มัทธิว 10:40 ผู้ที่รับท่านทั้งหลายก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ที่ทรงใช้เรามา
10:41 ผู้ที่รับศาสดาพยากรณ์เพราะนามแห่งศาสดาพยากรณ์นั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ศาสดาพยากรณ์พึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะนามแห่งผู้ชอบธรรมนั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ
10:42 และผู้ใดก็ตามที่จะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งในนามแห่งสาวกคนหนึ่ง เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จของตนก็หามิได้”
** อันนี้เป็นเรื่องของการเป็นคนที่มีน้ำใสใจจริง เป็นคนนิสัยดี เป็นคนที่ชอบต้อนรับผู้อื่น เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่ได้เกี่ยวกับการต้อนรับพระเยซู ความหมายก็คือ เราทำดีกับใครพระเจ้ามีผลตอบแทนให้ทุกคนที่ทำดีแบบนั้นกับคนนั้น
และอีกอย่างหนึ่งคริสเตียนมากมายทุกวันนี้เข้าใจผิดในพระคัมภีร์ข้อนี้ คือเขาเข้าใจว่าถ้าเอาน้ำแก้วหนึ่งต้อนรับสาวก เขาคิดว่าเป็นผู้รับใช้ เป็นอาจารย์ เป็นศิษยาภิบาล เป็นผู้นำคริสตจักร แล้วก็จะได้รับพระพรมาก
เราจะเห็นนะครับว่าถ้าบ้านไหนที่มีผู้นำคริสตจักรมา ศิษยาภิบาล อาจารย์มาบ้าน เขาจะแย่งกันเอาน้ำให้อาจารย์ ให้ผู้นำ ไม่ว่าจะชนชาติเชื้อชาติไหนก็ตาม ไทยลาวอะไรก็ตามเขาทำ ทุกวันนี้ทำกันอยู่ เห็นว่าอาจารย์มา วิ่งแย่งกันแย่งเอาพระพร รินน้ำไปให้อาจารย์กัน อาจารย์ๆๆ อ่ะน้ำ คนนี้ก็อาจารย์ๆๆ อาจารย์นะครับได้น้ำหลายแก้ว (แต่พี่น้องที่มาต้องหากินเอง)
แต่อย่าลืมน่ะพระคัมภีร์ข้อนี้ว่ายังไง ถ้าใครต้อนรับเอาน้ำแก้วหนึ่งให้ผู้เล็กน้อย สาวกผู้เล็กๆ น้อยๆ เข้าใจไหมใครที่เป็นสาวกผู้เล็กๆ น้อยๆ ก็เราทุกคนนี่แหละที่เป็นผู้เล็กน้อยไม่มีบทบาทไม่มีตำแหน่งอะไร ให้เขาไป (พระเยซูบอกว่ายังไง จะมีผลตอบแทนมากมาย จะไม่ขาดรางวัล)
เพราะฉะนั้นไม่ได้หมายความว่า เราต้องเอาน้ำให้อาจารย์ ให้ผู้นำ ผู้รับใช้ดื่ม ไม่นะครับ (พระคัมภีร์ข้อนี้บอกว่า เอาน้ำให้ผู้เชื่อ ผู้เล็กน้อยคนหนึ่ง บำเหน็จเราจะมีมากมาย) คือเขาเปลี่ยนพระคัมภีร์ข้อนี้เขาบอกว่าเอาน้ำให้ผู้รับใช้ เอาน้ำให้ผู้ปกครอง เอาน้ำให้อาจารย์ พวกผู้ใหญ่ พวกมีตำแหน่งในคริสตจักรดื่มแล้วจะมีบำเหน็จ ไม่. ตรงนี้พระเยซูพูดตรงข้ามเลย พระเยซูพูดตรงกันข้าม อ่านใหม่ถ้าไม่เชื่ออ่านอีกรอบ..
