1. พระวิญญาณตรัสผ่านเปาโลท่านจึงมีใจกล้าที่จะเปิดใจพูดต่อหน้าผู้ปกครองบ้านเมืองเรื่องนิมิต การงานที่ท่านทำอยู่ และสิ่งนี้ไม่ใช่เราทุกคนต้องทำตามนอกเสียจากว่าพระวิญญาณนำเราให้เปิดใจพูดเหมือนเปาโล
2. เมื่อเปาโลไปถึงที่ไหน พระเยซูก็ทำกิจผ่านท่าน ทั้งการประกาศและสำแดงการอัศจรรย์ เพื่อยืนยันว่าท่านมาจากพระเจ้า และเมื่อเปาโลเติบโตในความเชื่อท่านก็สำแดงชีวิตและนิสัยของพระเยซู
3. มนุษย์ที่มีใจแข็งกระด้างมักจะมองว่าเรื่องพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องงมงาย บ้า และโง่เขลา
4. มนุษย์ที่เปิดใจถ่อมใจรับฟัง พระเจ้าก็จะนำเขาให้มาถึงความรอด พระคุณและพระเมตตาของพระองค์
5. ไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำอะไรเราได้เมื่อยังไม่ถึงเวลา พระองค์จะใช้คนดีคนที่มีอำนาจช่วยเหลือเราให้รอดพ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายทั้งหลาย
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่พระองค์เป็นอาหารแห่งชีวิต พระองค์เป็นมานาที่มาจากสวรรค์ พระองค์ให้เราได้กินดื่มอิ่มเต็ม รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มล้น ขอบพระคุณพระองค์สำหรับชีวิตที่มีแต่สันติสุขและชีวิตที่เต็มด้วยพลังที่มาจากพระองค์
ขอบพระคุณพระองค์สำหรับกฎแห่งชีวิตกฎแห่งพระวิญญาณ เพื่อที่จะอยู่ในพวกเรา และเอาชนะกฎแห่งความบาปและกฎแห่งความตาย ขอบคุณพระเยซูสำหรับพระคำหนังสือกิจการที่พระองค์ประทานให้พวกเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตเกิดผลของชีวิตใหม่ ผลของคนคนใหม่ ที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซู ร่วมกับพระเยซู และสนิทสามัคคีธรรมกับพระเยซูอยู่เสมอ
พวกเราขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์รักพวกเรา และเลือกพวกเราในท่ามกลางผู้เชื่อมากมาย เพื่อรับการเปิดเผย เปิดตา เข้ามาสู่ความสว่างที่เจิดจ้า เข้ามาสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เอเมนพวกเรารักพระเยซู เอเมน
เมื่อคืนนี้มีพี่น้องคนนึงถามผมว่า: ถ้าหากเราฝึกเดินเราประกาศข่าวประเสริฐ แล้วปรากฏว่าเห็นมีผู้นำบางคนไปประกาศข่าวประเสริฐ แล้วก็มีคนกลับใจเชื่อ ถามว่าเขาจะได้รับบำเหน็จไหม เป็นการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือไม่ ..
สำหรับคริสเตียนนะครับ มนุษย์วิญญาณ “Spiritual man” การเดินในฝ่ายวิญญาณนะครับ เน้นที่ภายใน เน้นที่ภายใน ความหมายก็คือ ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ เมื่อไปประกาศ มีคนกลับใจ ไม่ได้หมายความว่าเขาเดินในพระวิญญาณเดินในฝ่ายวิญญาณ และเดินจากภายใน แต่เป็นการใช้ของประทาน
เราจำกันได้ไหม มัทธิวบทที่ 7:21-23 พระเยซูตรัสว่า ไม่ใช่ทุกคนที่มาหาเราแล้วจะได้เข้าไปในอาณาจักร ถูกไหมครับ หลายคนจะกล่าวว่า ข้าพระองค์ประกาศข่าวประเสริฐ รับใช้ รักษาโรค ไล่ผี ในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ พระเยซูตรัสว่า จงถอยออกไป เราไม่รู้จักเจ้า ถามว่าทำไม ? เพราะว่าเขาไม่ได้เดินจากภายใน เขาใช้ของประทานเท่านั้น
การเดินจากภายใน ก็คือ เปาโล วันนี้ ให้เราได้เห็นหลายสิ่งเกี่ยวกับชีวิตของท่าน คือเปาโลเป็นพยานในสิ่งที่พระเยซูปรากฏ สิ่งที่พระเยซูให้ท่านเห็น และเปาโลรักษาโรค ไล่ผี ประกาศข่าวประเสริฐ ใช้ของประทาน การอัศจรรย์ที่มาจากพระเยซู แล้วต่อมาไม่นานเราจะพบว่าเปาโลสำแดงชีวิตของใครครับ “เปาโลสำแดงชีวิตของพระคริสต์” ที่พระองค์อยู่ในพวกเราในฐานะของพระเจ้า 3 พระภาค
เมื่อก่อนพระเยซูเสด็จมา พระเยซูสำแดงชีวิตของพระเจ้า 3 พระภาค อยู่ในร่างของพระเยซู แล้วตอนนี้ก็ถึงตาพวกเราที่จะสำแดงชีวิตของพระคริสต์ สำแดงพระคริสต์ให้โลกได้เห็น และมีพระเจ้า 3 พระภาคที่เข้ามาอยู่ในพวกเราในฐานะในสภาพของพระคริสต์
เราคริสเตียน เราทำ 3 สิ่ง ก็คือ
1. เป็นพยานในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเรา เราได้รับอะไร เห็นเหตุการณ์อะไร สิ่งไหนที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นกับพวกเรา แล้วเรากลับใจ
สิ่งที่ 2. ก็คือการรับใช้โดยการใช้ของประทาน ไล่ผี รักษาโรค ประกาศข่าวประเสริฐ เผยพระวจนะ
แล้วสิ่งสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เปาโลกระทำ ก็คือเปาโลสำแดงพระคริสต์ คือสำแดงตัวตนของพระคริสต์ สำแดงชีวิตและนิสัยของพระคริสต์
เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องมานาฯ ที่พวกเราฝึกเดิน ขอบคุณพระเจ้าที่เรามาถึงการฝึกนับตาย ขอบคุณพระเจ้าที่เราได้พบความจริงว่าเราเป็นคนใหม่
แล้วเราขอบคุณพระเจ้า เราได้มาถึงจุดที่สูงกว่า ระดับที่สูงกว่า ก็คือ
1. ได้รู้ถึงการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระเจ้า พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว เอเมน
สิ่งที่ 2. เรามาถึงระดับที่สูงกว่า ก็คือเราร่วมกับพระเจ้า พระเจ้าร่วมกับเรา เพื่อการดำเนินชีวิตใหม่ในพระคริสต์ พระคริสต์ เดิน ทำ กิน นอน ไป มา พูด ฟัง ทุกสิ่ง ร่วมกับพวกเราในสภาพของคนใหม่ ขอบคุณพระเยซูสำหรับสิ่งนี้ที่พระเจ้าเปิดเผยให้พวกเรา
และสิ่งที่ 3. ที่นำเรามาถึงระดับความรู้ความเชื่อที่สูงกว่า การฝึกที่สูงกว่า ก็คือการได้สามัคคีธรรมกับพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เช้าจนค่ำ
เมื่อคืนนี้ผมก็ได้บอกน้องชายคนนึงว่า เราตื่นนอน Good Morning พระเยซูเลย ถ้าไม่มีอะไรจะพูดไม่รู้จะพูดอะไรคิดยังไม่ออก ก็ “เอเมน” เพราะว่าคำว่า เอเมน ก็คือ พระเยซู พระเยซูคือพระเอเมน สันติสุข พลัง พระเจ้าจะนำเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ มีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์ สันติสุขจะเกิดขึ้น อาการสงบนิ่งจะเกิดขึ้น ความกังวลวิตกกังวลกระวนกระวายก็จะหายไป
และเราหิวนะครับ เราบอกว่าพระเยซูอยากกินอะไร และเราไม่มีความต้องการจะกินแล้ว เมื่อก่อนเราอยากกินโน่นกินนี่ แต่ตอนนี้ก็คือตามใจพระเยซูแล้ว เราอยากจะไปไหน เราบอกว่าพระเยซูจะไปไหน พระองค์จะพาไปไหน พระองค์จะพาทำอะไร จะฟังอะไร จะคิดอะไร จะพูดอะไร ก็คือแล้วแต่พระองค์ นี่คือการฝึกที่เข้าสู่ระดับที่สูงกว่า
และวันนี้ผมอยากจะเน้นนะครับ เราพบว่าเปาโลทำอะไรในบทนี้ ก็คือคริสเตียนเรา ขอบคุณพระเยซู ขอย้ำนะครับเรามาถึงจุดที่เรานับตายทุกวัน เรานับตายกันหรือยัง ? (นับแล้ว) ถ้าเผลอถ้าหลุดไม่ได้นับ ก็สารภาพแล้วกลับเข้ามาอยู่ในพระคริสต์แล้วนับใหม่ ไม่มีปัญหาไม่สายเกินไป เรามีเวลาทั้งวัน เรามีเวลาทั้งอาทิตย์ เรามีเวลาทั้งเดือน ทั้งปี เพื่อฝึก
แล้วก็ต่อมา ก็คือ เรานับ consider เรานับเราท่องเราจำ ได้ทุกวันหรือไม่ว่าตอนนี้เราเป็นคนใหม่อยู่
และสิ่งต่อมา ก็คือ ขอบคุณพระเจ้าเรานับว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับเรา
และสิ่งต่อมา ก็คือ เราร่วมกับพระคริสต์ พระคริสต์ร่วมกับเรา
สิ่งต่อมาที่สำคัญ ก็คือ เราสามัคคีธรรมกับพระคริสต์อย่างสม่ำเสมอไม่ขาด
แล้วสุดท้ายในวันนี้สิ่งที่ผมอยากจะย้ำ อยากจะชวนพวกเรามาฝึก มาท่อง มาจำ มานับ ทำบัญชี ก็คือก่อนที่จะพูดผมอยากจะพาเรากลับไปดูชีวิตของเราเมื่อก่อน ตอนที่เราเชื่อใหม่ๆ เราคิดว่าพระเจ้าจะเอาปัญหาออกจากชีวิตของเรา ถูกไหม. เราต้องการแต่พระพร ถูกไหม. เราต้องการแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ภาษาอังกฤษเรียกคำนี้ว่า Mary to the good , Mary to the good ก็คือ แต่งงานกับสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่ไม่ดีเนี่ยไม่ยอมรับ ไม่เอา ไม่อยากได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิตคริสเตียน
