จะไปบอกเขาก็เกรงใจ กลัวเค้าจะเสียใจ..แต่ พี่น้องจะทนฟังเขาได้นานแค่ไหน...
1. เราทุกคนเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า
a. เราได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้เผยพระวจนะ / แบ่งปันในที่ประชุม คริสตจักรมากมายทุกวันนี้ไม่ค่อยจะให้โอกาสผู้เชื่อได้มีส่วนในการเผยพระวจนะ นอกจากจะนั่งฟังคำเทศนาของผู้นำ ทั้งห้ามเสริม ห้ามถาม ผู้นำให้ได้แค่ไหนก็รับแค่นั้น
b. พระเจ้าให้ของประทานการเผยพระวจนะแก่ผู้เชื่อมากมายในคริสตจักรหนึ่ง การเผยพระวจนะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
c. เป้าหมายหลักที่พระเจ้าก่อตั้งคริสตจักรแต่ละแห่ง คือเพื่อสำแดงชีวิตพระคริสต์ เพราะฉะนั้นการเผยพระวจนะเพื่อการก่อขึ้นจึงสำคัญกว่าทุกของประทาน
d. ผู้เชื่อบางคนไม่รู้ว่าว่าการพูดของเขาใช้ไม่ได้ แต่ไม่มีใครกล้าบอก เราจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหานี้
...
2. เป้าหมายของการเผยพระวจนะ
a. เพื่อเสริมสร้างทั้งเราเองและพี่น้อง
b. เพื่อให้ชีวิตพี่น้อง
c. เพื่อให้สันติสุขแก่พี่น้อง
d. เพื่อหนุนใจพี่น้องที่อาจมีทุกข์ หรือสิ้นหวัง หรือท้อแท้
...
3. การแก้คำผิด
a. เมื่อบางคนพูดผิดหรือแปลพระคำพระเจ้าผิด เราจำเป็นต้องแก้เดี๋ยวนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้พี่น้องที่ได้ยินรับเข้าไปเพราะคิดว่าถูกต้อง
b. คนที่พูดผิดก็ยอมรับและตอบรับว่า เอเมน เมื่อเห็นว่าคนที่แก้มีพระคำยืนยันและถ้อยคำที่ผู้ปกครองเห็นว่าถูกต้อง (คือคนที่อยู่ในฝ่ายวิญญาณและสติปัญญาของพระเจ้าที่สูงกว่า)
c. ทุกคนต้องเข้าใจเรื่องการแก้คำผิดนี้ เรารักและเคารพผู้ที่พูดผิด และมองเขาเหมือนเดิมไม่มองลบ
...
4. พี่น้องอยากฟังเราพูดหรือไม่
a. พี่น้องชาวไทยชาวลาวมักจะเกรงใจ ไม่กล้าบอกไม่กล้าพูดเมื่อเห็นใครทำไม่ดีพูดไม่ดีไม่เหมาะ เพราะกลัวจะถูกต่อว่าหรือทำให้เขาไม่พอใจ แต่คริสตจักรของพระเยซูเราหนุนใจพี่น้องทุกคนให้ต่ำถ่อมยอมรับฟังพี่น้องเพื่อการพูดที่ดีจะเกิดขึ้น ทำให้พี่น้องที่ฟังไม่อึดอัด หรือรำคาญ
b. เราต้องพิจารณาดูว่า พี่น้อง / ผู้ฟัง ตอบสนองต่อการพูดของเราอย่างไร เราพูดยาวไปหรือไม่ ไร้สาระหรือไม่ สำคัญหรือไม่ เป็นเรื่องเดียวกันกับคนที่พูดหลักหรือไม่ ไม่ใช่เอาแต่พูด หรือทำให้สิ่งที่เราพูดนั้นเด่นขึ้น หรือสำคัญกว่าทุกคนจนเกินไป
c. เราต้องอยู่ในฐานะ ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบเสมอ ไม่พยายามทำตัวให้เด่นดีดังเกินใคร
d. เราไม่ควรใช้ข้ออ้างเพื่อพูดในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับคนพูดหลัก อย่างเช่นใช้คำว่า "พระเจ้าบอกผม / ดิฉันให้พูด ดิฉันจึงต้องพูดเพราะไม่อยากดับพระวิญญาณ"
e. เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ถ้าหากพระวิญญาณนำเราพูด พระองค์จะสนับสนุนการเป็นหนึ่งเดียวในพระกาย ไม่ใช่ให้พูดในสิ่งอื่น เรื่องอื่น เพราะไม่ใช่การเป็นหนึ่งเดียว
...
