พระเยซูเรารักพระองค์ พวกเราอยู่เพื่อรักพระองค์ และรักพี่น้อง พระเยซูขอบพระคุณสำหรับการชำระ ขอบพระคุณสำหรับชีวิตใหม่ ขอบพระคุณสำหรับตาที่ถูกเปิด ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญาของพระเจ้าที่ผ่านพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นคนกลางนำพระสัญญามาสู่พวกเราเพื่อที่จะดำเนินชีวิตเป็นคนชอบธรรมเป็นคนบริสุทธิ์ เป็นผู้ที่เต็มด้วยพระพรของพระองค์ และเป็นผู้ที่เข้าสู่ชีวิตที่มีชัยชนะ เพื่อดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ เป็นผู้ที่มีสง่าราศีตามรูปแบบพระฉายาของพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่ทำให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นเป็นไปได้โดยพระองค์เพราะพระองค์เพื่อพระองค์
สำหรับหนังสือกาลาเทียเราจะเห็นเปาโลพูดถึงเรื่องพระบัญญัติเต็มไปหมดนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรจะรู้ ก็คือหน้าที่ของพระบัญญัติ หรือหน้าที่ของครู ครูหรือพระบัญญัติมีหน้าที่มาเพื่อสอนว่าชีวิตและนิสัยของพระเจ้าเป็นแบบไหน
แต่จริงๆ แล้วนะครับคือพระเจ้าให้ยิวในรูปแบบของพระบัญญัติที่เบา ถือว่ายังเบาอยู่สำหรับพระเจ้า แต่สำหรับยิวสำหรับมนุษย์ที่ตกต่ำก็เรียกว่าหนักมาก ขอให้เราจำนะครับคือสำหรับพระเจ้ายังเบาอยู่ ยังไม่ครบถ้วน และมาเพื่อสอนเพื่อควบคุม เพื่อควบคุมให้เราอยู่ในกรอบให้ชาวยิวอยู่ในกรอบอยู่ในขอบเขตของชีวิตการกำหนด ตามกำหนดที่พระเจ้ากำหนดให้เขาเป็นอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือเป็นสิ่งชั่วคราวและเพื่อยิวเท่านั้น ขอให้เราเข้าใจตรงนี้
อีกครั้งนะครับหน้าที่ของครู ของพระบัญญัติ ก็คือเพื่อสอน เพื่อควบคุม ให้ยิวอยู่ในกรอบ อยู่ในขอบเขตของชีวิตตามกำหนดของพระเจ้า และเป็นสิ่งชั่วคราวสำหรับยิวเท่านั้น แต่ที่ที่สำคัญที่สุด ที่พระเจ้าต้องการจะเปิดเผย ถ้าจะเรียกว่าข้อลึกลับเรื่องพระบัญญัติก็ได้ ก็คือพระบัญญัติมาเพื่อสอนเรา ให้รู้ว่าเราทำไม่ได้ เข้าใจมั้ยครับ
หรือมาเพื่อให้ยิวละเมิดพระบัญญัตินั่นเอง ภาษาอังกฤษเอาง่ายๆ ถ้าใครเข้าใจจะเห็นความหมายที่ชัดเจน the law is for us to break not to keep เข้าใจนะครับ พระบัญญัติมาเพื่อให้เราละเมิด ไม่ใช่ให้เรารักษา
เพื่อเราจะยอมแพ้นะครับ ยอมจำนนและมาหาพระเยซูเพื่อรับแอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา ทุกวันนี้ชาวยิวเมื่อเขามีพระบัญญัติ แอกก็หนัก ภาระก็หนัก ชีวิตหนักมาก เพราะฉะนั้นเราเห็นว่าพระเยซูพูดในมัทธิวบทที่ 11 ผู้ที่มาหาเรา แอกก็เบา กางเขนก็เบา ภาระก็เบา และได้เข้าสู่การพักผ่อนที่แท้จริง เอเมน
ขอบคุณพระเยซู และนี่นะครับคือเป้าหมายที่แท้จริงที่พระเจ้าประทานพระบัญญัติให้ยิว เพื่อให้ยิวยอมแพ้ เพื่อให้ยิวละเมิด ไม่ใช่เพื่อให้รักษา เมื่อเขาละเมิดตลอดหลายปี 400 กว่าปีที่เขารักษาพระบัญญัติ เขาพบว่ามันเป็นสิ่งที่หนักมากทำไม่ได้ และที่สำคัญเราจะเห็นนะครับ คือการโกงพระเจ้าเรื่องสิบลด และการละเมิดมากมายตลอดชีวิตของชาวยิว
