ถาม.
อาจารย์คะอยากจะถามว่าก่อนที่จะสร้างโลก ก่อนที่จะมีลูซิเฟอร์ที่ถูกครอบงำด้วยความบาปและเป็นมารซาตานในตอนนี้ ความบาปมาจากไหนคะ ก่อนสร้างโลกก็มีแต่พระเจ้าองค์เดียว แล้วบาปตัวเนี้ยมันมาจากไหนคะอาจารย์ เอเมนค่ะ
ตอบ.
ก่อนที่ผมจะตอบนะครับว่าความบาปมาจากไหน เราต้องเข้าใจความหมายของคำว่า บาป ก่อน
จริงๆ แล้วความบาปไม่น่าจะมีและไม่ควรจะมี แต่เมื่อใครสักคนนึงทำผิดต่ออีกคนหนึ่ง เรียกว่าคนนั้นได้ทำผิดหรือทำบาปต่อคนคนนั้น สำหรับพระเจ้านะครับสำหรับพระคัมภีร์ ความบาป คือการทำในสิ่งที่ผิดเป้าหมาย ผิดเป้า พระเจ้าบอกให้เราเดินไปที่หนึ่ง แต่เรากลับเดินไปอีกที่นึง อันนี้เรียกว่า บาป ในพระคัมภีร์ไม่ใช้คำว่า บาป นะครับ แต่ใช้คำว่า ผิดเป้า หรือ ไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะทำ เราเข้าใจกันนะครับ
ความบาป คำว่า บาป จริงๆ แล้วไม่มีในพระคัมภีร์เดิมนะครับ ความหมายก็คือการทำในสิ่งที่ เราทำในสิ่งที่พระเจ้าสั่งให้ทำแต่เราไม่ทำ อีกคำนึงที่ภาษาอังกฤษแปลก็คือ ผิดเป้า คือคนที่ยิงธนูยิงไปใส่เป้า แต่ปรากฏว่ายิงออกนอกเป้า พลาดเป้า ก็คือเรียกว่า ความบาป
สำหรับคริสเตียนเมื่อพระเจ้าต้องการให้เราทำแบบนี้ แต่เราทำอีกแบบนึง พระเจ้าต้องการให้เราพูดแบบนึง แต่เราพูดอีกแบบนึง อันนี้เรียกว่า ความบาป ครับผม
แล้วความบาปมันมาจากไหน เมื่อพระเจ้าสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงไม่มีคำว่าผิดบาปไม่มีคำว่าพลาดเป้าหรือไม่มีคำคนที่ขัดใจพระเจ้า ทุกคนทูตสวรรค์ทุกตนทำตามที่พระเจ้าต้องการ ทุกคนโอเคหมด ทุกตนโอเคหมด แต่มีวิญญาณดวงหนึ่งที่พระเจ้าสร้างมันก็คือลูซิเฟอร์ มันก็เป็นวิญญาณแห่งการอารักขาเป็นทูตสวรรค์เป็นคนที่อารักขาพระเจ้า ปรากฏว่าเมื่อลูซิเฟอร์ได้รับตำแหน่ง แล้วพระเจ้าก็ใส่อำนาจฤทธิ์เดชให้เขามีเยอะมาก ปรากฏว่าเมื่อเขามองไปที่ตัวเขา เขาก็เกิดมีความคิด เกิดมีความคิดว่าเอ๊ะเราเนี่ยก็มีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่นะ เราก็เก่งอยู่นะ เราก็ฉลาดอยู่นะ ถ้าหากเราเป็นพระเจ้าเองเนี่ยมันจะผิดอะไร