มธ 10:42 และผู้ใดก็ตามที่จะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งในนามแห่ง (สาวก) คนหนึ่ง เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จของตนก็หามิได้”
ให้คนเล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ในนามแห่ง.... เป็นอะไร (สาวก) ใครเป็นสาวกพระเยซู ใครบ้าง เราทุกคนเป็นสาวกใช่ไหม เขาแปลความหมายว่าสาวกก็คือผู้นำ ผู้รับใช้ ไม่น่ะ. (ทุกคนที่เชื่อพระเยซู คือสาวกของพระเยซู) นะครับ
ถ้าใครไปไหน ไปบ้านไหน เราเอาน้ำดื่มต้อนรับเขา แล้วทีนี้ทำไมพระเยซูเน้นว่าน้ำเย็น ทำไมพระเยซูบอกว่าน้ำเย็น อิสราเอลนะครับประเทศอิสราเอลมันร้อน ถ้าดื่มน้ำเย็นมันจะชื่นใจใช่ไหม คือต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น ต้อนรับเขาด้วยแบบมีความสุข ไม่ได้หมายความว่าเอาน้ำเย็นๆ ไปหาน้ำเย็นๆ มาแล้วให้แขกดื่ม ไม่ใช่. "เย็น" ความหมายคือ ต้อนรับดี ดูแลอย่างดี น้ำใจดี ไม่ใช่ว่าเขามาแล้ว (อ่ะ..กินน้ำ อ่ะ..นอนไหนก็นอน จะกลับกี่โมง ไล่แล้ว เขายังไม่ได้มานอนเลย) เข้าใจกันนะครับ
...
ถาม.
ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลายก็ต้อนรับเรา อันนี้ใช่ความหมาย สำหรับคนที่เชื่อหรือคนที่ไม่เชื่อ
ตอบ.
ใครก็ตามนะครับ เราที่เป็นคริสเตียนเราต้อนรับพี่น้อง ก็คือเราต้อนรับพระเยซูแล้วน่ะ
แล้วคนที่ไม่เชื่อเขาต้อนรับเราที่เป็นคริสเตียน เขาก็ได้ต้อนรับพระเยซูด้วย พระเยซูก็มีบำเหน็จให้เขา
อย่าลืมนะครับถ้าเราทำดีกับพี่น้อง เราได้ทำดีกับใคร? กับพระเยซู เราเห็นพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่งมาเยี่ยมเรา แล้วพี่น้องคริสเตียนคนนี้ไม่มีเสื้อใส่ เสื้อเก่า เสื้อเก่าขาดๆ นะครับ แล้วเรามี เรามีเยอะ เราเอาเสื้อนั้นให้พี่น้องใส่ เราก็ได้ให้พระเยซูใส่ด้วย
จำได้ไหมมีตอนหนึ่งที่พระเยซูพูดว่า...
