ถาม.
อยากถามว่าพระคัมภีร์ข้อนี้หมายความว่าอย่างไรคะใน อาโมส บทที่ 9:13 พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อคนที่ไถจะทันคนที่เกี่ยว และคนที่ย่ำผลองุ่นจะทันคนที่หว่านเมล็ดองุ่น จะมีน้ำองุ่นหยดจากภูเขา เนินเขาทั้งสิ้นจะละลายไป
ตอบ.
อ่านต่อข้อที่ 14 เราจะให้อิสราเอลประชาชนของเรากลับสู่สภาพเดิม เขาจะสร้างเมืองที่พังนั้นขึ้นใหม่และเข้าอาศัยอยู่ เขาจะปลูกสวนองุ่นและดื่มน้ำองุ่นของสวนนั้น เขาจะทำสวนผลไม้และรับประทานผลของมัน
คือการสัญญาของพระเจ้าเรื่องพระเจ้าจะกู้อิสราเอล แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว คืออิสราเอลไม่รับพระเยซู เราจำกันได้นะครับประวัติศาสตร์ชาวยิวไม่ต้อนรับพระเยซู อิสราเอลไม่รับพระเยซูเป็นกษัตริย์ของเขา แล้วพระเจ้าก็รู้ดี พระเจ้าก็ส่งมาและทำตามแผนการทุกสิ่ง ทำตามสัญญาที่พระองค์สัญญากับพวกเขาในหนังสืออาโมสนี้
และเมื่อเป็นดังนั้นพระเจ้าจึงให้อาณาจักรของพระองค์เกิดขึ้นในยุคพันปี และตอนนั้นคือตอนที่จะเกิดสัญญาในอาโมสบทที่ 9 ข้อที่ 13-14 ก็คือทุกคนจะเท่าทันกัน พระองค์จะให้ดื่มน้ำองุ่นใหม่ คือมันจะมีรสชาติที่แปลกประหลาด อัศจรรย์ เอร็ดอร่อย อย่างมากเหลือล้นนะครับ เป็นรสชาติที่ไม่เคยมีใครในโลกนี้ได้ชิมมาก่อน เป็นองุ่นสวรรค์ เป็นองุ่นในยุคพันปี แล้วทุกคนจะมีความเท่าเทียมกันนะครับ
...
ถาม.
ไม่ทราบว่าทำไมเวลาอ่านพระคัมภีร์เดิม ทั้งที่ก็อธิษฐานก่อนที่จะอ่าน แต่ทำไมไม่ค่อยเข้าใจเลย แต่พออ่านพระคัมภีร์ใหม่อ่านแล้วถึงแม้ว่าไม่เข้าใจบ้าง แต่ว่ามาฟัง อ. สอน แล้วก็ขยายความก็ทำให้เข้าใจแล้วก็รับการเปิดตา แต่พระคัมภีร์เดิมไม่รู้ยังไงๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรค่ะ
ตอบ.
สำหรับพระคัมภีร์เดิมจริงๆ แล้ว พระคัมภีร์เดิมไม่มีข้อลึกลับไม่มีเลยนะครับ ไม่มีข้อลึกลับ เพียงแต่ว่ามีบางเรื่องที่เป็นปริศนา ขอให้เข้าใจนะครับ ข้อลึกลับกับปริศนา แตกต่างกัน
ข้อลึกลับ ก็คือความลับที่พระเจ้าเก็บเอาไว้
ส่วนเรื่องปริศนา ก็คือเราต้องอ่านและต้องไข เข้าใจนะครับ
สำหรับพระคัมภีร์เดิมมีแค่บางเรื่องที่เป็นปริศนา แต่โดยทั่วไปพระคัมภีร์เดิมถ้าเราจะอ่านให้เข้าใจต้องอ่านตั้งแต่แรก ที่ผมถามทำไมผมถามว่าขออ่านข้อที่ 14 ด้วย 15 ด้วย เพราะว่าถ้าอ่านข้อเดียวเราจะเข้าใจไม่ได้ เราต้องรู้ว่าคนที่พูดเนี่ยต้องการจะบอกอะไรกับคนที่เขาอยากจะบอก ซึ่งอาจจะต้องทั้งบทหรือทั้งเล่มเลยก็เป็นได้
อยู่ดีๆ เราจะแปลข้อเดียวไม่ได้นะครับ เราเห็นนะครับว่าตรงนี้พูดถึงเรื่องการนำการเป็นเชลยของอิสราเอลกลับมาสู่สภาพเดิม ก็คือตอนนั้นอิสราเอลเป็นเชลย แต่คำทำนายนี้นะครับมีผลถึงยุคพันปี เราเห็นนะภาษาไทยก็ยังพูดเลย คริสเตียนศาสนาเขาก็ยังรู้ว่าทั้งแผ่นดินอิสราเอลและคนอิสราเอลจะได้รับพระพรในอาณาจักรพันปี ถ้าพี่น้องกลับไปดูอาโมสบทที่ 9 นะครับ เอเมน.
