เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ที่พระองค์นำเรามาถึงบทเรียนที่แบ่งออกเป็น 7 ข้อ 7 เรื่องด้วยกัน
ข้อแรก 1. ก็คือเรื่องคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า เขาจะเอ่ยถึงพระ หรือสิ่งที่อยู่เบื้องบน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อเขาเอ่ยคำนี้ พระเจ้าก็ฉวยโอกาสที่จะมาช่วยเขา
และข้อที่ 2. ก็คือเรื่องพระวิหาร ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ไม่สถิตอยู่ในตึก อาคาร สถานที่ แต่พระองค์สถิตอยู่ท่ามกลางเราทั้งหลาย ในวิญญาณของเราผู้เชื่อทุกคน เอเมนสรรเสริญพระเจ้า
เราเป็นบ้านหลังใหม่ เป็นวิหารหลังใหม่ของพระเจ้า เรารักษาความผูกพัน การสนิท อยู่ในพระองค์เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์พระพรฝ่ายวิญญาณ สันติสุข พลัง ทุกสิ่งที่มาจากพระเจ้า ผ่านวิญญาณของเรามาสู่จิตใจ และผ่านจิตใจของเรามาสู่ร่างกาย ร่างกายที่อ่อนแอ ที่หมดเรี่ยวแรง ที่ไม่มีกำลัง ร่างกายที่ป่วยไข้ ก็จะได้รับการบำรุงการรื้อฟื้น การรักษาให้หายได้ เอเมนขอบคุณพระเยซู
สำหรับข้อที่ 3. ก็คือมนุษย์ทุกชาติในโลกมาจากเชื้อสายเดียวกัน เนื่องจากว่ามนุษย์ทำบาป พระเจ้าจึงกำหนดให้พวกเขาอยู่ในแต่ละประเทศ เป็นประเทศ เป็นอาณาจักรในโลกนี้ เป็นพระเจ้าผู้เป็นเป็นคนกำหนด
ส่วนบางคนอาจจะคิดว่า แล้วผู้นำล่ะ ที่มีความโหดร้ายเหมือนบางประเทศ อันนั้นเป็นความผิดพลาดของมนุษย์เอง ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า แต่พระเจ้าแบ่งเขตให้มนุษย์อยู่ และมีชื่อประเทศของเขานี่คือการกำหนดของพระเจ้า
ส่วนข้อที่ 4. พระเจ้าอยู่ท่ามกลางมนุษย์ที่ไม่เชื่อฟังและรอจังหวะที่จะช่วยพวกเขา อันนี้คล้ายๆ กับข้อที่ 1
ข้อที่ 5. ก็คือมนุษย์ทุกคนเกิดมาจากพระเจ้า พวกเราจึงมีวิญญาณ มีจิตใจ ที่ได้รับตามแบบพระฉายาของพระองค์ เรารักชอบในสิ่งที่ดีๆ ก็คือมีจิตสำนึกเรื่อง ความรัก ความบริสุทธิ์ ความชอบธรรม เหมือนพระเจ้า
แต่ความสว่างถูกปิดซ่อนไว้ เนื่องจากความบาป ซาตานก็ปิดซ่อน ซาตานก็พยายามที่จะทำให้มนุษย์ออกจากความสว่างของพระเจ้า
แต่วันนี้ ก็คือเป็นวันที่พระเจ้าส่งเปาโลมาถึงชาวเมืองเอเธนส์ และทำให้พวกเขาได้เห็นความสว่าง หลายคนก็กลับใจ แต่หลายคนก็เยาะเย้ยดูถูกเหยียดหยาม แล้วก็ไม่รับข่าวประเสริฐ แล้วก็หลายคนก็พร้อมที่จะทำร้ายทำลายข่มเหงสาวกของพระเยซู ซึ่งไม่แตกต่างไปจากยุคนี้ เราเห็นการข่มเหงเห็นการทำร้ายทำลายกันและกันท่ามกลางทั้งผู้เชื่อและคนที่ไม่เชื่อ