5. เสริมสร้าง สู่การเปลี่ยนแปลงหรือไม่
a. เราจะไม่พูดถึงพระพรหรือสิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้เสริมสร้างพี่น้องเลย
b. การเผยพระวจนะหรือเป็นพยาน เราเน้นที่การเสริมสร้างฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ฝ่ายร่างกาย เราจึงพูดเฉพาะ การฝึกเดินในพระวิญญาณ การเปลี่ยนแปลงที่ได้รับจากพระวิญญาณ การเปิดตาจากพระคำพระเจ้า ฯลฯ
...
6. มีชีวิตหรือไม่
a. เราพบว่าการเทศนาสั่งสอน เผยพระวจนะของผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ให้แต่ความรู้แต่ไม่มีชีวิต หรือไม่ให้ชีวิตแก่เรา
b. การพูดที่ให้ชีวิต คือทั้งคนพูดและคนฟังจะได้สัมผัสชีวิต สนใจและอยากฟังไม่เบื่อไม่ง่วงเหงา แต่มีพลังที่อยู่ภายในเคลื่อนไหว ถ้าฟังเราพูดบ่อยๆ ก็เกิดอาการอิ่มเอิบและเห็นผลของชีวิตพระคริสต์ทำงานในเรา
...
7. เป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องหรือไม่
a. พระคำพระเจ้า
- คนพูดหลัก คือบุคคลสำคัญ เขาอาจใช้พระคำจากที่อื่นสนับสนุน แต่ไม่ควรพูดถึงข้อสนับสนุนมากกว่าข้อหลัก
- คนพูดเสริม ไม่ควรนำพี่น้องไปสู่เรื่องอื่น นอกจากจะเพิ่มเสริมเติมเรื่องหลักให้แน่นและครบถ้วน
- พี่น้องที่อาจใช้ข้ออ้างว่า พระเจ้าบอกให้ดิฉันพูด หรือพระเจ้าให้นิมิตดิฉัน เราหนุนใจให้เขาไม่พูดและไม่นำมาแบ่งปัน ถ้าหากไม่ใช่เรื่องเดียวกับคนพูดหลักนำมาแบ่งปัน
b. อยู่ในความเชื่อเดียว
- บางครั้งพี่น้องอาจนำหนังสือหรือคำเทศนาจากแหล่งอื่นเข้ามาแบ่งปันเพราะเห็นว่าดีและถูกต้อง เราจึงควรหนุนใจเป็นระยะว่า พวกเราต้องตรวจสอบก่อนว่า คืออาหารน้ำนม และอาหารผู้ใหญ่ที่มีเชื้อผสมอยู่หรือไม่ และถ้ามีเราจำต้องหนุนใจพี่น้องอย่านำเข้ามาหรือชักชวนให้พี่น้องในคริสตจักรอ่าน
...
8. ใช้เขาเพื่อการฝึกอดทนในพระคริสต์
a. พี่น้องที่โตแล้วต้องอดทน (ในพระคริสต์) เนื่องจากว่าจำต้องมีเหตุการณ์ที่ไม่ราบรื่นในที่ประชุม เพราะการพูดของพี่น้องที่ใช้ไม่ได้ และพระเจ้ากำลังฝึกพวกเขาอยู่ บางคนอาจต้องใช้เวลานาน เราต้องทำใจ และจดจ่อที่การยกย่องสรรเสริญพระบิดา ทั้งอธิษฐานเผื่อคนที่พูดไม่ดีหรือไม่เก่ง
b. เราทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเห็นแก่พี่น้องใหม่ที่เพิ่งรับมานาและมาร่วมกับเรา
...
9. สั้นแต่มีคุณภาพ (ฝ่ายวิญญาณ)
a. การเผยพระวจนะของผู้เชื่อฝ่ายวิญญาณ เราไม่พูดยาว แต่พูดสั้นๆ ง่ายๆ แต่เน้นที่คุณภาพ ยกเว้นผู้ที่มีของประทานพูดยาวหรือพูดนาน ผู้ฟังที่อยากฟัง คือผล หรือสิ่งที่ยืนยันว่าเขาพูดนานได้ และควรมาเป็นคนพูดหลัก
...
10. อธิษฐานได้ แต่ไม่ใช่การอธิษฐานเปิดหรือปิด
a. ผู้ที่แบ่งปันเป็นคนพูดหลัก และคนที่พูดเสริม ไม่จำเป็นต้องอธิษฐานเพื่อเปิดหรือปิดการแบ่งปันของเขา เพราะเราอธิษฐานเปิดสำหรับทุกสิ่งตั้งแต่เช้าแล้ว และอธิษฐานปิดตอนสุดท้ายของการนมัสการ
b. ถ้าหากเราคิดจะอธิษฐาน เราอธิษฐานได้เพื่อการขอบพระคุณยกย่องสรรเสริญที่พระเจ้าทรงเปิดเผยพระคำของพระองค์