ถาม.
ขออธิบายเชื้อยีสต์ต่างๆ ท่ามกลางคริสเตียนพร้อมข้อพระคัมภีร์ประกอบครับ ว่าทำไมถึงเป็นเชื้อยีสต์
ตอบ.
สำหรับพระเจ้า ขนมปังไร้เชื้อที่นำมาถวายที่พระวิหารหรือชาวยิวฉลองเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เป็นแบบเล็งถึงพระคำพระเจ้าที่ไม่มีคำสอนที่ผิดเพี้ยนเข้ามาเจือปน
พระเยซูจึงใช้คำนี้ คือระวังเชื้อของฟาริสีและเชื้อของเฮโรด ซึ่งเชื้อของฟาริสีก็คือหยิ่งพองตัวหน้าซื่อใจคดและสอนตกขอบจากพระคำพระเจ้าและความจริงทั้งหมด พวกเขาผสมคำสอนที่ผิดเพี้ยนเข้าไปในคำสอนที่เป็นความจริงของพระเจ้า ขณะที่เชื้อของเฮโรดคือโอ้อวดในอำนาจและอิจฉาทำอะไรก็เพื่อให้ได้เป็นใหญ่เป็นโตมีชื่อเสียงเกียรติยศ ฯลฯ
มก 8:15/ 1 คร 5:6 / 1 คร 5:8
1 คร 5:6 การที่ท่านอวดอ้างนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่าเชื้อขนมเพียงนิดเดียวย่อมทำให้แป้งดิบฟูทั้งก้อน
5:7 ดังนั้นจงชำระเชื้อเก่าเสียเพื่อท่านจะได้เป็นแป้งดิบก้อนใหม่เหมือนขนมปังไร้เชื้อ เพราะพระคริสต์ผู้ทรงเป็นปัสกาของเรา ได้ถูกฆ่าบูชาเพื่อเราเสียแล้ว
5:8 เหตุฉะนั้นให้เราถือปัสกานั้น มิใช่ด้วยเชื้อเก่าหรือด้วยเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังไร้เชื้อคือความจริงใจและความจริง
มธ 13:33 พระองค์ยังตรัสคำอุปมาให้เขาฟังอีกข้อหนึ่งว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”
มธ 16:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี”
ลก 12:1 ในระหว่างนั้นคนเป็นอันมากนับไม่ถ้วนชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระองค์ทรงตั้งต้นตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ก่อนว่า “ท่านทั้งหลายจงระวังเชื้อของพวกฟาริสี ซึ่งเป็นความหน้าซื่อใจคด
กท 5:7-10
5:7 ท่านวิ่งแข่งดีอยู่แล้ว ใครเล่าขัดขวางท่านไม่ให้เชื่อฟังความจริง
5:8 การเกลี้ยกล่อมอย่างนี้ไม่ได้มาจากพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านทั้งหลาย
5:9 เชื้อขนมเพียงนิดหน่อยย่อมทำให้แป้งดิบฟูขึ้นได้ทั้งก้อน
5:10 ข้าพเจ้าไว้ใจท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ท่านจะไม่เชื่อถืออย่างอื่นเลย ฝ่ายผู้ที่มารบกวนท่านนั้น จะเป็นใครก็ตามจะต้องได้รับโทษ
มธ 13:33 พระองค์ยังตรัสคำอุปมาให้เขาฟังอีกข้อหนึ่งว่า “อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”
ผู้เชื่อส่วนมากมักจะเข้าใจผิดคิดว่า คำอุปมาเรื่องผู้หญิงกับเชื้อยีสต์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขยายตัวของ
คริสตจักร แต่ถ้าหากเราอ่าน มธ 13:1–52 เราจะพบว่า พระเยซูทรงกล่าวถึงราชอาณาจักรของพระเจ้าทั้งในด้านดีและด้านที่ไม่ดี
“เชื้อยีสต์” เป็นสิ่งที่พระเยซูใช้เพื่อเตือนสาวกของพระองค์ให้ระมัดระวังคำสอนที่ผิดเพี้ยน หรือการตีความหมายที่คลาดเคลื่อนไปจากพระวจนะคำของพระเจ้า (มธ 16:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงสังเกตและระวังเชื้อแห่งพวกฟาริสีและพวกสะดูสีให้ดี”)
อาจารย์เปาโลใช้เชื้อยีสต์เพื่อเตือนคริสตจักรเมืองโครินธ์ ให้ละทิ้งชีวิต คำสอน และความเข้าใจแบบเก่าที่ผิดเพี้ยนไปจากความจริง (1 คร 5:8 เหตุฉะนั้น ให้เราถือปัสกานั้นมิใช่ด้วยเชื้อเก่า หรือด้วยเชื้อของความชั่วช้าเลวทราม แต่ด้วยขนมปังไร้เชื้อ คือความจริงใจและความจริง)
...