มาถึงข้อที่ 6. การเปิดเผยของเปาโลเรื่องเขากราบไหว้พระที่ไม่ได้ช่วยพวกเขาให้รอด คือการทำงานของพระวิญญาณ เราจะทำเหมือนท่านก็ต้องผ่านการทำงานของพระวิญญาณ ความหมายก็คือเราอย่าไปบอกเขาว่า พระของคุณใช้ไม่ได้ พระของคุณไม่ใช่พระเจ้าผู้สูงสุด พระของคุณช่วยคุณไม่ได้ อันนี้เป็นการเข้าข่ายการดูถูก การดูหมิ่น ซึ่งมนุษย์ที่ตาบอดอยู่แล้วหูหนวก เขาจะรับไม่ได้ แล้วเขาก็จะกลับมาทำร้ายทำลายเรา
ซึ่งถ้าหากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่เร้าใจไม่ดลใจให้เราพูดจริงๆ พระวิญญาณก็จะไปเปิดใจให้คนนั้นถ่อมใจฟัง และยอมรับความจริงเหมือนกับชาวเมืองนี้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยง ก็คือไม่ดูถูกศาสนาอื่น แต่ในครั้งนี้ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเปาโล และดลใจเปาโลให้เป็นคนพูด และดลใจคนที่ถ่อมใจเพื่อรอรับข่าวประเสริฐให้ถึงความรอด กลับมาคืนดีกับพระเจ้า ก็คือพระเจ้าเตรียมพวกเขาไว้แล้ว เปาโลจึงพูดได้
แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องห้ามสำหรับพวกเรา นอกเสียจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเร้าใจเราจริงๆ แล้วก็เตรียมใจคนที่ฟังจริงๆ เขาก็จะรับได้ เอเมน
ข้อสุดท้ายข้อที่ 7. ก็คือความจริงของพระเจ้า หรือข่าวประเสริฐ ถ้าหากใครรับได้ก็รอดจากการพิพากษาครั้งสุดท้าย ส่วนคนที่รับไม่ได้ก็จำใจจำเป็นที่พระเจ้าจะต้องส่งเขาให้ไปอยู่ในบึงไฟ มันไม่มีที่อยู่ที่อื่น จำเป็น การทนทุกข์ทรมานมีมากมีน้อยก็แล้วแต่การกระทำของเขา
และสิ่งที่สำคัญมาถึงพวกเราที่เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เราทำหน้าที่ของเรา เขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อ รับหรือไม่รับ ข่มเหงเราหรือไม่ อันนี้เรารับบำเหน็จจากพระบิดาแน่นอน
การรับบำเหน็จของเราไม่ได้อยู่ที่ผลงานว่ากี่คนรับเชื่อ หรือไม่ ไม่เกี่ยว บำเหน็จของเราได้มาจากการที่เราซื่อสัตย์ในการประกาศ เราทำต่อไปอย่าท้อ
และสิ่งหนึ่งที่เราในฐานะของสาวกของพระเยซู ปุโรหิตหลวง และผู้รับใช้ของพระเจ้า เราประกาศข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรก็ดี เรื่องความรอดก็ดี หนุนใจ แบ่งปัน เผยพระวจนะ ล้างเท้าพี่น้องก็ดี
สิ่งที่อยากจะหนุนใจ คือเราอย่าคาดหวังว่าทุกคนจะรักเรา เราอย่าคาดหวังว่าทุกคนจะชอบเรา เราอย่าไปคิดนะว่าเราทำดี เราจะได้รับสิ่งดีตอบแทน มันยังไม่ถึงเวลา ยุคนี้เป็นยุคทำนา ยุคนี้เราอยู่ในห้องสอบ
ซึ่งพระเจ้าจะส่งข้อสอบผ่านพี่น้องพระกายด้วยกันนี่แหละ พระเจ้าฉวยโอกาสที่จะใช้ เพื่อมาพูด มาทำในสิ่งที่เราอาจจะไม่ชอบไม่พอใจ คือคาดหวังคาดคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิด เพื่อก่อสร้างเรา ก่อเราขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดอย่าไปคาดอย่าไปหวังว่า ทุกสิ่งที่ดีจะกลับมาสู่เราเมื่อเราทำดีให้พี่น้อง เอเมนไหม?