อีกครั้งนะครับถ้าอยากเข้าใจพระคัมภีร์เดิม ขอให้อ่านทั้งบทหรืออ่านทั้งเล่มเราจะเข้าใจ พระคัมภีร์เดิมไม่มีข้อลึกลับ ไม่มีข้อลับลึก แต่มีเรื่องปริศนาบางเรื่องที่อ่านแล้วต้องแก้ต้องขอความเข้าใจจากพระเจ้า หรืออ่านให้หมด อ่านทั้งบท ทั้งเล่มจะมีการเฉลยต่อมาในเวลาต่อมา
พระคัมภีร์ใหม่แน่นอนที่สุด ถ้าเราจะอ่านเราต้องขอการเปิดตาจากพระเจ้า พระคัมภีร์ใหม่เน้นที่การเขียนโดยพระวิญญาณดลบันดาลให้สาวกทั้งหลายเขียน และผู้ที่จะอ่านต้องรับการดลบันดาลให้เราได้เห็นความหมายที่พระองค์ซ่อนไว้ เข้าใจนะครับ
คือคนเขียนพึ่งพระวิญญาณ คนอ่านก็ต้องพึ่งพระวิญญาณสิครับ
และถ้าหากเรามีพระวิญญาณแห่งการเปิดเผย แห่งความจริงเปิดเผยให้เรา ถ้าไม่ผ่านทางการอ่านพระคำพระเจ้า ก็ต้องผ่านทางผู้เผยพระวจนะที่มีของประทานในการเปิดเผยสติปัญญาของพระเจ้าครับ
..
ถาม.
แล้วพระคัมภีร์เดิมเราสามารถใช้ได้ไหมคะในยุคปัจจุบัน เพราะว่าวันนั้นเห็นพี่น้องโพสต์พระคัมภีร์อิสยาห์ แล้วมีพี่น้องอีกท่านหนึ่งก็เข้ามา comment ว่าพระคัมภีร์เดิมเราสามารถเอามาใช้ในยุคปัจจุบันได้ไหม หรือว่าเราเพียงแค่อ่าน เรารู้ว่าประวัติศาสตร์ของพระเจ้ากับชนชาติอิสราเอลพระเจ้าช่วยยังไงหรือเขาทรยศพระเจ้ายังไง
อยากทราบว่าเราเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ไหม หรือว่าในยุคพระคุณนี้ค่ะ
ตอบ.
ถามว่าพระคัมภีร์เดิมเราใช้กับชีวิตการเดินในพระคริสต์ในยุคใหม่ในพระคัมภีร์ใหม่ได้ไหม ปัจจุบันนี้ได้ไหม
สำหรับพระคัมภีร์เดิมนะครับเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ และพระคัมภีร์เดิมมีพระบัญญัติเดิมเพื่อการดำเนินชีวิตของชาวยิวเท่านั้น ขอให้จำตรงนี้นะครับ เท่านั้น
ซึ่งสำหรับคริสเตียนเรามีการนำพาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในการเดิน แน่นอนที่สุดครับคำสอนคำสั่งของพระเจ้าจะต้องสอดคล้องกับพระคัมภีร์เดิมแน่นอน
แต่เราไม่เดินตาม ความหมายก็คือเราไม่ยึดติดในคำสอนในพระคัมภีร์เดิม เนื่องจากว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นคนนำคำสั่งสอนเหล่านั้นมาทางพระองค์ โดยให้เราเป็นคนปฏิบัติและดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ เข้าใจนะครับ
...
