- พระเจ้าออกจากพระวิหารที่เยรูซาเล็ม และเข้ามาสถิตอยู่ในผู้เชื่อทุกคน (1 คร 6:19-20)
- ยอห์น บทที่ 14 เน้นเรื่อง พระเจ้าสร้างบ้านในเรา และพระเจ้าย้ายออกจากพระวิหารแล้ว
พระคริสต์ตรัสถึงการเสด็จกลับมาของพระองค์
14:1 อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านเชื่อในพระเจ้า จงเชื่อในเราด้วย
** พระเยซูย้ำขอให้สาวกของพระองค์ว่าถ้าหากเขาเชื่อและวางใจในพระบิดาฉันใดก็ขอให้มั่นใจ เชื่อและวางใจในพระองค์ฉันนั้น
14:2 ในเรือน (House) ของพระบิดาเรามีที่อยู่ (ห้อง) หลายแห่ง ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย
** ถ้าไม่มีเราคงได้บอกท่านแล้ว เราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย
** "เราไปจัดเตรียมที่ไว้" การจัดเตรียมของพระเยซู ก็คือพระเยซูไปตายและฟื้นขึ้นมาจากความตาย เพื่อเป็นพระวิญญาณที่จะนำพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเราซึ่งเป็นวิหารหรือบ้านเรือนที่อยู่ที่อาศัยใหม่ เรากับพระเจ้าจะอยู่ด้วยกัน "ในวิญญาณของเรา" ทุกวัน
นี่คือความหมายที่พระเยซูตรัสว่าเราไปจัดเตรียมที่อยู่ไว้ให้ท่านทั้งหลาย ไม่ใช่ไปจัดบ้านหลายหลังบนสวรรค์เพื่อรอพวกเรา
14:3 และถ้าเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย
** ถ้าอ่านจนจบบทที่ 14 เราจะเห็นว่า เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตในโลกนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะไปอยู่บนสวรรค์
14:4 ท่านทราบว่าเราจะไปที่ไหนและท่านก็รู้จักทางนั้น
** คือไปสู่พระบิดา (ดูข้อที่ 6)
14:5 โธมัสทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร
** ขณะนั้นไม่มีสาวกคนใดเข้าใจเรื่องการไปสู่พระบิดาและพระบิดาจะเสด็จเข้ามาอยู่ในเราร่วมกับพระเยซู
14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
** เราเป็นทางนั้น คือพระเยซูเป็นทางเดียวที่นำเราไปสู่พระบิดาขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อสนิทและสามัคคีธรรมกับพระองค์ได้ทุกวันและเวลา
** เราเป็นความจริง คือพระองค์นำความจริง ความเป็นจริง ความเป็นอมตะไม่เสื่อมสลายไป ไม่ตกต่ำมาสู่มนุษย์
** เราเป็นชีวิต คือชีวิตพระเจ้าหรือ โซเอ้ Zoe ที่อาดัมและลูกหลานไม่มีโอกาสได้รับเข้าไปทางผลไม้จากต้นไม้แห่งชีวิต
** ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา คือทุกวันนี้ไม่ว่าจะศาสนายิวหรือศาสนาไหนก็ไม่อาจไปสู่พระบิดาหรือไปถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาทางพระโลหิตและพระคริสต์พระเยซูเพื่อสนิทและร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์ได้ทุกวันและเวลา
1 โครินธ์ 6:19 เราเป็นที่อยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์
การรู้จักพระเยซูก็คือการรู้จักพระบิดา
14:7 ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย และตั้งแต่นี้ไปท่านก็รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์”
** พระเยซูเริ่มเปิดเผยตัวพระบิดาแล้ว ว่าอยู่กับพระเยซูตลอดเวลา
14:8 ฟีลิปทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็นและพวกข้าพระองค์จะพอใจ”
14:9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ ฟีลิปเอ๋ย เราได้อยู่กับท่านนานถึงเพียงนี้ และท่านยังไม่รู้จักเราหรือ ผู้ที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา และท่านจะพูดได้อย่างไรว่า `ขอสำแดงพระบิดาให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็น