ซึ่งปัญหาตรงนี้พี่น้องชายอาจจะไม่ค่อยมีปัญหา ไม่เป็นประเด็นเท่าไหร่ แต่พี่น้องหญิงซึ่งอันนี้เราเข้าใจ พี่น้องหญิงมีลักษณะอารมณ์ที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว แล้วก็อันนี้ขอพูดตามตรง ขี้น้อยใจ ขี้ใจน้อยบ้าง หรือเป็นคนที่คิดมากบ้าง ซึ่งคำพูดการกระทำของพี่น้องบางครั้งมันจะกระทบกระแทกเรา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอย้ำว่าเป็นการอนุญาตของพระเจ้าให้เกิด
ถามว่า เพื่อใคร?
คำตอบ คือเพื่อเราเอง เพื่อตัวคุณเอง ไม่ใช่เพื่อคนอื่น เพื่อตัวคุณเองจะเติบโตจะรับการก่อขึ้น จะผ่านแสงแดด ผ่านการแตกหัก ไม่มีที่ไหนที่จะราบรื่นถ้าโบสถ์ราบรื่นคริสตจักรราบรื่น ก็คือคริสตจักรร้าง ไปอยู่ที่นั่นได้เอเมน
แต่ที่นี่เราจะมีปัญหาเยอะแยะให้คุณมาเพื่อฝึกการเดินในพระวิญญาณจนสำเร็จเป็นผู้ชนะได้ และร่วมรับบำเหน็จกับพี่น้อง แล้วเข้าสู่การครอบครองร่วมกับพระเยซูไปจนชั่วนิรันดร์เป็นรัฐบาลชุดเดียว เอเมน
เพราะฉะนั้นอย่าท้อ อย่าท้อ แล้วก็สู้ต่อไป อย่าโฟกัส อย่าไปใส่ใจคำพูด การกระทำ คุณสมบัติ อาการของพี่น้องที่มากระทบกระแทกเรา หรือพูด เราไม่รู้นะว่าใครเป็นใคร เราไม่รู้นะว่าใครจริงใจหรือไม่จริงใจ เราไม่รู้
เพียงแต่ว่าหน้าที่ของเรา พระเยซูสั่งว่า 2 โครินธ์ 5:16 เราจงมองทุกคนเป็นคนใหม่หมด เราก็มองทุกคนเป็นคนใหม่หมดเพราะว่าพระเยซูสั่ง
เมื่อพระเยซูสั่ง พระองค์หวังดีและพระองค์มีเหตุผล
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งที่เกิดกับเรา คือเราจะสบายมากน่ะ สบายเบา เบา จิตใจของเราไม่คิดอะไร ว่า เออ คนนี้เราระหวาดระแวง กระวนกระวายกังวลอยู่นะว่าคนนี้มาดีไหม คนนี้มาไม่ดีไหม ทำไมคนนี้คำพูดแบบนี้ คำพูดแบบนั้น ทำไมอยู่ดีๆ เมื่อก่อนไม่ดีกับเรา ต่อมาก็ดีกับเรา เอ๊ เขาเปลี่ยนแผน หรือว่าเขามีแผนอะไร ไม่ต้องไปคิดอะไรทั้งนั้น จงมองทุกคนใหม่หมดในพระคริสต์ แล้วเราจะเบาสบาย และเข้าสู่การพักสงบในพระเยซูจริงๆ
แล้วก็อีกอย่างที่เป็นสิ่งที่วัดอายุของเรา ตอนนี้คุณไม่ใช่ 25-30-35-40-45-50 ไม่ใช่น่ะ อายุที่แท้จริงของเรา อยู่ที่คุณสมบัติการสำแดงชีวิตพระคริสต์ของคุณ ถ้าหากคุณยังขี้ใจน้อย ขี้น้อยใจ บ่น คิดลบ คิดพูดกระทบกระแทกพูดประชดประชัน ใส่ร้ายพี่น้อง หรือไม่มีความรักต่อพี่น้อง สิ่งเหล่านี้แสดงบ่งบอกให้รู้ว่าคุณยังเป็นเด็กอยู่
เพราะฉะนั้นเราจงกินอาหารผู้ใหญ่ให้มาก แล้วสะสมมานาฯ ให้มาก สนิทในพระเยซูให้มากๆ เพื่อเราจะเติบโตสู่การเป็นหนุ่ม และเป็นพ่อ เป็นผู้ใหญ่ และชีวิตของเราจะอยู่ในความสงบสุขในพระเจ้าตลอดเวลา
