** ข้อที่หนึ่ง เราไม่มีความรัก นี่คือสิ่งที่เป็นปัญหาเป็นประเด็นใหญ่สำหรับผู้เชื่อมากมายทุกวันนี้ ถ้าเรามาคริสตจักร หรือเราอยู่ข้างนอก เราใช้ชีวิตและการนมัสการ เดินในความเชื่อที่ไม่มีความรัก เราล้มเหลว
คริสเตียนมากมายล้มเหลวในการนมัสการพระเจ้า ล้มเหลวในการดำเนินชีวิต เพราะว่าเขาขาดความรัก และเขาไม่แสวงหาความรักให้มีมากขึ้นในหัวใจของเขา ชีวิตของเขายังอยู่ในระดับเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่เคยพัฒนา ความรักไม่เติบโต แสดงว่าเขาล้มเหลว
ถามเราเองนะครับว่าทุกวันนี้ ว่าเรามีความรักเพิ่มขึ้นไหม หรือเราไม่มีความรักเลย หรือเราแย่กว่าเก่า ถ้าหากเราไม่มีความรัก เราไม่เพิ่มในความรักในหัวใจของเรา
เราทำยังไง? สนิทในพระเยซูให้มากๆ
"ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นความรักอยู่ในหัวใจของข้าพระองค์ ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์กำลังก่อขยายความรักให้มากขึ้น"
ชีวิตของเราการพัฒนาการก้าวหน้าที่จะมีความรักให้มาก คืออะไร? คือการได้รู้ ว่าพระเยซูเป็นความรัก และความรักนั้น พระเยซูนั้นอยู่ในเราแล้ว มันจบแล้ว เอเมนไหม
นี่คือความรู้ระดับสูงสุดของมานาที่ซ่อนไว้ เมื่อก่อนผมชวนคุณให้สนิทในพระเยซู ขอนู่นนี่นั่นให้เราเติบโตในพระคุณ แต่มาถึงบทเรียนนี้นะครับ
ความก้าวหน้าที่สูงสุด บทเรียนที่สูงสุดของมานา ก็คือการที่คุณได้รู้ ว่าทุกสิ่งมันจบแล้ว ชีวิตเราอยู่ที่ฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่แล้ว แต่เราพึ่งมาเดินอยู่ในยุคนี้ แล้วต่อไปยังมียุคพันปี จากนั้นก็เข้าสู่ฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่ แต่ว่าสำหรับพระเจ้าจบแล้ว
หนังที่พระเจ้าสร้าง พระเจ้ากำกับ และพระเจ้าให้พวกเราแสดง มันจบอยู่ฟ้าสวรรค์ใหม่แผ่นดินโลกใหม่แล้ว เรากำลังเดินไปตามทางการกำกับของพระเจ้า
แล้วเราคิดว่าเราต้องพยายามทำอันนี้ พยายามทำอันนั้น เพื่อจะให้ทุกสิ่งเข้ามา แต่สำหรับพระเจ้าบอกว่าไม่ต้องพยายามเราทำให้เรียบร้อยแล้ว อยากได้สันติสุขไม่ต้องอยากได้ มันจบแล้วมันได้แล้วอยู่ในเราแล้ว
อยากมีพลัง วันนี้อ่อนแอ ท้อแท้ เบื่อเหลือเกิน พระองค์เจ้า ไม่ต้องไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นยิ้มเลย ยิ้มทั้งๆ ที่หน้าบึ้งๆ อยู่นั่นแหละ ยิ้มทั้งที่ยังโมโหอยู่นี่แหละ ยิ้มเลย..โอเคอ่ะ..ยิ้มก็ยิ้ม..เอเมน ในพระคริสต์,ในพระคริสต์มีแต่รอยยิ้มโอเค ยิ้มๆๆๆๆ แล้วมีอะไรเกิดขึ้นรู้ไหม สันติสุขมันกระจาย ฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณจะทำให้การเปลี่ยนเกิดขึ้นมาได้
นี่คือเคล็ดลับของการทำให้ชีวิตพระคริสต์ที่สำเร็จแล้ว เข้ามาสู่ชีวิตของเราที่ยังไม่สำเร็จ
เพราะฉะนั้นอย่าพยายาม แต่เชื่อเอา ไม่ต้องพยายามทำนะครับ แต่เชื่อเอาว่าทุกสิ่งเหล่านั้นมันจบแล้ว สำเร็จแล้ว เราได้แล้ว แล้ว เราก็จะได้
ความเชื่อคือการยอมรับในสิ่งที่ตายังมองไม่เห็นว่าได้สำเร็จแล้ว ฮีบรู 11:1 เพราะฉะนั้นเราขอบคุณพระเจ้า
แล้วข้อแรกบอกว่าการล้มเหลวในการนมัสการ พวกคุณรู้ไหม คริสเตียนทั่วโลกมากมายทุกวันนี้เขาล้มเหลวในการไปนมัสการพระเจ้า ข้อแรกก็คือ เขามีชีวิตที่ขาดความรัก เขาไม่มีความรัก ความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เปาโลบอกว่าคุณจะมาคริสตจักรทุกๆ อาทิตย์ แล้วคุณจะถวายทุกสิ่งให้พระเจ้า คุณจะถวายเงินทองทรัพย์สมบัติจนหมดตัว แล้วดำเนินชีวิตเพื่อรับใช้พระเจ้า หรือคุณจะยอมให้เขาข่มเหง แต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีความหมายมันเป็นศูนย์สำหรับพระเจ้า ถ้าหากคุณไม่มีความรัก ความรักต้องมาก่อน ความรักคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ความรักเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของเรา
เราจะดำเนินชีวิต เราจะฝึกดำเนินชีวิต เราจะฝึกในความเชื่อ เราจะรับใช้พระเจ้า เราจะนมัสการพระเจ้า อะไรก็แล้วแต่ขอให้เรามีใจที่มีความรัก
ถ้าเรายังรักไม่เป็น ถ้าเรารักแค่นี้ รักมากขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่เหลือความรักให้ใคร ไม่มีอะไรไม่มีความรักในหัวใจ เราสนิทในพระเยซู "ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นความรักของข้าพระองค์" ขอบคุณทุกวันนะครับ ความรักอยู่ในเราๆๆๆๆ เอเมน! ความรักอยู่ในเรา เอเมน! ความรักอยู่ในเรา อยู่ในเรา! ข้าพระองค์รักไม่ได้แต่ว่าขอบคุณพระเจ้า พระเยซูเป็นความรักของข้าพระองค์อยู่ในข้าพระองค์
บอกทุกวันพูดทุกวัน ว่าพระเยซูเป็นความรักอยู่ในข้าพระองค์แล้ว แล้วคุณจะเห็นความรักนั้น กระจายออกมา มันจะออกมา เอเมนไหม!
