ถาม.
พี่มีเรื่องสงสัยอยู่ คือพี่เป็นผู้เชื่อใหม่ค่ะ พี่อยากรู้ว่าตอนนั้นไปโบสถ์ที่เขาบอกว่าทุกวันอาทิตย์ต้องปิดร้าน แล้วก็ไม่ต้องทำมาหากิน จะต้องเข้าโบสถ์อย่างเดียว อย่างนี้มันคืออะไรคะ
ตอบ.
สำหรับคำสอนนี้นะครับ เราเห็นกันเยอะมากท่ามกลางศาสนาคริสต์ทั้งหลาย ต้องบอกตามตรงนะครับ ว่าเป็นความเข้าใจผิด เขาไม่ได้รับการเปิดตา พระเจ้าเปิดตาเปาโลพระเจ้าถ่ายทอดความรู้ให้เปาโล และเปาโลเขียนหนังสือนะครับโดยพระวิญญาณ พระวิญญาณดลใจเปาโลให้พูด เปาโลพูดยังไงครับ อย่าถือวัน อย่าถือเดือน อย่าถือปี อย่าถือเทศกาลทั้งหลาย (คส 2:16-17) มันคืออะไร?
เรานะครับนมัสการพระเจ้าวันไหนก็ได้ เรานะครับทำงานทำอะไรก็ได้ เพียงแต่เราต้องนมัสการพระเจ้าในวิญญาณอยู่เสมอตลอดเวลา และการมาร่วมกันสัปดาห์ละครั้ง คือวันอาทิตย์ เป็นการตกลงของคริสตจักรของพวกเรา ที่จะมาร่วมกันเพื่อนมัสการสรรเสริญในฐานะของพระกาย คือหลายคนนะครับมาร่วมกันจึงเห็นพระกายได้ และศีรษะก็คือพระเยซูก็จะอยู่กับพวกเรา
แต่ถ้าหากเราอยู่คนเดียว ก็เรียกว่าเป็นวิหารของพระเจ้า เพราะฉะนั้นสำหรับเปาโลนะครับพูดโดยพระวิญญาณ อย่าถือวัน อย่าถือเดือน อย่าถือปี คือไม่ได้หมายความว่าต้องนมัสการวันอาทิตย์เท่านั้น คือเราตกลงกันนะครับว่านมัสการเมื่อไหร่ก็ได้ วันไหนก็ได้ และถ้าหากเราไม่สะดวก เราไม่สะดวกก็ไม่มา แต่นมัสการร่วมกับพี่น้องในวิญญาณ และเราไม่จำเป็นต้องปิดร้าน ธุรกิจอะไรเราทำ เราทำอยู่เราทำต่อไป
ทุกวันนี้นะครับคริสเตียนศาสนาส่วนมากเชื่อว่าเราต้องหยุดพักต้องปิดร้าน กิจการต้องไม่ทำอะไร ไม่ทำกับข้าว ไม่ไปเที่ยว ไม่ไปทำอะไรทั้งนั้น แต่ต้องนมัสการพระเจ้าอย่างเดียว อันนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด นี่คือพระบัญญัติเดิมครับผม
แต่สำหรับพระบัญญัติใหม่ พันธสัญญาใหม่ เรานมัสการพระเจ้า เราทำดี เราเปิดร้าน เราขายของ ทำมาค้าขายได้เหมือนเดิมปกติ เพียงแต่เราต้องมีหัวใจที่นมัสการพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาอย่างสม่ำเสมอ เอเมน
สำหรับยิว สะบาโตของยิวคือวันเสาร์ คือการหยุดพัก คือการไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปิดร้าน ปิดกิจการ ไม่ทำมาค้าขาย ไม่ทำไร่ไถนา ไม่ไปทำงานที่สวนองุ่น แต่สำหรับคริสเตียนนะครับเราไม่ทำแบบนั้น เราทำมาค้าขายเราเปิดร้าน แต่หัวใจของเรานะครับอยู่ในการนมัสการพระเจ้าตลอดเวลา
มีอยู่วันหนึ่งพระเยซูเดินไปกับสาวกและมีคนมาทดสอบพระเยซู มีคนมาถามว่าถ้าแกะตกลงไปในบ่อน้ำ แล้วพระเยซูถามว่าจะช่วยไหม เพราะว่าวันนั้นเป็นวันสะบาโต แล้วหลังจากนั้นพระเยซูก็ตรัสว่าจงทำดีในวันสะบาโตด้วย (มธ 12:11-12)
การทำดีนะครับรวมถึงการทำมาค้าขายทำมาหากิน ทำทุกสิ่ง ช่วยเหลือผู้อื่น หรือทำมาหาเลี้ยงชีพ เพื่อการที่จะช่วยเหลือครอบครัวเรา ถ้ามีรายได้ก็มีอยู่มีกินใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราทำทุกสิ่งได้ อย่างที่ผมพูดนะครับ
