พระเยซู เปลี่ยนความตาย ให้เป็นชีวิตได้ คือพระองค์กำจัดความตาย ทำลายความตาย และประทานชีวิตให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์ จะได้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ คือได้รับชีวิตพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเขา เป็นชีวิตที่ ตายไม่ได้อีก และ ได้รอดแล้วรอดเลย
2:1 วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และมารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น
** "งานแต่งงาน" หมายถึงการเกิด แก่ ตาย และยกให้เป็นสามีภรรยากันของมนุษย์อาดัม
** มารดาของพระเยซู (ฝ่ายเนื้อหนัง) ก็เป็นมนุษย์อาดัมคนหนึ่ง
2:2 พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น
** พระเจ้าทรงเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ เพราะทรงทราบจิตใจพวกเขาดีว่าต้องการความสุขและชีวิตที่ดีกว่าที่เขาเป็นอยู่
** ความรัก คือต้นเหตุที่พระเจ้าสละพระบัลลังก์บนสวรรค์ เพื่อลงมาช่วยเหลือมนุษย์ในครั้งนี้
2:3 เมื่อน้ำองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า "เขาไม่มีน้ำองุ่น"
** "น้ำองุ่น" หมายถึงชีวิต น้ำองุ่นเก่าที่จะหมดคือ ชีวิตอาดัม ปสุเค (Psuche) น้ำองุ่นใหม่ที่พระเยซูนำมาประทานให้เราคือ โซเอ้ zoe หรือชีวิตของพระเจ้าที่มนุษย์ไม่เคยมีโอกาสได้รับเลยตั้งแต่อาดัมจนถึงพระเยซู
** "น้ำองุ่นหมด" หมายถึงชีวิตอาดัมจบลงแล้ว
** มารดาของพระเยซูทราบดีว่าพระเยซูทรงช่วยพวกเขาได้ (มธ 1:21 "เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจะเรียกนามของท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย")
2:4 พระเยซูตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ยข้าพเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า เวลาของข้าพเจ้ายังไม่มาถึง"
** "หญิงเอ๋ย" ในที่นี้ หมายถึงท่านหญิง หรือสุภาพสตรีเอ๋ย (เป็นคำที่พระเยซูทรงให้ความนับถือมารดาฝ่ายเนื้อหนังของพระองค์)
** ข้าพเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า เวลาของข้าพเจ้ายังไม่มาถึง" หมายถึงการไม่ทำตามความต้องการของมนุษย์ตามเวลาของมนุษย์ แต่ตามเวลาและน้ำพระทัยของพระเจ้า
2:5 มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า "ท่านจะสั่งพวกเจ้าให้ทำสิ่งใดก็จงกระทำตามเถิด"
** มารดาของพระเยซูจึงเข้าใจและยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า จึงบอกให้พวกคนใช้รอ
** ผู้เชื่อส่วนมากมักทำตามใจเขาเอง ไม่รอ และไม่ชอบ ถ้าหากพระเจ้าทรงตอบช้าและให้ในสิ่งที่เขาไม่ต้องการ แต่ว่าพระเจ้าทรงทราบดีว่าจะเกิดผลดีต่อเขาในอนาคต
2:6 มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิวจุน้ำใบละสี่ห้าถัง
** ชาวยิวมีธรรมเนียมการชำระมลทิน เคราะห์ร้าย เหมือนศาสนาอื่นทั่วๆ ไป แต่ไม่มีในพระบัญญัติ และพระเจ้าไม่รู้เห็นอะไรในสิ่งที่เขาทำ
2:7 พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า "จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด" และเขาก็ตักน้ำใส่โอ่งเต็มเสมอปาก
** "น้ำ" หมายถึงความตาย "ตักน้ำใส่ให้เต็ม" หมายถึงตายให้สนิท หรือยอมจำนนทั้งหมด หรือยอมแพ้ ไม่ขัดขืน (completely dead)
2:8 แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด" เขาก็เอาไปให้
2:9 เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นน้ำองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา
** พระเยซูเปลี่ยนความตายให้เป็นชีวิต เราจะพบว่าชีวิตพระเจ้าจะมีสันติสุขที่ไม่เหมือนความสุขของโลกนี้ ช่างอร่อย สุขล้น ชื่นชมยินดี มีความหวังเหมือนเหล้าองุ่นใหม่ เพราะว่าเป็นชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้าหลั่งใหลเข้ามาสู่ชีวิตเก่าที่ตายของเราเพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายที่ชีวิตเก่าอาดัมไม่เคยมี
2:10 และพูดกับเขาว่า "ใครๆเขาก็เอาน้ำองุ่นอย่างดีมาให้ก่อนและเมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมาแต่ท่านเก็บน้ำองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้"
** ธรรมเนียมของชาวยิว เมื่อจัดงานเลี้ยง เขาจะเตรียมเหล้าองุ่นสองชนิดเพื่อรับรองแขกที่มา ตอนเริ่มงานใหม่ๆ เจ้าของงานเลี้ยงจะเอาเหล้าองุ่นที่ราคาแพงและอร่อยออกมาให้แขกดื่มจนเมา และหลังจากนั้นจึงนำเอาเหล้าองุ่นราคาถูกๆ ไม่อร่อยออกมาให้แขกดื่ม
สรุป
- พระเยซูเป็นคำตอบและทางออกของชีวิตอาดัมที่กำลังจะจบ และความสุขที่ไม่มั่นคงยืนยาวตลอดไป
- พระเยซูเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนความตายให้มีชีวิตได้ และชีวิตที่เราจะได้รับนั้น คือชีวิตของพระเจ้าที่เติมเต็มในสิ่งที่เราขาดหายได้
- ขอให้เป็นเวลากำหนดและน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ตามใจเราเอง
- ยอมจำนนต่อพระเจ้า เชื่อและยอมรับว่าพระเยซูเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของเราผู้เดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวและแสวงหาทางอื่นและสิ่งอื่นเพื่อเติมให้เต็มในชีวิตของเราอีกต่อไป
2:11 การอัศจรรย์ครั้งแรกนี้พระเยซูได้ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงสง่าราศีของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้เชื่อในพระองค์
2:12 ภายหลังเหตุการณ์นี้พระองค์ก็เสด็จลงไปยังเมืองคาเปอรนาอุม พร้อมกับมารดาและน้องชายและสาวกของพระองค์ และอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน
2:13 และเทศกาลปัสกาของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว และพระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
** เทศกาลปัสกา ภาษากรีกคือ πάσχα, τό อ่านว่า พาส-คา ภาษาอังกฤษ คือ Passover ความหมายในข้อนี้ คือผ่านไป ผ่านเลยไป ก่อนที่พระเจ้าจะนำชนชาติอิสราเอลออกจากอียิปต์ กษัตริย์ฟาโรห์มีใจแข็งกระด้าง และขัดขวาง พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสฆ่าแกะ และนำเลือดแกะไปทาที่ขอบประตูเพื่อให้ทูตแห่งความตายผ่านไป สุดท้ายบุตรชายของชาวอียิปต์จึงต้องเสียชีวิตเนื่องจากว่าไม่มีเลือดแกะที่ขอบประตู เมื่ออพยพมาถึงดินแดนคนาอันคือประเทศอิสราเอล ทุกวันนี้ ชนชาติอิสราเอลจึงฉลองเทศกาลปัสคาปีละครั้ง
** ชาวยิวและเทศกาลต่างๆ พระบัญญัติเดิมมีคำสั่งให้ผู้ชายยิวมาฉลองเทศกาลที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็มอย่างน้อยปีละ 3 ครั้ง
ส่วนเทศกาลทั้งหมดของยิวมี 7 เทศกาลด้วยกัน อย่างเช่น:
1. เทศกาลปัสคา the passover
2. เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ the Feast of Unleavened Bread
3. เทศกาลถวายผลแรก the Feast of Firstfruits
4. เทศกาลเพนเทคอสต์ (ฉลองการเก็บเกี่ยว) the Feast of the Harvest
5. เทศกาลเสียงแตร (ฉลองปีใหม่) the Feast of Trumpets
6. เทศกาลวันลบมลทิน the Day of Atonement
7. เทศกาลอยู่เพิง the Feast of Tabernacles