ยิวมีไม่กี่คนที่เคร่งจริงๆ มีไม่กี่คนที่รักษาพระบัญญัติ ที่พยายามเชื่อฟังพระเจ้า และเมื่อละเมิดข้อใดข้อหนึ่ง เขาก็จะนำสัตว์นำแกะนำสิ่งที่สมควรคู่ควรกับการละเมิดของเขา ไปที่พระวิหารเพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาป เราจะเห็นว่านี่คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เขาทำ ก็คือละเมิด และเพื่อให้เขายอมจำนน และเพื่อให้เขามาหาพระเยซู แต่น่าเสียดายชาวยิวมากมายไม่เข้าใจและไม่มาหาพระเยซู
และน่าเสียดายอย่างมากกว่านั้น ก็คือคริสเตียนที่ทุกวันนี้เราเรียกกันว่าศาสนาคริสต์ที่มาโบสถ์เป็นประจำ ก็คือทุกวันอาทิตย์ ก็มีอธิษฐานบ้าง มีอ่านพระคัมภีร์บ้าง มีพยายามเชื่อฟังบ้าง แต่จริงๆ แล้วก็คือใช้ชีวิตแบบทั่วไป เพียงแต่ว่าพอไปโบสถ์ ก็คือสวมตัวละครเป็นคนดี ก็คือเข้าไปยิ้มแย้ม ยิ้มใส่กันก็แค่นั้น เนื่องจากว่าเขายังไม่รู้ข้อลึกลับเรื่องพระบัญญัติ ก็คือพระเจ้าให้เขาละเมิด แต่ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายพยายามรักษาพระบัญญัติให้ได้
แต่เราก็รู้ใช่ไหม ทุกวันนี้คริสเตียนศาสนาละเมิดพระบัญญัติเรื่องการถวายสิบลด เรื่องการรักษาสะบาโตของยิว เรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ ไม่มีใครทำได้ ไม่มีเลย และพวกเขากำลังละเมิดพระบัญญัติอยู่ และนั่นก็เป็นตามแผนการงานของพระเจ้า เป็นตามพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อให้ทุกคนละเมิด และยอมจำนนมาหาพระเยซู
การมาหาพระเยซู ครั้งแรก คือพอได้เชื่อปุ๊บ ก็คือได้กลายเป็นคนชอบธรรมเท่ากับคนยิวที่เคร่งครัดศาสนา ที่เคร่งพระบัญญัติ เอเมนเราขอบคุณพระเยซูทุกวันนี้เรากลายเป็นคนชอบธรรมแล้วเท่ากับชาวยิวที่เคร่งพระบัญญัติ
และสิ่งที่สอง สิ่งที่ตามมา ก็คือขอบพระคุณพระเยซูพระองค์ยังตามมา ยังเข้ามายังสถิตอยู่ในเรา เพื่อให้เราได้กลายเป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ เพื่อก่อเราขึ้น ก่อเราสู่ชีวิตของพระคริสต์ สรรเสริญพระเยซูโดยที่เราเชื่อ เราได้รับ 2 สิ่ง
1. ก็คือพระคุณ ก็คือพระเยซูตายเพื่อไถ่บาปเราให้เรากลายเป็นคนชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า
2. ก็คือมาอยู่เพื่อเรา อยู่แทนเรา เพื่อเราจะกลายเป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ สรรเสริญพระเยซู
สรุปขอให้เราจำตรงนี้นะครับ พระบัญญัติมีมาเพื่อให้เราละเมิด ไม่ใช่เพื่อให้เรารักษา เพื่อเราจะยอมแพ้ ยอมจำนน และมาหาพระเยซู เพื่อรับสิ่งที่เป็นพระสัญญา
สำหรับข้อที่ 19 "ถ้าเช่นนั้นมีพระบัญญัติไว้ทำไม ที่เพิ่มพระราชบัญญัติไว้ก็เพราะเหตุจากการละเมิด จนกว่าเชื้อสายที่ได้รับพระสัญญานั้นจะมาถึง และพวกทูตสวรรค์ได้ตั้งพระบัญญัตินั้นไว้ โดยมือของคนกลาง"