ขอย้ำอีกครั้ง คริสเตียนศาสนา ก็คือเขาพยายาม,พยายามๆๆ พยายามรัก พยายามทำดี พยายามเชื่อฟัง พยายามให้ได้สันติสุขมา พยายามเป็นคนชอบธรรม
แต่ทุกสิ่งสำหรับฝ่ายวิญญาณก็คือได้แล้ว นี่คือความก้าวหน้าของชีวิตฝ่ายวิญญาณ ก็คือการเติบโตสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ ข้อแรกนะครับ คือชีวิตของเราต้องตั้งรากฐานอยู่บนความรักเป็นใหญ่
"ล้มเหลวในการนมัสการพระเจ้าข้อแรก ก็คือขาดความรัก"
** สิ่งที่พระเยซูขอ ก็คือสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้คริสตจักรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพระเจ้า อาจจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเรา
เราจำได้ไหมสมัยก่อนที่เราไปโบถ์ส ตอนที่เราเข้าโบสถ์ใหม่ๆ แล้วโบสถ์ศาสนาทั่วไป เราไปนั่งฟังเรารู้สึกเหมือนตัวคนเดียวใช่ไหมล่ะ แต่ละคนก็นั่ง นั่งอยู่ คิดว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวไม่มีหัวใจในการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้อง ไม่รู้ว่าเราเป็นส่วนของอวัยวะเดียวกัน
อาจารย์ก็เทศนา อาจารย์ก็สอน ครูสอน เราก็อ่านพระคัมภีร์ เห็นว่าทุกคนเป็นอวัยวะ ทุกคนเป็นอวัยวะ แต่การกระทำมันไม่มี ใช่ไหมล่ะ เมื่อก่อนเราเรียนรู้ เราเข้าใจว่าอวัยวะทุกส่วน ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะ แต่เราไม่เคยติดต่อ แต่เราไม่เคยผูกพัน แต่เราไม่เคยสัมพันธ์ แต่เราไม่เคยประสานงานกับพี่น้องในพระกายเลย
ไม่ต่างอะไรกับเราที่เป็นกระเพาะที่มันห้อยอยู่ ที่มันไม่ติดต่ออะไรกับไส้ ไม่ได้ติดต่ออะไรกับม้าม กับไต กับตับ กับพุง ไม่ได้ติดต่อกับอะไรเลย คล้ายๆ กับตัวเองอยู่คนเดียว เหมือนกับเราเป็นตับเป็นม้ามที่มันอยู่ตัวคนเดียว ไม่เชื่อมต่อกับอะไรเลย อาหารเข้ามา มันก็ไม่ย่อย มันก็ไม่บีบคั้นน้ำดีออกมาเพื่อจะให้กระเพาะช่วย หรือช่วยกระเพาะมันก็ไม่ได้ช่วยเลย
ความหมาย ก็คือเรามาที่คริสตจักร เรามานั่งอยู่เฉยๆ เราคิดว่าเราเป็นตัวคนเดียว เป็นส่วนตัว
แต่สำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เรามีหัวใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ให้เรามีความผูกพันกับพี่น้อง บอกว่าคนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในพระกาย คนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งทุกคน รักทุกคนด้วยนะครับ
** การมาคริสตจักร ถ้าหากเรามาแล้วเราไม่เสแสร้งแกล้งทำ เราไม่ใส่หน้ากาก แต่เราอาจจะพูดสุภาพนิดหน่อย อาจจะยิ้มนิดหน่อยเพื่อรักษามารยาท ไม่ใช่ว่าอยู่บ้านเป็นยังไงแล้วมาที่นี่ (คจ) ก็เป็นแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะครับ
แต่...ความหมาย ก็คือเราไม่ทำให้มันโอเวอร์ เข้าใจไหมโอเวอร์ คือเวอร์เกินไป บางคนมาไม่ได้เป็นคนดีเลยนะ แต่ทำตัวแสดงตัวเป็นคนดี ไม่ได้เป็นคนชอบธรรมแต่ทำตัวเป็นคนชอบธรรม ไม่ได้เป็นคนบริสุทธิ์เลยนะ คือแย่มากๆ ในชีวิต แต่มาคริสตจักรคือแสดงตัวเป็นคนบริสุทธิ์ เดินช้าๆ
"เราทุกคนต้องรักพระเจ้านะ เราต้องเข้มแข็งนะ อธิษฐานประจำนะ ต้องมีความรักนะ" แต่ทั้งๆ ที่ตนเองไม่มีเลย คือเสแสร้งแกล้งทำ
ขอพูดแบบภาษาลาว "ถ้าหากเฮาเป็นคนที่อยู่ข้างนอกเนาะ เป็นคนที่ใช่การบ่ได้ เป็นคนที่อ้อแอ้ เป็นคนที่ขี้ดื้อ แล้วเฮามาคริสตจักร เฮาเสงี่ยมน้อยหนึ่ง น้อยหนึ่งหมายความว่ารักษามารยาท บ่แม่นว่าสิอยู่ในคริสตจักรเฮ็ดให้เอิกเกริก บ่แม่น แต่ก็บ่ได้หมายความว่า เฮานิสิเป็นการเสแสร้งเลย เป็นแบบเฮ็ดโอเวอร์ เป็นแบบว่าโอ้บริสุทธิ์แท้ๆ บ่ได้แม่นความหมายว่าแบบนั้น"
ความหมายของการเข้ามาในคริสตจักร เรารักษามารยาท กลับเข้ามาในคริสตจักร เราใส่หน้ากากมันต่างกัน
คนมาในคริสตจักรแล้วรักษามารยาท คือเขาเปิดเผย ว่าข้างนอกข้าน้อยเป็นแบบนี้ ข้าน้อยยังมีปัญหาเรื่องขี้ดื้อ ข้าน้อยยังมีปัญหาเรื่องพูดตลกลามก เรื่องนี้เรื่องนั้นเรื่องบ่ดี ข้าน้อยยังเป็นแบบนี้อยู่ อธิษฐานเผื่อข้าน้อยแหน่ แต่บ่ได้หมายความว่าสิมาพูดเลยอยู่ในคริสตจักรนี่บ่แม่น หรือว่าคนที่มักใจร้ายเนาะ ก็บอกพี่น้องว่าข้าน้อยเป็นคนที่มักใจร้ายง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าสิมาร้ายในคริสตจักรเด้อ (คนนี้มาช้า พูดใส่พี่น้อง) ก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือรักษามารยาทนะครับ
แต่คนที่น่าซื่อใจคด ก็คือความหมายว่ามาคริสตจักรปุ๊บ แล้วก็ "ไม่ได้ใจร้าย ไม่ได้โกหก ไม่ได้ชอบพูดลามก" แต่ตัวเองทำอยู่ อยู่ข้างนอก อันนี้เรียกว่าเสแสร้งแกล้งทำใส่หน้ากาก
สำหรับพระเจ้านะครับ พระเจ้าเกลียดคนที่เสแสร้งแกล้งทำหรือใส่หน้ากาก แต่ทุกวันนี้คริสเตียนมากมายผู้เชื่อเต็มโลกกำลังสวมหน้ากาก เพราะว่ามันเป็นประเพณีของคริสเตียน การสวมหน้ากากเป็นประเพณีหนึ่งของคริสเตียน เข้ามาคริสตจักรปุ๊บ จะต้องยิ้ม คุณอยากยิ้มคุณก็ต้องยิ้ม คุณไม่อยากยิ้มคุณก็ต้องจำเป็นได้ยิ้ม ยิ้มแห้งๆ ยิ้มด้วยจำใจ จำเป็นต้องยิ้ม
คุณปฏิเสธไหมว่าคุณไม่ได้ทำตอนที่คุณไปคริสตจักรใหม่ๆ
"เราเป็นทุกคนใช่ไหม เราใส่หน้ากาก ทุกคนใช่ไหม"
ทุกคนเป็นนะครับ คริสเตียนส่วนมากนะครับ 99% ใส่หน้ากาก เข้าใจไหม คำว่าใส่หน้ากาก หน้าซื่อใจคด คือแกล้งทำ ไม่ได้เป็นก็ทำว่าเป็น
** สิ่งนี้สำคัญมาก คือเราต้องต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ เราจึงจะเป็นหนึ่งในพระกายได้ ขอให้ต่ำนะครับ ต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ จึงจะเป็นหนึ่งได้
แล้วสำหรับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราเป็นหนึ่ง แล้วถ้าจะเป็นหนึ่งได้ ก็ต้องต่ำ ถ่อม ยอมเสียเปรียบ คือใครพูดอะไรใครทำอะไรเราก็ต้องทำไปด้วย เรายอมตามพี่น้องไปด้วย ถ้าพี่น้องทำอะไร พูดอะไร อธิษฐานยังไง (เราทำแบบนี้ กอดอกมองเฉย) อันนี้เป็นหนึ่งไหม? เพราะว่าเราหยิ่ง มีคริสเตียนมากมายนะครับที่เป็นแบบนี้อยู่นะครับ คือไม่ต่ำ ไม่ถ่อม ไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ชอบตามเพื่อน อาจารย์เทศนา (บางคนคิดว่าเราพูดได้ดีกว่าเขา เราพูดได้ดีกว่าอาจารย์อีก สอนแต่เรื่องเก่าๆ สอนไม่ดี ถ้าเราขึ้นไปพูดรับรองคนจะติดใจเรา)
คือมันมีความคิดที่แบบต่อต้านขัดแย้ง คือคำพูดที่แบบเป็นด้านลบ กับคนอื่น กับผู้อื่น กับพี่น้อง แล้วเวลาพี่น้องอธิษฐาน อธิษฐานไปเถอะ อธิษฐานยาว อธิษฐานใช้ไม่ได้ ถ้าเราอธิษฐานก็จะต้องดีกว่าแน่นอน คือเป็นความคิดที่อยู่ห่างๆ จากคนอื่น
...
ถาม.