การที่พระเยซูรักษาคนป่วยในวันสะบาโต ทรงกล่าวว่า “เราเป็น” และกล่าวว่า “ถ้าหากผู้ใดกินเนื้อและเลือดของเรา ผู้นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์นบทที่ 5 และ 6) ทำให้ผู้คนมากมายเริ่มกลัว และเลิกติดตามพระองค์ เพราะเขาเหล่านั้นคิดสงสัยว่า พระเยซูเป็นผู้สอนปลอม และไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะที่มาจากพระเจ้า
สุดท้ายก็คงเหลือแต่สาวกสิบสองคนที่ไม่ยอมละทิ้งพระเยซู
พระเยซูทรงกล่าวว่า เชื้อยีสต์มาจากผู้นำยิว และแพร่หลายไปทั่วอิสราเอล
...
เมื่ออาจารย์เปาโลรับใช้พระเจ้า ท่านได้รับการเปิดตา และเรียนรู้จากพระวิญญาณที่ทรงถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้ท่านที่ทะเลทราย
คริสตจักรหลายแห่งจึงขับไล่ไสส่งและไม่ต้อนรับท่าน เพราะคิดว่าเป็นคำสอนที่ผิดเพี้ยน
อาจารย์เปาโลกล่าวว่า คริสตจักรเมืองกาลาเทียหล่นจากพระคุณ (กท. 5:4) เพราะเขาเชื่อแต่รักษาพระบัญญัติเดิมเพื่อที่จะได้รับพระวิญญาณ และได้รอด คริสตจักรเมืองโคโลสีเดินในความมืด และคริสตจักรที่กรุงโรมเชื่อ แต่ไม่มีผลของชีวิตใหม่ และไม่เข้าใจการดำเนินชีวิตที่ชนะบาปว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
...
เมื่ออาณาจักรโรมันเป็นคริสเตียนทั่วทั้งอาณาจักร คำสอนที่ผิดเพี้ยน และการดำเนินชีวิตของคริสเตียนและคริสตจักรทั่วไปกลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ มีคนกลุ่มน้อยที่แยกตัวออกมา และหลบๆ ซ่อนๆ เพราะกลัวว่าจะถูกข่มเหง หรือถูกทำร้ายจากคริสเตียนศาสนาดังกล่าว
ทุกวันนี้คริสตจักรทั่วโลกกลับกลายเป็นศาสนาคริสต์ไปแล้วอีกรอบหนึ่ง มีแค่เพียงผู้เชื่อบางส่วนที่พบการดำเนินชีวิตแห่งผู้ชนะ และเข้าใจการแปลความหมายที่ถูกต้องตามความจริงแห่งพระวิญญาณ เป็นชีวิตที่สุขล้นได้ทุกวันเวลา และเข้าสู่การเติบโตในชีวิตพระคริสต์
...
เมื่อคุณเชื่อ รักพระเจ้า และมอบกายถวายชีวิตแด่พระเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ แต่ชีวิตของคุณไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา ทั้งไม่ได้พบการเปลี่ยนแปลงสู่พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ คุณกลายเป็นคริสเตียนศาสนาไปเสียแล้ว คุณจะรอด แต่เนื่องจากคุณไม่ได้เกิดผลฝ่ายพระวิญญาณใน กท 5:22–23 คุณจึงขาดรางวัล และไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานระหว่างพระคริสต์ที่เป็นเจ้าบ่าว และผู้ชนะที่เป็นเจ้าสาว ซึ่งงานเลี้ยงนี้จะยืดยาวไปจนถึงพันปี (มธ 7:21–27; 25:1–46; 1 คร 3:12–15)