(ความหมายของคำกรีก Anomie = Law breaker; lawless; evil act)
สําหรับพี่น้องที่ยังข้องใจเกี่ยวกับมัทธิวบทที่ 7:23 ที่พระเยซูตรัสว่า "เจ้าผู้กระทําการชั่วร้าย" คํานี้ถ้าจะแปลให้ถูกก็คือ "เจ้าผู้ไม่รักษาพระบัญญัติ เจ้าผู้ละเมิดกฎหมายพระบัญญัติ" ซึ่งเราจะรู้ว่าพระบัญญัติอันนี้คือพระบัญญัติใหม่
เราจะเห็นได้ว่าตั้งแต่มัทธิวบทที่ 5:3 จนถึงมัทธิวบทที่ 7:20 เป็นกฎหมายใหม่ ที่พระเยซูก่อตั้ง ซึ่งพระองค์นําเอากฎหมาย กฎเกณฑ์ข้อบังคับทั้งหลายที่มาจากพระบัญญัติเดิมซึ่งเป็นกฎหมายของโมเสสที่พระเจ้าประทานให้โมเสสต่อชนชาติอิสราเอล และพระเยซูนํามายกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นให้ยากขึ้นให้หนักขึ้น จนเราทําไม่ได้ เพื่อพระองค์จะกลับมาและอยู่ในเราและเป็นผู้ที่รักษาพระบัญญัติแทนเรา
พระเยซูให้พระบัญญัติ และพระเยซูเป็นผู้มาเพื่อรักษาพระบัญญัติให้เรา
เราอยู่ใต้พระคุณของพระองค์ ก็คือการอยู่ใต้การทรงกระทําแทนของพระองค์เพื่อเรา เพราะว่าเราทําไม่ได้ นี่คือพระคุณซ้อนพระคุณที่คริสเตียนมากมายไม่รู้ไม่เข้าใจ
กลับมาพูดกันถึงเรื่องมัทธิวบทที่ 7:23 ดีกว่า คือพระเยซูตรัสว่า เจ้าผู้กระทําการชั่วร้าย ที่พระคัมภีร์หลายฉบับแปลใช่ไหม? แต่แท้ที่จริงก็คือ "เจ้าผู้ไม่รักษาพระบัญญัติ เจ้าผู้ละเมิดพระบัญญัติ" ภาษาอังกฤษคือ Law breaker ก็คือคนที่ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย (ไม่มีกฎหมายไม่นับถือกฎหมาย)
ซึ่งเราจะเห็นว่าพระเยซูตรัสถึงใครตั้งแต่มัทธิวบทที่ 7:21-23 พระเยซูตรัสว่า มีคนเป็นอันมากมาหาเราในเวลานั้น ในคราวนั้นก็คือวันที่พระเยซูเสด็จกลับมาเพื่อก่อตั้งราชอาณาจักรในโลกนี้ เป็นวันที่พระองค์เสด็จกลับมา และวันนั้นเป็นวันพิพากษาครั้งแรก (วันพิพากษาเฉพาะแต่คริสเตียนเท่านั้น)
คริสเตียนส่วนมากไม่รู้ว่ามีการพิพากษาสองครั้งด้วยกัน เรามักจะคิดว่าการพิพากษามีครั้งเดียว มหาลัยศาสนาศาสตร์ส่วนมากยอมรับกันว่ามีการพิพากษาสองครั้ง ครั้งแรกก็คือพระที่นั่งของพระคริสต์ the seat of Christ (2 คร 5:10)
เราจะเห็นว่าพระเยซูตรัสถึงผู้รับใช้ผู้นําคริสเตียนมากมายที่ยังรับใช้อยู่ ไม่ใช่คนที่หลงหาย ไม่ใช่.. เพราะว่าเราจะเห็นว่าคริสเตียนทุกวันนี้ คือไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายใหม่ของพระเยซู ถูกไหม???
การดําเนินชีวิตที่ ต่ำอยู่ที่ไหน
การดําเนินชีวิตที่ ถ่อมอยู่ที่ไหน
การดําเนินชีวิตที่ เสียเปรียบอยู่ที่ไหน
ส่วนมากชีวิตของเราจะยังมีความโกรธความหยิ่งผยองพองตัวความรักในโลกนี้
การเป็นคริสเตียนที่ขาดรักดั้งเดิมให้พระเจ้า
การเป็นคริสเตียนที่อุ่นๆ เป็นอุ่นๆ ไม่ร้อนไม่เย็น
และเป็นคริสเตียนศาสนาเป็นคริสเตียนเด็กซึ่งชีวิตของเราไม่สอดคล้องไม่ได้อยู่ภายใต้พระบัญญัติใหม่ของพระเยซู
และคริสเตียนทุกวันนี้เราเป็นคริสเตียนชาวโลก คริสเตียนชาวโลกคืออะไร?