เมื่อคุณกลับใจเชื่อ วันแรกที่คุณเชื่อพระเยซู พระเจ้าจะนำคุณเข้ามาสู่ปัญหา เริ่มจากปัญหาเล็กๆ ก่อน แล้วเมื่อปัญหานี้ผ่านไป หรือผ่านไม่ได้ พระเจ้าจะนำปัญหาที่ 2 เข้ามา เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า และเมื่อปัญหาที่ใหญ่กว่าคุณผ่านได้หรือไม่ได้ พระเจ้าก็จะนำปัญหามาอีก ชีวิตของคุณนะครับก็จะเต็มด้วยปัญหา ถามว่าทำไม ? มันตรงข้ามกับชีวิตคริสเตียนศาสนาที่เราเคยเป็นกันใช่ไหม อาจารย์ผู้นำก็สอนว่าพระเจ้าจะให้พระพร อวยพร นำชีวิตของเราให้อยู่ในการงานที่ดี สุขภาพที่ดี ครอบครัวอบอุ่น ทุกสิ่งดีหมดราบรื่น แต่เราดูในพระคำพระเจ้านะครับเราจะเห็นว่าชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ตรงข้ามกับคำสอนในคริสตจักรต่างๆ
เมื่อคุณกลับใจเชื่อในพระเยซูนะครับ พระเจ้าจะนำปัญหามาสู่คุณ เพราะว่าปัญหาคือการบ้าน โลกนี้คือทุ่งนา เราเป็นชาวนาที่อยู่ไร่นาที่ทำไร่ทำนาให้พระเจ้า เอเมน
ผมจะพาเรามาฝึกนะครับ เริ่มฝึกตั้งแต่นี้ไปก็คือ ปัญหา ปัญหาคือการบ้านของเรา และบทเรียนสำหรับวันนี้อาทิตย์นี้สัปดาห์นี้ “ปัญหาคือการบ้านของคุณ” The problem is your homework เราหลีกหนีจากปัญหาไม่ได้ หลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้ แล้วเราต้องท่องจำต้องนับว่า “ปัญหาคือส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา” ปัญหาคือสิ่งที่พระเจ้านำมาเพื่ออะไรครับ เพื่อเราจะฝึกเดิน เพื่อเราจะเติบโต
ดูตัวอย่างนะครับ
• ที่การงานที่ทำงานของเราจะมีคนที่พูดไม่เพราะ เงินเดือนอาจจะไม่พอใช้ หรือจะเกิดปัญหามากมายในขณะที่ทำงานอยู่ จากเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน จากนาย นายจ้าง หรือจากปัญหาที่เราทำอยู่จากงานที่เราทำอยู่ ปัญหาจะเข้ามา
• และบางคนนะครับจะเข้าสู่ปัญหาเรื่องสุขภาพ
• บางคนนะครับจะเข้าสู่ปัญหาเรื่องการขับรถ เรื่องรถมาปาดหน้า เรื่องคนใช้สายตาที่มองเราไม่ดี
• จากเพื่อนบ้านเราที่เปิดเพลงดัง ที่หมาเห่า
มีมากมายที่เกิดขึ้น อย่าลืมนะครับสิ่งเหล่านี้ เมื่อไหร่ที่คุณเห็นชัดเจนว่า โอ้มันคือการบ้านของเราที่จะต้องทำ เรามาถึงการฝึกที่เข้าสู่ระดับที่สูงกว่าแล้ว
เมื่อไหร่ที่เราตอบโต้ด้วยคำพูดที่หยาบคาย เราตอบโต้ด้วยอารมณ์โกรธโมโห เรายังฝึกไม่ถึงตาเรายังไม่สว่างว่า “ปัญหาคือการบ้าน”
แล้วหลังจากที่เราได้เรียนรู้พระคำของพระเจ้าวันนี้ พระเจ้าจะให้เราเห็นชัดเจน แล้วพี่น้องจะนึกถึงคำพูดของผมนะครับว่า “ปัญหาคือการบ้าน” เราออกจากการสามัคคีธรรมในวันนี้ร่วมกัน พระเจ้าจะนำเราเข้าสู่ปัญหา จากสุขภาพบ้าง เรื่องการงานบ้าง เรื่องครอบครัวบ้าง เรื่องคนข้างบ้านบ้าง ทุกเรื่องนะครับที่จะเข้ามาสู่เรา แล้วเมื่อไหร่เราฝึกวันนี้พรุ่งนี้มะรืนนี้ สัปดาห์ หน้าเดือนหน้า เราเห็นชัดเจนว่า “อ๋อ จริงๆ แล้วปัญหาที่เข้ามาสู่ฉัน ก็คือการบ้าน”
เราจะต้องผ่านการบ้านทำการบ้านให้ได้ก็คือ..
เราใช้ความรัก แทน ความเกลียดชัง
ใช้ความรัก แทน ความโมโห
ใช้ความรัก แทน คำพูดที่หยาบคาย
ใช้ความรักและความชอบธรรม แทน ความคิดที่เป็นด้านลบและคำพูดที่เป็นด้านลบกับเขา
เห็นภาพไหมครับ “ปัญหาคือการบ้าน” เอเมน
ก่อนที่เราจะทำมาค้าขาย จะทำอะไร คำพูดของสามีภรรยา คำพูดของคนข้างบ้าน เสียงเพลง เสียงหมาเห่า แล้วเรานึกได้นะครับ “อ๋อ มันคือการบ้านที่ฉันจะต้องทำ” มีคนมาปาดหน้า เราขับรถอยู่นะครับ “อ๋อ มันคือการบ้านที่ฉันจะต้องทำ” ฉันจะต้องตอบสนองกับเขาแบบไหน 1. ความรัก 2. รอยยิ้ม ยกโทษให้ไม่เป็นไรไม่ถือสา เมื่อเราทำแบบนี้ได้นะครับ ก็คือพระเยซูได้ก่อชีวิตของพระองค์ขึ้น เรานะครับเก็บเกี่ยวบำเหน็จได้เลย
แต่เรานะครับ เมื่อมาไม่ถึงจุดนี้ เราก็ยังจะต้องฝึกต่อไป จนวันหนึ่งเรามาถึงจุดที่ได้เห็นชัดเจน “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” เอเมน พระคำของพระเจ้าวันนี้ก็จะสำเร็จในพวกเรา
อีกครั้งนะครับ ปัญหาจะเข้ามาทางสุขภาพ ครอบครัว การงาน ที่ทำงาน คำพูดของคน ข้างบ้าน ทุกสิ่งเข้ามา เมื่อเราเห็นว่า “อ๋อ มันคือการบ้าน” เราจะต้องตอบสนองด้วยความรักความชอบธรรมของพระเจ้าสำแดงชีวิตพระคริสต์ ถ้าเราทำยังไม่ได้ “พระเยซูชำระข้าพระองค์ให้ทำได้ พระเยซูชำระข้าพระองค์ให้มองเห็นว่าปัญหาคือการบ้าน”
อย่าไปมองตัวเขานะครับ เราสงสารเขาแทนที่จะเกลียดชังเขา เพราะว่าพระเจ้าใช้เขามา และเขามาโดยที่ใช้นิสัยของซาตาน ซาตานยุยั่วชักนำเขาให้มาหาเรา เพื่อเราจะโกรธใส่เขา เพื่อเราจะตอบสนองด้วยสิ่งที่เป็นด้านลบ แต่ถ้าหากเราจะฝึกสำเร็จ เมื่อไหร่เราเห็นนะครับว่า “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” ขอบคุณพระเจ้าความสำเร็จของการฝึกที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า มาถึงเราแล้ว เก็บเกี่ยวบำเหน็จนะครับเอเมน
แล้วพี่น้องเห็นไหมครับว่าเปาโลตอบสนองต่อปัญหายังไง เปาโลถูกจับนะครับ ถูกนำมาเพื่อสืบสวนสอบสวนเรื่องคดีของท่าน แล้วเขาจะประหารชีวิตท่าน ท่านตอบสนองด้วยความรัก ด้วยความชอบธรรม ท่านพูดโดยกล้าเปิดเผยว่าพระเจ้าเป็นคนนำเป็นคนทำเป็นคนใช้ท่าน และสำหรับพวกเรา เมื่อถูกข่มเหง เมื่อถูกจับ เมื่อเจอปัญหาทุกสิ่ง เปาโลสำแดงความรัก เราเองที่เป็นบุตรพระเจ้าเราก็แสดงความรัก เรานะครับสำแดงความชอบธรรม เปาโลก็สำแดงความชอบธรรม เอเมน
ถ้าอยากเป็นผู้ชนะ เก็บเกี่ยวผลบำเหน็จที่มาจากสวรรค์ และบำเหน็จนั้นเป็นสิ่งที่ก่อขึ้นด้วยทองคำเงินและเพชรพลอย จะไม่ถูกไฟไหม้จะไม่ถูกเผาทิ้ง เราจะมีมงกุฎที่สง่างามและมีสง่าราศีร่วมครอบครองร่วมกับพระเยซูในยุคพันปีและชั่วนิจนิรันดร์ ก็คือการผ่านปัญหาทั้งหลาย โดยที่เราต้องเปลี่ยนความคิดใหม่นะครับ ปัญหาเข้ามาเราไม่น้อยใจ ปัญหาเข้ามาเราไม่โกรธ ปัญหาเข้ามาเราไม่กระวนกระวาย แต่เราขอบพระคุณเหมือนเปาโลที่ขอบพระคุณพระเจ้า
เปาโลตอบสนองทุกสิ่งโดยคิดว่าสิ่งเหล่านั้น ก็คือ การบ้านของท่าน แล้วเปาโลนะครับ เอาชนะด้วยความรักและความชอบธรรม ท่านตอบตามความจริง ตอบด้วยความชอบธรรม ต่อผู้นำทั้งหลาย สุดท้ายนะครับ พระเจ้าก็อนุญาตให้กษัตริย์อากริปปาปลดปล่อยท่าน ไม่ได้ถูกจับในเวลานั้น
เราขอบคุณพระเจ้านะครับ เมื่อถึงเวลาพระเจ้าให้เราเจอปัญหาอะไร เรารับด้วยการขอบพระคุณ และตอบสนองด้วยความรักและความชอบธรรม และถ้าหากว่าให้ถึงเวลานะครับ เราก็ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์ แต่สิ่งที่สำคัญเปาโลนึกเสมอท่องจำเสมอ ทำบัญชีไว้เสมอว่า “อ๋อ ปัญหาแท้ที่จริงมันคือการบ้านที่เราจะต้องทำ”
ผมขอย้ำนะครับ เมื่อคุณขับรถคุณจะเจอรถมาปาดหน้า นี่คือสิ่งที่พระเจ้าส่งมาเมื่อเราเรียนจบคอร์สนี้ แล้วครอบครัวคนในครอบครัวจะพูดคำที่เราไม่ค่อยชอบไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “มันคือการบ้านของคุณ” เมื่อคุณไปที่ทำงานของคุณพรุ่งนี้นะครับ มีคนพูดไม่ดีนายจ้างพูดไม่ดีหรืองานมีปัญหา ให้คุณจำสิ่งนี้ ก็คือ “อ๋อ มันคือการบ้าน”
อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเรา สุขภาพนะครับ เราได้ยินข่าวไม่ดีเกิดขึ้นกับเรา เราเจ็บป่วย มีปัญหา “มันคือการบ้าน” มีปัญหาเรื่องเงิน “อ๋อ มันคือการบ้าน” เมื่อคุณคำนึงถึงสิ่งนี้ ท่องจำสิ่งนี้ได้ ขอบคุณพระเยซูขอแสดงความยินดีกับพวกเรา เรามาถึงการฝึกที่สูงกว่าแล้วเอเมน