การคิดแบบนี้มันก็เกิดความบาปขึ้นมา การเกิดการคิดที่พลาดเป้าขึ้นมา ไม่ได้คิดเหมือนที่พระเจ้าคิด ไม่ได้คิดที่จะซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า พระเจ้าเมื่อสร้างทูตสวรรค์ทั้งหลายพระเจ้าตรัสว่า จงอยู่กับเรา จงซื่อสัตย์ต่อเรา จงรักเรา จงทำทุกสิ่งที่เราสั่งให้พวกเจ้าทำ เราสร้างพวกเจ้าขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ แล้วทูตสวรรค์ทุกตนก็เกรงขามก็ยำเกรงพระเจ้า แต่ทูตสวรรค์ตนนี้ก็คือลูซิเฟอร์มองเห็นว่าเอ๊ะมันไม่จำเป็นมั้งที่เราจะต้องเชื่อฟังพระเจ้าองค์นี้ มันไม่จำเป็นมั้งเพราะว่าเราก็ดูเหมือนว่าจะแข็งแรงมีพลังที่ยิ่งใหญ่เหมือนกัน เขาน่าจะลองทดสอบดูนะครับฤทธิ์อำนาจของเขาเห็นว่าทำอะไรหลายอย่างได้
เพราะฉะนั้นความหยิ่งผยองพองตัว ความอวดตัว ความคิดที่อยากเป็นพระเจ้าที่อยากเป็นใหญ่ก็เกิดขึ้น มันไม่รู้นะครับหรือมันอาจจะรู้ก็เป็นได้ ที่พระเจ้ารู้จักความคิดของมัน พระเจ้าจึงต้องลงโทษมันก็คือให้มันออกจากตำแหน่ง แล้วก็สุดท้ายก็ไล่ลงมาไล่ออกจากสวรรค์ แล้วเมื่อพระเจ้าสร้างโลกมันก็เข้ามาในโลกนี้ นี่คือการเริ่มต้นของคำว่าบาป แต่ความบาปที่แท้จริงเนี่ยไม่มีคำนี้นะครับ ก็คือเป็นการพลาดเป้า คือการทำในสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบให้ทำไม่อยากให้ทำ เอเมน
ถาม.
ถามนิดนึงค่ะ แล้วทูตสวรรค์นี่เขามีความคิดเป็นของตัวเองด้วยเหรอคะ
ตอบ.
ทูตสวรรค์ทุกตนนะครับ ถูกสร้างขึ้นมาและกำหนดให้มีสิทธิเสรีภาพในการเลือกในการคิดในการตัดสินใจว่าจะติดตามพระเจ้าหรือจะไม่ติดตามพระเจ้าก็ได้ เขามีสิทธิ์นะครับ แล้วทูตสวรรค์ส่วนมาก 2 ใน 3 ที่มองเห็นว่าเมื่อพระเจ้าสร้างฉัน แล้วพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่ฉันก็เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า แล้วมันเป็นการคิดที่ไม่ฉลาดเลยที่จะกบฏหรือที่จะคิดที่จะแย่งอำนาจของพระองค์ ก็ขอเป็นบุตรพระเจ้าและรับใช้พระเจ้าต่อไปดีกว่า มันสบายกว่าไม่มีอะไรที่จะเดือดร้อน ตรงข้ามกับทูตสวรรค์ตนหนึ่งใช่ไหมที่กบฏ ก็คือมันคิดแตกต่าง ความบาปเกิดจากซาตานที่คิดต่าง ก็แค่นั้นเอง
ถาม.
แสดงว่าบาปไม่มีตัวตนใช่ไหมคะอาจารย์
ตอบ.
บาปไม่มีตัวตนนะครับ บาปไม่มีตัวตน บาปไม่มีคำพูดที่เป็นคำที่เราใช้เหมือนทุกวันนี้ที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้คำว่า บาป
คำว่า บาป ในพระคัมภีร์เดิมไม่มี sin ไม่มีบาปนะครับ แต่ภาษาฮีบรูนะครับแปลว่า พลาดเป้า ก็คือพระเจ้าบอกให้ทำแบบนึง เราไปทำอีกแบบนึง อันนี้เรียกว่าพลาดเป้า คือพระเจ้าต้องการให้เรายิงธนูใส่เป้า แต่เรายิงออกนอกเป้านะครับ เรียกว่าพลาดเป้า
ถาม.