14:10 ท่านไม่เชื่อหรือว่า เราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา คำซึ่งเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น เรามิได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้ทรงสถิตอยู่ในเราได้ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์
14:11 จงเชื่อเราเถิดว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นก็จงเชื่อเราเพราะกิจการเหล่านั้นเถิด
** พระบิดาทรงเป็นอยู่กับพระเยซูตั้งแต่ทรงกำเนิดและถูกตรึงที่กางเขน การพูดและการสำแดงความรัก ความบริสุทธิ์ ความจริง และความชอบธรรมที่พระเยซูสำแดงก็คือพระบิดานั่นเองที่เป็นผู้กระทำ (คส 1:15 / ฮบ 1:1-3 / ยน 1:14, 22-26 ; 6:57)
ผู้ที่เชื่อก็สามารถทำกิจการที่พระคริสต์ได้ทรงกระทำมาแล้ว
14:12 เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่เชื่อในเราจะกระทำกิจการซึ่งเราได้กระทำนั้นด้วย และเขาจะกระทำกิจการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดาของเรา
** ผู้ที่เชื่อในเราจะกระทำกิจการซึ่งเราได้กระทำนั้นด้วย และเขาจะกระทำกิจการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก คือการประกาศและกระทำการอัศจรรย์ต่าง ๆ ที่พระเยซูกระทำต่อชาวยิวเท่านั้น แต่สาวกและเราผู้เชื่อได้ประกาศและทำการอัศจรรย์อย่างมากมายทั่วโลก
14:13 สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายจะขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติทางพระบุตร
14:14 ถ้าท่านจะขอสิ่งใดในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น
** การขอในนามของพระเยซูไม่ใช่การอธิษฐานลงท้ายด้วยพระนามของพระเยซู เหมือนดั่งที่ผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้เข้าใจ ยกตัวอย่างพนักงานส่งของที่ไม่ต้องบอกว่าเขามาจากไหนเนื่องจากว่าชุดยูนิฟอร์มและหมวกที่เขาสวมใส่มีโลโก้ของบริษัทอยู่แล้ว การขอในนามของพระเยซู คือการดำเนินชีวิตและเดินในพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ เรากินนอนไปมาทำดีและทุกสิ่งต้องทำในพระนามของพระเยซู เนื่องจากว่าพระเยซูเป็นทางเดียวที่นำเราไปถึงพระบิดาได้
14:15 ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา จงรักษาบัญญัติของเรา
** จงรักษาบัญญัติของเรา คือพระเยซูพูดถึงพระบัญญัติใหม่ของพระเยซู ไม่ใช่พระบัญญัติเดิม เนื่องจากว่าพระบัญญัติของโมเสสกลายเป็นพระบัญญัติของพระเยซูและพระบัญญัติเดิมหรืออันเก่ากลายเป็นพระบัญญัติใหม่หรืออันใหม่แล้ว (ยน 13:34)
สรุป ยอห์น 14:1-15
- ยอห์นบทที่ 14 ไม่ใช่เรื่องของชีวิตในฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่หลังจากการพิพากษา แต่เป็นสัญญาของพระเยซูจะนำพระบิดามาสู่เราและอยู่กับเราในเราในชีวิตนี้เพื่อเราจะสนิทในพระองค์และพระองค์สนิทในเราได้ทุกวันและเวลา
- พระเยซู คือพระบิดา ทรงสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านพระเยซู
- การขอในพระนามพระเยซู
พระสัญญาเรื่องผู้ปลอบประโลมใจ
14:16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะทรงประทานผู้ปลอบประโลมใจอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อพระองค์จะได้อยู่กับท่านตลอดไป
** ผู้ปลอบประโลมใจอีกผู้หนึ่ง คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (The Holy Spirit)
ผู้ปลอบประโลมใจ (ปลอบขวัญ) หรือ ผู้ช่วย ผู้ว่าความที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อช่วยเรื่องคดีความของเรา เพื่อนผู้รู้ใจเข้าใจ ผู้สนับสนุน กรีก παράκλητος, ου, ὁ (par-ak'-lay-tos) an advocate, intercessor, (b) a console, comforter, helper, (c) Paraclete.