สรุป เราทำทุกสิ่งได้ เราเปิดร้านได้ เราไปคริสตจักรไปนมัสการพระเจ้ากลับมาเราก็เปิดร้านต่อ ทำมาหากินทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ไม่ผิดครับ แต่สิ่งที่ผิดนะครับ ก็คือถ้าหากเราไม่มีสันติสุขทุกวันเวลา ก็คือเราละเมิดสะบาโตใหม่ของพระเยซู
อย่าลืมนะครับทุกวันนี้คริสเตียนมากมาย ชีวิตสุขทุกข์ สุขทุกข์ๆๆๆ ไปจนตาย ขึ้นลงๆๆๆ ไปจนตาย เขาละเมิดสะบาโตของพระเยซูแล้ว
สำหรับคริสเตียนแท้ ผู้เชื่อแท้ คือต้องมีสันติสุขทุกวันทุกเวลา เพราะว่าสันติสุขทุกวันทุกเวลา คือแม่น้ำแห่งชีวิตที่พระเยซูประทานให้เราตั้งแต่วันแรกที่เราเชื่อในพระองค์ (โรม 5:1 เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา)
เมื่อเราเชื่อ เราจึงกลายเป็นคนชอบธรรม และเราได้รับสันติสุขจากพระเจ้าโดยทางพระเยซูคริสต์ เห็นไหมครับ คือเมื่อมีใครก็ตามที่เชื่อในพระเยซู พระเจ้าจะประทานของขวัญให้ชิ้นหนึ่ง คือสันติสุข คือให้คุณมีความสุข ทุกวันทุกเวลาไม่ต้องเป็นทุกข์ แต่คริสเตียนทุกวันนี้ไม่มีความสุขทุกวันทุกเวลา ก็คือการละเมิดสะบาโตของพระเยซูแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะปิดร้าน แต่เขาก็เป็นทุกข์นะ ถึงแม้ว่าเขาจะรักษาสะบาโตไม่ทำอะไรเขาก็เป็นทุกข์ ก็คือละเมิดสะบาโตของพระเยซูแล้ว พูดง่ายๆ คริสเตียนมากมายทุกวันนี้ไม่ละเมิดสะบาโตของยิว รักษาพระบัญญัติเดิม แต่ละเมิดสะบาโตของพระเยซูและไม่รักษาพระบัญญัติใหม่ ผมพูดถูกไหม
เพราะฉะนั้นทำมาค้าขายได้ ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ทำงานได้ เดินทางได้ ไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญนะครับ 1. อย่าขาดสันติสุขจากพระเยซู 2. ก็คือยาขาดการสามัคคีธรรมกับพระเยซูในแต่ละวัน
จุดบกพร่องของคริสเตียนทุกวันนี้ ก็คือการพยายามทำในสิ่งที่เขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง คือมีพี่น้องคริสเตียนหลายๆ คนที่พยายามรักษาสะบาโต ก็คือไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ เขาก็เข้าใจตามแบบที่เขาได้รับการถ่ายทอดมา คืออาจารย์ผู้นำคริสตจักรจะสอนแบบนี้ก็ทำแบบนี้ทำกันเรื่อยๆ มา
แต่จริงๆ แล้วนะครับวันอาทิตย์ไม่ใช่สะบาโตตัวนะ ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพี่น้องมานาที่เข้าใจแล้ว คือวันอาทิตย์ไม่ใช่สะบาโต เพราะฉะนั้นการนมัสการพระเจ้าไม่ต้องปิดร้าน ไม่ต้องปิดธุรกิจอะไร สะบาโตตัวแท้ที่จริง ก็คือหกโมงเย็นของวันศุกร์ จนถึงหกโมงเย็นของวันเสาร์ เรียกว่าสะบาโต
แต่วันอาทิตย์ตอนเช้าเรามานมัสการพระเจ้า คือสาวกในสมัยก่อนหนังสือกิจการเรียกว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งผู้เชื่อทั้งหลายมา รวมตัวกัน เพื่อนมัสการ เพื่อระลึกถึง เพื่อขอบพระคุณพระเจ้าที่พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายในตอนเช้าของวันอาทิตย์ พูดง่ายๆ ก็คือการมารวมตัวกันของสาวก ก็คือเพื่อเฉลิมฉลอง เพื่อฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู จึงเลือกนมัสการวันอาทิตย์ครับผม