เพราะว่าจำได้ตอนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ แล้วก็พระองค์ลงไปในความบาปที่ว่า ความบาปเหล็กในของเจ้าอยู่ที่ไหน แสดงว่าความบาปไม่ได้มีอยู่จริง แต่ว่าความบาปเป็นแค่ความคิดที่พลาดเป้าอย่างที่อาจารย์พูด เลยกลายเป็นของเสียใช่ไหมคะ มันกลายเป็นของเสียก็คือของที่ตายไปแล้ว คือมันไม่มีฤทธิ์เดชอะไรใช่ไหมคะ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้คนเรานั้นผิดเป้าหมายจากสิ่งที่พระเจ้าตั้งเอาไว้ มันเลยทำให้สิ่งที่ทำไปนั้นสูญเสียเปล่าไม่มีประโยชน์ใช่ไหมคะหรือว่ายังไง เอเมนค่ะ
ตอบ.
ผมจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับความบาป เพื่อให้เราเข้าใจกระจ่างนะครับ
...
สำหรับมนุษย์ สำหรับมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาแล้วไม่มีพระบัญญัติ ไม่ใช่ชาวยิวไม่ได้อยู่ใต้พระบัญญัติของโมเสสนะครับ เมื่อเขาไม่รักษาพระบัญญัติพระเจ้าไม่ถือว่าเขาบาป เข้าใจไหม เมื่อเขาไม่รักษาพระบัญญัติเพราะว่าเขาไม่ใช่ชาวยิว พระเจ้าไม่ได้ถือว่าเขาบาปต่อพระบัญญัติ ฟังให้ดีนะครับ แต่เขาบาปต่ออะไร เขาบาปต่อการใช้ชีวิตที่ไม่มีพระเจ้า เป็นชีวิตที่พลาดเป้า ทุกคนที่เกิดมาต้องมีพระเจ้า ต้องอยู่กับพระเจ้า ต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ต้องเดินไปกับพระเจ้า แต่เขาไม่เดินเขาไม่เป็นหนึ่งเดียวเขาไม่รู้จักพระเจ้าอันนี้เรียกว่าพลาดเป้า ก็คือความบาปของคนที่ไม่เชื่อ
...
ส่วนชาวยิวนะครับเขาทำบาปตรงไหน ชาวยิวทำบาปก็เพราะว่าเขาละเมิดพระบัญญัติ เข้าใจนะครับ
...
แล้วทีนี้คริสเตียน เมื่อเรามาเชื่อพระเจ้าเราเป็นคริสเตียน เราอยู่ในยุคพระคุณที่อาศัยพระเยซูเป็นผู้ที่ไถ่บาปไถ่พวกเราให้รอด คริสเตียนทำบาปอะไร คริสเตียนทำบาปคือเขาทำด้วยตัวเก่า คริสเตียนทำบาปคือเขาทำด้วยหวังผล คริสเตียนที่ทำบาปคือเขาทำเพราะว่าเขาไม่รู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า
เราจำกันได้ไหมพระเยซูเสด็จมา แล้วมีผู้เชื่อมากมายเต็มมายืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู แล้วแต่ละคนรู้ว่าไม่ได้เข้าไปในอาณาจักร เขาก็ต่อว่าพระเยซู พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์รักษาโรค นี่แหน่ะ ข้าพระองค์ไล่ผี นี่แหน่ะ ข้าพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ นี่แหน่ะ ข้าพระองค์ทำมากมายหลายสิ่งต่อพระองค์ไม่ใช่หรือ พระเยซูตรัสว่ายังไงครับ เชิญเข้ามาๆๆ ไม่นะครับ พระเยซูตรัสว่าจงถอยไปเราไม่รู้จักเจ้า เจ้าผู้กระทำการชั่วร้าย ก็คือการไม่อยู่ภายใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู (มธ 7:21-23)
เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้าในอาณาจักร ไม่ใช่คนที่ทำดีนะ แต่คนที่จะเข้าไปในอาณาจักรก็คือคนที่ทำตามใจพระเจ้า
เราจะทำดีแค่ไหนก็ตามแต่เราไม่ได้ทำดีเพื่อพระเจ้าไม่ได้ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระเจ้า พระเจ้าไม่ได้รับเกียรติ ความดีของเรานะครับเรียกว่าไม้ฟางหญ้าแห้ง คือเป็นการทำดีที่พระเจ้ารับไม่ได้และพระเจ้าไม่รับและไม่มีผลตอบแทนไม่มีบำเหน็จให้
นี่คือความบาปของคริสเตียนที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ เขาคิดว่าเขาทำตามใจพระเจ้าแล้ว เขาคิดว่าเขาทำในสิ่งที่ดีแล้ว อะไรดีก็ทำเถิด อาจารย์หลายท่านนะครับผมก็เคยได้ยิน ไปโบสถ์ตอนไหนเมื่อไหร่เขาก็บอกว่าอะไรที่มันดีก็ทำเถิดมันเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า จริงๆ แล้วไม่ใช่นะครับ เราไปประกาศข่าวประเสริฐ พระเจ้าบอกให้เราไปเมืองนี้ เราไปอีกเมืองนี้ พระเจ้าส่งให้เราไปหนองคาย เราไปขอนแก่น อันนี้ใช่ก็คือไปประกาศข่าวประเสริฐก็คือมันดี แต่มันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าไหม
คริสเตียนนะครับเราต้องเรียนรู้น้ำพระทัยของพระเจ้า คริสเตียนนะครับเราต้องเรียนรู้ที่จะฝึกในการฟัง ฟังนะครับเป็นสิ่งที่ดี การฟังเนี่ยก็คือการรู้ใจพระเจ้า การฟังก็คือการรู้ว่าพระเจ้าอยากบอกอะไร อยากให้เราทำอะไร ถ้าพระเจ้าบอกว่านิ่งก็นิ่ง ถ้าพระเจ้าไม่สั่งเราไม่ไป ถ้าพระเจ้าไม่พูดเราไม่ทำเอเมน นี่นะครับคือการใช้ชีวิตที่เป็นตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ถาม.
เข้าใจแล้วค่ะ แสดงว่าทุกสิ่งที่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ก็คือทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ก็คือว่ามนุษย์คนเราน่ะพอเชื่อพระเจ้าเลยกลายเป็นผู้ชอบธรรมโดยความเชื่อนี้เป็นเรื่องจริง ก็ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เปิดตาเราให้เราเข้าใจนะคะ เพราะว่าความเชื่ออย่างเดียวค่ะ ความประพฤติของเรานั้นจะตามมาโดยที่พระองค์ทำแทนจริงๆ ค่ะเพราะว่าความเป็นมนุษย์นี่มีอิสระในความคิด พอความคิดของเราไม่ได้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าเราก็กลายเป็นบาป ซึ่งบาปนั้นก็คือว่าตายแล้วบาปก็คือความตายที่ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร แต่เป็นความตายอาจจะเวลาเราทำผิดแล้วอาจจะตายด้านฝ่ายวิญญาณ คือเคยทำอ่ะ เคยทำผิดจนตายด้าน เขาเรียกว่าด้านชาในการกระทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า นั่นคือบาป นั่นที่เข้าใจที่อาจารย์บรรยายมาก็คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นใช่ไหมคะ ขอบคุณพระเยซูเอเมนค่ะ
ตอบ.