ถามว่าถ้าเราฝึกยังไม่ได้ เมื่อรถมาปาดหน้า เราโมโหเราตะโกนใส่เขา รีบสารภาพครับ รีบสารภาพ แล้วกลับเข้ามาใหม่ “อ๋อ มันคือการบ้าน ข้าพระองค์หลุด ขอพระเยซูยกโทษให้ข้าพระองค์ด้วย ข้าพระองค์จะเริ่มใหม่” ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์ตั้งพระโลหิตของพระองค์ไว้ร่วมกับพระบิดาเพื่อการยกโทษ เมื่อเราสารภาพ พระเจ้าก็ได้ชำระเรา
ก็สำหรับวันนี้ ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์นำเรามาถึงความเข้าใจ เป็นการฝึกใหม่ เรานับ เราท่องจำ เรา consider ก็คือ “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” หัวข้อสำหรับพระคำของพระเจ้าในวันนี้ก็คือ “อ๋อ มันคือการบ้าน” รถปาดหน้า มีปัญหาที่ทำงาน ครอบครัวทะเลาะกัน อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับพวกเรา สุขภาพ การงาน การเงิน ทุกสิ่ง “อ๋อ แท้ที่จริงมันคือการบ้านนี่เอง”
เพราะว่าพระเยซูตรัสเองว่า มัทธิวบทที่ 13 แสงแดดคืออะไร แสงแดดก็คือปัญหา แสงแดดก็คือการบ้าน เพื่ออะไรครับ.. เพื่อให้เราได้ฝึก ฝึกทำไมครับ.. ฝึกเพื่อให้เราเข้มแข็งสิครับ ถ้านักแข่งนักวิ่งไม่ฝึกเขาจะเข้มแข็งได้ยังไง ถ้าเขาไม่ฝึก ลงสนามเขาจะวิ่งได้ชัยชนะหรือเปล่า ไม่มีทางนะครับ
เพราะฉะนั้นคริสเตียน ถ้าไม่ฝึกก็จะเป็นผู้ชนะไม่ได้ ขอบคุณพระเยซูสำหรับวันนี้ที่เปิดเผยกับพวกเราในกิจการบทที่ 26 คือปัญหาทั้งหลายที่เข้ามาในชีวิตของเรา “คือการบ้าน”
แล้วอย่าห่วงนะครับ พระเจ้ามองเห็นทุกคน ว่าความเชื่อของเรา กำลังของเรามีมากน้อยแค่ไหน ความเชื่อระดับความเชื่อของเราอยู่ในระดับไหน พระเจ้าจะส่งปัญหามาให้เราตามขนาดที่เรารับได้ ไม่มากเกินไป ไม่นานเกินความอดทน ไม่หนักเกินไป แล้วพระเจ้าก็อยู่ด้วยกับพวกเราตลอดเวลาอยู่เสมอ เรารู้แล้วว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าแล้ว เราร่วมกับพระเจ้าแล้ว แล้วเราสามัคคีธรรมกับพระเจ้า เรารับอะไรพระเจ้าก็รับอันนั้นร่วมกับเรา พระเจ้ารู้ดีว่าเรารับได้มากน้อยแค่ไหน
เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะครับ การฝึกของเราจะไม่ยากไม่หนัก ขอบคุณพระเยซูที่แอกเบา ภาระเบา การฝึกก็เบา ทุกสิ่งก็เบาไปหมด
สรุปสุดท้าย ก็คือ หัวข้อวันนี้คือ “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” สรรเสริญพระเยซูขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ เอเมน
สำหรับผมนะครับขอบคุณพระเจ้าที่ เมื่อเราผ่านการฝึกมาแล้ว ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เราได้รับ ก็คือ จิตใจที่เบาสบาย จิตใจที่นิ่งสงบ เราไม่รู้สึกอะไร เราไม่กระทบกระเทือนเมื่อมีปัญหาเข้ามา เพราะว่าเรารู้ดีว่าคนที่เข้ามา เราเกิดสงสารเขา ซาตานใช้เข้ามา หรือพระเจ้าอนุญาตให้เขาพูดใช้คำพูดที่ไม่ดีกับเรา จำกันได้ไหม คนที่พูดไม่ดีกับเรา คนที่โกรธคนที่เกลียดชังเรา มาหาเราเพื่อเราจะต้องทำอะไร “ฝึก และใช้ความรักกับเขา” นะครับ เพราะว่านี่คือนิสัยของคริสเตียน ชีวิตและนิสัยของบุตรพระเจ้า ที่เราจะต้องตอบสนองคนเหล่านั้น
ไม่มีแล้วนะครับ ตาแทนตา ฟันแทนฟัน อันนั้นเป็นยุคเก่ายุคพระบัญญัติ แต่ทำไมคริสเตียนมากมายทุกวันนี้ยังตอบสนองต่อคนที่ใช้ตามาแทนตา ฟันมาแทนฟันกับเขา แต่พระเยซูสอนเราใช่ไหม รักแทนความเกลียดชัง ถ่อมใจแทนการอวดหยิ่งทะนง หยิ่งผยองพองตัว เอเมนไหมครับ
“เอเมน พระเยซูพวกเราทำไม่ได้ แต่สำหรับพระองค์พระองค์ตรัสว่า มนุษย์ก็เกินกำลังมนุษย์ก็เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปได้ เอเมน”
เพราะฉะนั้น “พระเยซูทำเถิด พระเยซูชำระเราทั้งหลายเถิด พระเยซูรักเถิด พระเยซูอภัยเถิด พระเยซูมองเห็นทุกสิ่งที่เป็นปัญหาเป็นการบ้านเถิด พวกเราอาจจะจำไม่ได้ และขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์ ช่วยพวกเราในการฝึกทุกครั้ง ขอบคุณพระเยซูที่พวกเราไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่ได้ฝึกคนเดียว แต่การฝึกทุกครั้งก็คือพระองค์ฝึกร่วมกับพวกเรา พระองค์ช่วยพวกเราในการฝึก ให้เติบโต ให้เจริญขึ้น พัฒนาขึ้น ในการฝึกเดินในความเชื่อ และในการสำแดงชีวิตของพระคริสต์ เอเมนพระเยซู”
สำหรับความฝันของพี่น้องเมื่อคืนนี้ ที่ฝันว่า (ขึ้นไปบนภูเขา มีแสงสว่าง มี 2 คนที่ตาบอด) การขึ้นไปบนภูเขานะครับเป็นเรื่องของคริสเตียน ก็คือขึ้นไปถึงพระเจ้า แสงสว่างก็คือความสว่างก็คือพระเจ้าก็คือพระเยซูคริสต์ แล้วคนที่เห็นแสงสว่างความสว่างก็คือคริสเตียนที่ได้พบความสว่างแล้วตาสว่างแล้ว สำหรับคนที่ตาบอด 2 คนเนี่ย ก็คือคริสเตียนที่ยังไม่ได้ถูกเปิดตา ยังไม่มาถึงความสว่าง
ถามว่าพระเจ้าทำไมให้เราเห็นนิมิต พี่น้องที่เห็นนิมิตนะครับก็คือหน้าที่ของเราก็คืออธิษฐานเผื่อ อาจจะมีคนใกล้ชิดบางคน ที่ 2 คนที่อยู่ใกล้เราอยู่กับเรา หรือเป็นผู้เชื่อที่พระเจ้าให้เราอธิษฐานเผื่อ เรานึกได้ว่าใครที่มีปัญหาอยู่เรื่องตาบอด เรื่องคริสเตียนศาสนา ที่พัวพันผูกพันกับเรานะครับ หน้าที่ของเราก็คืออธิษฐานเผื่อเขา เอเมน
และขอบคุณพระเยซู เราทุกคนที่รับการเปิดเผย รับมานาที่ซ่อนไว้ก็คือเรามาถึงภูเขาศิโยน ก็คือนครเยรูซาเล็มใหม่ ก็คืออาณาจักรของพระเจ้า อาณาจักรสวรรค์ เรามาถึงอาณาจักรสวรรค์แล้วเราอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว เอเมน และอาณาจักรสวรรค์ของพระเยซูคริสต์ เรามาถึงพระเยซูคริสต์แล้ว เอเมน
และเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังตาบอดอยู่ เราอธิษฐานเผื่อเขา เรารักเขา พระเจ้ารักเขา ขอวันนึงพระเจ้าจะปลดปล่อยเขาเหมือนที่พระเจ้าปลดปล่อยพวกเรา โดยคำอธิษฐานเผื่อของพี่น้องที่เมื่อก่อนได้อธิษฐานเผื่อเราตอนที่เรายังไม่ได้พบมานา และวันนี้เราได้พบแล้ว หน้าที่ของเราต่อมาก็คือต้องอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังไม่ได้พบ เพื่อเขาจะได้พบ แล้วก็มาร่วมฝึกกับพวกเรา พระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับเรา พระเจ้าร่วมกับเรา เราสามัคคีธรรมกับพระเจ้า พระเจ้าสามัคคีธรรมกับเรา เราสนิทในพระองค์
“พระเยซูก่อนที่พวกเราจะพบมานา ก็มีพี่น้องที่ได้รับการเปิดตาก่อนหน้านี้อธิษฐานเผื่อพวกเรา และบัดนี้ก็คือถึงตาที่พวกเราจะอธิษฐานเผื่อพี่น้องที่ยังไม่ได้ถูกเปิดตา ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ เพื่อพวกเขาจะเข้าสู่การเดินในพระวิญญาณ เข้าสู่น้ำแห่งชีวิตอย่างครบบริบูรณ์ พลังชีวิตอย่างครบบริบูรณ์ เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และเข้าสู่การอยู่ใต้พระคุณ และรับทุกสิ่งที่พระองค์ประทานให้ คือพระพรฝ่ายวิญญาณทุกประการ และชีวิตที่อยู่ภายใต้การดูแลปกปักรักษา ปกป้องคุ้มครองดูแล และการเดินด้วยสันติสุข เดินด้วยความรัก เดินในสวรรค์บนดินในโลกนี้ ขณะที่เป็นนรกเล็กๆ สำหรับคนมากมาย แต่พวกเราอยู่ในพระองค์เป็นอาณาจักรของพระองค์ เอเมน”
และสุดท้ายวันนี้เราก็จะมาถึงการฝึกที่สูงกว่า ก็คือ “อ๋อ ปัญหาแท้ที่จริงแล้วมันคือการบ้านของเรา” เอเมน
พระเจ้าส่งมาให้เรา ออกจากวันนี้นะครับ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ สัปดาห์หนึ่งผ่านไป สองสัปดาห์ผ่านไป พระเจ้าจะเริ่มให้เราฝึกนะครับ ปัญหาจะเข้ามาหาคุณ ไม่ต้องแปลกใจนะครับ ขอให้ขอบพระคุณ แล้วนึกได้นะครับว่า อ๋อ คำพูดของพี่น้องเจ พี่เจ ลุงเจ อาจารย์เจ ที่พูดวันนี้ “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” แท้ที่จริงแล้วเป็นมาโดยพระวิญญาณ พระองค์ต้องการให้เราเติบโต เข้มแข็ง แล้วสำแดงชีวิตพระคริสต์เหมือนเปาโลที่สำแดงชีวิตของพระองค์ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเรา เปาโล สะสมบำเหน็จก็คืออาณาจักรและมงกุฎที่จะมีมาในอนาคตอันใกล้นี้ เอเมนพระเยซู
ถาม.