ถาม.
ความหมายก็คือเราสามารถเรียนรู้ได้ แต่เราไม่ปฏิบัติตาม
ตอบ.
เราเรียนรู้เท่านั้นใช่ครับผม เราเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เราทำความเข้าใจว่ายิวเชื่อรักษาพระบัญญัติยังไงมีกี่ข้อ และสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยกับพวกเขาตอนนั้นคืออะไรบ้าง และสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยน้ำพระทัยของพระเจ้าในยุคพระคุณคืออะไรบ้าง มีการเปลี่ยนแปลงนะครับ
สิ่งที่สำคัญเราต้องเข้าใจว่าแต่ละยุคมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งหลักความเชื่อ และหลักการดำเนินชีวิตและการรับใช้
เพราะฉะนั้นเราจะนำวิธีการถวายเครื่องบูชาในพระคัมภีร์เดิมเอามาใช้ในยุคนี้มันไม่ได้
หรือการใช้ชีวิตบางอย่าง คือฉลาดในการทำมาค้าขาย
แต่ยุคปัจจุบันนี้ เราใช้ไม่ได้แล้ว ฉลาดในการทำมาค้าขายไม่ได้
เพราะว่าเรามีพระคริสต์เป็นสติปัญญาของเรา พระองค์เป็นคนฉลาดที่อยู่ภายในเรา พระองค์เตือนเรา พระองค์บอกเรา พระองค์แนะนำ พระองค์ชี้ทาง พระองค์นำพา การงานทุกสิ่งก็จะเกิดผล
เราเห็นนะครับว่ามันมีความแตกต่าง เราเรียนรู้ได้ครับผม เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เรียนรู้ในพระคัมภีร์เดิมเพื่อเสริมให้เรามีรากฐานให้เรามีความเข้าใจเรื่องพระเจ้าในยุคก่อน ยุคนี้ การดำเนินชีวิตในยุคก่อน ในยุคนี้
การรับใช้ในยุคก่อน ในยุคนี้ แตกต่างกันยังไงครับผม
สำหรับผมคือผมจะไม่เน้นนำบางข้อในพระคัมภีร์เดิมอาจจะเป็นเพลงสดุดี สุภาษิต ปัญญาจารย์หรืออะไรก็แล้วแต่ เอามาแล้วก็เอามาลงมาโพสต์มาพูดถึง ไม่ครับ. แต่บางคนชอบพูดถึงและโดยส่วนมากเขาจะใช้คำว่า ลูกเอ๋ย,ลูกเอ๋ย ใช่มั้ย
เราเห็นกันบ่อยมากสำหรับพี่น้องชาวไทยเรานะครับผมเห็นเยอะมาก ถ้าโพสต์ลงเฟสบุ๊ค ก็คือเริ่มจากคำว่า ลูกเอ๋ย
ซึ่งเราเป็นบุตรพระเจ้าเราเป็นลูกของพระเจ้า เราพูดแบบธรรมดาสามัญก็ได้ ถ้าเราจะหนุนใจพี่น้อง เราก็หนุนใจด้วยความถ่อมใจ ไม่ต้องใช้พระคำพระเจ้าแบบลูกเอ๋ย หรือทำเหมือนเราเป็นผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่
คือความหมายที่ผมต้องการบอก ก็คือเราทำอะไรก็ได้ ใช้คำพูดใช้พระคัมภีร์ข้อไหนก็ได้ ที่เราเองทำให้คนมองเราเป็นผู้เล็กน้อยคนหนึ่งนะครับ
...
ถาม.
ก็คือมีความสับสนนิดนึงในเรื่องพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ เพราะว่าอาจด้วยการยังถูกเปิดตาน้อยก็เลยโอเคเรา อย่างพระคัมภีร์เดิมมีหลายที่ ที่พระเจ้าช่วยชนชาติอิสราเอลในการนำเขาออกจากประเทศอียิปต์ มันก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่พระเจ้าทำ แต่พอมายุคพระคุณพระเจ้าจะทำอย่างงั้นไหม เราจะเอามาประยุกต์ใช้ได้ยังไง แบบเนี่ยค่ะก็เลยมีการสับสนขึ้นมานิดหน่อยก็เลยอยากถาม อ. ค่ะ เอเมน
ตอบ.