** เพื่อพระองค์จะได้อยู่กับท่านตลอดไป หรือ อยู่กับท่านจนสิ้นยุค คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเสด็จมาอยู่กับเราในเราเพื่อเป็นผู้ช่วยสอนแนะนำชี้ทางเปิดตาและชำระเราจากการทำบาปด้วยการชำระเราด้วยพระคำพระเจ้าที่เป็นความจริง และเราขอบพระคุณพระเจ้าที่พระวิญญาณทรงรู้ใจและเข้าใจเรา พระองค์ทราบดีว่าเราป่วย เราเคยเป็นทาสของตัวบาป กฏแห่งบาปและกฏแห่งความตายมีอำนาจเหนือกฏแห่งจิตใจที่อ่อนของเรา พระองค์จึงคอยดูแลช่วยเหลือเลี้ยงดูเราให้เติบโตสู่ชีวิตและนิสัยของพระเยซูทีละน้อยจนกลายเป็นผู้ชนะตามเวลาของพระองค์
14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริง ผู้ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นพระองค์และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่านและจะประทับอยู่ในท่าน
** พระวิญญาณแห่งความจริง คือพระองค์นำสิ่งที่เป็นของฝ่ายพระเจ้าที่ไม่มีเสื่อมสลายตกต่ำและความไม่จริงของชีวิตอาดัมเข้ามาสู่ผู้ที่เชื่อในพระบุตรอีกครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เชื่อไม่อาจรับพระวิญญาณแห่งความจริงนี้ได้ เนื่องจากว่าพวกเขารักในความมืด และถูกปิดบังตาไม่ให้เห็นพระองค์
** ขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสถิตอยู่กับเรา และประทับอยู่ในเราทุกวันและทุกเวลา พระองค์กลายเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณใหม่ของเรา
14:18 เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน
14:19 อีกหน่อยหนึ่งโลกก็จะไม่เห็นเราอีกเลย แต่ท่านทั้งหลายจะเห็นเรา เพราะเราเป็นอยู่ ท่านทั้งหลายจะเป็นอยู่ด้วย
14:20 ในวันนั้นท่านทั้งหลายจะรู้ว่า เราอยู่ในพระบิดาของเรา และท่านอยู่ในเรา และเราอยู่ในท่าน
** เราจะมาหาท่าน คือการกลับมาในสภาพของพระวิญญาณของพระคริสต์เยซูเพื่ออยู่กับเราในเราร่วมกับพระบิดา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอบพระคุณพระเจ้าทั้งสามพระภาคที่ทรงซื้อเราและสร้างบ้านในเราสำเร็จและพระองค์เป็นอยู่ในเรา
** "ในวันนั้น" ก็คือตั้งแต่วันที่สาวกได้รับพระวิญญาณของพระคริสต์และผู้เชื่อได้รับพระวิญญาณในทุกวันนี้
** พระบิดาทรงสถิตในเราเพื่อรับการนมัสการยกย่องสรรเสริญขอบพระคุณทูลขอสารภาพ ขณะที่พระคริสต์เยซูสถิตในเราเพื่อดำเนินชีวิตแทนเราทั้งความปารถนาและการกระทำทุกสิ่ง และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตในเราเพื่อนำทางชี้ทางสั่งสอนตักเตือนเปิดตาผู้เชื่อและให้ของประทานเพื่อกระทำกิจในการรับใช้ทั้งหลาย
14:21 ผู้ใดที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัตินั้น ผู้นั้นแหละเป็นผู้ที่รักเรา และผู้ที่รักเรานั้น พระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวของเราเองให้ปรากฏแก่เขา”