คืออยากจะถามว่า ในพระคำวันนี้ของพวกเรา ก็คือ ปัญหาคือการบ้าน ทุกอย่างในชีวิตอะไรก็ตาม เรื่องเศรษฐกิจการเงินการงานหรือว่าด้านสุขภาพเข้ามาเราเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นการบ้านของเรา แล้วอยากจะถามว่าสมมุติว่า มีคนเจ็บป่วย เข้ามาในชีวิตของพวกเรา แล้วปัญหาก็คือการบ้าน แล้วเราจะตอบสนองยังไงคะ
ตอบ.
การตอบสนองสำหรับพี่น้องที่เจ็บป่วย หรือญาติของเรา หรือคนที่เรารู้จัก ใครก็ตามนะครับ หน้าที่ของเรา 1. การบ้านของเราก็คืออธิษฐานเผื่อ เรามีภาระใจนะครับ เรารักเขาเป็นห่วงเขา สิ่งที่เราทำได้ที่ดีที่สุดก็คือการอธิษฐานเผื่อ เราพึ่งพาฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเพื่อช่วยรักษาเขา อย่าลืมนะครับ ยาไม่ว่าจะมีมากมายแค่ไหน ราคาแพงแค่ไหน อาจจะพอช่วยได้แค่ไหน ไม่สำคัญ แต่พระเยซูแตะครั้งเดียวเท่านั้น ปัญหาก็แก้ได้
และถ้าหากว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าอาจจะให้เขา เข้าสู่การบ้านที่เขาต้องทำ คือความอดทน คือยอมเจ็บปวด เจ็บป่วย แล้วต้องใช้หยุกใช้ยานะครับ เพื่อแก้ไขปัญหา เราก็เอเมนเราก็ขอบคุณพระเจ้า แต่หน้าที่ของเราสิ่งที่สำคัญที่เราต้องทำการบ้านของเราก็คืออธิษฐานเผื่อเขา
และถ้าหากว่าพระเจ้าเร้าใจเรานะครับให้มีภาระใจ ให้มีภาระอยากจะช่วยเหลือ สนับสนุนบ้างเล็กๆ น้อยๆ หรือตามขนาดของความเชื่อของเรา เราก็ช่วยเขา แต่ที่ขาดไม่ได้นะครับก็คือการอธิษฐานเผื่อ
จริงๆ สำหรับผมนะครับ ปัญหาเรื่องสุขภาพหรือปัญหาอะไรก็ตาม “เราเน้นที่การขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเป็นที่หนึ่งก่อน” มาก่อน สำหรับเรื่องการช่วยเหลือด้านอื่น ก็คือเป็นที่สองเป็นรอง เพราะว่าเรามีพระเจ้า เรามีพระเจ้าที่มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด เรามีพระเจ้าที่ทำได้ทุกสิ่ง พระเจ้าท้าทายความเชื่อเรานะครับ เราก็จะใช้ความเชื่อนี้ให้เป็นประโยชน์ เอเมน
“เอเมนพระเยซูขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ ขอพระองค์แตะเพียงครั้งเดียวเขาก็จะหายดี จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นไม่มีเลย ขอบคุณพระเยซูแล้วแต่น้ำพระทัยของพระองค์ ความรักพระเมตตาพระคุณของพระองค์ครอบคลุมชีวิตของเขา สุขภาพอาการเจ็บปวดของเขา เพื่อเขาจะทนต่อทุกสิ่งได้ แล้วถ้าหากพระองค์จะเมตตาเขา เขาก็จะหายดี ในพระนามของพระเยซูเอเมน คำอธิษฐานนี้อธิษฐานในฐานะของคนชอบธรรม เผื่อพี่น้องทุกคนที่เจ็บป่วย ที่ไม่สบาย ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ในพระนามของพระเยซูเอเมน”
...
ถาม.
อยากจะถามนะคะ อย่างปัญหา คือว่าชนกตั้งแต่รับมานามานะคะ คือว่าปัญหาที่มันเข้ามา แต่สามีโดนหนักมากค่ะ โดยเฉพาะเพื่อนบ้านที่รุมล้อมนะคะ คือสงสารสามีเพราะว่าเขาไม่ได้รับมานา เขาก็เป็นคาทอลิกนะคะ แต่ตั้งแต่ชนกรับมานามา ชนกเองก็เจอปัญหา แล้วสามีเขาก็รับปัญหา คือทำไมปัญหาลงที่สามีด้วยค่ะอาจารย์ ในเมื่อเขายังไม่ได้รับมานาเลยค่ะ
ตอบ.
สำหรับคนทั่วไปนะครับ สำหรับคนทั่วไปก็คือปัญหาเขาก็มีอยู่แล้ว ถ้าเรามีเพื่อนบ้านที่ขอโทษนะครับขอใช้คำนี้ เพื่อนบ้านที่อาจจะเป็นคนที่นิสัยไม่ดี หรือเพื่อนบ้านที่ไม่แคร์คนข้างบ้าน ไม่สนใจคนข้างบ้าน นำความเดือดร้อนมาสู่เรา เปิดเพลงบ้าง เสียงหมาเห่าหมาหอนบ้าง มีอะไรที่ทำให้เราอยู่ยากนะครับ อันนี้ก็คือคนที่ไม่เชื่อเขาก็เจอปัญหาปกติอยู่แล้ว
แล้วถามว่าเราเป็นคริสเตียน เรารับมานาฯ แล้วสามีของเราไม่ได้รับ ถามว่าทำไมเขาได้รับความเดือดร้อน เขาก็ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วนะครับ แต่สำหรับเราเนี่ย ที่สำคัญมากสำหรับเราต้องตระหนักว่าปัญหาคือการบ้านสำหรับเรา แต่เขา (สามี) อันนี้เป็นการทดสอบที่ไม่ใช่ของเขา ไม่ได้มาถึงเขา แต่เขารับเนี่ยเพราะว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่เจอะเจอปัญหา คนที่ไม่เชื่อเราก็เห็นใช่ไหมว่าทุกวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ฆ่าฟันกัน ยิงกันตายก็มี คนที่ไม่เชื่อกับคนที่ไม่เชื่อที่ทะเลาะกัน เป็นเพื่อนบ้านที่สร้างปัญหาต่อกัน อันนี้เป็นเรื่องปกติ
แต่สำหรับเราก็คือเราต้องตระหนัก มันคือการบ้านสำหรับเรา แต่ไม่ใช่การบ้านสำหรับสามีเรา
แล้วถ้าจะนับว่าเป็นการบ้านสำหรับเรานะครับก็คือ อธิษฐานเผื่อสามี เอเมน อย่าลืมว่าเมื่อพระเจ้าให้ความสงบนิ่งให้สันติสุขแก่เรา พระเจ้าทำให้เราได้รับสิ่งที่หนักกลายเป็นเบาได้ สิ่งที่ยากกลายเป็นง่ายได้ เมื่อเราอธิษฐานเผื่อสามีของเรา เผื่อภรรยาของเรา ที่ทนกับสภาพของคนข้างบ้านไม่ได้ พระเจ้าก็จะช่วยนะ พระเจ้าช่วยให้หนักเป็นเบาได้ ยากเป็นง่ายได้ โดยพระคุณพระเมตตาของพระองค์ผ่านเราที่มีความเชื่อในพระองค์ โดยที่พระองค์เห็นแก่เราเห็นใจเรา ว่าถ้าสามีของเราเจอหนักมันก็จะมากระทบกระเทือนถึงเราด้วย เพราะฉะนั้นพระเจ้าก็จะช่วยให้เขาได้รับสิ่งที่หนักกลายเป็นเบา เพื่อเราจะไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป เอเมน
จำกันได้นะครับเปาโลพูดโดยพระวิญญาณ (1 คร 7:14) ว่าเมื่อภรรยาเชื่อสามีไม่เชื่อ หรือสามีเชื่อภรรยาไม่เชื่อ พระพรทั้งหลายก็จะตกมาถึงสามีและภรรยาที่ไม่เชื่อด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้รับสิ่งที่ดีจากพระเจ้า แน่นอนครับมันจะมีผลถึงภรรยาของเราที่ไม่เชื่อ หรือสามีของเราที่ไม่เชื่อ หรือลูกของเราที่ยังไม่เชื่อ พระพรจะไปถึงเขาด้วย
สิ่งที่สำคัญมันอยู่ที่เรานะครับ ตอนนี้ก็คือเราฝึกหรือยัง เราฝึกหรือไม่ เราท่องจำเรานับหรือไม่ว่าปัญหาคือการบ้านของเรา เมื่อเราฝึก แล้วเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกกรณี ทุกสิ่งที่เข้ามาปัญหาที่เข้ามา เราฝากไว้ที่พระเจ้า วางไว้ที่พระหัตถ์ของพระเจ้า เราขอบพระคุณสำหรับปัญหาที่เข้ามา แล้วสันติสุขที่เกินความเข้าใจจะเกิดขึ้นกับเรา (ฟป 4:4) เราฝากไว้ที่พระเจ้า แล้วพระเจ้าจะให้เราได้เข้าสู่ความสงบนิ่ง แล้วสามีภรรยาของเราก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ด้วย เอเมน
...
ถาม.
ขออนุญาตถามค่ะ พอดีเมื่อวานสามีของดิฉันเข้าปวดไหล่ แล้วก็ปวดต้นคอ เราก็เอายาหม่องไปทาให้เขาค่ะ แล้วก็อธิษฐานด้วย แล้วพอตกกลางคืนเขาก็บอกว่าหายดีแล้ว แต่เขาบอกว่ายานี่ดีนะยาหม่องนี่ดีนะหายเลย เราก็แค่มองหน้าเขานะ เราก็ยิ้มๆแต่ไม่ได้พูดอะไร คือทุกครั้งที่เวลาสามีป่วย เราก็อธิษฐานส่วนตัวด้วยแล้วก็บางครั้งก็ส่งมาให้พี่น้องช่วยอธิษฐานเผื่อ แล้วก็มีอาการดีขึ้น บางครั้งก็หายแบบนี้ค่ะ แต่เขาจะไม่ขอบคุณพระเจ้าเลย เขาบอกว่าหายเพราะยา
แล้วเมื่อเช้าจากเมื่อคืนเขาบอกว่าหายแล้ว เมื่อเช้าก็เป็นอีกค่ะ แล้วมันก็มีอาการบวมเกิดขึ้นที่คอ มันมากกว่าเมื่อวานที่เป็น อันนี้เป็นไปได้ไหมที่แบบว่าเหมือนพระเจ้าจะตีสอนเขาไหม เพราะว่าหลายครั้งที่อาการดีขึ้น หรืออาการหาย เขาไม่ได้เชื่อเลยว่ามาจากพระเจ้า เพราะว่าเราก็จะอธิษฐานแล้วก็จะพูดให้เขาได้ยินนะคะ ว่าในนามพระเยซูจงหายดี หรือบางครั้งก็บอกว่าขอพระเจ้าเมตตาขอพระเจ้ารักษา เขาก็ได้ยินนะคะ นานๆครั้งเขาก็จะเอเมน แต่ว่าเขาจะไม่เคยพูดเลยว่าอันเนี้ยคือพระเจ้ารักษา คืออันนี้พระเจ้าจะตีสอนเขาหรือเปล่าค่ะ เอเมนค่ะ
ตอบ.