** ขึ้นไป สำหรับชนชาติอิสราเอลนครเยรูซาเล็ม คือที่ตั้งของพระวิหารที่ศักดิ์สิทธิ์ และพระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นั่น ไม่ว่าเช้าอยู่ จะอยู่ทางทิศเหนือ ทิศใต้ ตะวันออก ตะวันตก เมื่อเดินทางมาที่ยูซาเล็มเขาจึงต้องใช้คำว่า "ขึ้นไป"
** เราขอบพระคุณพระเยซูที่พระโลหิตของพระองค์ช่วยให้เราหลุดพ้นจากการลงโทษ ตีสอนและพิพากษาของพระเจ้า
ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ พระโลหิตช่วยทำให้โทษของเราที่หนักกลายเป็นเบาได้ จากยากให้กลายเป็นง่าย และจากร้ายให้กลายเป็นดีได้
เมื่อการพิพากษาครั้งสุดท้ายมาถึง โทษแห่งบึงไฟก็ผ่านเราไป เอเมน
2:14 และในพระวิหารทรงพบคนเหล่านั้นที่ขายบรรดาวัวตัวผู้ และพวกแกะ และนกเขาทั้งหลาย และบรรดาคนรับแลกเงินกำลังนั่งอยู่
** ที่บริเวณพระวิหาร มีที่ขายสัตว์เลี้ยงมากมาย หลายร้าน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชาวยิวที่ไม่สะดวกในการนำสิบลดที่เป็นสัตว์เลี้ยงมาถวายแด่พระเจ้าที่พระวิหาร เพราะบ้านเรือนอยู่ห่างไกลมาก พวกเขาจึงต้องขายในเมืองของตน และนำเงินมาซื้อสิบลดที่พระวิหาร เป็นคำสั่งของพระเจ้าใน เลวีนิติ เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรผิด แต่ต่อมาพวกเขาทำเป็นธุรกิจการค้าขายแบบหวังผลกำไรเกินตัว เอารัดเอาเปรียบ ฉ้อโกง ไม่ใส่ใจเรื่องความจำเป็น และความสำคัญของการถวายสิบลด และนี่คือสาเหตุที่พระเยซูทรงชำระพระวิหาร
2:15 เมื่อพระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ พระองค์ทรงไล่คนเหล่านั้น พร้อมกับแกะและวัวออกไปจากพระวิหาร และทรงเทเงินของคนรับแลกเงินและคว่ำโต๊ะ
2:16 และพระองค์ตรัสแก่บรรดาคนขายนกเขาว่า "จงเอาของเหล่านี้ไปเสีย อย่าทำพระนิเวศของพระบิดาเราให้เป็นที่ค้าขาย"
2:17 พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า `ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์ได้ท่วมท้นข้าพระองค์'
2:18 พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า "ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็น ว่าท่านมีอำนาจกระทำการเช่นนี้ได้"
** ข้อ 16 “จงเอาสิ่งของเหล่านี้ไปเสียจากที่นี่ อย่าทำพระนิเวศน์ของพระบิดาเราให้เป็นเรือนแห่งการค้าขาย”
** ข้อ 18 พวกยิวจึงทูลพระองค์ว่า "ท่านจะแสดงหมายสำคัญอะไรให้เราเห็น ว่าท่านมีอำนาจกระทำการเช่นนี้ได้"
** สำหรับชนชาติอิสราเอลที่ประทับของกษัตริย์ของพวกเขา คือพระราชวัง แต่สำหรับพระเจ้าที่ประทับของพระองค์ก็คือพระวิหาร พระเยซูเสด็จมาในฐานะของพระบุตรพระเจ้าหรือพระเจ้าพระบุตร พระองค์จึงมีสิทธิอำนาจในการชำระพระวิหาร ซึ่งชาวยิวหลายคนไม่เข้าใจการกระทำของพระเยซูในวันนั้น พวกเขาจึงไม่พอใจ และกล่าวหาว่าพระองค์หมิ่นประมาทพระเจ้า และพวกเขาได้เสนอให้พระเยซูทำอะไรบางอย่างเพื่อยืนยันว่าพระองค์มีอำนาจที่จะจัดการเรื่องชำระพระวิหารได้
2:19 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า "ทำลายวิหารนี้เสีย แล้วเราจะยกขึ้นในสามวัน"
2:20 พวกยิวจึงทูลว่า "พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ"
2:21 แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์
2:22 เหตุฉะนั้นเมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกได้ว่าพระองค์ได้ตรัสดังนี้ไว้แก่เขา และเขาก็เชื่อพระคัมภีร์และพระดำรัสที่พระเยซูได้ตรัสแล้วนั้น
** เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์บนกางเขน คือจุดจบของพระบัญญัติเดิม และการย้ายออกจากพระวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม 3 วันต่อมาพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์เป็นที่ประทับของพระบิดา สรุปก็คือในการวิญญาณใหม่ของพระเยซูนี้คือที่ประทับ คือเรือน คือพระนิเวศของพระเจ้าสามพระภาค และพระเยซูตอนนี้อยู่ที่พระบัลลังก์ในสวรรค์ขณะเดียวกันก็อยู่ในเราผู้เชื่อทุกๆคน เราไม่จำเป็นต้องมองหาพระเจ้าที่สวรรค์หรืออยู่แห่งหนใด แต่ขอบคุณพระเยซูพระเจ้าทรงอยู่ในเรา
2:23 เมื่อพระองค์ประทับ ณ กรุงเยรูซาเล็มในวันเลี้ยงเทศกาลปัสกานั้น มีคนเป็นอันมากได้เชื่อในพระนามของพระองค์ เมื่อเขาได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ได้ทรงกระทำ
2:24 แต่พระเยซูมิได้ทรงวางพระทัยในคนเหล่านั้น เพราะพระองค์ทรงรู้จักมนุษย์ทุกคน
2:25 และไม่มีความจำเป็นที่จะมีพยานในเรื่องมนุษย์ ด้วยพระองค์เองทรงทราบว่าอะไรมีอยู่ในมนุษย์
** ในเวลาต่อมาพระองค์รักษาโรค และคนมากมายเชื่อในพระองค์ แต่พระเยซูมิได้ทรงวางใจคนเหล่านั้น สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีว่ามนุษย์เปลี่ยนไปมาได้ง่าย และไม่มีอะไรดีอยู่ในมนุษย์เลย พอถึงบทที่หก ผู้คนที่ติดตามพระเยซูห้าพันคน (ยังไม่นับผู้หญิงและเด็ก) วันนั้นพระองค์ตรัสว่า ถ้าหากท่านกินเราและดื่มเรา ท่านจะมีชีวิตอยู่โดยเรา พวกเขาจึงคิดไปว่าคือลัทธิกินเลือดกินเนื้อกัน จึงพากันหนีไป
เราผู้เชื่อควรที่จะเรียนรู้และเข้าใจในข้อนี้ คืออย่าไว้ใจใคร มนุษย์เมื่อการชำระขั้นสูงยังมาไม่ถึงเขา เขาเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้บอกว่ารักเรามากแต่วันหนึ่งก็เกลียดเรามาก เพราะฉะนั้นอย่าไว้ใจมนุษย์ เราทำใจ เผื่อใจไว้ เพื่อเราจะไม่เสียใจเมื่อเขาเปลี่ยนไป...คำว่า "ความรักก็เชื่อและวางใจในทุกสิ่ง" ก็คือเชื่อและวางใจในพระคริสต์ และพระคริสต์นำเราให้เชื่อและวางใจสิ่งใดเราก็วางใจในสิ่งนั้น
** ทรงชำระพระวิหาร
- ที่บริเวณพระวิหาร มีที่ขายสัตว์เลี้ยงมากมายหลายร้าน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของชาวยิวที่ไม่สะดวกในการนำสิบลดที่เป็นสัตว์เลี้ยงมาถวายแด่พระเจ้าที่พระวิหารเพราะบ้านเรือนอยู่ห่างไกลมาก พวกเขาจึงต้องขายในเมืองของตน และนำเงินมาซื้อสิบลดที่พระวิหาร เป็นคำสั่งของพระเจ้าใน เลวีนิติ เป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรผิด แต่ต่อมาพวกเขาทำเป็นธุรกิจการค้าขายแบบหวังผลกำไรเกินตัว เอารัดเอาเปรียบ ฉ้อโกง ไม่ใส่ใจเรื่องความจำเป็นและความสำคัญของการถวายสิบลด และนี่คือสาเหตุที่พระเยซูทรงชำระพระวิหาร
- พระเยซูทรงเป็นพระบุตร และพระวิหารเป็นที่สถิตย์ของพระบิดา ทรงใช้สิทธิอำนาจในการชำระพระวิหาร แต่ชาวยิวไม่ยอมรับจึงขอให้พระองค์สำแดงหมายสำคัญเพื่อพิสูจน์การกระทำดังกล่าวของพระองค์
- สำหรับพระเจ้า พระเยซูมีสิทธิอำนาจต่อการกระทำนี้ เพราะถือว่าพระวิหารคือบ้านเรือนของพระเจ้าพระบิดา และพระเยซูในฐานะพระบุตรจึงมีสิทธิอำนาจชำระพระวิหารได้
- ชีวิตในอาดัม/ชีวิตที่ตายแล้ว/คนตาย/การทำดีที่ตายแล้ว (ไม้ ฟาง และหญ้าแห้ง) เป็นชีวิตที่ตกต่ำเสื่อมทราม ถูกแช่งสาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้าแล้ว ไม่มีอะไรดีพอที่จะนำมาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าได้ พระเยซูจึงต้องทำลายชีวิตอาดัมและลูกหลานที่กางเขน สิ่งที่เรียกว่า เก่า ไม่อาจเล็ดลอดผ่านกางเขนมาสู่โลกใหม่ของพระคริสต์ได้ และที่เราเห็นอาดัมทุกวันนี้ก็คือความไม่จริงหรือความมืดหรือความตาย นั่นเอง
.....