ถ้าหากจะเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆ สำหรับข้อนี้ ก็คือพระเจ้าไม่เคยมีแผนการที่จะให้มีพระบัญญัติ และโลกนี้ไม่ควรที่จะมีพระบัญญัติตั้งแต่แรก เข้าใจนะครับ พระเจ้าไม่เคยมีพระประสงค์ไม่เคยต้องการจะให้มีพระบัญญัติอยู่ในโลกนี้ แต่เนื่องจากว่าอาดัมและลูกหลานตกต่ำถูกสาปแช่ง เนื่องจากการไม่เชื่อฟัง
เมื่อพระเจ้าทรงเลือกชนชาติอิสราเอลให้เป็นประชากรของพระองค์ พระองค์จึงประทานพระบัญญัติ เราเห็นนะครับพระเจ้าไม่เคยมีพระประสงค์ไม่เคยต้องการให้พระบัญญัติแก่โลกนี้ ถ้าหากว่าอาดัมและเอวารับชีวิตของพระเจ้าที่ต้นไม้แห่งชีวิต เมื่อเขากินเข้าไปแล้ว ชีวิตและนิสัยของพระเยซูของพระเจ้าก็จะปรากฏก็จะสำแดงผ่านเขาทั้งสอง เขาจะได้รับชีวิตอย่างครบถ้วนครบบริบูรณ์ เขาจะทำบาปไม่ได้ เขาจะมีชีวิตเหมือนพระเจ้าจริงๆ แต่ปรากฏว่าเขาพลาดไม่ได้รับผลไม้ที่เป็นชีวิตของพระเจ้าเข้าไป
เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงตกต่ำ ล้มเหลว ถูกสาปแช่ง และนี่นี้เอง เมื่อถึงเวลาที่พระเจ้ามีประชากรของพระองค์ พระเจ้าเลือกชนชาติอิสราเอล และในที่สุดพระเจ้าก็ให้พระบัญญัติ เพื่ออะไรครับ เราจำกันได้ไหมตอนแรกที่ผมพูด เพื่อให้เขารู้นะครับว่าเขารักษาไม่ได้ ทำไม่ได้ และเพื่อให้เขาละเมิด เพื่อให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจที่จะยอมแพ้ในอนาคต
เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้าที่เราได้เข้าใจได้ถูกเปิดตาในจุดนี้ ขอบพระคุณพระเยซูที่พระองค์รักเรา และให้เราล่วงรู้ถึงความจริงของพระเจ้า และถึงพระประสงค์ของพระองค์
พระเจ้าประทานพระบัญญัติเพื่อสอนยิว ให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคนบาป และจะทำดีเพื่อพระเจ้าไม่ได้แน่นอน ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์ มีทางเดียวนะครับ ก็คือต้องพึ่งพระเมตตาของพระเจ้าผ่านทางพระสัญญาที่พระองค์ประทานแก่อับราฮัม คือเชื่อในพระเยซู และได้กลายเป็นคนชอบธรรม
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับในข้อนี้นะครับ คนกลางคือใคร คือพระเยซูเหรอ ไม่ใช่นะครับ
พระเจ้ากับอิสราเอล คนกลางก็คือโมเสส ยุคพระบัญญัติโมเสสคือคนกลางระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอล เพื่อพระเจ้าจะนำพระพร และความรอดมาสู่ชนชาติอิสราเอลผ่านพระบัญญัติ
ส่วนยุคพระคุณ คือพระเยซูคนกลาง ยุคพระคุณพระเยซูคือคนกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เพื่อนำพระสัญญาของอับราฮัมมาสู่มนุษย์ ก็คือคริสเตียน