คือเมื่อเรามาถึงจุดที่เป็นบทเรียนที่สุดยอดของบทเรียน เป็น the best of the best ของบทเรียนที่เรามาถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ร่วมกับพระเจ้า และสนิทในพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ
ก็คือคริสเตียนเรานะครับจะไปสร้างโบสถ์ 100 หลัง 100 แห่ง หรือไปประกาศได้คนมาเชื่อ 100 คน 1,000 คน 10,000 คน แต่ถ้าหากว่าพระเจ้าไม่ได้สั่งไม่ได้บอกให้เราไปทำ ผลงานของเรามันจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเอามากองต่อหน้าพระเจ้า มันจะถูกเผาทิ้งถูกไหม้ทั้งหมดไม่เหลืออะไร
แต่ถ้าหากคุณนั่งสงบนิ่งรอคำตอบรอคำสั่งจากพระเจ้าและพระเจ้าตรัสว่าจงสร้างคริสตจักรนี้ที่จะมี 5 คน 10 คน จงไปสร้าง เมื่อถึงเวลาเราก็ไปตามที่พระองค์สั่ง แล้วการสร้างคริสตจักรของเราเราเอาผลงานมาสั่งปรากฏว่ามันเป็นทองคำเป็นเงินเป็นเพชรพลอย คุ้มค่าไหมครับ
เราทำร้อยพันครั้งแต่ทำด้วยที่พระเจ้าไม่ได้สั่งไม่ได้บอก กับอีกอย่างนึงก็คือเราทำครั้งเดียวแต่พระเจ้าสั่ง อันไหนคุ้มค่ากว่าอันไหนดีกว่าครับ (พระเจ้าสั่ง) แน่นอนครับ
ชีวิตคริสเตียนพระเจ้าไม่ได้ต้องการอะไร
พระเจ้าต้องการให้พระบุตรเป็นคนดำเนินชีวิตอยู่ในเรา
พระเจ้าต้องการให้พระบุตรเป็นคนไป
พระเจ้าต้องการให้พระบุตรเป็นคนพูด
พระเจ้าต้องการให้พระบุตรสำแดงชีวิตของพระองค์ผ่านเรา
ไม่ใช่เราทำดีต่อหน้ามนุษย์ด้วยกำลังด้วยความดีของเราเอง
ไม่ใช่เราประกาศด้วยคำพูดด้วยลิ้นของเราเอง
ไม่ใช่เราไปสร้างโบสถ์ด้วยฝีมือของเราเองเพื่อเราจะอวดได้ไง
แต่พระเจ้าต้องการให้พระบุตรของพระองค์เป็นคนทำทุกสิ่งเพื่อพระบุตรจะได้รับเกียรติแต่เพียงผู้เดียว เอเมน
เพราะฉะนั้นชีวิตของพวกเราตั้งแต่เช้าจนค่ำ “พระเยซูทำเถิด พระเยซูทำเถิด” เมื่อเราทำผิดเราทำบาปเราออกนอกพลาดเป้า เราก็พูดนะครับเดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อนๆๆๆ เอ๊ะตอนนี้ใครเป็นคนใช้ชีวิตอยู่ ตัวเก่าหรือตัวใหม่ เอ๊ะตอนนี้ใครคิดอยู่ คนเก่าหรือคนใหม่หรือพระคริสต์คิดอยู่ เอ๊ะเดี๋ยว เดี๋ยวๆๆๆ ตอนนี้เราโมโหเราโกรธอยู่แสดงว่าพระคริสต์ไม่ได้ร่วมกับเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับเรา และเราก็ไม่ได้สนิทกับพระองค์ ถ้าเราสนิทเราก็ทำ (โกรธ) ไม่ได้ เดี๋ยวๆๆ คือคำว่าเดี๋ยวๆๆๆ เป็นการฝึกที่ใช้ได้ดีนะครับ เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่าพระองค์เคลื่อนไหวอยู่ไหม พระองค์ทำอยู่ไหม เราให้พระบุตรเป็นพระเอก ไม่ใช่เราเป็นพระเอก เอเมน
เราให้เขายกย่องพระเอกพระบุตรอยู่ในเรา แทนที่จะยกย่องเรา เราได้หน้าได้ตาก็คือให้พระเยซูเป็นคนได้หน้าได้ตาไม่ใช่เรา เราเป็นคนที่ unknown , the unknown รู้จักไหมครับ ก็คือคนที่ไม่รู้จัก ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีตัวตน นี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็น เมื่อเราไม่มีตัวตนในชีวิตนี้ในโลกนี้ เมื่อถึงยุคอาณาจักรเราจะเป็นตัวตนที่เบ้อเล่อเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่นั่งใกล้พระเยซูมากที่สุด เอเมน