คือ สำหรับการช่วยเหลือของพระเจ้า ผ่านเรา ผ่านความเชื่อของเรา ไปสู่สามีภรรยาหรือญาติที่เขาไม่เชื่อ แล้วพอปรากฏว่าพระเจ้ารักษาผ่านความเชื่อของเราโดยเห็นแก่เรา ปรากฏว่าเขาไม่รับหรือไม่เชื่อ มี 2 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเขานะครับ
สิ่งแรก ก็คือพระเจ้าไม่สนใจ ไม่เป็นไรพระเจ้าไม่ถือสา เพราะว่าเขาไม่รู้เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากว่าเขายังไม่รู้จักพระเจ้าหรือยังไม่มีความเชื่อในพระเจ้า เขาจึงคิดว่าเป็นการหายดีโดยการใช้ยานะครับ บางคนพระเจ้าก็ไม่ถือสาไม่คิดอะไร แต่บางคนพระเจ้าก็ตีสอน ก็คือปล่อยให้เกิดขึ้น ให้เขาเจ็บปวดเจ็บหนักมากกว่าเดิม
สิ่งที่เราต้องทำนะครับ สิ่งที่เราต้องทำถ้าหากว่าเราใกล้ชิดเราสนิทสนม เราพูดได้นะครับ เราก็บอกว่า "เนี่ยนะพระเจ้าช่วยได้ แต่ขอมีข้อแม้ เราอย่าคิดว่าสิ่งอื่นที่ทำให้เราหายดี ขอให้เราขอบพระคุณพระเยซู แล้วอาการหายนี้มันจะหายตลอดหายไปหายขาด แต่ถ้าหากว่าเรารับการรักษาโดยพระเจ้า ฉันอธิษฐานเผื่อคุณ แล้วคุณไปบอกว่าหายดีเพราะยา พระเจ้าก็อาจจะไม่รักษาต่อหรือปล่อยให้คุณเจ็บปวดต่อไปเจ็บป่วยต่อไป" ถ้าเราพูดได้นะ แต่ถ้าเราพูดไม่ได้ ถ้าเราไม่อยากพูด กลัวจะมีเรื่องมีปัญหากัน เราก็แค่ปล่อยไปแล้วก็อธิษฐานเผื่อเขาต่อ
ผมมีประสบการณ์สำหรับเรื่องนี้นะครับก็คือ พออธิษฐานเผื่อญาติบางคน เผื่อคนในครอบครัวบางคน แล้วปรากฏว่าเขาเนี่ยไม่ขอบคุณพระเจ้า "เขาบอกนะว่าพี่อธิษฐานเผื่อหน่อย น้าอธิษฐานเผื่อหน่อย" แต่พอเขาหายดีเนี่ย ปรากฏเขาก็บอกว่า "เป็นเพราะยาเป็นเพราะทานยาหรือว่าเป็นเพราะไปบำบัด" ถามว่าผมทำยังไง ผมนิ่งเฉยผมขอบคุณพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าได้รับเกียรติแล้วโดยที่เราสรรเสริญยกย่องพระเจ้า เข้าใจกันนะครับ
คือคุณดาวนะครับเมื่ออธิษฐานขอพระเจ้ารักษาสามี แล้วพระเจ้ารักษาแล้ว ก็คือคุณดาวเป็นคนสรรเสริญพระเจ้ายกย่องพระเจ้าขอบคุณพระเจ้าใช่ไหม นี่คือพระเกียรติที่พระเจ้าได้รับแล้ว คนที่รับการรักษาแล้วไม่ขอบพระคุณพระเจ้าไม่สนใจ แล้วไปมองว่าเขาหายเพราะยา ก็คือพระเจ้าไม่ได้สนใจ พระเจ้าได้รับเกียรติโดยที่เรายกย่องสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้าแล้ว เอเมน
สำหรับเรานะครับเมื่อเขาคิดยังไงก็ช่าง เขาคิดว่าหายดีเพราะยา เราไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าพระเจ้าได้รับเกียรติแล้วผ่านเรา เรายกย่องเราขอบพระคุณเราสรรเสริญพระเจ้าแล้ว โดยความเชื่อของเรา เราแค่ยิ้มเราไม่สนใจไม่ต้องไปต่อว่าเขา "เนี่ย พระเยซูรักษาคุณนะ" อันนี้เราไม่ต้องพูด เรายิ้ม เหมือนที่น้องดาวทำ ดีแล้วครับเอเมนครับ
สำหรับบทเรียนวันนี้ เราจำกันได้ไหมหัวข้ออะไร “อ๋อ ปัญหาคือการบ้าน” เพราะว่าเราจะต้องได้ใช้บ่อยๆ นะครับ เดี๋ยวออกไปจากการสามัคคีธรรมวันนี้ เราจะเจอคำนี้บ่อยมาก “อ๋อ แท้ที่จริงมันคือการบ้าน” เอเมน
แล้วสิ่งที่สำคัญเราต้องอธิษฐานเผื่อกันและกัน การบ้านจะมาเยอะ
สำหรับพระเจ้า สำหรับการดำเนินชีวิตคริสเตียน สำหรับการเดินในความเชื่อ เมื่อพระเจ้าสอนเราอะไรเรื่องอะไร พระเจ้าก็จะนำสิ่งนั้นมาสู่เราเพื่อให้เราฝึก จำกันได้ไหมที่ผมพูดตั้งแต่แรก เมื่อเราเชื่อปุ๊บพระเจ้าจะเริ่มนำเราเข้าสู่แผนการของพระเจ้า การงานของพระเจ้าแผนการของพระเจ้าเริ่มแล้วนะครับ แต่เราไม่รู้ตัว
เราเชื่อปุ๊บเนี่ยเราคาดหวังอะไร พระพร บำเหน็จ ชีวิตดีราบรื่น ทุกสิ่งดีไปหมด แต่พระเจ้านำปัญหามาสู่เรา พระเจ้าเป็นคนเตรียมปัญหา แต่เราเตรียมรับพระพร มันตรงข้ามกันไหม เพราะว่าเราไม่รู้นะครับ และสิ่งที่สำคัญพระเจ้านำปัญหาเข้ามาเนี่ย ปัญหาจะไม่หนักเกินความอดทนของเรา ปัญหาจะไม่นานเกินไป ปัญหาจะไม่ยิ่งใหญ่จนเกินไป แล้วพระเจ้าก็อยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกปัญหาที่เข้ามา แล้วสุดท้ายเมื่อเราผ่านมันไปได้ พระเจ้าก็จะนำปัญหาที่ใหญ่กว่า แล้วสุดท้ายพระเจ้าก็จะนำพระพรบําเน็จมากมายมาสู่เรา แล้วจิตใจของเราจะเข้าสู่ความเข้มแข็ง ความสงบนิ่ง เก็บเกี่ยวพระพรสิครับ
อีกครั้ง อย่าลืมนะว่าทุกปัญหาที่เข้ามา มันจะไม่หนักเกินความอดทนของเรา เอเมน และทุกปัญหาที่ว่ามันจะไม่นานเกินไป เอเมน และสุดท้ายทุกปัญหาที่เข้ามาก็คือพระเยซูอยู่กับเรา แล้วพระเยซูเป็นผู้ปลอบประโลมเรา ไม่ต้องห่วง คือพระเจ้าจะหนุนใจ ปลอบใจ พระเจ้าจะให้เราสัมผัสได้ว่าพระองค์อยู่เคียงข้างอยู่กับเราเสมอ เอเมน
และอันนี้ผมอยากจะให้เราเห็นชีวิตของโยบ เราจำกันได้นะครับ โยบเมื่อเข้าสู่การทดลอง เขาเจอมรสุมชีวิตมากมาย ชีวิตล้มเหลวล่มจมไม่เหลืออะไรเลย จนนั่งบนขี้เถ้า ไม่มีอะไรเหลือ แต่สุดท้ายเขาไม่สาปแช่งพระเจ้าเขาไม่ทิ้งพระเจ้า เขาอาจจะบ่นบ้างเขาอาจจะต่อว่าบ้างเขาอาจจะพูดนู่นนี่นั่นบ้าง แล้วเขาเจ็บใจเสียใจเจ็บปวดทรมานบ้าง แต่สิ่งที่เขาทำก็คือไม่ทิ้งพระเจ้าไม่บ่นว่าพระเจ้าไม่ดี
เมื่อก่อน ก่อนที่โยบจะเข้าสู่การทดลอง โยบเป็นคนที่ร่ำรวย แล้วในบทสุดท้ายของพระคัมภีร์โยบเราพบว่าเมื่อโยบผ่านการทดสอบทดลองไปแล้ว โยบก็ได้รับพระพรจากพระเจ้าทวีคูณมากขึ้นหลายเท่า จากเศรษฐีคนนึงเป็นมหาเศรษฐี
ถ้าหากเราวันนี้นะครับ เรานึกได้เสมอ เราท่องจำ เรานับ เมื่อปัญหาเข้ามา รถมาปาดหน้า หรือคนพูดไม่ดีกับเรา ข้างบ้านเปิดเพลงเสียงดัง หรือมันมีอะไรที่รบกวนเรา สามีภรรยาทะเลาะอยากทะเลาะกับเรา “อ๋อ มันคือการบ้าน” แล้วพระพร แม้แต่ชีวิตนี้เอง ขณะนี้ เมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ตอนนี้ พระพรจะมาถึงเรา พระเยซูจะนำพระพรมาสู่เรา และสิ่งที่ดีกว่านั้นก็คือบำเหน็จของเราจะมีเต็มในอาณาจักร
แล้วตอนนี้เราไม่ได้สู้ ไม่ได้ผ่านปัญหา ไม่ได้ทำการบ้านคนเดียว เราไม่ได้โดดเดี่ยวแล้วนะเรามีพระเยซูอยู่กับเรา แล้วเรามีพี่น้องที่เข้าใจกัน พี่น้องที่อธิษฐานเผื่อกันและกันทุกวัน เรามา อ๋อ การบ้านด้วยกันทุกๆ คน แล้วอย่าลืมอย่าทิ้งกัน อธิษฐานเผื่อกัน เพราะว่าคำอธิษฐานจะช่วยเราได้มากสำหรับการฝึกในครั้งนี้ เอเมน
ถ้าอยากจะบ่นถ้าอยากจะมาบอกพวกเราระบายความในนะครับ ก็เขียนเข้าไปในกลุ่ม วันนี้เจออะไร อ๋อได้ใช้คำว่า “อ๋อ มันคือการบ้าน” กี่ครั้ง อันนี้เป็นสิ่งที่จะช่วยพวกเราในการฝึก เป็นกำลังใจให้กันและกัน เอเมน
ที่ผ่านมาเราเคยพูดกันไหม เราเคยคิดกันไหม “อ๋อ มันคือการบ้าน” ผมเชื่อว่าหลายคนยังไม่มาถึงจุดนี้นะครับ แต่วันนี้ก็คือมาถึงแล้ว
ถาม.