อาจารย์ถ้าสมมุติเป็นฟิวส์ที่แบบอารมณ์เราตอนนั้นมันแบบไม่ได้ฟิวส์ แบบมันยังอารมณ์เสียอยู่ ก็เลยแบบไม่อยากพูดไม่อยากอะไร แต่ว่าพี่น้องก็อธิษฐานต่อไป แต่ว่าใจเราก็ยังไปอยู่ แต่ว่าเราแบบไม่อยากพูดเป็นคำออกมาแบบเนี่ยคะ
ตอบ.
หมายถึงถ้าอารมณ์เรายังไม่อยากเป็นหนึ่งกับพี่น้อง
...
ถาม.
ไม่อยากเป็นหนึ่ง แต่ว่าสมมุติเราไป ไปแบบเอเมน มันก็เท่ากับเราไปสวมหน้ากากไหมคะ
ตอบ.
ไม่ใช่ คือการที่เราเอเมนไปด้วย ก็คือการที่เราล้างใจเราเองนะครับ สมมุติว่าเราไม่รู้สึก ไม่รู้สึกอยากทำตามพี่น้องอยากเอเมนกับพี่น้อง
แต่เราบอกว่าเอเมน,เอเมน คือเรากำลังล้างใจเราเองอยู่ ตอนนั้นนะครับไม่มีใครจะมาล้างใจคุณ ไม่มีใครรู้ว่าคุณกำลังนึกอะไร คุณกำลังมีอารมณ์เสียใจหรือไม่สนใจใคร ตอนนั้นคุณต้องล้างใจ ต้องให้พระวิญญาณล้างใจคุณ
ก็คือเอ่ยปาก บอกว่าเอเมน ,เอเมน ไม่เต็มใจก็ช่าง แต่ถ้าจะยอมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้องไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร แต่พูดไปเลยเอเมน เอเมนๆๆๆๆๆ สุดท้ายพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปลี่ยน เปลี่ยนความคิดอารมณ์ของเรา
...
ถาม.
ก็นึกว่าคือการเสแสร้ง เพราะว่าใจของเราเป็นแบบหนึ่ง แล้วเราจะไปยิ้ม
ตอบ.
อย่าลืมนะครับการเสแสร้ง กับการทำด้วยความเชื่อมันแตกต่างกัน มันมีสองแบบ
แบบแรกก็คือ เราไม่ได้เป็นแต่เราเสแสร้งเป็น แล้วข้างในใจของเรานะครับไม่มีความเชื่อ เรานึกว่า เออ..อยากยิ้ม เพื่อไม่ให้คนอื่นมองเราว่าเป็นคนที่อ่อนแอ ทำบาป หรืออารมณ์ไม่ดี คนที่บริสุทธิ์ต้องยิ้มตลอดใช่ไหม? เราก็เลยทำ อันนั้นผิดนะครับ
แบบที่สอง แต่เราทำ เรายิ้ม ก็คือทั้งๆ ที่เราไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่เราไม่อยากเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้อง แต่เราบอกว่าเอเมน ก็คือเชื่อเอาก่อน ว่าเรากำลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้อง แล้วพระเจ้าจะเปลี่ยน เปลี่ยนหัวใจของเราให้มีสันติสุขออกมา แล้วให้ยอมไปกับพี่น้องได้ คือเริ่มก่อน
การเปลี่ยนสถานการณ์จากเลวร้ายกลายเป็นดี การเปลี่ยนสถานการณ์จากอารมณ์ที่ไม่อยากนมัสการ ไม่อยากเป็นหนึ่งกับพี่น้อง ก็คือการอ้าปาก สำหรับพระเจ้านะครับแค่อ้าปากแค่เอ่ยปาก มันอยู่ตรงนี้
พระเยซูทุกวันนี้เป็นเมืองลี้ภัยของเรา พวกคุณเคยรู้ประวัติในประเทศอิสราเอลไหม ทุกๆ ที่นะครับในอิสราเอลมีเมืองลี้ภัย ถ้าคุณไปก่อคดี คุณไปฆ่าคน คุณไปตีใคร แล้วคุณวิ่งหนี เจ้าหน้าที่วิ่งไล่จับคุณ ถ้าคุณไปถึงเมืองลี้ภัยไปถึงเมืองลี้ภัยปุ๊บมันจะมีกำแพงและมีประตู แล้วจะมีคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู แล้วคุณบอกว่าเปิดให้หน่อย,เปิดให้หน่อย เขาจะเปิดประตูแล้วคุณจะวิ่งเข้าไป ถ้าวิ่งเข้าไปในประตูแล้ว แล้วประตูจะปิด คนที่ตามมาเจ้าหน้าที่จะทำอะไรคุณไม่ได้
แล้วขอบคุณพระเยซูทุกวันนี้พระเยซูเป็นเมืองลี้ภัยของเรา เรามีหัวใจนะครับ พี่น้องเอเมนๆ เรารู้สึกหงุดหงิด ไม่มีอารมณ์ ไม่อยากนมัสการ ไม่อยากเป็นหนึ่งเดียวนะวันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ อ้าปากเลย เมืองลี้ภัยของเราคือพระเยซู
"เอเมน เอเมนพระเยซูข้าพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง เอเมนพระเยซูพระองค์เปลี่ยนสถานการณ์เดี๋ยวนี้เลย พระเยซูเอเมน" ใจมันร้อนกระตือรือร้นมาแล้ว ง่ายไหม
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นเมืองลี้ภัยของเรา รักษาเราจากสถานการณ์ที่มันย่ำแย่กลายเป็นกลับมาดีได้
ทุกวันนี้คริสเตียนเวลาทำบาป หรือว่าคริสเตียนตอนนี้อารมณ์ไม่ดี อยู่ในเนื้อหนัง ปรากฏว่าอยากกลับมาหาพระเจ้าต้องใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง หรืออาจจะทั้งวันเลย หรืออ่ะ..เริ่มใหม่พรุ่งนี้ พรุ่งนี้มันจะใหม่ แล้วจะเริ่มใหม่ดีกว่า แล้ววันนี้เสียทั้งวันเลย
แต่เราขอบคุณพระเยซูเราไม่ให้โอกาสมารซาตานที่จะดึงเราออกจากพระเยซู เอเมนไหม คือปุ๊บปั๊บกลับหัวกลับหางกลับใจได้ทันทีเลยนะครับ
...
ถาม.
อาจารย์หมายความว่าในขณะที่เรากำลังนมัสการอยู่ ถ้าหากเรามีเรื่องที่เคืองใจ หมายความว่าโศกเศร้าใจหรือว่าเสียใจ ก็ส่วนเรื่องเสียใจ แต่ว่าเรื่องการนมัสการหมายถึงเรื่องวิญญาณและเรื่องรวม
ตอบ.
ใช่ครับ การมานมัสการพระเจ้า ถ้าเราโกรธเคืองกับใคร ถ้าเรามีปัญหากับใคร เอาไว้ก่อนแยกออก แยกแยะนะครับ เราแยกสิ่งของเรานั้นออก ไปแก้ไขทีหลัง
ส่วนเรื่องมานมัสการพระเจ้าเอาหัวใจที่บริสุทธิ์มาถวายให้พระเจ้าเอเมน ทุกสิ่งพระเจ้าไม่ได้สนใจ คุณมีปัญหาอะไรพระเจ้ารู้แต่พระเจ้าไม่ได้สนใจ แต่ตอนที่มานมัสการ เราต้องนมัสการในวิญญาณและในความจริง เอาหัวใจที่บริสุทธิ์มาถวายแด่พระเจ้า
...
ถาม.
มีพระคัมภีร์ที่บอกว่าใครร้องออกพระนามพระองค์ผู้นั้นก็จะได้รอด หมายคือว่ารอดจากทุกสถานการณ์ใช่ไหมคะ
ตอบ.
รอดจากสถานการณ์ อารมณ์เสีย อารมณ์ไม่ดี เนื้อหนัง ร้องออกพระนามพระเยซูผู้ใดที่ร้องออกพระนามพระเยซูผู้นั้นจะรอด ก็คือรอดจากสถานการณ์ตอนนั้นที่ย่ำแย่ กลายเป็นดีได้ อ่อนแอกลายเป็นเข้มแข็งได้ ผมบอกแล้วไงพระเยซูเป็นเมืองลี้ภัยของเรา
...
ถาม.
