือ เป็นความรู้ที่ถ่ายทอดจากเปาโลโดยพระคริสต์ พระเยซูสอนให้เปาโล เปาโลถ่ายทอดมาถึงพวกเรา และเรามีโอกาสที่จะรับความรู้นี้ และฝึกชีวิตเป็นผู้ชนะได้
เรื่องมันมีอยู่ว่าที่ต่างประเทศโดยเฉพาะที่อเมริกามีร้านหนังสือเยอะมาก ร้านหนังสือคริสเตียน ทีนี้มีผู้นำคริสตจักรหลายๆ คริสตจักรก็เขาไปเลือกอ่าน แล้วในร้านหนังสือแต่ละร้านหลายร้านนะครับจะมี section คือมันจะเป็นที่ที่หนึ่งที่เขาวางหนังสือ ที่เรียกว่าหนังสือฝ่ายวิญญาณ หรือพระคำล้ำลึก หรือความรู้ที่ล้ำลึก เป็นเรื่องที่เข้าใจยากมาก แล้วผู้นำบางคนที่เขาเบื่อที่จะสอนเรื่องเดิมๆ ซ้ำซาก เรื่องความรอด เรื่องการพิพากษา เรื่องบัพติศมา เรื่องการวางมือ เรื่องความรู้อะไรก็แล้วแต่ คือเราจะเห็นว่าหลายๆ คริสตจักรสอนคล้ายๆ กันใช่ไหม
คือไปทุกๆ สัปดาห์เราก็จะได้ยินเรื่องเดิมๆ ทีนี้เขาเบื่อที่จะสอนเรื่องเดิมๆ เขาก็ไปค้นหาความรู้ฝ่ายวิญญาณหนังสือฝ่ายวิญญาณเหล่านั้น ซึ่งเขาอาจจะเข้าใจบางช่วงบางตอนบางเรื่องเท่านั้น เขารับรู้ได้ไม่หมด เนื่องจากว่าเป็นเรื่องที่ลึกมาก เข้าใจยากมาก ถ้าหากไม่พึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอการเปิดเผยเปิดตา
เพราะฉะนั้นผู้นำมากมายทุกวันนี้ที่อยู่ตามโบถ์สต่างๆ เขารับได้บางเรื่อง แล้วบางเรื่องเขาก็รับไม่ได้ เขาก็ไม่สอน แล้วก็คัดค้านด้วย นี่คือที่มาของคริสตจักรหลายคริสตจักรที่สอนบางเรื่องในมานาฯ และไม่สอนบางเรื่องในมานาฯ
ส่วนสำหรับมานาฯ เรานะครับก็คือ เรารับทุกเรื่องจากหนังสือฝ่ายวิญญาณ สาเหตุที่เรารับได้ทุกเรื่อง เพราะว่าขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์เปิดตาเราผ่านมานาฯ ผ่านคลิปยูทูปที่ผมแปลเป็นภาษาไทย ซึ่งพระเจ้าดลใจให้เราได้เข้าใจง่าย ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เก่งภาษาอังกฤษนะครับ ถ้าใครเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เก่งคล่องแคล่ว ก็ไปอ่านหนังสือ หนังสือฝ่ายวิญญาณมีหลายคนที่เขียนเอาไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะครับก็เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เป็นแผนการงานของพระเจ้า เป็นเวลากำหนดของพระเจ้าที่เลือกเรา ไม่ใช่บังเอิญที่เรามาถึงมานาที่ซ่อนไว้
สำหรับปีแรกๆ ที่ผมมาเมืองไทย เราจัดสัมมนา บางคนว่ามีศิษยาภิบาล มีศาสนาจารย์หลายท่านที่บอกให้สมาชิกโบสถ์เขามาร่วม แล้วบอกว่าอย่าเปิดเผยชื่อเขา ซึ่งอันนี้เรารู้ดีนะครับว่าศิษยาภิบาล ศาสนาจารย์หลายท่านที่อยู่ในเมืองไทยได้ฟังคลิปมานา แล้วเขาก็รับและยินดีและนำไปแบ่งในคริสตจักรของเขา เพียงแต่ว่าเขาไม่เอ่ยชื่อผม เพราะว่ามีบางคนบอกว่าเป็นครูสอนปลอมบ้าง คำสอนเทียมเท็จบ้าง อะไรประมาณนั้น แต่เขาชื่นชมชื่นชอบรับพระคำล้ำลึก มานานี้ได้