ขอบคุณพระเยซูที่ทุกวันนี้เรามีคนกลาง เรามีผู้ดูแล เรามีทนายความ เรามีพระเยซูผู้รักเรา เรามีพี่ชายของเราที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์ของพระเจ้า เพื่อรับรองเรา เพื่อยืนยัน เพื่อแก้เรา เพื่อทำทุกสิ่ง ให้เราเป็นผู้ชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าได้ ขอบคุณพระเยซู
สำหรับข้อที่ 20 "เพราะฉะนั้นคนที่เป็นคนกลางก็ไม่ได้เป็นคนกลางของฝ่ายเดียว แต่พระเจ้านั้นทรงเป็นเอกพระเจ้า (เป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว)"
พระเจ้าเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวในข้อนี้ภาษากรีกก็คือ Theos θεός, οῦ, ὁ ที-โอส เรียกว่าพระเจ้า God พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าพระผู้สร้างสิ่งทั้งปวง สรรพสิ่งทั้งปวงไม่มีแม้แต่สิ่งเดียวที่พระเจ้าไม่ได้สร้าง เรียกว่า ที-โอส พระเจ้าที-โอส และพระองค์เป็นเจ้าของสรรพสิ่งทั้งปวง เรียกว่าพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวที่เป็นพระผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และเป็นเจ้าของสรรพสิ่งทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าไม่ได้สร้างและไม่ได้เป็นเจ้าของ ขอให้เราเข้าใจตรงนี้นะครับ
สำหรับข้อที่ 21 "ถ้าเช่นนั้นพระบัญญัติขัดแย้งกับพระสัญญาของพระเจ้าหรือ"
ขอให้เราเข้าใจคำนี้ พระบัญญัติกับพระสัญญาของพระเจ้าไม่เคยขัดแย้งกัน ไม่เคยขัดแย้ง เราจำกันได้นะพระบัญญัติเป็นมาโดยพระวิญญาณ พระบัญญัติเป็นมาโดยพระวิญญาณเปาโลพูดในโรมบทที่ 7 พระบัญญัติเป็นมาโดยพระวิญญาณเพื่อคนที่มีชีวิตพระเจ้าเท่านั้นที่จะดำเนินชีวิตในนั้นได้
พระบัญญัติก็ไม่ได้ขัดแย้งกับพระสัญญา ถ้าหากมนุษย์ใช้ชีวิตตามแบบอย่างพระเจ้าได้ แต่เนื่องจากว่ามนุษย์ตกต่ำและกลายเป็นคนบาปแล้ว จึงไม่มีใครที่จะรักษาพระบัญญัติได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีใครที่มีชีวิตอยู่ได้โดยการรักษาพระบัญญัติ เราเห็นไหมครับว่าชาวยิวไม่มีใคร จริงๆ แล้วไม่มีใครที่จะมีชีวิตอยู่ได้โดยพระบัญญัติ แต่พระเจ้าเมตตา พระองค์จึงก่อตั้งระบบการไถ่บาป ก็คือการถวายเครื่องบูชาไถ่บาปให้พวกเขา เขาจะละเมิดพระบัญญัติเป็นระยะๆๆ แต่ก็ต้องนำสิ่งของมาเพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่บาป
เพราะฉะนั้นจริงๆ พระสัญญาของพระเจ้าและพระบัญญัติไม่เคยขัดแย้งกัน ไม่ได้เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน แต่เนื่องจากว่ามนุษย์ตกต่ำรักษาไม่ได้ ทำไม่ได้ พระเจ้าจึงประทานพระบัญญัติมาให้พวกเขาเพื่อให้เขายอมรับ ยอมแพ้ ยอมจำนน และหันมาสู่พระเยซูเพื่อรับพระสัญญา เพื่อเข้าสู่การใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับพระบัญญัติ เราเข้าใจกันมั้ย คือพระเจ้านำพระเยซูมาเพื่อให้เรามาหาพระองค์ และเพื่อให้เรายอมรับความจริงว่าเราอ่อนแอ และเพื่อให้เราให้พระองค์ใช้เป็นอวัยวะเพื่อสำแดงพระองค์ผ่านเรา นี่นะครับทำให้พระสัญญาและพระบัญญัติไม่ขัดแย้งกันได้ ขอบคุณพระเยซู