เราก็ไม่จำเป็นต้องร้องออกพระเยซูอย่างเดียวใช่ไหมคะ เราเอเมนก็ได้ใช่ไหมคะ
ตอบ.
พระเยซูเป็นพระเอเมน คำว่าเอเมน ก็คือพระเยซูนั่นแหละ (วว 3:14)
** อันนี้เป็นประเด็นหนึ่งที่คริสเตียนศาสนาเขาทำกันอยู่ทุกวันนี้ เขาไปคริสตจักร เวลาอาจารย์เทศนา เขาไม่ได้สนใจนะ เขาเปิดโทรศัพท์แล้วก็ค้นหา ค้นหาคำเทศนาที่ดีกว่าหรือค้นหาอะไรก็แล้วแต่เขา เราเป็นกันไหม? ถ้าเราค้นหาข้อพระคัมภีร์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ (เรื่องที่แบ่งปันอยู่) ได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดนะครับ ก็คือขอให้เราร่วมมือกับพระวิญญาณ ให้พระวิญญาณเปิดเผยแก่เราผ่านผู้เผยพระวจนะ เอเมนไหม
** คุณล้มเหลวในการนมัสการพระเจ้าถ้าหากคุณมาคริสตจักร แล้วคุณคิดแต่ว่าเราจะไม่กินอะไรดี ร้านไหนอร่อยนะ ก๋วยเตี๋ยวไหม หรือว่าหมูกระทะ หมูกระทะกินกลางวันมันก็จะร้อน เอาจิ้มจุ่มไหม ชาบู อะไรดี นึกนะครับ อันนี้คุณล้มเหลวแล้ว
เวลานมัสการ เวลามาที่คริสตจักร อย่าไปคิดถึงอะไรในอนาคต ตอนนี้เป็นตอนที่พระเจ้า Pause หัวใจของคุณให้อยู่ในการนมัสการพระองค์ เรากำลังอยู่ในสถานที่ในสุด บริสุทธิ์ที่สุดของพระเจ้า คุณจะต้องรักษาชีวิตของคุณให้บริสุทธิ์ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน? ชั้นในสุดนะ
ที่พระวิหารมีสามชั้น ชั้นในที่สุดมีพระเจ้าสถิตอยู่ประทับอยู่ และชั้นกลาง คือมหาปุโลหิตเข้าไป ปุโลหิตเข้าไป เลวีเข้าไป และชั้นนอกก็คือผู้ชายยิวเข้าไปได้ ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในชั้นที่สองและไม่มีสิทธิ์เข้าไปในชั้นที่สามเป็นอันขาด คนที่เข้าไปได้ก็คือมหาปุโลหิตเท่านั้น
แล้วขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราทุกคนเป็นปุโลหิตแล้ว เรามีสิทธิ์เข้าไปในที่สถานที่บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ที่สุด และที่บริสุทธิ์ที่สุดของเราทุกวันนี้ก็คือในวิญญาณของเรา เราเข้าไปหาพระเจ้าได้ทุกเวลาทุกโอกาส
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้า เวลาเราเข้าไป ห้ามนึกถึงร้านก๋วยเตี๋ยว ห้ามนึกถึงร้านหมูกระทะ จิ้มจุ่มอะไรก็แล้วแต่ เพราะว่าถ้าคุณเข้าไปข้างในที่สุดแล้วนะครับ มหาปุโลหิตสมัยก่อนเขานึกถึงความบาป นึกถึงเนื้อหนัง พวกคุณรู้ไหมมีอะไรเกิดขึ้น
สมัยก่อนที่พระเยซูจะมา มหาปุโลหิตเข้าไปรับใช้ เข้าไปปรนนิบัติพระเจ้า เข้าไปเตรียมอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ เอาขนมปังวางให้ถูกที่ถูกทาง ทำความสะอาด มหาปุโลหิตเขาจะเอาเชือกผูกที่ขา แล้วมหาปุโลหิตคนนั้นก็จะเดินเข้าไป เชือกก็จะตามไปด้วย แล้วคนที่อยู่ข้างนอกก็จะปล่อยเชือกให้ตามมหาปุโลหิตไป มหาปุโลหิตเข้าไปทำธุระต่างๆ เขาให้เวลาครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงหนึ่ง ถ้าไม่เห็นออกมา คนที่อยู่ข้างนอกเขาจะลากเชือก ดึงเชือกออกมา เพราะว่ามหาปุโลหิตตาย เพราะว่ารักษาหัวใจไม่บริสุทธิ์นึกถึงความบาป ทำบาปมาแล้วหรือไม่สารภาพบาปหรือกำลังคิดเรื่องบาปอยู่ ถ้าเข้าไปแล้วห้องบริสุทธิ์ที่สุด มันบริสุทธิ์ที่สุด พระเจ้าประทับอยู่ เข้าไปใกล้พระเจ้าความบาปใกล้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นตาย แล้วเขาต้องดึงออกมา
เรานะครับถ้ามาที่คริสตจักร มาร่วมกับพี่น้อง เราเข้ามาที่ห้องชั้นในสุดแล้วบริสุทธิ์ที่สุด ตอนนี้พระเจ้าประทับอยู่ท่ามกลางพวกเราเลย แล้วถ้าหากหัวใจของเรานึกถึงร้านก๋วยเตี๋ยว นึกถึงความบาป นึกถึงความเกลียดชัง นึกถึงแก้แค้นอะไรใคร หรือไม่ยกโทษให้ใคร เราตาย ไม่ได้หมายความว่าตาย (ตายไปจากโลกนี้) ไม่.
คือตาย ก็คือตายฝ่ายวิญญาณ ความอ่อนแอมันจะเกิดขึ้น อารมณ์เสียมันจะเกิดขึ้น ความโกรธโมโห เนื้อหนังมันจะระเบิดเกิดขึ้น เราตายฝ่ายวิญญาณ ตายในชีวิตฝ่ายของพระเจ้า
เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ แล้วก็อีกอย่าง ห้ามนึกถึงบ้าน รถ (รถปลอดภัยไหมน่า มาจอดแถวนี้ เขาจะงัดรถไหม) ไม่ให้คิดเลยให้เราวางใจในพระเจ้า วางใจในพระเจ้า คุณนมัสการพระเจ้าคุณจะปลอดภัยนะครับ
** เวลาเรามาในคริสตจักร เราล้มเหลวในการนมัสการ ถ้าหากเราจ้องมองพี่น้องด้วยอาการคิดลบ คิดถึงความบาปของคนนู้น คิดถึงความไม่ดีของคนนี้ คิดถึงการแต่งกายที่มันไม่เหมาะของคนนู้นคนนี้ ห้ามมองใครห้ามคิดถึงอะไรใครที่เป็นด้านลบ เรามองบวก รักพี่น้องทุกคนเชื่อว่าเขาเป็นพระกายเป็นส่วนหนึ่งของพระกายเป็นพี่เป็นน้องของเรา
ห้ามคิดถึงว่าคนนี้ขับสามล้อ คนนี้คนขับแท็กซี่ อ้อ..คนนี้คนยากจนกรรมกรคนหนึ่ง เรานี้โอ้..ไฮโซระดับสูง ห้ามคิดถึงแบบนั้น ทุกคนเท่าเทียมกันในวิญญาณ ทุกคนเป็นพี่เป็นน้องในพระกาย ไม่มีคนยากจนไม่มีคนรวย ไม่มีคนชาตินู้นชาตินี้ชาตินั้น ไม่มีนะครับ เราทุกคนเป็นยิวในฝ่ายวิญญาณ
ถ้าเราทำแบบนี้ได้ก็คือประสบความสำเร็จในการนมัสการพระเจ้า
** เราจะเห็นว่าคริสเตียนมากมายทุกวันนี้มีเยอะมากที่มาคริสตจักรเพื่อหวังพระพร เพื่อฟังพระคำพระเจ้าเท่านั้น จากนั้นก็กลับบ้านไม่ได้มีส่วนอะไรในคริสตจักรเลย เขาบอกว่างานของคริสตจักรปล่อยให้เป็นผู้นำรายการ ปล่อยให้เป็นผู้ที่เขาแต่งตั้งกันเองให้เขาจัดการกันเอง เราเป็นแค่สมาชิกคนหนึ่ง เรามานั่งรับ รับๆๆๆ แล้วก็กลับบ้าน อันนี้ผิดนะครับ
พระเจ้าตั้งให้ทุกคนเป็นปุโรหิตหลวง เพราะฉะนั้นคุณเป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า คุณจะต้องมีส่วนในการทำ ในการพูด ในการรับใช้ ปรนนิบัติพระเจ้า
แล้วเราเป็นคนต้นเรือน เราต้องใช้ของประทานของเรา นอกจากที่คริสตจักรแล้ว ออกไปจากคริสตจักรก็คือไปประกาศข่าวประเสริฐ ไปช่วยเหลือคนยากจน ไปวางมือรักษาโรค ไปไล่ผี ไปทำในสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้คุณทำ
...