เราเป็นปุโรหิตหลวง เราเป็นสาวกของพระเจ้า วันนี้เราจะปรนนิบัติพระเจ้า และปรนนิบัติพี่น้อง ล้างเท้ากันและกัน
พระองค์ดูแลทุกคน พระองค์ดูแลทุกสิ่ง ใครทำดีก็ได้รับผลดี ใครทำไม่ดีก็ได้รับผลไม่ดีก็แล้วแต่ สำหรับเราเราอยู่เพื่อรักและอภัยให้ศัตรูของเรา
สิ่งที่บ่งบอกความแตกต่าง ถ้าหากเราอยู่ในคริสตจักรศาสนา สิ่งหนึ่งที่เราได้รับก็คือความอบอ้าว เมื่อเรามาพบพี่น้องมานาฯ อยู่ในกลุ่มคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ อยู่ในพระคำแห่งความจริง โดยพระวิญญาณแห่งความจริง เราก็จะอยู่ด้วยความอบอุ่น สรรเสริญพระเยซู
แต่ถึงอย่างไรเราก็รักพี่น้องเหล่านั้น เราอธิษฐานเผื่อเขา สงสารเขา ซึ่งอย่าแปลกใจเมื่อเราเผยแพร่ ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรไปสู่พวกเขา อาจจะมีการย้อนกลับมานะครับ ประชดประชัน ทำร้ายทำลาย ถกเถียง ต่อสู้กับเรานะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องทำใจไว้เผื่อ อย่าคาดหวังนะครับว่าทุกคนจะรับ และจะหวังดีกับเรา
เพราะฉะนั้นเราทำหน้าที่ของเรา และเราก็ทำใจไปด้วย เผื่อจะมีคนที่เขาอาจจะไม่ชอบเรา หรืออาจจะรับในพระคำล้ำลึกไม่ได้ เพราะว่าตาเขายังไม่เปิด แต่อธิษฐานเผื่อเขาต่อไปครับ
ในหนังสือทิตัสบทที่ 3 ที่เปาโลหนุนใจโดยพระวิญญาณ ก็คือให้เราหลีกเลี่ยงการถกเถียงอันโง่เขลา
การถกเถียงอันโง่เขลา ก็คือการถกเถียงที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการที่จะเอาชนะ ทุกฝ่ายทั้งสองก็คือต้องการเอาชนะ
และการถกเถียงที่โง่เขลา ก็คือการถกเถียงที่ใช้สติปัญญาของอาดัม ไม่ถ่อมใจใส่กัน ไม่เปิดใจใส่กัน และอธิษฐานขอพระวิญญาณเปิดเผยให้ทั้งสองได้เรียนรู้ แต่ฝ่ายหนึ่งก็ต้องการที่จะยัด ต้องการที่จะแบบคือพยายามเอาของตนไปให้คนอื่นเพื่อรับให้ได้ นี่คือความคิดของอาดัมของมนุษย์ของคริสเตียนศาสนา เพราะฉะนั้นนี่คือการถกเถียงอันโง่เขลา
แล้วก็การถกเถียงอันโง่เขลาอันที่สาม ก็คือการถกเถียงที่ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมเลิก แต่ในหนังสือทิตัสบทที่ 3 บอกว่า เราพูดแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น อันนี้ก็ตรงกับอุปนิสัยคุณสมบัติของพระเยซูที่ทำเป็นประจำ ก็คือพระองค์พูดถึง 2 ครั้ง เมื่อเขาไม่ฟังพระองค์ก็จะเดินหนี สำหรับพวกเราก็จะเหมือนกัน เราจะไม่เข้าสู่การถกเถียงอันโง่เขลา ก็คือไม่ไปตอบโต้ ไม่ไปโต้วาที ไม่ไปขัดแย้ง ไม่ไปต่อสู้กับเขา เราถอยออกมาแล้วก็ยิ้มให้ แล้วก็อวยพรเขาไปด้วย เอเมน