สำหรับพระคัมภีร์ใหม่ มีคำสั่งสอนของพระเยซู และคำสอนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสผ่านสาวกทั้งหลายให้เขียนเป็นจดหมายฝาก คือมันมีเต็มไปหมด มีเยอะแยะเลยนะครับ มีเยอะมาก และอีกอย่างก็คือเรามีผู้หนึ่งที่อยู่ในเราที่เป็นสติปัญญาของเราและเป็นผู้นำพาชีวิตของเรา
เพราะฉะนั้น "เท่านี้ก็พอแล้ว" นะครับ สำหรับเรื่องการดำเนินชีวิต เรื่องการรับใช้ และการกระทำทุกสิ่ง การทำมาค้าขาย
ส่วนพระคัมภีร์เดิมเราอ่านเพื่อเรียนรู้ เพื่อรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้ากับมนุษย์ ที่ทำกับมนุษย์ในสมัยก่อนว่าเป็นยังไงเป็นอะไร
สำหรับผมขอหนุนใจพวกเรานะครับ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรลงเรื่องพระคัมภีร์เดิม ถ้าจะลงนะครับก็ต้องอธิบายว่าพระคัมภีร์ตอนนี้ สุภาษิตบทนี้สอนเราว่าให้เราเป็นแบบนี้ๆ และทุกวันนี้ยังใช้ได้ไหม ก็เอเมนถ้าใช้ได้ ถ้าใช้ไม่ได้ก็เอเมน
แต่ทุกวันนี้เรามีพระคริสต์เป็นสติปัญญาของเราแล้ว
ในพระคัมภีร์เดิมบอกว่าท่านเมตตาต่อใคร ท่านก็จะได้รับเมตตาจากพระเยโฮวาห์เป็นสิ่งตอบแทน
อย่าลืมนะครับในพระคัมภีร์ใหม่ก็มีเยอะ เราเมตตาต่อผู้อื่น พระเจ้าก็ตอบแทนด้วยความเมตตา ท่านตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด เขาก็จะตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้วนะครับ
...
ถาม.
หลายครั้งที่พระเยซูสอน แล้วพระเยซูก็ยกพระคัมภีร์เดิมมาอ้างอิง อย่างงี้ก็ได้ใช่ไหมคะ เวลาเราหนุนใจพี่น้องเราก็ยกพระคัมภีร์เดิมมา
ตอบ.
ไม่นะครับ คือเมื่อพระเยซูยกพระคัมภีร์เดิมมาเพื่อยืนยันเนื่องจากว่าพระองค์ต้องการที่จะให้ชาวยิวมั่นใจว่าพระองค์มาจากพระเจ้าและพระองค์รู้พระคัมภีร์
1. พระเยซูต้องการให้ชาวยิวมั่นใจเชื่อวางใจ ว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะที่มาจากพระเจ้า
2. และพระองค์รู้พระคัมภีร์ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็พูดโดยที่ไม่อ้างพระคัมภีร์เดิม เราเข้าใจตรงนี้นะครับ
แต่สำหรับคริสเตียนพวกเรา เราไม่ต้องการที่จะอ้างกับใคร ว่าเรา... คือไม่ต้องไปอ้างกับชาวยิวหรือคนต่างชาติ
เราเป็นคริสเตียนเราอ้างอะไรครับ?