มธ 25:35 เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านทั้งหลายก็ได้จัดหาให้เรากิน เรากระหายน้ำ ท่านก็ให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ได้ต้อนรับเราไว้
25:36 เราเปลือยกาย ท่านก็ได้ให้เสื้อผ้าเรานุ่งห่ม เมื่อเราเจ็บป่วย ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา เมื่อเราต้องจำอยู่ในคุก ท่านก็ได้มาเยี่ยมเรา'
25:37 เวลานั้นบรรดาผู้ชอบธรรมจะกราบทูลพระองค์ว่า `พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ทรงหิว และได้จัดมาถวายแด่พระองค์แต่เมื่อไร หรือทรงกระหายน้ำ และได้ถวายให้พระองค์ดื่มแต่เมื่อไร
25:38 ที่ข้าพระองค์ได้เห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า และได้ต้อนรับพระองค์ไว้แต่เมื่อไร หรือเปลือยพระกาย และได้สวมฉลองพระองค์ให้แต่เมื่อไร
25:39 ที่ข้าพระองค์เห็นพระองค์ประชวรหรือต้องจำอยู่ในคุก และได้มาเฝ้าพระองค์นั้นแต่เมื่อไร'
25:40 แล้วพระมหากษัตริย์จะตรัสตอบเขาว่า `เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านได้กระทำแก่คนใดคนหนึ่งในพวกพี่น้องของเรานี้ ถึงแม้จะต่ำต้อยเพียงไร ก็เหมือนได้กระทำแก่เราด้วย'
** คำตอบของพระเยซู บ่งบอกถึงการทรงสถิตอยู่ด้วยของพระองค์ในผู้เชื่อทุกคน เมื่อผู้เชื่ออยู่ไหนทำอะไร และถูกต้อนรับดูแลเป็นอย่างดี เขาก็ได้ทำกับพระเยซูอย่างนั้นด้วย
** การกระทำต่อพี่น้องผู้เชื่ออย่างไร กับลูกหลานพ่อแม่สามีภรรยาของตนอย่างไร เราก็ได้ทำสิ่งนั้นต่อพระเยซูด้วย
เราติดคุกอยู่พวกท่านก็ได้มาเยี่ยม เราหิวข้าวพวกท่านก็ได้เอาอาหารมาให้ พระเยซูติดคุกตอนไหน พระเยซูไม่เคยติดคุกน่ะ แล้วพระเยซูหิวเมื่อไหร่ พระเยซูไม่เคยหิวเลย ความหมายคืออะไร..
คือพระเยซูที่อยู่ในคริสเตียนที่หิวข้าว แล้วเราเอาข้าวไปให้เขากิน ก็คือเราได้ให้พระเยซูกิน
แล้วคริสเตียนคนไหนยากจน เราไปช่วยเขา เราก็ได้ช่วยพระเยซู
อย่าลืมน่ะ คริสเตียนด้วยกัน ถ้าเราทำดีให้ใคร ก็คือเราได้ทำดีให้พระเยซู ถ้าเราด่าเขา ก็คือเราได้ด่าพระเยซูด้วย ฉะนั้นเราขอโทษพระเยซูนะครับ ขอโทษพระเยซูผ่านเขา ขอโทษพระเยซูนะครับ ถ้าเราทำผิดต่อกัน ด่ากัน ผิดใจกัน แล้วขอโทษกันก็คือเราได้ขอโทษพระเยซูแล้ว
...
ถาม.
การที่คนอื่นหมายถึงคนที่ไม่เชื่อต้อนรับเรา ต้อนรับเราในฐานะที่เป็นข่าวประเสริฐ หรือว่าต้อนรับเราที่เป็นคริสเตียน หรือว่าต้อนรับแบบว่างานอื่นๆ หรืองานเลี้ยงอะไร
ตอบ.
อะไรก็แล้วแต่ ถ้าเขาต้อนรับก็คือเขาได้ต้อนรับพระเยซู เพราะว่าพระเยซูอยู่ในเรา พระเยซูอยู่กับเรา พระเยซูไปกับเรา
อย่าลืมนะครับว่าเราไปงานแต่งงาน งานเลี้ยง เราไปงานเลี้ยงพระเยซูแยกตัวออกมาหรือว่าไปด้วย? ไปด้วยนะครับ ถ้าใครทำอะไรกับเราเขาก็ได้ทำกับพระเยซูเหมือนกัน อย่าลืมน่ะถ้ามีคนด่าเรา เราก็พูด.. "เราไม่ได้โดนด่าคนเดียว พระเยซูในเราก็โดนด่าด้วย มีเพื่อนโดนด่าด้วยกัน อุ่นใจหน่อย" มันก็จริงใช่ไหมล่ะ เขาด่าเรา พระเยซูถูกด่าไหม? พระเยซูอยู่ไหน? พระเยซูอยู่ในเรา เขาด่าเราพระเยซูก็ถูกด่า ฉะนั้นเราไม่ต้องน้อยใจเรามีพระเยซูอยู่ในเรา ถูกด่าด้วยกัน แล้วพระเจ้าจะตอบแทนเอง เราอย่าไปตอบแทน พระเจ้าจะตอบแทนเขาเอง
...