คริสเตียนชาวโลกก็คือ ยังรักโลก ยังสนใจในฝ่ายโลก ยังสนใจในเรื่องการเมือง ยังสนใจในเรื่องทรัพย์สินสิ่งของ การเป็นอยู่ ชีวิตที่ต้องการความสุขสบายของร่างกายของฝ่ายเนื้อหนัง เราใช้สิ่งบันเทิง เราใช้อะไรก็ตามที่เป็นของโลกเพื่อช่วยให้เรามีความสุข ดำเนินชีวิตในความเชื่อแต่ใช้ทุกสิ่งที่เป็นของโลกเข้ามาประกอบกับชีวิตคริสเตียน อันนี้เรียกว่าคริสเตียนชาวโลก ก็คือยังทิ้งโลกไม่ได้ และยังมีปัญหาอีกมากมายซึ่งพระเยซูจำต้องปฏิเสธเราในวันนั้น
คือพระเยซูตรัสว่า เจ้าผู้ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย หรือภายใต้กฎหมายของเราก็ว่าได้ เพราะว่ากฏหมายในมัทธิวบทที่ 5 ถึงบทที่ 7 เป็นกฏหมายใหม่ของพระเยซู ภาษากรีกก็คือ Anomie = Law breaker (ละเมิดกฎหมาย ไม่รักษากฎหมาย)
แต่วันนี้เราจะพูดถึงคำที่เกี่ยวข้อง คือภาษากรีก คือ Anomie ก็คือคนที่ไม่มีกฎหมาย ไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่รักษากฎหมาย ไม่นับถือกฎหมาย ไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมายของพระเยซู
และอีกครั้ง.. อย่าลืมน่ะว่ากฏหมายใหม่ของพระเยซูในมัทธิวบทที่ 5 บทที่ 6 และบทที่ 7 เมื่อถึงบทที่ 7 ข้อที่ 21-27 พระเยซูเตือน พระเยซูสรุปว่าใครที่รักษาพระบัญญัติ ใครที่ทำตามน้ำพระทัย คือรักษาพระบัญญัติดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้การทรงทำแทนของพระเยซู และการดำเนินชีวิตที่กระทำได้ทั้งหมด คือคริสเตียนตามน้ำพระทัยและคริสเตียนเหล่านี้จะมีโอกาศได้เข้าไปในราชอาณาจักรซึ่งพระเยซูนำกลับมาตั้งอยู่ในโลกนี้
และคริสเตียนที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไป ผู้นำ ผู้เชื่อมากมายก็จำเป็นที่จะต้องใช้หนี้ให้ครบอยู่นอกอาณาจักร พระเยซูตรัสว่าจงถอยไป ถอยไปจากเรา พระเยซูไม่รับน่ะ
สิ่งที่สำคัญที่อยากให้พี่น้องเข้าใจว่า ความรอดในวันสุดท้าย ซึ่งเป็นความรอดจากนรกบึงไฟ เราได้รับความรอดนี้โดยทางพระคุณโดยความเชื่อของเรา ความเชื่อของเรานำพระคุณของพระเจ้าเข้ามาสู่ชีวิต เราได้รับความรอดแน่นอน
มีพี่น้องบางท่านพูดว่าการที่เราเชื่อพระเจ้าแล้ว แล้ววันหนึ่งเราอาจจะสูญเสียความรอดได้ อันนี้เป็นไปไม่ได้.. สําหรับคนที่เชื่อพระเยซูแล้ว.. มาโบสถ์ รับใช้ มีส่วนในคริสตจักร อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐาน อะไรก็แล้วแต่ แต่วันหนึ่งเขาเลิกเชื่อ (การเลิกเชื่อของเขายืนยันว่าเขาไม่เคยบังเกิดใหม่)
เรื่องนี้พี่น้องบางท่านบอกว่าตลกมาก เป็นเรื่องที่ตลก เพราะว่าเข้าโบสถ์ เชื่อพระเยซู รับใช้ อ่านพระคัมภีร์ อธิษฐานร้องไห้ คือเหมือนมากๆ เลยเหมือนคริสเตียน แล้วทําไมอยู่ดีๆ บอกว่าไม่เคยบังเกิดใหม่ อันมีเยอะ..