หลักการการดำเนินชีวิตของคริสเตียน ในชีวิตคริสเตียนจะขาด 3 สิ่งนี้ไม่ได้ ก็คือการอยู่ในพระคริสต์ การสนิทบอกรัก และการสะสมมานา
การอยู่ในพระคริสต์ คำว่า อยู่ในพระคริสต์ มีความหมายมากสำหรับคริสเตียน คำว่า อยู่ในพระคริสต์ เป็นสิ่งที่คริสเตียนหลายคนไม่เข้าใจ และถ้าหากเราได้เข้าใจก็ขอบคุณพระเยซู
พระเจ้าไถ่เราในพระคริสต์เท่านั้น ไม่มีนอกพระคริสต์
พระองค์ประทานพระพรแก่เราในพระคริสต์เท่านั้น ถ้าหากอยู่ นอกพระคริสต์ก็ไม่ได้รับพระพร
พระเจ้าชำระเราในพระคริสต์เท่านั้น ถ้าหากไม่ได้อยู่ในพระคริสต์ ก็ออกนอกพระคริสต์ ก็ไม่มีทุกสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้เรา
พระเจ้าให้กฎแห่งชีวิตและกฎแห่งพระวิญญาณอยู่ในเรา ให้สันติสุขแก่เรา ให้ความรอดแก่เรา ให้พลังแก่เรา ให้ชีวิตผู้ชนะแก่เรา ทุกสิ่งล้วนแต่อยู่ในพระคริสต์เท่านั้น
และเราเป็นคนใหม่ทุกวันนี้จะเป็นคนใหม่ได้ก็ต้องอยู่ในพระคริสต์ ถ้าหากเราอยู่นอกพระคริสต์เมื่อไหร่ อยู่ในอาดัมเมื่อไหร่ เราก็กลายเป็นคนบาป เราก็กลายเป็นคนที่ไม่มีความรอด เราก็กลายเป็นคนที่น่าสมเพช เราก็กลายเป็นคนที่โศกเศร้าไม่มีสันติสุขทุกวันเวลาได้ จะพยายามแค่ไหนก็ไม่มี ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้
เราจะพยายามเป็นคนใหม่เป็นคนที่ดีต่อสายตามนุษย์ทำดีมากมาย เราจะเรียกว่าอยู่ในพระคริสต์ก็ไม่ได้และบำเหน็จก็ไม่มี มีแต่ไม้ฟางหญ้าแห้งเท่านั้นที่พระเจ้าจะให้เรา
เพราะฉะนั้นคำว่า อยู่ในพระคริสต์ เป็นสิ่งที่สำคัญมากเราต้องเข้าใจ ก็คือการอยู่ในความจริงของพระเจ้า และการที่จะยืนอยู่ในพิกัด GPS จะบอกว่าโลเคชั่นของเราทุกวันนี้คือ In Christ ก็คืออยู่ในพระคริสต์ ถามว่าทุกวันนี้เราอยู่ในพระคริสต์หรือยัง?
ขอบพระคุณพระเจ้าความจริงก็คืออยู่ในพระคริสต์ เราบอกพระเยซูเลย
“ขอบพระคุณพระเยซู ข้าพระองค์ตอนนี้อยู่ในพระองค์ ขอบพระคุณพระเยซู ตอนนี้ข้าพระองค์อยู่ในพระวิญญาณ ขอบพระคุณพระเยซู ตอนนี้ข้าพระองค์พูดคุยสนทนาบอกรักสร้างความผูกพันที่ดีกับพระองค์ ขอบพระคุณข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์ ข้าพระองค์เป็นคนใหม่ มีสันติสุขทุกวันเวลา มีพลังเต็มล้น มีสันติสุขเต็มล้น มีพระพรเต็มล้น อยู่ในพระคุณเต็มล้น ทุกสิ่งเต็มล้น เอเมน” นี่คือการอยู่ในพระคริสต์ครับ
...
และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของเรา ก็คือการพูดคุยสนทนาบอกรัก เปาโลย้ำโดยพระวิญญาณจงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ (1 ธส 5:17) ภาษากรีกและภาษาที่แปลง่ายๆ ก็คือจงพูดคุยกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เราพูดกับพระเจ้า พระเจ้าก็พูดคุยกับเราผ่านบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบข้างเรา เอเมนขอบพระคุณพระเจ้า
...