เอเมนค่ะ อยากทราบว่าพระเจ้ามีเหตุผลอะไรค่ะ ที่ชอบส่งปัญหามาให้กับผู้ที่เชื่อ เพื่ออะไรค่ะ แทนที่จะให้ลูกของพระองค์ได้อยู่สงบมีสันติสุข อะไรพวกเนี้ยค่ะ ทำไมถึงต้องส่งปัญหามาให้เป็นการบ้าน เอเมนค่ะ
ตอบ.
มี 2 ข้อนะครับมี 2 ข้อใหญ่ๆ
ข้อที่ 1. ก็คือ เพื่อการฝึกเดิน เพื่อการฝึกเดินของเรา ถ้าหากไม่มีปัญหาเราจะฝึกเดินได้ยังไง ใช่ไหมถูกไหมครับ
“เรือ” เขาสร้างเรือขึ้นมาทำอะไร เพื่อโชว์ให้คนเห็น จอดที่ริมฝั่ง หรือว่าสร้างเรือเพื่อให้ออกทะเล ? แล่นออกทะเลนะครับเพื่อไปจับปลาหรือเพื่อเดินทางเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ต้องเจอกับคลื่นมรสุมมากมาย
แล้วพระเจ้าสร้างคริสเตียนขึ้นมาใหม่ เราบังเกิดใหม่ เพื่อไม่ให้ยืนโชว์นะครับว่าโอ้ฉันเป็นคริสเตียนเข้มแข็ง แต่งตัวดูดีแต่งกายดูดีในคริสตจักรในโบสถ์ โชว์สร้อยคอทองคำ โชว์ทรงผม เสื้อผ้า แบรนด์เนมอะไรทั้งหลาย ไม่นะครับ พระเจ้านำเรามาเพื่อที่จะเข้าสู่การฝึกเดิน การพบเจอปัญหาทั้งหลาย เพื่อเราจะต้องฝึก แล้วเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ข้อที่ 2. ก็คือ เพื่อให้เราเข้มแข็ง เพื่อให้เราเติบโต ถ้าไม่เจอปัญหาไม่เจอมรสุมชีวิต เราจะเติบโตได้ยังไง เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด ถ้าเราปลูกต้นไม้แล้วเอาไว้ในบ้าน ไม่เจอแสงแดด มันจะเติบโตได้ไหม มันจะเกิดผลดีได้ไหม ไม่นะครับ มันต้องการแสงแดด
เพราะฉะนั้นคริสเตียนถ้ามาเชื่อในพระเจ้า เราคาดหวังแต่สิ่งดีๆ พระพร ชีวิตราบรื่น การงานดีสุขภาพดีครอบครัวอบอุ่นดีทุกอย่างดีไปหมด แล้วเราจะเติบโตได้ยังไง ถูกไหม
มีลูกชายสองคนที่เป็นลูกชายของเศรษฐีคนนึง
• คนแรก คืออยู่แต่ในบ้าน กินอยู่ดีสบายใช้เงินของพ่อแม่ ไม่เคยออกไปข้างนอก ไม่เคยทำงาน ไม่สนใจอะไรขี้เกียจ แล้วสุดท้ายพ่อแม่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจการเงิน จากเศรษฐีกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไป แล้วเด็กคนนี้นะครับปรากฏว่าสู้กับโลกไม่ได้ ออกไปผจญกับโลกไม่ได้ เจอปัญหามากมายอาจจะฆ่าตัวตายซะด้วยซ้ำ ใช่ไหม
• แต่ลูกชายอีกคนนึงเนี่ย ก็คือเขาเห็นคุณค่าของเงินของพ่อแม่ เขาเอาออกไป ไปเปิดบริษัท ไปทำการค้าขาย แล้วก็ออกไปเจอปัญหาชีวิตมากมาย เขาต่อสู้นะครับ สุดท้ายก็เข้มแข็ง
สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราเป็นคนแรกที่ขี้เกียจ หรือเป็นคนที่สองที่ขยันแล้วก็ออกไปผจญกับปัญหาทุกสิ่ง (คนที่สอง) คนที่สองเป็นคนที่เข้มแข็ง คนที่สองเป็นคนที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า คนที่สองนะครับเป็นคริสเตียนที่แท้จริง
อีกครั้งผมขอย้ำ พระคัมภีร์ใหม่ทุกข้อทุกตอนไม่เคยสนับสนุนว่า คริสเตียนเชื่อพระเจ้าแล้วชีวิตจะราบรื่น สุขภาพดีการงานดีครอบครัวอบอุ่นดีอะไรก็ดีไปหมด ไม่มีทางนะครับพระเยซูตรัสว่า นายเป็นแบบไหนบ่าวก็ต้องเป็นแบบนั้น พระเยซูเป็นแบบไหน สาวกก็ต้องได้พบเจอในลักษณะนั้น แต่พระเจ้าก็รู้นะครับว่าเราจะรับได้มากน้อยแค่ไหน พระองค์จะให้เราในสิ่งที่เราแบกได้รับได้
แต่เมื่อเราฝึกเราผ่านปัญหามรสุมชีวิตไปได้ ขอบคุณพระเจ้าเราจะมาถึงภูเขาศิโยน ก็คือการนั่งในสวรรค์บนดิน เดินในสวรรค์บนดิน อยู่ในความสว่างของพระเจ้า อาการสงบนิ่งก็จะสวมทับครอบคลุมครอบครองเรา เราจะไม่สะทกสะท้านไม่กระทบกระเทือนเมื่อมีปัญหาเข้ามา นี่คือการมาถึงชีวิตผู้ชนะที่เข้มแข็งแล้ว ผ่านทุกสิ่งไปได้แล้ว แล้วปัญหาก็จะหมดไป หรือถ้าปัญหามานะครับก็จะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ เข้ามา เพราะว่าเราผ่านมันได้หมดแล้ว แล้วพระเจ้าก็นำเรามาสู่ชีวิตที่เต็มด้วยพระพรแล้วเหมือนโยบ เอเมน
คำตอบสรุปก็คือ ทำไมพระเจ้านำปัญหามาสู่เรา 1. เพื่อเราฝึก ฝึกให้เข้มแข็ง เพื่อเราฝึกที่จะเดินในฝ่ายวิญญาณ ถ้าเราไม่เจอปัญหาเราฝึกไม่ได้
• ถ้าไม่มีคนที่เกลียดชังมาพูดคำพูดที่พูดไม่ดีกับเรา เราจะฝึกใช้ความรักได้ยังไง ใช่ไหม เมื่อคนเกลียดชังเรามาหาเรา มาพูดในสิ่งที่ไม่ดี มาเกลียดชังเรา เราจะไปรักเขาได้ยังไง
• เมื่อคนที่หยิ่งผยองพองตัวมาหาเรา เราจะฝึกความถ่อมใจได้ยังไง
เราก็ต้องอาศัยคนเหล่านี้มาเพื่อให้เราฝึกเป็นการบ้านของเรา
อีกครั้งคำว่า “อ๋อ แท้ที่จริงมันคือการบ้าน” ข้างบ้านเปิดเพลงดังๆ “อ๋อ แท้ที่จริงมันคือการบ้าน” เพื่อให้เราสงบนิ่งในพระเยซู เพื่อให้เรากลับมาอยู่ในพระคริสต์ เมื่อกลับมาอยู่ในพระคริสต์ หูเราที่รำคาญที่ไม่ชอบที่เบื่อเขาเปิดเพลงดัง มันจะกลายเป็นเสียงอะไรที่มันน่าฟัง เป็นเสียงที่เพราะไพเราะ เสียงหมาเห่าจะกลายเป็นเสียงเพลงสำหรับเรา เสียงเพลงดังๆ ที่ข้างบ้านเปิด มันจะเป็นเสียงที่ไม่รบกวนเราเลย ขอบคุณพระเยซู เพราะว่าอะไร
• เราตายต่อหูเก่าไปแล้ว
• เราตายต่อความคิดจิตเก่าไปแล้ว
• เราตายต่อความโกรธไปแล้ว ตัวบาปไม่มีอำนาจเหนือเราอีกแล้ว
เราเป็นคนใหม่หูใหม่ ไม่มีอะไรจะมากระทบกระเทือนทำให้เราสะทกสะท้าน ปัญหาเข้ามานะครับ มนุษย์วิญญาณรับได้ทั้งหมด เพราะว่าเรามีพระคริสต์เป็นคนรับแทนเรา เอเมนพระเยซู
อีกครั้ง สาวกคนนึงมาถามพระเยซูว่า ถ้ามันยากขนาดนี้ ใครจะรอดได้ ใครจะเข้าอาณาจักรได้ พระเยซูตรัสย้ำว่า สำหรับมนุษย์ก็คือเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งก็เป็นไปได้ (มธ 19:23-26) เอเมนสรรเสริญพระเจ้า
ถาม.
อาจารย์คะขออนุญาตถามค่ะ ถ้าเกิดในพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้ ในเมื่อเวลาสมมุตินะคะ ถ้าเกิดมีคริสเตียนด้วยกันประมาณ 3-4 คนไปอธิษฐานเผื่อคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อีกคนนึงมีความเชื่อว่าเขาต้องหายเพราะพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจ อีกคนหนึ่งบอกว่าแล้วแต่น้ำพระทัย
อยากรู้ว่าในพระเจ้าน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่รู้ว่าหายหรือไม่หาย แต่เราใช้ความเชื่อว่าพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจ ไม่ทราบว่าสิ่งไหนควรจะเป็น มันทำให้ความเชื่อแกว่งอ่ะค่ะ เพราะว่าในพระเจ้าบอกว่าแค่เจ้าเชื่อภูเขาก็เคลื่อนได้ อีกคนนึงเชื่อว่ามันเคลื่อนได้ อีกคนหนึ่งบอกว่าแล้วแต่น้ำพระทัย อย่างเงี้ยค่ะขอบคุณค่ะ
ตอบ.