ถาม.
ถ้าในกรณีที่ในคริสตจักร กรณีที่ผู้ใหญ่ที่เขามีตำแหน่งเขาตั้งใจจงใจไม่ให้คนอื่นทำงาน คุณไม่ต้องมีส่วนเพราะว่าคุณไม่ได้ถูกแต่งตั้ง หรือว่าคุณไม่มีสิทธิ์
ตอบ.
ถ้าหากคริสตจักรไหนทำแบบนั้น แสดงว่าคริสตจักรนั้นเป็นคริสตจักรศาสนา ไม่ใช่คริสตจักรฝ่ายวิญญาณแล้ว คริสตจักรฝ่ายวิญญาณคือทุกคนมีส่วน ทุกคนมีสิทธิ์ ทุกคนพูดได้ รับใช้ได้ ปรนนิบัติพระเจ้าได้ เราจะเห็นนะครับท่านลูกาเขียนในหนังสือกิจการ ทุกคนก็ร้องเพลง ทุกคนก็เผยพระวจนะ ทุกคนก็ปราศรัยบทเพลงสดุดี
ทุกคนๆ คืออะไร? คือทุกคน แต่ทุกวันนี้บางคริสตจักรหลายคริสตจักรที่เขากำหนดว่าคุณไม่ต้องทำอะไร ห้ามทำอะไรให้มานั่งฟังรับพระพร รับคำเทศนาเอากลับบ้านไปปฏิบัติตามจบ ถวายสิบลดแค่นั้น อันนั้นผิดแล้วนะครับ พระเจ้าให้เราทุกคนมีส่วนในการนมัสการพระเจ้า ทุกคนมีปากมีเสียง ทุกคนเผยพระวจนะได้ แล้วขอบคุณพระเจ้าเรากำลังทำตามในหนังสือกิจการ
** สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราตอนนี้เป็นตัวใหม่หรือตัวเก่า เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับเราที่ได้รู้แล้ว แต่คริสเตียนมากมายกำลังพยายามทำตัวให้เป็นตัวใหม่ ทั้งๆ ที่เขาเป็นตัวใหม่แล้ว แต่เขาไม่รู้ตัว
ขอบคุณพระเยซูที่เรารู้แล้ว เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตในแต่ละวันเราเดินด้วยตัวใหม่ เรารับใช้พระเจ้า เรารับใช้ด้วยตัวใหม่ เรานมัสการพระเจ้า นมัสการด้วยตัวใหม่ คือเชื่อว่าเราเป็นคนใหม่แล้วทุกวันทุกเวลา และสิ่งที่เราทำก็คือตัวใหม่เป็นคนทำอยู่ ทุกสิ่งเรียกว่าการก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน และเพชรพลอย
ถ้าคุณดำเนินชีวิต รับใช้ และนมัสการด้วยตัวเก่า ทุกสิ่งที่คุณก่อขึ้น มันเป็นไม้ ฟาง และหญ้าแห้ง เล็งถึงสิ่งที่ไม่มีประโยชน์สำหรับพระเจ้า
ทองคำ เงิน เพชรพลอย เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับพระเจ้า คือการใช้ชีวิต ดำเนินชีวิต รับใช้ และนมัสการพระเจ้าด้วยตัวใหม่ เชื่อว่าเรากำลังพูดอยู่ปากของคนใหม่ หูฟังอยู่หูของคนใหม่ หัวใจที่รักคนอื่นอยู่ หัวใจที่กำลังเต้นอยู่ เป็นหัวใจของคนใหม่ ย่างก้าวแต่ละก้าวของเราเดินทุกวันเป็นย่างก้าวของคนใหม่ เวลาเรารับลูกค้า พูดกับลูกค้า เราพูดกับลูกค้าพูดด้วยตัวใหม่ ทุกอย่างใหม่หมด เรียกว่าการนมัสการที่ประสบความสำเร็จ
ทุกวันนี้ผู้เชื่อมากมายนมัสการพระเจ้าด้วยตัวเก่า ทำทุกสิ่งด้วยตัวเก่า ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยตัวเก่า เทศนาสั่งสอนฟื้นฟูอะไรก็ตามด้วยตัวเก่าทุกอย่างเก่าหมด เรียกว่าการกระทำที่ตายแล้ว
...
(10.1) รูปแนวศาสนา คือการดำเนินชีวิตและรับใช้ ด้วยตัวเก่า บางคนอาจได้เรียนรู้ แต่ไม่ถูกเปิดตา แต่คุณรักษาพระบัญญัติใหม่ด้วยตัวเก่า ด้วยการบังคับตนและร้องโอ้พระเยซู
** มีบางกลุ่มมาถึงความรู้ของมานาที่ซ่อนไว้ มีบางกลุ่มรู้จักพระคำล้ำลึก แต่ใช้ตัวเก่าเพื่อบังคับตน ใช้ตัวเก่าเพื่อเชื่อฟังพระเจ้า ใช้ตัวเก่าเพื่อรักษาพระบัญญัติ เพื่อให้เลิกทำบาปได้ ถ้าเขานึกจะโกรธ เขาบอกว่าโอ้..พระเยซู,พระเยซู,พระเยซู จากนั้นเขาก็เงียบสงบแล้วเขาบอกว่าสำเร็จแล้วขอบคุณพระเจ้า.. อันนี้เรียกว่าตัวเก่า
ถ้าตัวใหม่ล่ะ ตัวใหม่ก็คือเมื่อมีคนทำบาปหัวใจของเรามันกำลังจะโกรธ "เราบอกว่าเอเมนพระเยซู ข้าพระองค์เป็นคนใหม่ ข้าพระองค์ไม่ได้โกรธ เอเมนพระเยซู" อารมณ์โกรธมันจะระงับลง มันจะระงับ มันจะหายไป แล้วบางคนฝึกมาสำเร็จฝึกเรื่อยๆ ฝึกประจำอยู่ อาการโกรธมันไม่มี คุณไม่ต้องไปทำโอ้,โอ้,อดเด้อใจ,อดเด้อ!!
