6:1 และในวันเหล่านั้น เมื่อจำนวนของพวกสาวกถูกทวีมากขึ้น มีการบ่นพึมพำของพวกกรีกต่อพวกฮีบรู เพราะว่าพวกหญิงม่ายของชาวกรีกถูกละเลยในการปรนนิบัติประจำวัน
** มีการบ่นในท่ามกลางคริสตจักรเรื่องการช่วยเหลือและดูแลที่ไม่เท่าเทียมกัน พวกหญิงม่ายฮีบรูคือพี่น้องหญิงชาวยิว ส่วนพวกกรีกคือพี่น้องหญิงชาวต่างชาติ
6:2 และพวกสิบสองคนนั้นได้เรียกคนจำนวนมากในพวกสาวกให้มาหาพวกเขา และกล่าวว่า “ไม่มีเหตุผลที่พวกเราควรจะทิ้งพระวจนะของพระเจ้าและรับใช้โต๊ะทั้งหลาย
** คริสตจักรของพระเจ้าย่อมมีการประกาศ - เป็นพยานเป็นหลัก และทั้งยังต้องมีการดูแลและช่วยเหลือพี่น้องเป็นงานรองด้วย โดยเฉพาะขณะที่ร่วมประชุมอยู่นั้น ทุกคนต้องได้รับการแจกจ่ายอาหารที่เท่าเทียมกันไม่มีการแบ่งแยกชนชาติ และคนมั่งมี หรือยากจน เพราะว่าทุกคนเป็นชาติเดียวแล้ว คือยิวและลูกหลานอับราฮัมฝ่ายวิญญาณ
6:3 เหตุฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย พวกท่านจงเลือกเจ็ดคนในท่ามกลางพวกท่านที่มีชื่อเสียงดี เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ “บริสุทธิ์” และสติปัญญา ผู้ซึ่งพวกเราจะตั้งไว้ให้ดูแลกิจธุระนี้
** ชื่อเสียงดี ก็คือเป็นที่รู้จักและเคารพของผู้คน
** เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ และสติปัญญา ก็คือได้รับพระวิญญาณเทลงมาเหนือเขาเป็นประจำ ข้อนี้ไม่มีคำว่า “บริสุทธิ์” จึงแปลว่าเต็มล้นด้วยพระวิญญาณด้านในเพื่อพระคริสต์จะเป็นสติปัญญาของพวกเขา ซึ่งเป็นพระวิญญาณแห่งชีวิต
** เต็มด้วยสติปัญญา คือเป็นพระปัญญาของพระเจ้าที่จะคิดตัดสินใจแทนพวกเขา
6:4 แต่พวกเราจะอุทิศตัวอย่างขะมักเขม้นต่อการอธิษฐาน และต่อการปรนนิบัติแห่งพระวจนะ”
** คริสตจักรของพระเจ้า หน้าที่ของผู้เผยพระวจนะ ก็คือแบ่งปันเลี้ยงดูป้อนอาหารฝ่ายวิญญาณเมื่อมีคนกลับใจและช่วยให้เขาเติบโตในความเชื่อ ส่วนผู้ดูแลฝ่ายร่างกายก็ช่วยเหลือดูแลหญิงม่ายเด็กกำพร้าและคนยากจนขัดสน นี่คือสิ่งที่มาจากพระวิญญาณ
6:5 และคำกล่าวนี้เป็นที่เห็นชอบของคนเหล่านั้นทั้งหมด และพวกเขาได้เลือกสเทเฟน ผู้เต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อและเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และฟีลิป และโปรโครัส และนิคาโนร์ และทิโมน และปารเมนัส และนิโคเลาส์ซึ่งเป็นผู้เข้าจารีตจากเมืองอันทิโอก
6:6 ผู้ซึ่งเขาทั้งหลายตั้งไว้ต่อหน้าพวกอัครทูต และเมื่อพวกอัครทูตได้อธิษฐานแล้ว พวกเขาได้วางมือของตนบนคนทั้งเจ็ดนั้น
6:7 และพระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้น และจำนวนของพวกสาวกก็ทวีขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มอย่างมาก และคนเป็นอันมากในพวกปุโรหิตได้เชื่อฟังต่อความเชื่อนั้น
** พระวจนะของพระเจ้าได้เจริญขึ้น คือสาวกทั้งหลายประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์ทุกแห่งหน ชาวยิวและพวกที่เป็นผู้รับใช้ในพระวิหารหลายคนคือตระกูลเลวีกลับใจเชื่อ
6:8 และสเทเฟนประกอบด้วยความเชื่อและฤทธิ์เดช ได้กระทำบรรดาการมหัศจรรย์และการอัศจรรย์ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชน
6:9 แล้วมีบางคนได้ลุกขึ้น คือคนของธรรมศาลาที่ถูกเรียกว่า ธรรมศาลาของพวกลิเบระติน และชาวไซรีน และชาวอเล็กซานเดรีย และบางคนจากซีลีเซียและเอเชีย โดยโต้แย้งกับสเทเฟน
** ธรรมศาลา หรือ Synagogue จะมีอยู่ทั่วทุกแห่งหนในประเทศอิสราเอลเพื่อมาร่วมกันนมัสการและฟังพระวจนะ (พระคัมภีร์เดิม) ของพระเจ้า ผู้ชายทุกคนสามารถลุกขึ้นพูดได้ พระเยซูก็เคยพูดถึงพระองค์เอง และถูกขับไล่ออกจากธรรมศาลา สเทเฟนลุกขึ้นประกาศข่าวประเสริฐ และเป็นพยานเรื่องพระเยซูจึงถูกจับตา และนำไปสู่การประหารชีวิตในบทที่เจ็ดนั่นเอง
6:10 และคนเหล่านั้นไม่สามารถต่อต้านสติปัญญาและพระวิญญาณซึ่งทำให้ท่านพูดนั้น
6:11 และพวกเขาได้ลอบเอาหลายคนเข้ามา ซึ่งกล่าวว่า “พวกเราได้ยินคนนี้พูดถ้อยคำหมิ่นประมาทต่างๆ ต่อโมเสสและต่อพระเจ้า”
6:12 และพวกเขายุยงประชาชนและพวกผู้อาวุโสกับพวกธรรมาจารย์ และมาหาสเทเฟน และจับเขา และนำเขาไปยังสภา
6:13 และได้ตั้งพวกพยานเท็จขึ้นมา ซึ่งกล่าวว่า “คนนี้ไม่หยุดพูดถ้อยคำหมิ่นประมาทต่างๆ ต่อสถานที่บริสุทธิ์นี้และพระราชบัญญัติเลย
6:14 เพราะพวกเราเคยได้ยินเขากล่าวว่า พระเยซูแห่งนาซาเร็ธนี้จะทำลายสถานที่แห่งนี้ และจะเปลี่ยนธรรมเนียมทั้งหลายซึ่งโมเสสได้มอบไว้แก่พวกเรา”
6:15 และทุกคนที่นั่งในสภานั้น ขณะเพ่งดูสเทเฟน ก็เห็นใบหน้าของท่านราวกับเป็นใบหน้าของทูตสวรรค์องค์หนึ่ง
** พวกยิวไม่พอใจในข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ และพวกเขาไม่ต้องการสิ่งใหม่ๆ นอกจากคำสอนทั้งหลายของโมเสส ในอดีตทุกคนที่สอนเรื่องใหม่ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์เดิมก็จะถูกฆ่าให้ตาย พวกเขาจึงไปหาพวกผู้ใหญ่และจับท่าน แต่ใบหน้าของท่านส่องสว่างด้วยสง่าราศีของพระเจ้าเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าท่านมาจากพระเจ้า
- คริสตจักรยึดการประกาศเป็นพยานเรื่องพระเยซูคริสต์เป็นหลัก และช่วยเหลือดูแลพี่น้องในพระกาย จากนั้นก็คนที่ไม่เชื่อ ตามขนาดของความเชื่อ
- ผู้รับใช้ที่เผยพระวจนะต้องมีของประทานในการเผย ซึ่งพระเจ้าประทานของประทานนี้ให้หลายคน เพื่อการเติบโตของพระกาย
- ผู้รับใช้ที่ทำหน้าที่ดูแลพี่น้องฝ่ายร่างกายก็ต้องมีของประทานในการดูแล เขาจะเป็นคนที่มีใจกว้าง มีเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีสติปัญญาของพระคริสต์เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ไม่ทำเองคิดเอง
- สเทเฟน ถูกเลือก และท่านเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจึงมีใจกล้าที่จะลุกขึ้นพูดต่อหน้าชาวยิวมากมายและปุโลหิตในธรรมศาลา จนในที่สุดท่านต้องถูกหินขว้างให้ตาย (บทที่เจ็ด) ไม่ใช่ทุกคนที่ถูกเลือกให้ตาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตายของสาวกคือเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าและเพื่อการเติบโตของพระกายพระคริสต์
- ศาสนาและลัทธิมากมายยิ่งฆ่าทำลายก็ยิ่งไม่เหลืออะไรแต่พระกายของพระเยซูยิ่งฆ่าก็ยิ่งโต และความตายไม่ใช่จุดจบของชีวิต ยังมีอาณาจักรพันปีและฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่รอเราอยู่ และทุกคนที่ตายเพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐก็ได้กลายเป็นผู้ชนะเมื่อยุคอาณาจักรมาถึง