คือสำหรับเรา เราใช้อากาศร้อน อากาศหนาว รถติด คำพูดด้านลบของคนที่อยู่รอบข้าง ปัญหารอบข้าง พระเจ้าให้เราใช้สิ่งนี้เพื่อการฝึกอยู่ "ในพระคริสต์" เอเมน
ถ้าไม่มีอากาศร้อน ไม่มีอากาศหนาว ไม่มีรถติด ไม่มีคำพูดลบของคน คนรอบข้างไม่นำปัญหาเข้ามาสู่เรา เราจะฝึกได้ยังไงใช่ไหม
เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ในอาดัม สิ่งที่เป็นสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นด้านลบทั้งหลาย เราฉวยโอกาสที่จะใช้ในสิ่งเหล่านี้ เพื่อฝึก
...
ยกตัวอย่าง:
ผมเมื่อกี้นะครับออกไปซื้ออาหาร แล้วปรากฏว่ามันร้อนมากๆ แดดร้อนวันนี้ร้อนมาก พอดีผมกำลังนึกนะครับกำลังจะคิดในใจนะครับว่า เออ อากาศร้อน แต่ปุ๊บ..พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้คิดในใจบอกว่า "เอเมนในพระคริสต์ไม่ร้อน ในพระคริสต์ไม่ร้อน" มันก็ไม่มีอาการ ไม่มีอาการไม่รู้สึกร้อน จิตใจเย็นก็ครอบคลุม
...
เราจำกันได้ไหมที่เปาโลพูดโดยพระวิญญาณ จงมอบทุกสิ่งปัญหาทุกสิ่งแด่พระเจ้า แล้วขอบพระคุณ แล้วสันติสุขที่เกินความเข้าใจจากครอบคลุมจิตใจของท่าน (ฟีลิปปี 4:6-7) สิ่งนี้น่ะจะเกิดขึ้นบ่อยมาก เมื่อเราฝึกอยู่ในพระคริสต์ ฝึกอยู่ในพระคริสต์ ฝึก ๆๆๆๆ นานเข้า ๆๆๆ สันติสุขก็เหมือนสวิตช์ไฟที่กดปุ๊บพระวิญญาณกดน่ะ เราจะมีอาการเกิดสันติสุขขึ้นมาทันทีเพื่อดับความร้อน เพื่อดับความหนาว เพื่อดับอาการรถติด อาการรำคาญ อาการเหนื่อย เบื่อ สิ่งที่เป็นโลกทั้งหลาย
ก็ขอบคุณพระเจ้าเราใช้มันเพื่อการฝึก กลับบ้านหรือออกไปไหน หรือวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ เห็นสิ่งไหนเห็นอะไรที่เป็นด้านลบเข้ามา ปัญหาเข้ามา ใช้ฝึกครับ อย่าลืมน่ะพระเจ้าให้เราใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อฝึก ไม่ใช่อะไร เอเมน
คือเรารู้ดีน่ะว่าความหวังของคริสเตียนทุกวันนี้อยู่ที่สวรรค์ คือเพื่อจะพ้นทุกข์ใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วขอบคุณพระเยซูน่ะ สวรรค์บนดินคือชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์ ในทุ่งหญ้าอันเขียวสด เอเมน อยากเห็นประสบการณ์ชีวิตสวรรค์บนดิน เราเชื่อ เรานับ เราบอกตัวเราเองและบอกพระเยซูนะครับว่า "ข้าอยู่ในพระคริสต์ ข้าอยู่ในพระคริสต์" ทุกสิ่งใหม่หมด อยู่ใต้พระคุณ อยู่ในพระพรครบทุกประการของพระองค์ การเลี้ยงดู ดูแล การเอาใจใส่ การรักษา การนำพา ทุกสิ่งน่ะจะเข้ามาสู่ชีวิตของเรา เอเมน
ขอบคุณพระเจ้า อีกครั้ง การที่จะมีประสบการณ์ชีวิตในพระคริสต์หรือสวรรค์บนดิน อยู่ที่การเชื่อและการฝึกเดิน นับ จำ ท่องของเราว่ามีมากน้อยเท่าไร ก็จะเห็นผลมากมายเท่านั้น ตื่นนอนตอนเช้า ตอนสาย ตอนบ่าย ตอนเย็น เรานับ เราท่อง เราจำ "ในพระคริสต์ ในพระคริสต์ ๆๆๆๆ" พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะช่วยเราในการฝึก และสุดท้ายนะครับอาจจะไม่ท่องจำเลยก็ได้ เพราะว่าคือมันเป็นความเคยชินของเรา
...
ยกตัวอย่าง:
สำหรับผมนะครับ ผมฝึกมาเป็นระยะๆ ตื่นนอนตอนเช้าไม่ต้องบอกเลยไม่ต้องพูดเลยว่าอยู่ในพระคริสต์ คือรู้ตัวและตื่นตัว และมีความเชื่อว่าอยู่ในพระคริสต์แล้ว คิดถึงชีวิตปุ๊บ ก็รู้ตัวว่าอยู่ในพระคริสต์ คิดถึงการกระทำ คำพูด ทุกสิ่ง การไป มา นั่ง นอน การพูด การฟัง การทำอะไรก็แล้วแต่ ก็รู้ตัวนะครับว่าอยู่ในพระคริสต์ มาถึงขั้นนี้นะครับ เราอาจจะไม่ใช้คำว่าฝึก เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้เรามีความเคยชิน
จำได้ไหมครับที่ผมเคยบอกว่า ตอนฝึกว่านี่คือมือใหม่ ตาใหม่ หูใหม่ พอเราฝึกนานเข้า นานเข้า ๆๆ นะครับ เราจำได้แล้วเรามองดูที่มือ ที่ตา ที่แขน ที่อะไรก็แล้วแต่ เราเชื่อว่าเป็นสิ่งใหม่แล้ว คือการฝึกที่ขอบคุณพระเจ้านะครับสำเร็จแล้ว ไม่ใช่ว่าคือจะฝึกๆ ไปเรื่อยๆ นะครับ คือเราฝึกไปจนถึงขั้นที่มันเป็นไปแล้ว เป็นแล้ว ได้แล้ว รับแล้ว รู้สึกแล้วว่าใหม่แล้ว ตอนนั้นเราก็ขอบพระคุณพระเจ้า ไม่ต้องพูดบ่อยๆ ก็ได้ เพราะว่าเรามีประสบการณ์ชีวิตนั้นแล้ว และอยู่ในความใหม่ และอยู่ในพระคริสต์ อยู่ในสวรรค์บนดินตลอดไปแล้ว เอเมน
...
สำหรับพี่น้องที่ยังมาไม่ถึงการฝึกในระดับนี้น่ะ ก็ฝึกต่อไป ไม่นาน ไม่ช้า เกินรอ ไม่นานเกินรอ เราจะเห็นประสบการณ์ชีวิตสวรรค์บนดิน เป็นชีวิตที่มีความสุข เราอยู่ในสวรรค์น่ะ อยู่ในสวรรค์เป็นแบบไหนเราคิดดู และในพระคริสต์ก็เป็นแบบนั้น เอเมน