"อย่าไปเฮ็ดมัน มื้อนี้วันทิตย์ต้องไปนมัสการพระเจ้า มื้อนี้วันทิตย์ไม่ให้เฮ็ดหยัง บ่ให้เฮ็ด มื้ออื่นค่อยว่ากัน" (ภาษาลาว)
มีนะ มีอาจารย์คนหนึ่งขับรถ มาจากต่างรัฐกำลังจะไปฟื้นฟูสัมมนาในเมืองที่ผมอยู่ที่ประเทศอเมริกา ขณะที่ขับมาและพอมาถึงแล้วทุกคนก็กำลังจะเริ่มเข้างาน เขาก็ขึ้นไปพูดเขาก็กล่าวคำพยานเขาบอกว่า "ตอนที่ขับรถมามีรถมาตัดหน้าเขาก็โกรธ แต่ว่าคิดได้วันนี้วันอาทิตย์ วันนี้วันอาทิตย์ ถ้าวันอื่นน่ะมันตาย" แสดงว่าเขากำลังใช้ตัวเก่าเพื่อระงับ เพื่อบังคับตนให้เลิกทำบาป เป็นการพยายาม ถ้ามีคำว่าพยายามเกิดขึ้นที่ไหนเรียกว่าตัวเก่า เพราะฉะนั้นเป็นการดำเนินชีวิตที่ล้มเหลว
เราทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ ถ้าหากเราระงับไม่ได้เราก็บอกว่าเอเมน ระเบิดไปเลย ถ้าหากว่าเราระงับได้เราบอกว่าพระเยซูทำแทนเราแล้ว เอเมน
แล้วเรานะครับไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของใคร ถ้าหากผมจะบอกว่าตั้งแต่วันนี้ต่อไป พวกคุณตี 4 ตี 5 พวกคุณทุกคนขอให้ทุกคนเลย เพิ่งมาก็ไม่เป็นไร ต้องทำเหมือนทุกคนทำ 4:00 น. 5:00 น. ลุกขึ้นมาเฝ้าเดี่ยวโอเคไหม ถ้าพวกคุณไม่ทำพระเจ้าจะลงโทษคุณนะ เอาพระเจ้ามาขู่ด้วยใช่ไหม
มีหลายคริสตจักรที่ทำแบบนี้ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่ได้พูดตลกนะ หลายคริสตจักรกำลังทำแบบนี้อยู่ เขาบอกว่าให้เฝ้าเดี่ยวเพื่อพระเจ้าจะอวยพร เพื่อพระเจ้าจะเสด็จมาสัมผัสกอดคุณให้คุณมีแรง เพื่อพระเจ้าจะสงสาร เพื่อพระเจ้าจะนำชีวิตคุณ พระเจ้าจะให้ชีวิตของคุณกระตือรือร้น ต้องตื่นแต่เช้าเฝ้าเดียว แล้วเวลาถวายทรัพย์ก็ต้องถวายสิบลด ซื่อสัตย์ คุณไม่มีก็ไม่เป็นไรซื่อสัตย์ในการถวายพระเจ้าจะอวยพร
บางคนจนต้องไปยืม ไปยืมคนอื่นมาเพื่อมาถวายสิบลด เพื่อให้พระเจ้าอวยพร แล้วสุดท้ายเป็นไง เจ๊ง สุดท้ายไม่มีเงินติดหนี้เขาอีก ต้องไปยืมคนอื่นมาใช้ต่อ ยืมคนนี้มาใช้คนนี้ และยืมคนนี้มาใช้คนนี้ ชีวิตคนลาวนะผมเห็นมาเยอะ มีบางคนยืมคนนี้เพื่อเอามาใช้คนนี้ แล้วไปยืมคนนี้เอามาใช้คนนี้ แล้วไปยืมคนนั้นมาใช้คนนี้ คือเป็นหนี้ลูกโซ่ ธุรกิจลูกโซ่มีแล้วเกิดแล้ว แต่ว่าหนี้ลูกโซ่มันมีมาตั้งนาน เคยเห็นไหม? ยืมคนหนึ่งมาใช้คนหนึ่ง แล้วไปยืมคนนึงมาใช้อีกคนหนึ่ง สุดท้ายหนี้สินไม่จบสักที
ตัวเก่านะครับตัวเก่ามันจะทำแบบนี้ คือใช้ชีวิตเก่าเพื่อรักษาพระบัญญัติ เอาอันนี้มาใส่อันนั้น เอาอันนั้นมาใส่อันนี้ พยายาม พยายามสุดท้ายกดดัน สุดท้ายระเบิด คือชีวิตเป็นทุกข์
เพราะฉะนั้นขอบคุณพระเจ้าเราจะไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อะไร มนุษย์แต่งตั้งขึ้นมาบอกว่าคุณจะต้องเฝ้าเดี่ยว อย่าไปฟังเขา ถ้ามาได้ก็มา มาไม่ได้ก็ไม่มา นมัสการทุกๆ สัปดาห์เรามาได้เรามา ถ้าเรามาไม่ได้ไม่สะดวกไม่สบายป่วยไข้ก็ไม่มา ไม่มีใครว่าคุณ อาจารย์ไม่ได้ว่าพวกเรา แล้วพี่น้องก็ห้ามติกัน
ว่าเอ่อคนนี้ไม่มา คนนั้นมาไม่ได้
เพียงแต่เราหนุนใจ เราควรมานะ เราควรมานมัสการพระเจ้า อย่าขาดการประชุม ในพระคัมภีร์พระเจ้าบอกว่าอย่าขาดการประชุม ถ้าคุณไม่ได้ป่วยไข้ ถ้าคุณสบายดี
เมื่อคืนผมได้ข่าวว่าพี่น้องท่านหนึ่งจะไม่มา เนื่องจากว่ากลัวมาไม่ถูกที่ กลัวมาไม่ถูกไม่รู้โลเคชั่น แล้วพี่น้องทุกคนก็นิ่งเฉยไม่มีใครพูดอะไร ผมก็เลยโทรไปถามพี่น้องท่านนั้น รู้ต้นสายปลายเหตุว่าทำไมเขาไม่มา เขาบอกว่ามาไม่ได้ กลัวไม่รู้ทาง ไม่รู้สถานที่อาจารย์
คือเราไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของใคร ใครสั่งให้เราทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในพระคำพระเจ้า ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์เราไม่ต้องทำ แล้วผมจะไม่บังคับพวกคุณว่า ต้องมาคริสตจักรนะ ต้องไม่มานะ คือหนุนใจให้มา มาได้ก็มา แต่มาไม่ได้พี่น้องท่านนั้นบอกว่าไปไม่ได้หรอกอาจารย์ยังไงก็ไม่มาไม่เป็นไร ก็ไม่มา แต่ขอบคุณพระเจ้าพี่น้องท่านนั้นอยากมาจริงๆ แต่เนื่องจากว่าไม่รู้สถานที่กลัวหลงก็เลยไม่มา
อย่างน้อยที่สำคัญนะครับ ก็คือให้พวกเราเห็นความสำคัญของทุกคน ดูข้อความและเห็นความสำคัญของกันและกันหน่อย พี่น้องท่านนั้นบอกว่าจะไม่มา ก็พากันเงียบหมดทุกคนอยู่ ก็ถามเขาหน่อยเป็นอะไรหรือเปล่าถึงมาไม่ได้ เพราะว่าเราทุกคนอยู่ในความรัก รักพระกาย เอเมนไหม? ถ้าตับ ไต ไส้ พุงมาหมด แต่ม้ามไม่มามันจะเกิดอะไรขึ้น เข้าใจนะครับ
.....
(10.2) อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ที่พระเจ้าไม่ได้ตั้งขึ้น นมัสการตามแบบประเภณีของชาติใดหนึ่ง อธิษฐาน อ่าน ร้องเพลงที่อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของมนุษย์กำหนดเอาไว้ ฯลฯ
** อย่าถือวัน ถือเดือน ถือปี แม้แต่คริสต์มาสเราไม่ถือ บางคนจะต่อต้าน บางคนจะคิดว่าถ้าดูคลิปนี้แล้วจะเห็นว่า ทำไมคริสตจักรพวกเราไม่ถือไม่ฉลองคริสต์มาส คริสต์มาสขอถามหน่อยอยู่ในพระคัมภีร์ข้อไหน? แล้วการฉลองวันเกิดพวกยิวเขาทำกันไหม? แล้วฉลองวันเกิดบ้านคุณทำไหมตอนแรกๆ ประเทศลาวประเทศไทยมีไหมฉลองวันเกิด
ฉลองวันเกิดมาจากกรีก วัฒนธรรมกรีก ประเพณีของกรีก ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ แล้วพระเจ้าไม่ได้ให้พวกเราอยู่ในกฎเกณฑ์หรือประเพณีหรือวัฒนธรรมของบ้านเมืองใด
แต่เราถือวัฒนธรรมประเพณีคำสอนของพระเจ้าในพระคัมภีร์เท่านั้น
เพราะฉะนั้นการฉลองวันเกิดไม่มีในพระคัมภีร์ เราก็ไม่ฉลอง แล้วถามหน่อยพระเยซูสั่งให้เราในพระคัมภีร์ มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น บทไหนบอกว่าจงฉลองวันเกิดให้เรา มีไหม? คุณทำ ทำไม!! เราจะฉลองวันเกิดพระเยซูวันที่ 25 คริสต์มาสต้นคริสต์มาสต้นใหญ่มากประดับประดาสวยงามมาก แต่งกายแต่งตัวดูดีมาก กลุ่มร้องเพลงนมัสการก็เตรียมเป็นอาทิตย์เลย เตรียมร้องเพลง
พอจบงานคริสต์มาสมีอะไรเกิดขึ้น? คนนี้ไม่ช่วย คนนี้ทำน้อย เงินก็ไม่พอ คริสตจักรเจ๊ง ดูสิคนนู้น ดูสิคนนี้ คือซุบซิบนินทา แทนที่จะได้สันติสุข กลับเป็นเมื่อยแทน คริสต์มาสจบแต่ละปี พากันผิดถกเถียงกันแต่ละคริสตจักร ผมพูดถูกไหม? หลังจากงานคริสมาสจบลง แทนที่จะได้สันติสุข แทนที่พระเจ้าจะอวยพรสุขสบายฉลองคริสต์มาส แต่หลังจากงานคริสต์มาสจบลง ทุกคนเหนื่อย แล้วทุกคนก็บ่น บ่นแล้วก็มีการแตกแยกกัน ถกเถียงกัน คนนี้ถวายน้อย คนนี้ถวายมาก คนนี้ไม่ถวาย คนนี้ถวายแบบนี้ คนนี้ช่วยงาน คนนี้ไม่ช่วยงาน คนนี้มา คนนี้ไม่มา
คือมันเกิดปัญหาขึ้นมากมายท่ามกลางคริสต์มาสแต่ละปี แล้วบอกว่าพระเจ้าอวยพร แล้วบอกว่ามีคนมาเชื่อเยอะ ขอถามคุณหน่อยใครเป็นคนเอาคนมาเชื่อ พระเจ้าหรือคุณ?