ยกตัวอย่าง.. ทุกวันนี้เราดูหนังเราดูละครหรือว่าดูหนังเกาหลีใช่ไหม ดูซีรี่ส์เกาหลี ถ้าในเรื่องมีคนที่ผิดหวังเราก็ร้องไห้ไปด้วย ถ้าในเรื่องเขารักกันเขาสมหวัง เราก็ดีใจไปด้วย นี่คืออาการของจิตใจคือ emotion อาการของจิตใจ มันเหมือนมาก เวลาฟังเทศนา ฟังอ่านพระคัมภีร์น่ะ ซาบซึ้งร้องไห้ได้
แต่คนที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ ขอให้จําคํานี้ คือในพระวิญญาณ ใครที่บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณแล้ว เขาจะไม่ตายอีกเลย เขาจะทิ้งพระเจ้าไม่ได้ สัญชาตญาณของคริสเตียน สัญชาตญาณของธรรมชาติใหม่ ของการที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว และจู่ๆ น่ะวันหนึ่งหลายปีผ่านไปเขาเลิกเชื่อพระเจ้า อันนี้มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีห้องว่างให้คําว่าปฏิเสธพระเยซูในอนาคต
ถ้าใครที่ได้บังเกิดใหม่แล้วในพระวิญญาณ คำว่า บังเกิดใหม่ในพระวิญญาณ มีความหมายมากและความหมายลึกซึ้งมากที่พี่น้องคริสเตียนหลายท่านไม่เข้าใจ การได้บังเกิดใหม่ คือเกิดใหม่ในพระวิญญาณ คือได้เป็นบุตรพระเจ้าแล้ว และธรรมชาติ สัญชาตญาณของผู้ที่ได้บังเกิดใหม่ที่มีชีวิตพระเจ้า เขาจะไม่ทิ้งพระเจ้าเด็ดขาด
เขาอาจจะโกรธที่คริสตจักรทำให้เขาเสียใจ เขาอาจจะท้อเมื่อชีวิตของเขาพบปัญหา เขาอาจจะหนีจากคริสตจักร เขาอาจจะหนีจากพระเจ้า แต่เขาไปไม่ได้ไกล วันหนึ่งเขาจะกลับมา หรือไม่ก็ภายในจิตใจของเขาเขาจะไม่ทิ้งพระเจ้า เขาจะไม่ดูถูกดูหมิ่นพระนามพระเจ้า และเขาจะไม่บอกน่ะว่าฉันจะเลิกเชื่อ ไม่เชื่ออีกแล้วพระเจ้า อันนี้ไม่มีน่ะ
ถ้าหากว่าใครมาบอกว่า พระเจ้าของเธอไม่ดี พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า ภายในจิตใจของคนคนนั้น เมื่อเขาไม่อยู่ในคริสตจักร เมื่อเขาหนีออกมาแล้ว และเขาไม่ได้อธิษฐาน ไม่ได้อ่านพระคัมภีร์ แต่ถ้าหากใครดูถูกดูหมิ่นพระนามของพระเจ้าต่อหน้าเขา เขาจะเสียใจ เขาจะรู้สึกมีอาการโกรธแค้น มีอาการที่ไม่พอใจต่อคําพูดคํานั้น นี่คืออาการของคนที่บังเกิดใหม่แล้ว เขาจะกลับไปเชื่อศาสนาเดิม เขาจะทิ้งพระเจ้าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ซึ่งฟังดูแล้วบางคนก็อาจจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ตลกมาก มันไม่ตลก ตลกได้แต่ไม่ขํา เพราะว่าธรรมชาติของบุตรพระเจ้า ธรรมชาติของพระเจ้า ชีวิตของพระเจ้าที่เข้ามาอยู่ในเราแล้ว เรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะไปไหนก็ไป แต่ไปไม่ได้ไกล วันหนึ่งเราจะกลับมาหาพระเจ้า หรือว่าถึงว่าเราจะไม่กลับมาหาพระเจ้า แต่ภายในจิตใจส่วนลึกของจิตใจของเรา เราจะไม่ทิ้งพระเจ้าโดยเด็ดขาด