** บัญญัติของเรา คือพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูนั่นเอง และผู้ที่รักษาพระบัญญัติของพระองค์จะถูกเรียกว่า *บุตรที่รัก* ของพระเจ้า พระคริสต์จะสำแดงพระองค์ให้เหล่าบุตรที่รักได้เห็นพระองค์ และได้เข้าสู่ชีวิตที่ "ดีกว่า" คือมีสันติสุขมากกว่าและมีพลังยิ่งใหญ่ในเขาเพื่อให้มีชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์และสิ้นหวังนี้ได้
14:22 ยูดาส มิใช่อิสคาริโอท ทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า เหตุใดพระองค์จึงจะสำแดงพระองค์แก่พวกข้าพระองค์ และไม่ทรงสำแดงแก่โลก"
14:23 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะรักษาคำของเรา และพระบิดาของเราจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา
** ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะรักษาคำของเรา คือการไม่ทิ้งความจริงของพระเจ้าเมื่อได้พบแล้ว เขายังนำไปใช้เพื่อให้เกิดผลในชีวิตของเขาตามขนาดของความเชื่อ เขาจะได้เห็นการปรากฏ การสัมผัส การกระทำกิจของพระเจ้าทั้งสามพระภาคในเขา
** "ก็จะอยู่กับเขา" ในที่นี้ คือจะเคลื่อนไหว ให้เห็นพระเจ้า
14:24 ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำซึ่งท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา
** เมื่อผู้เชื่อถูกเปิดตา ก็ประพฤติตามคำของพระเยซูคือจะใส่ใจในเรื่องการสร้างความสัมพัน ผูกพัน สนิทบอกรัก เพราะว่าเขารู้แล้วว่า พระเจ้าต้องการคนรักและความรักมากกว่าคนรับใช้ และผู้เชื่อที่ไม่ประพฤติตามคำของพระเยซูจะถูกต่อว่าว่าขาดความรักดั้งเดิมและต้องกลับใจเสียใหม่ก่อนที่จะสายเกินไป
14:25 เราได้กล่าวคำเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายเมื่อเรายังอยู่กับท่าน
14:26 แต่พระองค์ผู้ปลอบประโลมใจนั้นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรา พระองค์นั้นจะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว
** ทุกวันนี้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังบรรดาผู้รับใช้ที่สั่งสอนด้วยพระคำแห่งความจริงตั้งแต่ปฐมกาลไปจนถึงวิวรณ์ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์นี่เอง ส่วนการสอนการแปลที่มีเชื้อไม่ได้มาจากพระองค์แต่มาจากมาร
สรุป
- รักษาพระบัญญัติของเรา และรักษาถ้อยคำของเรา คือรักษาความเชื่อและพระบัญญัติใหม่ของพระเยซูตามขนาดของความเชื่อ
- ขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานผู้ปลอบประโลมใจ (ปลอบขัวญ) ผู้ช่วย ผู้ว่าความที่อยู่ข้าง ๆ ผู้ช่วยเรื่องคดีความของเรา เพื่อนผู้รู้ใจเข้าใจ ผู้สนับสนุน ผู้สั่งสอน ชี้นำทางให้เรา
- พระเจ้าทั้งสามในเรา เพื่ออะไร พระบิดาทรงสถิตในเราเพื่อรับการนมัสการยกย่องสรรเสริญขอบพระคุณทูลขอสารภาพ ขณะที่พระคริสต์เยซูสถิตในเราเพื่อดำเนินชีวิตแทนเราทั้งความปรารถนาและการกระทำทุกสิ่ง และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตในเราเพื่อนำทางชี้ทางสั่งสอนตักเตือนเปิดตาผู้เชื่อและให้ของประทานเพื่อกระทำกิจในการรับใช้ทั้งหลาย