ทุกวันนี้มนุษย์อ้างว่าถ้าเราจัดคริสต์มาสจะมีคนมาเชื่อเยอะ
ถ้าพระเจ้าไม่ทำงาน คุณทำยังไงคุณจะจัดยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีคนเชื่อ
แล้วคนที่มาเชื่อไม่ได้หมายความว่าเขาเชื่อจริงๆ เขาอาจจะมาเชื่อ เขาอาจจะรับพระเยซูตอนนั้นเพื่อเห็นแก่หน้าคุณ หรือเห็นแก่ของขวัญที่เขาจะได้ หรือเห็นแก่งานที่เขามา มากินข้าวมากินฟรี มารับของขวัญฟรีแล้วกลับบ้าน แล้วชวนให้เขาต้อนรับพระเยซูแล้วเขาก็ต้อนรับ เขาทำเพื่ออะไร? เพื่อเกรงใจ แต่กลับไปบ้านพระเยซูอะไร ฉันมีพุทธแล้ว ขอบใจนะของขวัญได้ฟรี!!
การที่จัดคริสต์มาส ก็คือจัดเพื่อให้เกียรติพระเยซู พระเยซูมาบังเกิดเพื่อไถ่บาปโลก เราจัดงานคริสต์มาสเพื่อฉลองให้พระเยซูดีใจ แล้วพระเยซูเคยสั่งให้เราทำไหม? แล้วพระเยซูดีใจจริงๆ ไหม?
สิ่งที่พระเยซูต้องการ อาหาร เค้ก เค้กที่พระเยซูจะกินคืออะไร? พวกคุณรู้ไหม? คือสิ่งที่พวกคุณเชื่อฟังพระเจ้า สิ่งที่พวกคุณรักพระเจ้า สิ่งที่พวกคุณสนิทในพระเยซู นี่แหละคืออาหารของพระองค์ คือเค้กของพระเยซู ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องแต่งคริสต์มาส ต้นคริสต์มาสใหญ่ๆ ซ้อมดนตรีเป็นวงมโหฬาร แล้วทำเพื่อพระเจ้าร้องเพลงเพราะๆ ให้พระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้น
พระเจ้าสนใจตรงนี้ หัวใจที่บริสุทธิ์มาถวายให้พระเจ้า เพราะฉะนั้นเราทำทุกสิ่งในรูปแนวของชีวิต อย่าอยู่ใต้กฎเกณฑ์ พระบัญญัติ อย่าอยู่ใต้กฎเกณฑ์บัญญัติ คำสั่งกฎเกณฑ์อะไรที่มนุษย์แต่งตั้งขึ้นมาให้คุณทำ ไม่ต้องทำนะครับ
คุณมาได้ก็มา คุณทำได้ก็ทำ คุณทำไม่ได้คุณก็ไม่ทำ คุณเดินตามขนาดของความเชื่อ คุณมาได้เท่าไหร่ก็มา คุณทำได้เท่าไหร่ก็ทำ คุณช่วยได้เท่าไหร่ก็ช่วย ไม่จำเป็นต้องแบบว่าเรามาคริสตจักรเราต้องทำแบบนี้ เราต้องเคร่งแบบนั้น เราต้องพยายามเชื่อฟัง ต้องเลิกทำบาปให้ได้ทันที ไม่น่ะ...ทุกคนมีเวลาของเราเอง
...
ถาม.
แล้วมีใครได้บันทึกไหมว่าพระเยซูเกิดวันไหนเดือนไหนปีไหน
ตอบ.
สำหรับผู้เชื่อทุกวันนี้เราจะเห็นว่า 25 ธันวาคม เดือน 12 เป็นงานจัดฉลองคริสต์มาสทั่วโลกเขาทำกันอยู่ทุกวันนี้ 25 ธันวาคม
แต่จริงๆ แล้ว มีนักศาสนศาสตร์กลับไปค้นดูย้อนกลับเวลาไป เขาจะพบว่าวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่ฉลองของพระของอาณาจักรโรมัน อาณาจักรโรมันเขาใช่วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่ฉลองพระของเขา การไหว้พระไปไหว้เคารพพระของเขา พระอาทิตย์เป็นพระอาทิตย์ คนกรีกเขาฉลองพระอาทิตย์ของเขา
แล้วอาณาจักรโรมัน กรีก คือเมื่อเขาเชื่อพระเยซู พอเชื่อพระเยซูปุ๊บ เขาก็ใช้วันที่ 25 ธันวาคม ไม่ฉลองพระของเขาอีก แต่เอาพระเยซูมาฉลองแทน แล้วเรียกว่าเป็นวันเกิดของพระเยซู จริงๆ แล้วนักศาสนศาสตร์ย้อนกลับเวลาไปค้นดู แสดงว่าปรากฏว่าพระเยซูน่าจะเกิดเดือนกันยายน น่าจะเป็นใกล้เคียงน่าจะใช่เดือนเวลาที่พระเยซูมาประสูติ แต่ไม่รับประกันว่าวันไหน วันที่ 1 ถึงวันที่ 31 ไม่รู้ว่าเป็นวันไหนที่แท้จริง แล้วเขาไม่กล้าเดา เชื่อกันว่าใกล้เคียงที่สุด ถูกมากที่สุดก็คือเดือนกันยายน
อย่าไปถือว่าวันที่ 25 ธันวาคมต้องเป็นวันที่พระเยซูเกิดไม่ใช่นะครับ แล้วถ้าเป็นเดือนกันยายนมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร พระเยซูมาเกิดเป็นเนื้อหนังเป็นมนุษย์ไม่ได้สำคัญอะไร 2 โครินธ์บทที่ 5 ข้อ 16 อย่านึกถึงพระเยซูที่เป็นมนุษย์ ให้ลืมพระเยซูที่เป็นมนุษย์ เพราะว่าให้จดจำพระเยซูที่เป็นพระวิญญาณที่อยู่ในเรา คริสเตียนมากมายสนใจแต่ที่พระเยซูที่เป็นมนุษย์อยู่ แต่พระเจ้าบอกว่าอย่าไปสนใจอีก ตอนนี้สำคัญกว่า ตอนนี้พระเยซูอยู่ในคุณจำหน่อยสิ ไปจำทำไมพระเยซูเดินไปเดินมาทำงานจำทำไม ตอนนี้สำคัญกว่า
.....
(10.3) รูปแนวชีวิต
เราจะนมัสการพระเจ้า ดำเนินชีวิตในพระคริสต์ อาศัยอยู่บนรากฐานของการใช้ชีวิต แบบรูปแนวชีวิต คืออะไร
1. คือการทำทุกสิ่งด้วยตัวใหม่ คือเชื่อว่าเราตายและเป็นขึ้นกับพระเยซูทุกวันทุกเวลา
** เราต้องเข้าใจว่า เราตายกับพระเยซูเมื่อไหร่ เป็นขึ้นมากับพระเยซูเมื่อไหร่ แล้วทุกวันนี้คือเราเป็นคนใหม่
แล้วใหม่ทุกวันไหม? พรุ่งนี้ใหม่ไหม? เดี๋ยวออกไปกินข้าวยังใหม่อยู่ไหม? ตอนเย็นใหม่ไหม? นอนใหม่ไหม?