ถาม.
ผมยังไม่เข้าใจใน มธ 10:41 ผู้ที่รับศาสดาพยากรณ์เพราะนามแห่งศาสดาพยากรณ์นั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ศาสดาพยากรณ์พึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะนามแห่งผู้ชอบธรรมนั้น ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ
ตอบ.
ใช่เราต้อนรับคนแบบไหน ผลตอบแทนก็ได้มาแบบนั้น เราต้อนรับคน..โอเค สมมุติ..
ผมจัดงานเลี้ยง ผมไม่เชื่อพระเยซู ผมเชิญพี่น้องเอมาที่งานในฐานะของคนที่รู้จักกัน บำเหน็จของผมก็ได้เท่านั้น
แต่ถ้าผมนะครับรู้ว่าพี่น้องเอมีพระเยซู เชื่อพระเยซู เป็นบุตรพระเจ้า ผมก็เชิญพี่น้องเอมา พอเข้ามางานปุ๊บผมก็เรียกพี่น้องเอ (พี่น้องเอขอมาที่ห้องลับห้องส่วนตัวมาอธิษฐานให้สองคนพวกเราหน่อย พวกเราอยากได้รับพรจากคุณ รู้ว่าคุณเป็นผู้รับใช้)
เขาก็จะได้รับบำเหน็จที่ต้อนรับผู้รับใช้ เข้าใจนะครับ
ถ้าเขาต้อนรับคนแบบไหน เขาก็จะได้ผลตอบแทนมาตามแบบนั้น "ไปเกี่ยวข้าวจะได้มันหรือ ใช่ไหมล่ะ เราไปเกี่ยวข้าว เราก็ได้ข้าวสิ"
....
คืออย่างที่ผมพูดนะครับ เราใส่ใจที่คริสเตียนที่เป็นเด็กฝ่ายวิญญาณ เราใส่ใจทุกคนที่เป็นสาวกของพระเยซู เราอย่าใช้ความคิดเหมือนคริสเตียนศาสนาที่ชอบใส่ใจแต่ผู้นำ ชอบใส่ใจแต่ผู้ที่มีชื่อเสียง คริสตจักรไหนมีนักร้องดัง คริสตจักรบางคริสตจักร มีบอย พีซเมคเกอร์ ไปนมัสการ หลายคนรู้ว่าคริสตจักรนั้นมีเขา ก็ไป ไปก็ ไหนๆๆ เขาอยู่ไหน พี่บอยอยู่ไหน
เราไปนมัสการนะครับอย่าไปใส่ใจมนุษย์ อย่าไปใส่ใจใคร ไปโบสถ์ไหนโบสถ์ไหนมีอาจารย์ดังๆ นะครับ อาจารย์ดังๆ เท่ๆ หล่อๆ อาจารย์ดังๆ ดีๆ หน่อยก็เห่อกันไป ไม่นะครับ เราไปหาพระเจ้า ถ้าได้ยินเสียงพระเจ้าน่ะ เราไปไหนก็ตามอย่ามองที่ดารา อย่ามองที่คนดัง อย่ามองที่คนรวย โบสถ์ไหนมีคนรวยเยอะๆ ไป ไม่.เราไม่ไปนะครับ แล้วเราไม่ต้องไปหาอาจารย์ เราไปหาพระเยซู
การไปหาพระเยซู ความหมายก็คือ เราไปแล้ว เราฟัง เราสัมผัสพระวิญญาณจากคนที่พูด และเราได้สัมผัสความรักจากพี่น้อง คือคนที่พูดคนเดียวแล้วเราได้รับ ยังไม่พอน่ะ พี่น้องที่มาร่วมต้องสัมผัสความรักจากเขาด้วย อย่าลืมนะครับเรามาที่นี่ (คริสตจักร) ขอให้เราสำแดงความรัก อะไรที่เป็นความรัก อะไรที่เป็นด้านบวก พูดคุยรักกัน ช่วยเหลือกัน ดูแลกัน เพราะว่าพระเจ้านับว่าเราเป็นพระกายเที่ยงแท้แล้ว แล้วก็พระเจ้าอยู่กับเรา
...