สำหรับคริสเตียนนะครับถ้าหากว่าเขาอธิษฐาน "แล้วแต่น้ำพระทัย ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ" เราควรอธิษฐานกับคนที่มีความเชื่อเข้มแข็ง หรือคนที่รับมานาฯ มามากพอสมควรแล้ว เขายอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า ว่าจะให้หายดี หรือจะไม่รักษา เขาก็ขอบพระคุณพระเจ้าอยู่ดี เราใช้ได้นะครับคำว่า "ขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ" กับคนที่เข้มแข็งแล้ว
แต่เมื่อเราไปอธิษฐานกับพี่น้องคริสเตียนที่ยังเป็นเด็กในฝ่ายวิญญาณ เขามีความหวังในความเชื่อในการรักษาของพระเจ้านะครับ ขอให้เราพูดแบบนี้ "พระเยซูขอให้ความรักพระคุณพระเมตตาของพระองค์ มาถึงชีวิตของพี่น้องท่านนี้ ขอพระองค์เมตตาเขา ขอพระองค์แตะเขา ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ยิ่งใหญ่ เขาจะหายดี โดยความเชื่อโดยพระนามในพระนามของพระเยซู" คือ 1. เราอธิษฐานขอพระเจ้า แล้ว 2. ก็คือเราให้กำลังใจของคนที่ต้องการการอธิษฐานเผื่อ
คริสเตียนที่เป็นเด็กนะครับ เราจะไปพูดว่า "แล้วแต่พระองค์จะรักษาไม่รักษาก็แล้วแต่ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย" อันนี้เขาอาจจะไม่ได้รับการหนุนใจอาจจะเสียกำลังใจนะครับ แต่เราพูดกับพี่น้องที่มีความเชื่อที่ยังเป็นเด็กอยู่ ใช้คำอธิษฐานในลักษณะของคนที่เป็นผู้ใหญ่นะครับก็คือ "ขอพระองค์เมตตาเขา รักษาเขาช่วยเหลือเขา สงสารเขา" แล้วโดยเห็นแก่ความเชื่อโดยพระคุณพระเมตตา พระเจ้าก็อาจจะรักษาเขาได้ เขาอาจจะหายดีได้นะครับ เอเมน
สำหรับพระคุณพระเจ้า กับ พระเมตตาของพระเจ้า เรารู้จักความแตกต่างไหมครับ พระคุณของพระเจ้าและพระเมตตาของพระเจ้า แตกต่างกันยังไง
• สำหรับพระคุณของพระเจ้า ก็คือพระเจ้าทำตามกำหนด พระเจ้ามีพระคุณของพระองค์ พระองค์ทำกิจ พระองค์มีให้พระคุณแก่ทุกๆ คน คือกำหนดว่าจะให้เรามี 100 บาท พระคุณก็คือเต็ม 100 บาท พอนะครับไม่เกินไม่น้อยไปกว่า 100 บาท
• แต่สำหรับพระเมตตา ก็คือเราวิงวอน เราอ้อนวอน เราอดอาหาร เราทูลขอความเห็นใจจากพระเจ้า “พระเจ้าสงสารข้าพระองค์เถิดเมตตาข้าพระองค์เถิด” พระเมตตาก็คือสิ่งที่เหนือกว่าพระคุณ เข้าใจกันนะครับ
ก็คือความสงสารของพระองค์ พระองค์มีความเมตตาที่สูงกว่าแผนการงานของพระองค์ที่กำหนดไว้ให้เรา เมื่อเราขอว่า “ขอพระเมตตาของพระองค์มาถึงเขา ขอความรักของพระองค์ความสงสารมาถึงเขา” สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่พระเจ้าคิดนะครับ อืมเราจะช่วยเขาดีไหม อืมเราจะให้เขาดีไหม แล้วพระเจ้าก็จะพิจารณาคำพูดคำอธิษฐาน ความเชื่อของเรา แล้วพิจารณาว่าคนที่ควรจะได้รับเนี่ย เขาควรจะได้รับมากน้อยแค่ไหน แล้วในที่สุดพระเจ้าความเมตตาของพระเจ้าก็จะไปถึงเขา
เพราะว่าอะไรครับ ในพระคัมภีร์มีบอกเต็มว่า พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา Mercy of God คำนี้ Mercy พระเมตตา มันมีเต็มมันมีเยอะแยะ พระเจ้าของเราไม่ใช่พระเจ้าที่กำหนดว่า เออให้คุณเท่านี้ก็พอ ให้คุณแค่นี้ก็พอ จบแค่นี้ก็ได้ ไม่นะ คือเรายิ่งอดอาหารวิงวอน ทูลขอจากพระเจ้า ขอความเห็นใจ ร้องไห้ เราตื้อเราดื้อ พระเจ้าเห็นนะครับ พระเจ้าก็ใจอ่อน ผมเคยพูดหลายครั้งใช่ไหมว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่ขี้ใจอ่อน เอเมน
นี่คือจุดดี ที่เราจะเรียกร้องความสนใจ เรียกร้องพระเจ้าขอพระเจ้าให้ช่วยเรา นอกเหนือจากพระคุณได้ เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเยซูที่พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา เรามีโอกาสที่จะหายโรค เรามีโอกาสที่จะหายดี แต่เมื่อเราไปอธิษฐานกับพี่น้องนะครับ คนที่มีความเชื่อที่ยังเด็กอยู่ เขาคาดหวังว่าพระเจ้าจะรักษาเนี่ย ก็คือขอให้ใช้คำนี้ ขอตอบนะครับ ก็คือ "ขอพระองค์เมตตาเขา ขอพระคุณพระเมตตาความรักแตะเขาสัมผัสเขาช่วยเหลือเขา ฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์แต่เขาให้หายดี"
แต่ถ้าหากว่าพี่น้องที่เป็นพี่น้องรับมานาฯ ที่นานแล้ว สมมุติว่าน้องเคนะครับ มาบอกว่าทุกคนอธิษฐานเผื่อผมด้วย เราพูดได้เอเมน ว่าขอให้น้ำพระทัยสำเร็จ พระองค์รักษาก็ได้ไม่รักษาก็ได้ แล้วแต่พระองค์สำหรับน้องเค เขาก็จะขอบพระคุณพระเจ้าอยู่ดี หายไม่หายเขาก็เอเมน เขาก็ขอบพระคุณพระเจ้า เขาก็รักพระเยซูอยู่ดี เอเมน
เราขอบคุณพระเจ้านะครับสำหรับเรื่องเกี่ยวกับปัญหาคือการบ้าน สิ่งที่สำคัญที่เราต้องฝึก แล้วเป้าหมายของพระเจ้าที่จะให้เราฝึกผ่านปัญหาทั้งหลาย เมื่อเรามาถึงจิตใจที่สงบนิ่ง อยู่ในสันติสุขกับพระเจ้า ก็คือการฝึกที่สำเร็จแล้ว เราจำกันได้ไหมตอนที่ผมทำบะหมี่เพื่อเป็นอาหารเย็น แล้วก็อัดคลิป..
https://youtu.be/Vmc5N14FN6A?feature=shared
the problem นะครับ is you ปัญหาก็คือตัวคุณเองนั่นแหละ ปัญหาไม่ใช่คนที่อยู่รอบข้าง ปัญหาไม่ใช่เรื่องสุขภาพ เรื่องการงาน เรื่องทั้งหลายทุกสิ่ง แต่ปัญหาหรือตัวปัญหาก็คือเราเอง
เมื่อพระเจ้าช่วยเรา ชำระเรา ให้อยู่ในความสงบนิ่ง ให้อยู่ในความสงบสุข ให้มีจิตใจที่สนิทในพระเจ้าสามัคคีธรรมกับพระเจ้า แล้วผูกพันอยู่กับพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าร่วมกับพระเจ้า สามัคคีธรรมกับพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ เราจะมาถึงจุดที่จิต เรียกว่าจิตใจดี ถ้าจิตใจเราดี ทุกสิ่งก็ดีไปหมด เอเมนมั้ย
แล้วถ้าหากจิตใจเราไม่ดี อะไรมันก็ไม่ดีไปหมด มันน่าเบื่อหน่ายชีวิต คือมันเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ มันน่าเบื่อมาก โลกนี้เป็นนรกสำหรับคริสเตียนมากมาย แต่ถ้าหากเรามาถึงจุดที่ฝึกถึงระดับสูงแล้ว เป็นผู้ชนะแล้ว จิตใจเข้าสู่ความสงบนิ่งแล้ว จิตใจของคุณดีแล้ว ทุกสิ่งก็ดีไปหมด ถ้าจิตใจคุณยังไม่ดีเนี่ย อะไรมันก็ไม่ดีไปหมด มันอยู่ที่ใจเรา อยู่ที่ใจคุณ อยู่ที่ใจผม และอีกอย่างเมื่อเรามาถึงจุดที่ฝึกสำเร็จแล้ว เรื่องพระพรเรื่องการช่วยเหลือเรื่องการช่วยกู้ เรื่องการงานการเงินการทำมาค้าขาย เรื่องสุขภาพ เรื่องอะไรทั้งหลายเนี่ย แน่นอนพระเจ้าจะแก้ไข พระเจ้าจะช่วยเรา
ผมขอนำเรามาสู่มัทธิวบทที่ 6:33 เพื่อให้เราเห็นภาพได้ชัดเจน “จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน” ก่อน ก่อนนะครับ แล้วพระเจ้าจะประทานสิ่งทั้งปวงที่ท่านแสวงหาให้ อย่ากระวนกระวายถึงเสื้อผ้า อาหาร สิ่งที่คุณต้องใช้ประจำวัน ขอย้ำว่าอย่ากระวนกระวายถึงสิ่งเหล่านี้
ขอพูดอีกครั้งหนึ่งนะ อย่ากระวนกระวาย เป็นคำพูดของใครครับ (พระเยซู) พระเยซูตรัสคำว่าอย่ากระวนกระวายกี่ครั้ง (3 ครั้ง) 3 ครั้งแล้วนะ พูด 3 ครั้งแล้วนะ อย่าให้พูดมากกว่านี้ เข้าใจกันไหมครับ คือเราพูดเนี่ย 3 ครั้งแล้วนะ คืออย่ากระวนกระวาย มั่นใจได้เชื่อใจได้ พระเจ้าจะเป็นคนดูแลเรา พระเจ้าจะเป็นคนช่วยเรา
แต่สิ่งที่เราควรแสวงหาสิ่งแรก หัวใจที่สำคัญเป้าหมายของเราก็คือ การแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระเจ้า คือให้เราสำแดงพระคริสต์สำแดงชีวิตของพระเยซู นิสัยของพระเยซู ปรากฏต่อโลก ถือว่าทุกสิ่งที่เข้ามาเป็นการบ้านของเรา เมื่อเราผ่านมันไปได้ พระเจ้าจะดูแลพระเจ้าจะช่วยเหลือพระเจ้าจะประทานสิ่งทั้งปวงที่เราต้องการใช้จ่ายในชีวิตของเราในชีวิตประจำวันของเรา
พระเจ้าเป็นผู้เลี้ยงที่ดี พระเจ้าเป็นองค์สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม เมื่อพระเจ้าตรัสคำไหนพระองค์ไม่เคยมุสา พระองค์จะทำให้สำเร็จได้ ขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าดูแลพระเจ้าเลี้ยงดู ผมขอบคุณพระเจ้าที่พี่น้องมากมายที่ฝึก แล้วสำเร็จ แล้วพระเจ้าก็ดูแลเลี้ยงดู เมื่อเขาแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ เพราะฉะนั้นเมื่อเราอยากประสบความสำเร็จเหมือนผมเหมือนพี่น้องหลายๆ คน และเหมือนเปาโล เราก็ต้องแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ แล้วสิ่งทั้งปวงพระเจ้าจะประทานให้
เพราะฉะนั้นขอให้เราจำคำนี้ พระเยซูตรัส 3 ครั้ง ก่อนที่จะพูดว่าจงแสวงหาอาณาจักร ก็คือ 1. อย่ากระวนกระวาย 2. อย่ากระวนกระวาย และ 3. อย่ากระวนกระวาย เอเมนขอบคุณพระเยซูที่พระองค์สอนเรา ให้ไม่ต้องกระวนกระวายถึงการกินอยู่การใช้จ่ายการทำมาหากินค้าขาย แต่จงแสวงหาอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ แล้วพระองค์จะดูแลทุกสิ่ง ทุกสิ่งนะครับพระองค์จะดูแล
วันนี้เราขอบคุณพระเจ้า เมื่อสามัคคีธรรมสำเร็จ แต่การฝึก ยังไม่จบนะครับ “อ๋อ ที่มันกำลังมาก็คือการบ้าน” เมื่อเราเห็นชัดตรงนี้ เมื่อพระเจ้าเปิดตาเราให้เห็นความสว่างในจุดนี้ การฝึกของเราเริ่มต้นแล้ว แล้วเราจะผ่านไปด้วยกัน เราจะสู้ไปด้วยกัน อาจจะเป็นการฝึกที่ใช้เวลานานพอสมควร “อ้อ มันคือการบ้าน” จนเราจำได้มันคือการบ้าน พระเจ้าจะช่วยเรา มันจะเบาขึ้น แล้วสุดท้ายเราจะผ่านมันได้
ถาม.