คือใหม่ทุกเวลา ฝึกสิ่งเดียวนะครับ ฝึกจำว่าเราเป็นคนใหม่ แล้วพระเจ้าจะทำงานได้มากที่สุดในชีวิตใหม่ของคุณ พระเจ้าทุกวันนี้ไม่ทำงานในชีวิตของคนเก่าของคุณ ถ้าคุณจำว่าคุณเป็นคนใหม่ เชื่อว่าคุณเป็นคนใหม่ระลึกอยู่เสมอว่าคุณเป็นคนใหม่ คนใหม่ๆๆๆ พระเจ้าจะทำงานได้มาก
..
2. คุณมีอิสระที่จะมา หรือไป หรือทำอะไร ไม่เคร่งเหมือนพวกฟารีสี
** เห็นไหมครับคริสเตียนเรา คริสเตียนฝ่ายวิญญาณเราไม่เคร่ง ไม่เคร่ง ไม่พยายามฝืนใจทำในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ ถ้าคุณทำได้ อะไรที่ทำได้ ขอบคุณพระเยซูพระเยซูกำลังทำแทนข้าพระองค์ แต่อะไรที่คุณทำไม่ได้ก็บอกว่ายังทำไม่ได้ ยอมรับ แล้วก็รอการเปลี่ยนแปลงเข้ามา
..
3. ไม่อยู่ใต้กฏเกณฑ์และพระบัญญัติ
** ขอบคุณพระเจ้าเราไม่ต้องอยู่ใต้กฎเกณฑ์อะไร เพราะว่าพระเยซูเป็นชีวิตของเราแล้วทุกวันนี้ พระเยซูเป็นชีวิตของเรา พระเยซูทำแทนเรา พระเยซูคิดแทนเรา พระเยซูกำลังจะสวมทับชีวิตของเราทุกด้าน เราปล่อยให้พระเยซูทำตามเวลาขนาดของความเชื่อของเรา
..
4. คุณทำตามขนาดของความเชื่อ คือทำได้เท่าไหรก็ทำ และเชื่อว่าพระคริสต์เป็นคนทำในคุณแทนคุณ
..
5. คุณเอารักและการเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องเป็นใหญ่
** เข้าใจนะครับการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อีกครั้งขอย้ำการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันสำคัญมาก เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพี่น้อง เราอาจจะคิดว่า ไม่อยากเป็น เราอาจจะไม่มีอารมณ์เป็น แต่ขอให้นึกถึงว่าสิ่งที่พระเจ้าต้องการในคริสตจักร ก็คือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
"เราคิดว่ามันไม่สำคัญ เราคิดว่าไม่อยากเป็น แต่ขอให้คิดว่าพระเยซูอยากให้เราเป็นอันนี้ อยากให้เราทำอันนี้ เราก็เป็นให้พระเยซูซะ ถ้าเราเป็นให้พระเยซูแล้ว ชีวิตเราจะเกิดเห็นพระพรเข้ามาหลาย เห็นการทำงานของพระเจ้าหลาย เข้าใจไหม"
..
6. คุณตระหนักอยู่เสมอว่าหน้าที่ปุโลหิตและคนต้นเรือนที่พระเจ้าแต่งตั้งคุณนั้นสำคัญมากเพื่อมีส่วนร่วมเสริมสร้างและรับการเสริมสร้างพระกาย
** ขอย้ำอีกครั้งคริสตจักรของพระเจ้า พระเจ้าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อการเสริมสร้างกันและกัน เพราะฉะนั้นพระเจ้าต้องการให้เราทุกคนมีส่วนในการเสริมสร้างนั้น ไม่ใช่อาจารย์คนเดียวที่จะพูดจะเสริมสร้างพวกเรา แต่เราทุกคนมีส่วน
ผมพูดอยู่ พี่น้องอธิษฐานเผื่อ "พระเยซูนำเขาในการพูดเพื่อพี่น้องทุกคนจะรับการก่อขึ้น"
แล้วถ้าเรามีโอกาสอธิษฐาน เราอธิษฐาน ถ้าเราไม่มีโอกาสเราเอเมนไปกับพี่น้อง แล้วถ้าเราเผยพระวจนะได้ แย่งกันเผยพระวจนะเลย ถ้าคริสตจักรเรามาถึงการที่แย่งกันพูดขึ้นมา ก็คือพวกเราสำเร็จแล้ว อย่าให้ผมพูดคนเดียว
นี่คือที่มาของการประสบความสำเร็จในการนมัสการพระเจ้า
และสำหรับชีวิตเราไม่ต้องรอไปคริสตจักรเพื่อนมัสการพระเจ้า
เราตื่นนอนตอนเช้านมัสการได้
ตอนสายนมัสการได้
ตอนบ่ายนมัสการได้
ตอนเย็นนมัสการได้
ตอนค่ำนมัสการได้
เรานมัสการได้อยู่ทุกเวลา
และเราเกิดมาเพื่อนมัสการพระเจ้า ยกย่อง สรรเสริญ ขอบพระคุณ อะไรก็แล้วแต่พูดไปยกย่องพระเจ้า พระเจ้าแสนดี พูดสิ่งดีๆ อวยพรพระเจ้า
เข้าใจไหมคำว่าอวยพรพระเจ้า?
ในพระคัมภีร์มีคำหนึ่งที่เปาโลพูดในเอเฟซัสบทที่ 1 ข้อที่ 3 บอกว่าเราอวยพรพระเจ้า คืออะไร?
คือการพูดแต่สิ่งดีๆ ยกย่อง สรรเสริญ พูดแต่สิ่งดีๆ ให้พระเจ้า เรียกว่าอวยพรพระเจ้า อันนี้เป็นการอวยพรฝ่ายวิญญาณพระเจ้ารับ
อย่าลืมนะครับพวกเราเกิดมา อีกครั้งหนึ่ง บังเกิดใหม่ อยู่เพื่อการนมัสการ เพื่อรับชีวิตที่มันยิ้มได้ตลอดเวลา
แล้วขอบคุณพระเจ้าที่พระเจ้าตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเมืองลี้ภัยของเรา คือเราสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ได้ จากเลวร้ายกลายเป็นดี จากเป็นทุกข์กลายเป็นสันติสุข จากความอ่อนแอกลายเป็นความเข้มแข็งได้ ในเวลาปุ๊บปั๊บทันทีเลย เพียงแค่เราเอ่ยปาก เอ่ยปาก
จำได้ไหมคนที่วิ่งเมื่อเขาทำผิด เจ้าหน้าที่วิ่งตาม เขาวิ่งไปเมืองลี้ภัย พอใกล้จะถึงเมืองลี้ภัยเขาพูดยังไง เขาอ้าปากพูด เปิดประตูๆๆๆ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไป
แล้วเราตอนนี้ คือความอ่อนแอมันตามเรา ความทุกข์มันตามเรา ความกังวลมันตามเรา เราวิ่งพระเยซูเป็นเมืองลี้ภัยของเรา "เราบอกพระเยซู เอเมนพระเยซูข้าพระองค์เข้มแข็ง ข้าพระองค์ไม่อ่อนแอ เอเมน"
สุดท้ายความเข้มแข็งมันก็เกิดขึ้น พลังไม่รู้มาจากไหนมันก็ทำงานอยู่ในหัวใจเรา เราก็เกิดมีสันติสุขขึ้นมา ความอ่อนแอก็เกิดมีพลังขึ้นมา เรียกว่าพระเยซูเป็นความรอดในแต่ละวัน เป็นกำลังใจ เป็นประตู เป็นเมืองลี้ภัยของเรา
การนมัสการสำคัญมากสำหรับคริสเตียน เราอยู่เพื่อการนมัสการ วันจันทร์วันอังคารวันไหนก็ได้เรานมัสการพระเจ้า ตอนไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ เรานมัสการพระเจ้า ป่วยอยู่ก็นมัสการพระเจ้าได้ อยากร้องเพลงก็ร้องเพลงเลย ใครรู้สึกว่าเสียงเพราะก็ร้องเพลงถวายพระเจ้า
ขอบคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สอนพวกเรา ขอบคุณสำหรับการเปิดตาให้เข้าถึงความจริงเรื่องการนมัสการพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่สอนพวกเราให้รู้ว่าเราอยู่เพื่อนมัสการพระองค์ ขอบพระคุณยกย่องสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพื่อเราจะรับสันติสุข เต็มล้นภายในหัวใจของพวกเรา และจะอยู่ในโลกนี้ที่แห้งแล้งได้โดยที่ไม่ขาดสันติสุขเลย พระเยซูพวกเรารักพระองค์