เขาจึงสนับสนุนให้สมาชิกโบสถ์เขามาร่วมในการสัมมนาในครั้งนั้น หลายคนก็มาเปิดเผยมาบอก ก็เอเมนขอบคุณพระเยซู ย้อนกลับไปนะครับ 10 ปีที่แล้วเราจะเห็นว่าที่เมืองไทยเราไม่ค่อยมีใครที่สอนว่าพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา เขาจะสอนว่าพระเยซูอยู่ที่สวรรค์อยู่กับพระบิดา แล้วก็พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้สถิตอยู่ในเรา ถ้าเราทำบาปพระองค์ก็จะไม่เข้ามา และถ้าเราทำดีพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเข้ามา และอีกหลายๆ เรื่องที่คริสตจักรมากมายไม่สอน แต่ตอนนี้ขอบคุณพระเยซูที่มานาไปถึงหลายๆ คริสตจักรแล้ว
สำหรับผู้นำ ศิษยาภิบาล ศาสนาจารย์ ที่นำความรู้นี้ไปเผยแพร่ และเห็นแก่อะไรก็แล้วแต่ เพื่อหวังอะไรก็แล้วแต่ ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือพระเจ้าให้เขานำมานาฯ ไปถึงคริสตจักรของเขาหลายๆ เรื่อง และเพื่อในที่สุดเขาก็จะมาถึงความจริงของพระเจ้า และบางคนที่พระเจ้าเลือกให้มาถึงชีวิตผู้ชนะ ก็จะออกมาได้ สำหรับเรื่องการออกมาจากคริสตจักร ถามว่าเราอยากออกมา หรือพระเจ้าให้มา หรือเราอยู่ไม่ได้ หรือแบบไหน จริงๆ แล้วนะครับก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนกำหนด หลายคนอยู่ไม่ได้ ก็คือพระเจ้าให้ออกมา หลายคนอยู่เพื่อรอเวลากำหนด ก็คือพระเจ้าอนุญาต เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าเป็นการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งนั้น
ถาม.
ถ้าเรามีคนที่รู้จักที่อยู่กลุ่มพยานพระยะโฮวาล่ะค่ะ
ตอบ.
สำหรับเรา เรายังอยู่ที่นั่นได้ พระเจ้าไม่เร้าใจเราให้ออกมา เราอยู่เพื่อช่วยเขา เพื่อแนะนำ เพื่อเปิดเผยความจริง แต่อย่าลืมนะครับเป็นงานที่ค่อนข้างจะยาก พระเจ้าต้องการช่วยเขา แต่เขาคือมีคำสอนมีความเชื่อที่แตกต่างจากคริสเตียนเยอะมาก พยานพระยะโฮวาเนี่ย ถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มเทียมเท็จ ซึ่งเขามีหลักคำสอนที่ผิดเยอะมาก คือพูดง่ายๆ ก็คือ เขาถูกล้างสมอง ถูกล้างสมองให้เชื่อว่าความเชื่อหลักคำสอนของเขาดีที่สุดถูกต้องที่สุด และคริสเตียนทั่วไปทุกวันนี้คือผิดพลาด
เพราะฉะนั้นถ้าจะช่วยเขา ก็คือต้องพึ่งพระวิญญาณ ในประวัติศาสตร์นะครับกลุ่มพยานจะกลับใจเป็นคริสเตียนเนี่ยมีน้อยมากและยากมาก นอกเสียจากว่ามีบางคนเท่านั้นที่พระเจ้าเลือก และเราเองนะครับ ก็คือขอพระเจ้าให้ยึดเราไว้ในหลักแห่งความจริง อย่าไปหลงเชื่ออย่าไปหลงตามกับเขา เขาจะมีพยานมีหลักฐานมีข้อพระคัมภีร์ที่พยายามดึงเราอธิบายให้เราเข้าใจว่า เราเชื่อผิด เราสอนผิด เราอยู่ในความที่ไม่ถูกต้องนะครับ เพียงแต่ว่าเรายึดมั่นอยู่ในความจริงแห่งพระคำพระเจ้าในมานาฯ และเรานะครับต้องการที่จะช่วยเขาเราก็อยู่กับเขา แต่ไม่นานหรอกถึงเวลาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราออกมา ก็คือพระองค์จะเร้าใจเรา แล้วเราเองก็อยู่ไม่ได้ ตอนนี้ก็อยู่ไปก่อนรอดูไปก่อนแล้วก็อธิษฐานเผื่อเขาช่วยเขา เอเมน