- ชีวิตในพระคริสต์/ชีวิตที่มีชีวิตอยู่/คนเป็น/การทำดีที่มีชีวิต (ทองคำ เงิน และเพชรพลอย) เป็นชีวิตในพระคริสต์ที่บริสุทธิ์ชอบธรรม เต็มด้วยพระพร และมีสง่าราศีของพระคริสต์ต่อพระพักตร์พระเจ้า พระบิดาทรงยอมรับว่าเป็นเครื่องถวายบูชาอันหอมหวลแด่พระองค์ ในนพระคริสต์เท่านั้นที่พระเจ้ายอมรับว่าเป็นความจริง ความสว่างและ มีชีวิต
.....
พระเยซูเสด็จมาเพื่อไถ่โลกให้หลุดพ้นจาก เก่าและตาย มาสู่ ใหม่และมีชีวิต
.....
- งานเลี้ยงแต่งงาน คือมนุษย์อาดัมยกลูกหลานให้เป็นสามีภรรยาอยู่กินทำมาหาเลี้ยงชีพและแสวงหาความสุขสบายอยู่ในโลกนี้
- เหล้าองุ่นเก่าที่หมด คือชีวิตอาดัม (Psuche =ปะ-สุ-เค) ชีวิตนี้จบลงเมื่อเราตาย
- งานเลี้ยงในยุคพันปีและแผ่นดินโลกใหม่ คือพระเจ้าจัดเตรียมชีวิตใหม่ให้ผู้เชื่อทั้งหลายในอนาคต
- พระเยซูเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่นใหม่อย่างดี คือชีวิต (Zoe = โซ)ใหม่ในพระเยซูย่อมดีกว่าชีวิตเก่าอาดัมที่เราเกิดมา มีสันติสุข ได้รับพระพรทั้งในโลกนี้และในอานาคตอีกด้วย
- Jesus the Son of God (exp.)
- Jesus the son of man, (exp) savior is king, God, man, slave
- Christ is our hope (on the bottom) – The light of God (John ch. 1)
- Christ the church builder
- Christ the head of the church
- Christ our brother
- Christ our father
- Christ our groom
- Christ our new master
- Christ in you the hope of glory (Col 1:27)
a. United with Christ death and resurrection
b. Christ who is our lives (Col 3:4)
c. Christ makes home in our heart (Eph 3:17)
d. Christ formed in you (Gal 4:19)
e. Christ magnified in my body (Phil 1:20)
f. Christ lives instead of you, you died (Gal 2:20; Phil 1:21)
g. Christ our bread (John 6:35)
h. Christ our living water (John 4:14)
i. Christ our wisdom (1 Cor 1:30)
j. Christ our righteousness (1 Cor 1:30)
k. Christ our justification (1 Cor 1:30)
l. Christ our sanctification (1 Cor 1:30)
m. Christ our redemption (1 Cor 1:30)
- Christ vs. All things in the old and the religion
- At the end Christ is there for you
พระเยซู เป็นความสว่างของโลก (What is the light?)
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงเปลี่ยนความตายให้เป็นชีวิตได้
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงให้บังเกิดใหม่ในวิญญาณได้
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงให้สุขที่ไม่ต้องกระหายอีกได้
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงรักษาอาการป่วยของร่างกายได้ และไม่ใส่ใจเรื่องผิดถูก แต่ใส่ใจที่คนป่วย
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง อาหารฝ่ายวิญญาณ ที่ต้องกินประจำวันเพื่อการเต็มล้น และเติบโตสู่พระนิสัยพระเจ้า
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ดินแดนแห่งพระสัญญาในยุคหน้าและนิรันดร์ ไม่ต้องเร่ร่อนอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง ทรงยกโทษบาปให้มนุษย์ที่มีบาปได้
พระเยซู คือคำตอบเรื่อง รักษาอาการบอดในวิญญาณ และออกจากการเดินในความมืด มาสู่ความสว่างได้
พระเยซู เป็นจุดจบของพระบัญญัติ (Not under law but above the law, to rest in Him)