และจริงๆ แล้วสำหรับชาวยิววันอาทิตย์แท้ที่จริงก็น่าจะเป็นวันจันทร์ เพราะว่าชาวยิวเรียกวันอาทิตย์ว่าเป็นวันแรกของสัปดาห์ จริงๆ แล้ววันแรกของสัปดาห์สำหรับคนไทยคนลาวคนฝรั่ง คือวันจันทร์ วันอาทิตย์ ก็คือวันสุดท้ายของสัปดาห์ แต่สำหรับชาวยิวนะครับปฏิทินของพวกเขา ไม่เหมือนของพวกเรา ก็คือวันแรกของสัปดาห์ของพวกเขา ก็คือวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นสาวกทั้งหลายมารวมตัวกันเพื่อนมัสการพระเจ้าในวันแรกของสัปดาห์ นี่คือคำพูดของบางคนในหนังสือกิจการ แต่ไม่ใช่วันศุกร์หรือวันเสาร์
เพราะฉะนั้นคริสเตียนทุกวันนี้ถ้าจะรักษาสะบาโต ก็คือทำผิดแล้ว ก็คือไม่รักษาหกโมงเย็นของวันศุกร์ จนถึงหกโมงเย็นของวันเสาร์ เขาไม่รักษา เขาไม่ปิดร้านใช่ไหม แต่เขามาทำตอนวันอาทิตย์ ก็คือผิดนะครับ รักษาสะบาโตแบบผิดๆ ครับ และอย่าลืมนะครับถ้าหากใครที่ยังรักษาสะบาโตของยิว รักษาพระบัญญัติเดิม ก็คืออยู่ใต้พันธสัญญาเดิมก็ถูกสาปแช่ง (กท 3:10)
สำหรับผม ผมรู้ดีนะครับ และเราเองก็รู้ดี เราเคยอยู่ในคริสตจักรศาสนา เรื่องการรักษาพระบัญญัติ เรื่องการถวายสิบลด เรื่องการรักษาสะบาโต เรื่องการพยายามเชื่อฟังพระเจ้า จริงๆ แล้วทุกคนล้มเหลว ถูกไหมครับ ทุกคนล้มเหลวไม่มีใครทำได้หรอก เพียงแต่ว่าเรามาโบสถ์ในวันอาทิตย์ ก็คือสวมหน้ากาก แสดงละครว่าเราทำได้ จริงๆ แล้วไม่มีใครทำได้ แม้แต่ผู้นำ
อันนี้พูดเราไม่ตำหนิใคร เราไม่ตัดสินใคร แต่เราพูดในเชิงเพื่อการศึกษา พูดเพื่อการเรียนรู้ เพื่อที่เราจะแก้ไขในจุดที่เราเป็นอยู่ ขอบพระคุณพระเจ้าทุกวันนี้พระเจ้าเปิดหน้าเรา เปิดหน้ากากเรา เราไม่สวมใส่ไม่ใส่หน้ากาก ขอบพระคุณพระเจ้าที่เราเป็นตัวจริงเป็นคนจริง เราผิดตรงไหน จุดบกพร่องตรงไหน เราก็ขอพี่น้องอธิษฐานเผื่อเรา เราเปิดเผยตัวจริงของเรา เพื่อมีชีวิตอยู่ในความจริง เราดำเนินชีวิตในความจริง พระเจ้าก็แตะเราได้ ก่อเราได้ ช่วยเราได้ แก้ไขชำระเราได้
และสิ่งที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง สิ่งที่เราขอบพระคุณพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ก็คือนำเรามาสู่การได้เรียนรู้ ความรู้ที่พระเจ้าเปิดเผยให้เรา ก็คือเป็นอิสระจากพระบัญญัติ ไม่ต้องปิดกิจการ ไม่ต้องปิดร้าน ไม่ต้องเดินทางไม่ต้องไปทำอะไรที่ไหนเหมือนเมื่อก่อน เราจะทำอะไรก็ได้เราไม่ถือวันไม่ถือเดือนไม่ถึงปี แต่เราอยู่ในสันติสุขในพระคริสต์ตลอดเวลา
ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อก่อนถ้าคุณจะรักษาพระบัญญัติ จะปิดร้านจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันหนักมาก คือทำอะไรก็ทำแต่สันติสุขไม่มี ทำอะไรก็ทำพยายามทำให้ได้ แต่ครอบครัวสามีภรรยาทะเลาะกัน ครอบครัวอบอุ่นเนี่ยไม่ใช่ แต่มันเป็นครอบครัวที่อบอ้าว ไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่เคร่งศาสนา ทั้งๆ ที่เคร่งพระบัญญัติ
เราขอบพระคุณพระเจ้าที่เรามาถึงสันติสุขทุกวันเวลาได้ ที่เรามาถึงการรับมรดกมีประสบการณ์ในชีวิตในพระคริสต์ได้ในแต่ละวัน พระเยซูเรารักพระองค์ เอเมน