ขออนุญาตให้พี่น้องช่วยอธิษฐานเผื่อด้วยค่ะ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเกิดอาการแบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่ามันเป็นบาปที่เราเคยทำเป็นประจำสมัยก่อนนะคะ แล้วพระเจ้าชำระไปแล้วเป็นปีๆแล้ว แล้วอยู่ๆมันก็กลับมาค่ะ นับได้ 6 วันแล้วค่ะพี่น้อง ที่แบบว่าหลุดยาวเลย ก่อนหน้านี้ก็คือหลุดบ้างนะคะวันหนึ่งก็อาจจะเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง ครึ่งวันอะไรอย่างเงี้ย แล้วก็กลับมานับตายถวายตัวใหม่ แล้วก็มาฝึกเดินในฝ่ายวิญญาณ สะสมพระคำล้ำลึก มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ แต่อันเนี้ย 6 วันแล้วที่แบบว่าหลุดยาวเลยค่ะ เช้ามาก็บอกรักพระเยซูนะคะนับตายถวายตัวใหม่ แต่กลางวันนะคะกลางวันคือพอนอนแล้วก็ไม่ได้สนิทกับพระเยซูเลย แล้วก็นานมากที่บอกรักพระเยซูคำนึง แบบเนี้ยค่ะ แล้วก็อยู่ในเนื้อหนัง
ซึ่งก็งงเพราะว่าก็รู้วิธีหมดล่ะค่ะ รู้วิธีหมดแล้วว่าเมื่อเกิดปัญหาขึ้นอะไรแบบนี้เราต้องทำยังไง เราก็บอกว่าตัวเองตาย บอกทุกอย่างทำทุกอย่าง แต่มันไม่หลุดเลยค่ะ ไม่รู้นะคะว่ามันเป็นอะไร ทั้งที่พระเจ้าก็ชำระบาปเนี่ยไปเป็นปีๆแล้วนะคะ แล้วมันกลับมาอีก ซึ่งมันก็รบกวนจิตใจเราเหมือนกันนะคะ ทำให้เรารู้สึกไม่ดีรู้สึกเครียด เพราะว่าไม่ใช่เราไม่รู้ว่าเราจะมีวิธีแบบไหนใช่ไหมคะรู้หมด เหมือนกลับมาถึงตอนที่แบบว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ค่ะ
ตอบ.
โรม บทที่ 8:5-7 ถ้าหากเราปักใจในเนื้อหนังเราก็อยู่ภายใต้ความบาปและความตาย ถ้าหากเราปักใจในพระวิญญาณ อยู่ในพระคริสต์ เราก็อยู่ในชีวิตและพระวิญญาณบริสุทธิ์และสันติสุข
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าตั้งพระโลหิตไว้เพื่อการกลับมา ทุกครั้งที่เราหลุดเรากลับมาได้ใช่ไหม เอเมนสำหรับสิ่งนี้ แล้วขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ชำระเรา เอเมนสำหรับสิ่งนี้ แล้วขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ช่วยเราในการฝึก เอเมนสำหรับสิ่งนี้
เมื่อเราหลุด ทันทีนะครับเรากลับใจ เรากลับมา “พระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระองค์” คำว่า เอเมน ก็คือการกลับเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยโอกาสอย่าให้โอกาสมาร
เมื่อเราอยู่ในเนื้อหนัง ทันทีนะครับตัวบาปจะฟื้นขึ้นมา และตัวบาปจะมีอำนาจเหนือเรา จะครอบคลุมครอบงำ จะเอาชนะเราได้ เราก็กลายเป็นทาสของตัวบาป เราก็ทำบาป
แต่สิ่งที่เราต้องทำคืออะไร เราจำกันได้ไหมสำหรับในประเทศอิสราเอล จะมีหลายที่หลายเมืองเรียกว่า เมืองลี้ภัย (โยชูวา 20:2-3) ทุกคนที่ทำผิดต่อพระบัญญัติจะต้องถูกเอาหินกว้างจะต้องถูกลงโทษ เฆี่ยนตี แต่ทันทีที่คุณวิ่งเข้าไปในเมืองลี้ภัย คุณก็ปลอดภัย มหาปุโรหิตปุโรหิตทั้งหลายผู้นำศาสนาจะวิ่งเข้าไปตามคุณในเมืองลี้ภัยไม่ได้
เมืองลี้ภัยของคริสเตียน (ฮบ 6:18-20) มันอยู่ที่ลิ้นของเรา เราอ้าปากเราเอ่ยปาก “เอเมนพระเยซู” เราเข้าไปอยู่ในเมืองลี้ภัยแล้วเอเมน ตัวเก่าก็ตามเราไม่ได้ซาตานก็ตามเราไม่ได้เนื้อหนังก็ตามเราไม่ได้ ทันทีที่เราหลุดนะครับเราบอกว่า “เอเมนพระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ เอเมนพระเยซูข้าพระองค์อยู่ในเมืองลี้ภัยแล้ว” มันง่ายนิดเดียวอ่ะ มันสบายมากเลยใช่ไหม คือวิธีทางของพระเจ้า คือพระองค์จัดเตรียมทุกสิ่งมันง่ายมันเบามาก เพียงแค่เรารู้วิธี แล้วเพียงแค่เรานับท่องจำ เราก็หลุดออกจากตัวบาป หลุดออกจากชีวิตเก่าเนื้อหนัง เข้าไปอยู่ในเมืองลี้ภัยก็คือในพระคริสต์ได้
ขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้ พระเยซูเป็นเมืองลี้ภัยของเรา เอ่ยปากนะครับ ตอนที่คนที่ทำผิดวิ่งไปที่เมืองลี้ภัย ก่อนที่เขาจะไปถึง เขาร้องตะโกนช่วยเปิดประตูด้วย เปิดประตูด้วย มหาปุโรหิตเปิดประตูด้วย แล้วคนที่อยู่ในเมืองก็จะเปิดประตูให้เขา แล้ววิ่งเข้าไปแล้วเขาก็จะปิดประตู
ขอบคุณพระเยซูเราทุกวันนี้ การร้องเรียกว่าเปิดประตูด้วย ก็คือเอเมน คำว่าเอเมนก็คือพระเยซู คำว่าเอเมนก็คือขอพระองค์เปิดประตู ให้เราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ ง่ายไหมครับ อย่าท้อนะครับห้ามท้อ คุณจะเจอปัญหา ตัวบาปฟื้นขึ้นมา เนื้อหนังดึงเรากลับไป เราไม่ต้องห่วงเรามีเมืองลี้ภัย ก็คือเอ่ยปาก “พระเยซูข้าพระองค์อยู่ในพระองค์ พระเยซูข้าพระองค์อยู่ในเมืองลี้ภัย” ตัวบาปจะตามเราไม่ได้อีก ฝึกนะครับ 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง 70×7 นะครับ ไม่ต้องห่วง เรามีหน้าที่ฝึกเราไม่ท้อ สุดท้ายเราก็จะหลุดพ้นไปได้
แต่การฝึกต้องใช้เวลานะครับ ไม่ใช่ฝึกปุ๊บสำเร็จปั๊บ ต้องใช้เวลา บางครั้งตัวเก่ามันจะฟื้น ไม่อยากตาย บางครั้งตัวเก่าหลุดออกไป อยากกลายเป็นคนเก่าคนเดิมมนุษย์เนื้อหนัง เพราะว่าสิ่งล่อลวงทั้งหลายของโลกนี้มันเยอะทุกวันนี้ ไม่มีปัญหานะครับไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะว่าพระเจ้าจัดเตรียมพระโลหิตของพระองค์ และพระเจ้าจัดเตรียมเมืองลี้ภัยไว้ให้เราแล้ว
เราขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้ เรามาถึงความเข้าใจใหม่ แล้วก็การนับแบบใหม่ ที่มาถึงระดับที่สูงกว่าเก่า ก็คือปัญหาคือการบ้านของเราที่จะต้องทำ แล้วพระเจ้าต้องส่งปัญหามาให้เรา ซึ่งแต่ก่อนเราเป็นคริสเตียนศาสนา เราไม่เข้าใจ เราคาดหวังว่าเชื่อพระเจ้าปุ๊บพระองค์จะอวยพร พระองค์จะทำให้ชีวิตดีการงานดีสุขภาพดีครอบครัวอบอุ่นดีทุกอย่างดีไปหมด
แต่จริงๆ แล้วเราต้องเจอปัญหาก่อน ต้องผ่านปัญหาให้ได้ก่อน ต้องเข้าสู่ปัญหาก่อน เพื่อการฝึก เพื่อความเข้มแข็ง หลังจากนั้นเมื่อเราพบอาณาจักรและความชอบธรรมของพระเจ้า สุดท้ายปัญหาจากหนักก็จะเป็นเบา จากร้ายก็จะกลายเป็นดี จากยากก็จะกลายเป็นง่าย ปัญหาจะไม่นานเกินไป ปัญหาจะไม่หนักเกินความอดทนของเรา แล้วปัญหาทุกปัญหาที่เข้ามาก็คือเรามีพระเยซูที่อยู่เคียงข้างเป็นผู้ปอบประโลมเรา พระองค์ไม่ทิ้งเราให้โดดเดี่ยวเดียวดาย
เราขอบคุณพระเยซูสำหรับความเข้าใจ และขอพระองค์เปลี่ยนความคิดของเราว่า “เราไม่คาดหวัง” เมื่อเชื่อพระเจ้าจะได้รับพระพร แต่เราแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ เราไม่กระวนกระวาย ไม่กระวนกระวาย ไม่กระวนกระวาย แล้วพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงที่เราต้องการใช้จ่ายทำมาหากินในชีวิตประจำวันของเรา แต่สิ่งแรกก็คือแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน
แล้วเมื่อปัญหาเข้ามาเราตอบสนองด้วย 1. ขอบพระคุณพระเจ้า 2. ตอบโต้ไปด้วยความรักและความชอบธรรม คือการสำแดงชีวิตของพระคริสต์ให้เขา ให้คนข้างบ้าน ให้คนที่ขับรถมาปาดหน้าเรา ให้คนที่มาพูดไม่ดีพูดคำหยาบคาย เอาเปรียบเรา แต่เราใช้ความถ่อมใจต่ำถ่อมยอมเสียเปรียบ แล้วมองทุกครั้ง “อ้อ มันคือการบ้าน อ๋อ มันคือสิ่งที่พระเจ้าให้เราผ่าน ให้เราตอบโต้ด้วยสิ่งที่เป็นความรักและเป็นความถ่อมใจและชีวิตนิสัยของพระคริสต์” เมื่อเราผ่านการบ้านทำการบ้านเสร็จ พระพรยัดสั่นแน่นพูนล้นก็จะตามมา