สันติสุขสำหรับผู้ที่เชื่อ
14:27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่าน สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย
** สันติสุข ในที่นี้ คือ peace, quietness, rest.- ความสงบสุข อาการนิ่งสงบภายในจิตใจ ความดีใจพอใจ อาการปล่อยวางได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดีหรือไม่ดีก็ตาม
** ไม่เหมือนโลกให้ ก็คือ ความสงบสุขชั่วคราวที่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียเงินทองเวลา และการฝึกจิต และร่างกายซึ่งต้องทนทุกข์มาก และไม่นานต่อมาก็หายไป แต่ความสงบสุขอาการปล่อยวางได้ที่พระเยซูมอบให้เราจะไม่หายไปไหนเลยเพียงแค่เราเชื่อว่าอยู่กับเราในเรา เนื่องจากว่าเมื่อพระคริสต์สถิตในเราพระองค์นี่เองที่เป็นสันติสุขดังกล่าว และเมื่อเราอยู่ในอาการสงบสุขนี้ เราจึงไม่ต้องกังวล กระวนกระวาย และกลัวเรื่องชีวิต การอยู่กินไปมารับใช้การข่มเหง
14:28 ท่านได้ยินเรากล่าวแก่ท่านว่า ‘เราจะจากไปและจะกลับมาหาท่านอีก’ ถ้าท่านรักเรา ท่านก็จะชื่นชมยินดีเพราะเราบอกว่า ‘เราจะไปหาพระบิดา’ ด้วยว่าพระบิดาของเราทรงเป็นใหญ่กว่าเรา
** "เราจะกลับมาอีก" คือพระเยซูจะกลับมาอีกในฝ่ายวิญญาณ และนำพระบิดามาด้วยเพื่ออยู่กับเราในเรา โลกจะไม่เห็นแต่เราผู้เชื่อจะได้เห็นและสัมผัสพระองค์ ข้อนี้ไม่ใช่กลับมาเพื่อก่อตั้งอาณาจักร
** "ไปหาพระบิดา" คือนำพระโลหิตไปถวายเพื่อการไถ่บาป และนำพระบิดาลงมาอยู่กับเรา
** พระเยซูตรัสว่า "พระบิดาทรงเป็นใหญ่กว่าเรา" พระองค์พูดในฐานะของบุตรมนุษย์เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เพราะว่าพระเยซูในสภาพของบุตรพระเจ้าคือพระเจ้าพระบุตรที่เท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์
14:29 และบัดนี้เราได้บอกท่านทั้งหลายก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว ท่านทั้งหลายจะได้เชื่อ
** เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ก็คือการไปถูกตรึงทนทุกข์ทรมาน และตายเพื่อไถ่บาปมนุษย์ การฟื้นขึ้นมาจากความตาย การเสด็จไปสู่พระบิดาเพื่อถวายพระโลหิต และการกลับมาเพื่อนำพระบิดาเข้ามาอยู่ในเราและเราอยู่ในพระบิดา
14:30 แต่นี้ไปเราจะไม่สนทนากับท่านทั้งหลายมากนัก เพราะว่าผู้ครองโลกนี้จะมาและไม่มีสิทธิอำนาจอะไรเหนือเรา
** ซาตานจะมาเพื่อทำให้แผนการของพระเจ้าเรื่องพระเยซูถูกจับ ข่มเห็ง ทุบตีและถูกฆ่าตายในที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเยซูก็มีอำนาจเหนือซาตาน และฟื้นขึ้นมาจากความตายในเวลาต่อมา
14:31 แต่เราได้กระทำตามที่พระบิดาได้ทรงบัญชาเรา เพื่อโลกจะได้รู้ว่าเรารักพระบิดา จงลุกขึ้น ให้เราทั้งหลายไปจากที่นี่กันเถิด”
** พระเยซูในสภาพของมนุษย์ทรงเชื่อฟังพระบิดาจนถึงที่สุดเนื่องจากว่าพระองค์ทรงรักพระบิดามาก