และสิ่งที่เราขาดไม่ได้ที่เราควรทำก็คือ การสะสมมานา สะสมพระคำแห่งความจริงที่ไม่มีเชื้อยีสต์ที่แปลถูก เพื่อนำเราเข้าสู่การใช้ชีวิตที่เบาสบาย กางเขนเบา แอกเบา ภาระก็เบา ทุกสิ่งก็เบา และมาถึงสันติสุขทุกวันเวลา หัวใจสงบนิ่ง หัวใจสงบสุขมาก มี peace
ขอบคุณพระเยซูที่วันนี้ที่พวกเราที่อยู่ในกลุ่มตอนนี้ ที่ร่วมนมัสการพระเจ้า ผมรู้ว่าเรามีสันติสุขมากมาย มากกว่าเก่า สมัยที่เราเป็นคริสเตียนศาสนาเรามีสันติสุขขึ้นๆ ลงๆ สุขทุกข์ดีบาป แต่ตอนนี้เรามาถึงกระบวนการ เราเข้าสู่กระบวนการการก่อขึ้นของพระเยซูแล้ว เรากำลังเป็นผู้ชนะ
...
และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือการชำระด้วยพระคำของพระเจ้า การชำระด้วยพระคำของพระเจ้า ก็คือการสะสม สะสมให้มากเท่าที่จะมากได้ เมื่อเราสะสม เรานำไปใช้ เรานำมาปฏิบัติ ฝึกชีวิต ขอบพระคุณพระเยซูความจริงของพระเจ้าก็เข้ามาปรากฏ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเริ่มชำระเราด้วยพระวิญญาณ จากนั้นชีวิตของเราก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว หรือคิดว่าเอ๊ะ..ทำไม ทำไมเราทำได้ เอ๊ะ...ทำไมเรารักเขา คนนั้นเราเกลียดจะตาย คนนี้เราไม่ชอบไม่อยากเห็นหน้า แต่ตอนนี้ทำไม ทำไมรู้สึกรักเขามาก ขอบคุณพระเยซูนี่นะครับคือผลที่ได้รับจากการชำระด้วยพระคำ ขอบพระคุณพระเจ้าที่เราสะสมมานาได้มากมาย
สำหรับการสะสมมานาที่ผมเคยทำ เมื่อก่อนผมก็อ่านๆๆ ก็แค่กินเข้าไป แต่ต่อมาผมเห็นว่าสิ่งที่สำคัญที่ควรทำ ก็คือนำมาแยกแยะ นำมาก็คือจดนั่นเอง คือจดเป็นเรื่องเป็นราว เรื่องนี้ข้อนี้อยู่ในพระคัมภีร์ข้อไหน มีที่มาที่ไปยังไง
การอยู่ในความจริงของพระเจ้าก็ดี การอยู่ในพระคริสต์ก็ดี การสนิทในพระคริสต์พูดคุยสนทนาก็ดี การสะสมมานาก็ดี แต่สิ่งที่สำคัญเราจะต้องรู้ที่มาที่ไป อยู่ในพระคริสต์เนี่ย อยู่ยังไง การพูดคุยสนทนา พูดคุยยังไง ความหมายคืออะไร เพื่ออะไร อยู่ในพระคริสต์ อยู่เพื่ออะไร อยู่ทำไม แล้วถ้าไม่อยู่ จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา คือถามนะครับค้นหาความจริง อธิษฐานขอคำตอบจากพระเจ้า สะสมพระคำสะสมเพื่ออะไร ทำไมต้องสะสม สะสมมานาแล้วได้อะไร จะช่วยอะไรเราได้ แล้วเคล็ดลับของการเป็นผู้ชนะคืออะไร ต้องทำอะไรบ้าง
วันนี้ทางพี่น้องในคริสตจักรที่พัทยาที่เรามาถึง 2 เปโตรบทที่ 1:12-19 พูดถึงเคล็ดลับที่จะนำเราเข้าสู่ชีวิตผู้ชนะ ที่เปาโลกล่าวถึงอาจจะซับซ้อนนิดหน่อย อาจจะสับสนนิดนึง แต่ถ้าหากพระวิญญาณเปิดตาเรา เราก็จะเข้าใจก็จะมาถึงการอยู่ในพระคริสต์ การสนิทในพระองค์ บอกรักพระองค์ และมาถึงการสะสมมานานี่เอง 3 ข้อนี้แหละครับ แต่เปาโลพูดชัดเจนพูดตรงไปตรงมาพูดยาวนิดนึง แต่ถ้าเราจะอ่านไปอ่านมา เราก็จะเข้าใจโดยการเปิดเผยของพระวิญญาณ เพราะฉะนั้นขอให้เราใส่ใจใน 3 สิ่งนี้ “ก็คือการอยู่ในพระคริสต์ การสนิทบอกรัก และการสะสมมานา” เพื่อเราจะสุกงอมตามเวลากำหนดของพระบิดาเอเมน
ถาม.