ถาม.
ถ้าสมมุติว่าในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนฝ่ายวิญญาณ สมมุติว่าถ้าวันนึงเราไม่มีสถานที่ไปนมัสการ แต่ว่าเราแบบว่าข้างในมีใจอยากนมัสการพระเจ้า แล้วจำเป็นต้องไปร่วมกับการนมัสการของคริสตจักรศาสนา เราจะทำยังไง
ตอบ.
อย่าใช้คำว่า จำเป็นต้องไปร่วมกับคริสตจักรศาสนา เราไม่ไปคือไม่ไปเลย ถ้าสมมุติว่าไม่มีคริสตจักรฝ่ายวิญญาณ ไม่มีคริสตจักรที่ป้อนความรู้ฝ่ายวิญญาณพระคำล้ำลึกให้เรา มานาที่ซ่อนไว้ในคริสตจักรนั้นไม่มี เราไม่ไปดีกว่า
พระเยซูเตือนนะครับว่า อย่าไปร่วม อย่าอยู่ในคริสตจักรฝ่ายศาสนา คริสต์จากโลก คริสตจักรที่เป็นอุ่นๆ คริสตจักรที่ตายแล้ว คริสตจักรที่ไม่มีความรักดั้งเดิม ถ้าเราไปเราก็จะถูกนับเข้ากับพวกเขา เรือเขาล่มเราก็จะจมด้วย อย่าไปดีกว่า
นึกดูสิถ้าคุณรับมานาฯ ถ้าคุณรับพระคำล้ำลึกแล้ว แล้วคุณไปร่วมคุณมีความสุขไหม คุณมีอิสระเสรีไหม คุณไปคุณกังวล คุณไปคุณหงุดหงิด คุณไปคุณอยู่ไม่ได้ คุณไปคุณรู้สึกว่าฉันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่ แล้วจะอยู่ทำไม ถ้าคับใจก็ไปเถอะ
...
ถาม.
ฉะนั้นไปเพราะว่ามีการนมัสการในวิญญาณกับพระเจ้า แต่ถ้าไม่มี เราก็สองคน หรือคนเดียวไปก่อน
ตอบ.
ใช่คนเดียวก็ได้ คนเดียวกับพระเยซูไง เราไม่เคยเดียวดายนะครับ เรามีพระเยซู นมัสการกับพระเยซู "พระเยซู สองคนเรา คุยกับพระบิดา สรรเสริญยกย่องพระบิดา" และถ้าครอบครัวเราเป็นครอบครัวฝ่ายวิญญาณรับมานาฯ เราก็ครอบครัวเรานี่แหละนมัสการพระเจ้า
แล้วถ้าสมมุติว่าเราคนเดียว แล้วอยากนมัสการกับพี่น้องมาก ก็สืบถามนะครับว่ามีใครบ้างกำลังนมัสการ ไลฟ์สด ทุกวันนี้มีเฟสมีไลน์ที่มันไลฟ์สดได้ใช่ไหม ก็เปิดกล้องใส่กันเลย นั่งคุยเปิดนมัสการเลย ถ้ารู้สึกสบายใจ ถ้ารู้สึกทำได้น่ะ แต่บางคนทำได้มัน..ไม่สะดวกใจ รู้สึกว่ามองไปรอบข้างมันมีแต่เสื่อ แต่หมอน แต่ที่นอนรกๆ รุงรังของเราแล้วนมัสการกับพี่น้องนะครับ