เราอ้างชีวิตและนิสัยของพระเยซูผ่านเราให้กับผู้อื่น และข่าวประเสริฐเรื่องความรอด เอเมน
ไม่ใช่ว่าเห็นพระเยซูเราได้ยินบ่อยมากพระเยซูสอนและยกพระคัมภีร์เดิมมา แล้วเราที่เป็นคริสเตียนเราก็ต้องทำแบบพระเยซู อันนี้ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่นะครับ คือเป้าหมายของพระเยซูก็คือต้องการยืนยันว่าพระเยซูมาจากพระเจ้า และพระเยซูรู้พระคัมภีร์ดี ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็พูด ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่มีความรู้พระองค์ต้องการอยากให้เขารู้ว่าพระองค์ก็มีความรู้เหมือนกันและเป็นมาจากพระเจ้า
สรุป...เราเรียนรู้ได้ แต่เราไม่ควรนำมาใช้และไม่ควรนำมาสั่งสอน ไม่ควรนำมาแบ่งปัน คือสำหรับมีบางตอนที่น่าสนใจเราอยากจะพูดกับพี่น้องคริสเตียนที่เป็นเด็กก็พอได้นะครับ อย่างเช่นถ้าเราจะสร้างบ้านเราจะทำงานทั้งวัน แต่พระเจ้าไม่อยู่ด้วย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทุกสิ่งที่สร้างก็ร้างเปล่า มันก็เป็นคำที่น่าฟังใช่ไหมครับไพเราะเพราะพริ้วน่าฟัง แล้วพอพูดไปคนที่ฟังก็สนใจ โอ้ในพระคัมภีร์มีด้วยหรอ
แต่สำหรับเราที่เป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ เราไม่พูดคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้ว ไม่ใช้คำพูดที่ดูดี เพราะเราอาศัยคำพูดที่มาจากพระวิญญาณ คำพูดของเราเป็นลม เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ออกไปสู่เขา เข้าสู่วิญญาณของเขา เพื่อให้วิญญาณของเขาได้รับการเติมเต็ม อิ่ม ไม่ต้องกระหายอีก เข้าใจกันนะครับ
คริสเตียนศาสนาเน้นที่พูดดูดี พูดให้ฟังแล้วมีความสุขฟังแล้วแบบจับใจ เป็นคำพูดที่น่าฟัง
แต่คริสเตียนฝ่ายวิญญาณพูดอะไรก็ได้ แต่ให้ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นมาโดย พระวิญญาณบริสุทธิ์
ผมต้องพูดใช้คำพูดที่ดีๆ ไหม ผมต้องเลือกคำพูด สรรหาคำพูดที่แบบไพเราะน่าฟังไหม ไม่เลยนะครับ ทุกวันนี้ผมก็พูดแบบผม แต่ผมเน้นที่ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์พูด พระองค์ตรัสผ่านลิ้นนี้ พระองค์ตรัสผ่านข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ได้พูดไม่ได้ต้องการพูด เพราะว่าบุตรของพระองค์ทั้งหลายต้องการฟังเสียงพระองค์ ไม่ใช่เสียงของข้าพระองค์ ก็แค่นี้ครับ แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำงาน
สำหรับพี่น้องที่มีโอกาสหรือพอมีเวลาว่างอยู่นะครับก็ใช้เวลากับพระคัมภีร์เดิมก็ได้นะครับ เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เราเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้ไม่ผิดครับ
แต่สิ่งที่เป็นหลักของคริสเตียนทุกวันนี้นะครับ เราเน้นที่พระคัมภีร์ใหม่ และเราเน้นการดำเนินชีวิตที่ใช้เวลาอยู่กับพระเจ้า สนิทในพระเยซู พูดคุยกับพระองค์ให้มาก เพราะว่าหลายคนติดกับดัก ถูกกับดักซาตาน ก็คือให้ไปใส่ใจในพระคัมภีร์เดิมมากเกินไป จนสุดท้ายไม่สนิทในพระเยซูและไม่สนใจในพระคัมภีร์ใหม่
ในพระคัมภีร์ใหม่ได้รับการดลบันดาลโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตในโลกนี้ ในยุคนี้ ในยุคพระคุณ
ส่วนพระคัมภีร์เดิมเป็นการใช้ชีวิตดำเนินชีวิตรับใช้ทำมาค้าขาย เป็นเวลาแห่งยุคพระบัญญัติ ซึ่งยิวเขาทำอะไร พระเจ้าก็ตอบแทนพระเจ้าก็อวยพรเขา
แต่เราจะนำคำสอนของยิวในยุคพระบัญญัติมาใช้กับยุคพระคุณมันไม่ได้