ชาวยิวเขายังรักษาพระบัญญัติอยู่ไหมครับทุกวันนี้ เอเมนครับ
ตอบ.
สำหรับยิวที่ไม่เชื่อพระเยซู ก็ยังพยายามใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับพระบัญญัติ แต่เขาไม่รักษาพระบัญญัติอย่างเคร่งอย่างครบ ยิวทุกวันนี้ตกต่ำมากนะครับตกต่ำอย่างมากมาย ไม่เหมือนยิวในสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว เขาใช้ชีวิตอยู่แบบคนธรรมดาทั่วไป การรักษาพระบัญญัติคือมีน้อยมาก น้อยนิด และโดยเฉพาะเรื่องการรักเพื่อนบ้าน เขาไม่ได้รักเพื่อนบ้าน รักแค่ชาวยิวด้วยกันเท่านั้น และเขาเกลียดคนต่างชาติเกลียดทุกคนทั้งโลกที่ไม่ใช่ยิว และที่สำคัญนะครับยิวละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าตั้งแต่สมัย ค.ศ. 70 ที่ไม่มีพระวิหารอีกต่อไปพระวิหารถูกทำลาย ยิวจึงไม่มีใครถวายสิบลด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้ไม่มีใครเลยที่กล้าถวายสิบลดและไม่ถวายสิบลด
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับหนังสือกาลาเทีย พระวิญญาณบริสุทธิ์สอนเราเรื่องหน้าที่ของพระบัญญัติหน้าที่ของครู ก็คือเพื่อสอนควบคุมให้เราอยู่ในกรอบในขอบเขตของชีวิตตามกำหนดของพระเจ้า และพระบัญญัติไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งต่อพระสัญญาของพระเจ้า แต่พระบัญญัติต้องมี พระเจ้าต้องให้มีพระบัญญัติแก่ชาวยิว เพื่อเตือนเขาว่าเขาทำไม่ได้รักษาไม่ได้ไม่มีใครเป็นคนชอบธรรมเป็นคนดีผ่านทางพระบัญญัติได้
เพราะฉะนั้นชีวิตจะต้องมีมาทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น จึงจะได้รับชีวิตและได้รับอย่างครบบริบูรณ์ และพระสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมจะมาถึงผู้เชื่อทั้งหลายที่เชื่อเท่านั้น ไม่ใช่รักษาพระบัญญัติและเชื่อ หรือรับบัพติสมาและเชื่อ หรือทำอะไรก็แล้วแต่และเชื่อ มีคำเดียวนะครับที่เราจะได้รับพระสัญญาของพระเจ้าผ่านทางพระเยซู ก็คือเชื่อเท่านั้น
และสิ่งสำคัญพระเจ้าต้องการเตือนเรา คือพระบัญญัติมีมาเพื่อบอกเราว่าเราเป็นคนบาปนะ เราทำไม่ได้นะ คือพระบัญญัติต้องการให้เราละเมิด ไม่ใช่ให้เรารักษา ทำไม ก็คือเพื่อที่เราจะยอมแพ้ ยอมจำนน และมาหาพระเยซู ผู้ที่เป็นคนชอบธรรมและรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าได้ทั้งหมด เพื่อรับแอกเบา ภาระเบา กางเขนเบา และเข้าสู่การพักผ่อนที่แท้จริง คือสะบาโตใหม่ของพระเยซู
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระบัญญัติที่เราไม่ต้องแตะ เราไม่ต้องเข้าไปใกล้ เราไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เรามีพระเยซูที่ทำแทนเรา เรามีพระเยซูที่เป็นผู้ชอบธรรมของเรา เราถูกนับว่าเป็นคนที่เคร่งศาสนายิวคนหนึ่ง เป็นคนชอบธรรมมากๆ สำหรับพระเจ้าแล้ว สรรเสริญพระเจ้า และพระองค์กำลังก่อชีวิตเราขึ้นสู่ความชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ ให้มนุษย์เห็นว่า พระคริสต์เป็นคนดำเนินชีวิตในเรา ไม่ใช่เรา เอเมน